..คำว่า ‘บ้านหรู’ แต่ละคนอาจให้คำนิยามที่แตกต่างกันออกไป สิ่งหนึ่งที่เราสามารถมองเห็นภาพได้ง่ายและชัดเจนสุดก็คือ ‘ราคา’ ที่จะเป็นตัวจัดอันดับ Segment โครงการนั้นๆได้เป็นอย่างดีที่สุด ซึ่งหากอ้างอิงจากเว็บไซต์ของ Thinkofliving เราจะจัดให้เป็นบ้านที่มีราคา 80 ล้านบาทขึ้นไป เป็นระดับสูงสุดหรือ ULTIMATE CLASS

โดยจะเป็นโปรดักส์ที่ไม่ได้ทำมาเพื่อคนทั่วไป แต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนเฉพาะกลุ่ม ที่มองหาบ้านที่เป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย แต่อาจเป็นสิ่งที่แสดงถึงตัวตน ฐานะ ความภาคภูมิใจ มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร หรือบางโครงการก็อาจเป็น Flagship แบรนด์พิเศษใน Luxury Collection ของผู้ประกอบการบางรายอีกด้วย

แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่คงไม่สามารถจับต้องกันได้ง่ายๆ หรืออาจไม่มีโอกาสได้ไปดูของจริงเลยสักครั้ง ซึ่งวันนี้ผมจะขออาสาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโปรดักส์สุดพิเศษเหล่านี้ ว่าจะมีจุดเด่นและความน่าสนใจอะไรบ้าง หรือคนที่มองหาโปรดักส์แบบนี้อยู่ เค้าจะพิจารณาจากปัจจัยหลักๆอะไร ตามผมไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

3 ปัจจัยสำคัญ สำหรับโครงการบ้านหรูระดับ ULTIMATE CLASS ได้แก่

  1. ทำเล (Location) : ส่วนใหญ่จะเป็นแปลงที่ดินหายาก (Rare Item) ที่อยู่ใจกลางเมือง หรืออาจเป็นที่ดินผืนสุดท้ายในย่านนั้นๆ ที่พอจะสามารถขึ้นเป็นโครงการจัดสรรได้ ซึ่งที่ดินเหล่านี้จะมีมูลค่าที่สูงและหาไม่ได้อีกแล้ว แน่นอนว่าต้องมีความอุดมสมบูรณ์ เดินทางสะดวก หรืออาจมีความพิเศษอื่นๆที่ไม่เหมือนใครครับ
  2. การออกแบบ (Design) : จะต้องมีความพิถีพิถันและใส่ใจเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่มักจะใช้สถาปนิกหรือบริษัทชื่อดังระดับโลกในการออกแบบ ทำให้ตัวโครงการมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ หรือมีฟังก์ชันพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งการออกแบบที่ดีจะต้องสื่อถึงคอนเซ็ปต์โครงการได้อย่างชัดเจน และสะท้อนถึงตัวตน (Identity) ของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดีที่สุดอีกด้วย
  3. แบรนด์ (Branding) : มักจะเป็นแบรนด์ระดับ Top ของผู้พัฒนา ที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบรนด์พิเศษที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เพื่อแสดงถึงความ Unique ที่มีเพียงแห่งเดียวไม่มีใครเหมือน รวมถึงอาจเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และแบรนด์โรงแรมชั้นนำ มาพัฒนาโครงการและบริหารโครงการร่วมกันในบางโครงการได้อีกด้วย (Branded Residence)

Location (ทำเล) :

  1. โซนใจกลางกรุงเทพ : เป็นโซน CBD ที่มีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจสูง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นย่านที่รู้จักกันดีอย่าง สีลม สาทร วิทยุ เพลินจิต อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ และเอกมัย เป็นต้น รวมไปถึงย่านช้อปปิ้งยอตฮิตอย่าง สยาม ราชเทวี และชิดลม จึงมีความสะดวกสบาย และเป็นทำเลใกล้รถไฟฟ้าที่เดินทางสะดวก ซึ่งที่ดินย่านเหล่านี้มีราคาสูงและหาได้ยากมากๆ โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการมักจะเลือกทำเป็นคอนโดมิเนียมกันซะหมด ทำให้โครงการแนวราบในย่านนี้ถือว่าเป็น Rare Item สำหรับคนหาบ้านมากๆครับ
  2. โซนกรุงเทพทางตอนเหนือ : ทำเลยอดฮิตของคนมองหาบ้านแนวราบ ที่สามารถตรงเข้าเมืองได้ง่ายที่สุดก็คือ ‘ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา’ ซึ่งหากเทียบโปรดักส์ที่มีราคาเท่ากันของบ้านในโซนนี้กับบ้านโซนใจกลางเมือง จะพบว่าบ้านของโซนเลียบด่วนจะได้พื้นที่ดินที่เยอะและอยู่สบายกว่ามาก อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Central Eastville, The Crystal และ CDC รวมถึงยังมีโรงเรียนนานาชาติชื่อดังอีกหลายแห่งด้วย ซึ่งอนาคตของบ้าน 100 ล้าน อาจขยายไปไกลถึงวัชรพล-เทพรักษ์ได้เลยครับ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีโครงการราคาหลายสิบล้านมาเปิดแล้วเหมือนกัน และขายดีจนปิดการขายรวดเร็วซะด้วย
  3. โซนกรุงเทพฝั่งตะวันออก : มักจะรู้จักกันในนามพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC โดยเฉพาะโซนบางนา-ตราดในอนาคตจะมี Mega Project เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงกรุงเทพกรีฑาเองตอนนี้กลายเป็นย่านของบ้าน Luxury ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งทำเลเหล่านี้ตอบโจทย์ในเรื่องการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายได้ดี มีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และโรงเรียนนานาชาติชื่อดังในพื้นที่ รวมถึงยังคงเป็นทำเลที่สามารถตรงเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพได้ไม่ยากนัก
  4. โซนกรุงเทพฝั่งธน : บอกเลยว่าไม่ใช่ย่านพระราม 3 หรือราชพฤกษ์ แต่เป็นย่านเจริญนครที่มีความเจริญเติบโตสูงแบบก้าวกระโดด จากการมาของศูนย์การค้า ICON SIAM และรถไฟฟ้าสายสีทอง โดยหากพูดถึงย่านนี้ก็ต้องนึกถึงบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครนำแปลงที่ดินแบบนี้มาทำเป็นบ้านแนวราบขาย เพราะส่วนใหญ่ก็เอาไปทำเป็นคอนโดวิวแม่น้ำไปซะหมด แต่ถ้ามีโครงการที่ครบองค์ประกอบเหล่านี้เกิดขึ้นในย่าน แน่นอนว่าจะต้องมีราคาที่พุ่งสูงกว่า 100 ล้านอย่างแน่นอน และยังถือเป็น Rare Item ที่ไม่มีย่านไหนเหมือนอีกด้วย

ข้อมูลราคา ณ วันที่ 3/01/2567 อาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามโครงการอีกครั้ง

สำหรับโครงการบ้านเดี่ยว 100 ล้านบาท ที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน ผมได้ลองหาข้อมูลและพบว่ามีทั้งหมด 16 โครงการครับ โดยแต่ละแห่งจะมีรายละเอียดและจุดเด่นที่น่าสนใจแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราไปชมกันได้เลยครับ


โซนที่ 1 : ทำเลใจกลางเมือง มีทั้งหมด 7 โครงการ ดังนี้

โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับ Super Luxury จาก ชาญอิสสระ มีความเป็นส่วนตัวเพียง 20 ยูนิต และออกแบบโดย บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด หรือ A49 ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ ในหมวดงานออกแบบสถาปัตยกรรมของบ้านพักอาศัย (ประเทศไทย) จากงาน Property Guru Thailand Property Awards 2017 อีกด้วยครับ โดยจะมีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ ดังนี้

  • ASHER (TYPE A) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น
    – ที่ดินมาตรฐาน 125 – 209 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 853 –  1,200 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 5 – 8 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำรูปทรงตัว I
    ราคาเริ่มต้น 160 – 243 ล้านบาท (Sold-Out)
  • BRAYDEN (TYPE B) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น
    – ที่ดินมาตรฐาน 126 – 130 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 808 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำรูปทรงตัว L
    ราคาเริ่มต้น 157.7 – 193.5 ล้านบาท (Sold-Out)
  • CEDRIC (TYPE C) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น
    – ที่ดินมาตรฐาน 113 – 115 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 721 –  723 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 110 ล้านบาท (ราคาพิเศษ ลดจาก 159 ล้านบาท)

ปัจจุบันโครงการนี้จะเหลือขายอยู่หลังสุดท้ายแล้วนะครับ โดยแบบบ้าน CEDRIC จะเป็นหลังเล็กสุด ขนาด 721 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ สามารถตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ได้สบายๆ

ลักษณะภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ Modern Tropical ซึ่งนอกจากความเรียบหรูแล้ว ยังมีการใช้วัสดุที่เป็นลายไม้ธรรมชาติมาตัดกับผนังโทนสีเข้ม ทำให้ดูเท่และสวยงามมากๆอีกด้วยครับ มองดูเผินๆก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านรีสอร์ท หรือบ้านพักตากอากาศเลย

Image 1/3

จุดเด่นคือแปลนบ้านที่มี Courtyard อยู่ตรงกลาง ซึ่งจะเห็นได้ว่าผนังฝั่งที่หันมาทางสวนจะเป็นช่องแสงทั้งหมด จึงทำให้บรรยากาศภายในบ้านมีความสว่างโปร่งโล่ง สามารถเปิดหน้าต่างรับลมเพื่อระบายอากาศได้ดี และยังทำให้เรามองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ทุกฟังก์ชันอีกด้วย

นอกจากนี้เราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียความเป็นส่วนตัวนะครับ เพราะด้านที่มีการเปิดช่องแสงเยอะๆแบบนี้ จะหันไปทางฝั่งที่เป็นผนังทึบอีกด้านของเพื่อนบ้านเหมือนกันทุกหลัง จึงทำให้เราสามารถออกมาใช้งานสวนข้างบ้าน และเปิดม่านรับวิวได้แบบเต็มที่เลยนั่นเอง

หมายเหตุ : ภาพบรรยากาศตัวอย่างจากบ้านหลังใหญ่ ใช้เพื่อประกอบคำบรรยายให้เห็นภาพมากขึ้น

สำหรับจุดเด่นอื่นๆของบ้านทุกแบบ จะมีเหมือนกันในหลายๆจุด ประกอบด้วย

  • Semi-Outdoor Terrace : เป็นเฉลียงข้างบ้านขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับสวนภายนอก สามารถออกมานั่งเล่นพักผ่อน และเปิดประตูเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอกตัวบ้านได้ดี
  • ช่องกระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้า : ทำให้บรรยากาศภายในตัวบ้านมีความสว่างโปร่งโล่งอย่างมาก รวมถึงยังช่วยให้เราสามารถรับวิวพื้นที่สีเขียวข้างบ้านได้เต็มที่มากขึ้นอีกด้วย
  • Double Volume : เป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงตรงบริเวณ Living Area เชื่อมต่อพื้นที่ชั้นบนกับชั้นล่าง ทำให้คนภายในบ้านมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น
  • Sun Shade Fin : เป็นระแนงที่ช่วยบังแสงแดดและพรางสายตาให้กับตัวบ้าน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของ Facade ที่เราเห็นภายนอกนั่นแหละครับ โดยวัสดุจริงๆจะใช้เป็นอลูมิเนียมที่ทำเป็นลายไม้ เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานแบบยั่งยืน แต่ยังคงได้ความอบอุ่นดูเป็นธรรมชาติอยู่ด้วยนั่นเอง
  • Universal Design : ออกแบบฟังก์ชันให้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ทางลาดตรงที่จอดรถด้านหน้า และมีลิฟต์โดยสารส่วนตัวให้ใช้งานสะดวก

บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเยอะถึง 1,150 ตร.ม. จาก Aland Development จุดเด่นของโครงการนี้คือ Privacy หรือความเป็นส่วนตัวที่สูงมากๆครับ ซึ่งแปลนบ้านจะมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เพราะหากมองดูจากภายนอกแล้ว ก็แทบจะไม่เห็นอะไรภายในตัวบ้านเลย แต่เมื่อได้เข้าไปด้านในบ้านแล้ว จะพบกับฟังก์ชันต่างๆที่สามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติด้านนอกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ถือเป็นของ Limited Edition ที่มีอยู่เพียง 11 ยูนิตเท่านั้น โดยจะมีบ้านให้เลือก 2 แบบ ซึ่งมีขนาดและจำนวนฟังก์ชันเหมือนกันดังนี้

  • TYPE A และ B บ้านเดี่ยว 3 ชั้น
    – ที่ดินมาตรฐาน 185 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,150 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ / สระว่ายน้ำส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 170 ล้านบาท

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณด้านหน้าที่มีความแตกต่างกันระหว่างแบบบ้าน A (ด้านซ้าย) และ B (ด้านขวา)

Image 1/3

แบบบ้าน A จุดเด่นอยู่ที่จะมี Courtyard เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่บริเวณชั้น 1 ซึ่งใช้เป็นส่วนต้อนรับและรับรองแขก ที่ให้ความรู้สึกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นอย่างดี ในขณะที่สระว่ายน้ำจะขยับไปอยู่บนชั้น 2 จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้น และห้องพักด้านบนก็สามารถรับวิวสระได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงยังได้เอฟเฟคของม่านน้ำตกที่ไหลลงจากสระอีกด้วยครับ

Image 1/3

แบบบ้าน B จะมีความแตกต่างตรงที่สระว่ายน้ำจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 1 ทำให้ห้องชั้นล่างสามารถมองเห็นสระน้ำได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเหมาะกับการจัด Pool Party มากๆด้วยครับ ส่วนพื้นที่สีเขียวจะมีการกระจายตัวไปชั้นบนแทน โดยเฉพาะชั้น 2 เราจะสามารถปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ห้องพักด้านบนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ส่วนสวนบนชั้น 3 ก็ยังมีให้ใช้งานเหมือนแบบ A เลยครับ

จากผังก่อนหน้านี้จะเห็นว่าบ้านทั้ง 2 แบบจะเป็นแปลนรูปตัว C ที่โอบล้อมพื้นที่ Courtyard ขนาดใหญ่ตรงกลางเอาไว้ ซึ่งจะทำให้เราสามารถมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำ โดยผ่านทางระเบียงและประตูหน้าต่างของทุกๆฟังก์ชันได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังช่วยทำให้เราได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วยครับ

โดยพื้นที่ด้านในบ้านเหล่านี้จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวให้แก่เพื่อนบ้านแม้แต่น้อย เพราะแต่ละหลังจะมีกำแพงสูงกั้นแยกแต่ละยูนิตเอาไว้ และหันหน้าเข้าหาผนังทึบของกันและกัน จึงไม่สามารถมองเห็นกันได้นั่นเอง

รวมถึงยังเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะมากๆ เพราะสร้างเกือบเต็มพื้นที่ดินบ้านเลย โดยเหลือเอาไว้เพียงขั้นต่ำสุดตามกฎหมายเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่ในบ้านกว้างขวาง และการเปิด Court กลางบ้านแบบนี้ ก็ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องช่องแสงและพื้นที่สวนของบ้านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

เป็นแบรนด์บ้านใหม่จาก Major Development ที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 10 ยูนิตตามชื่อโครงการเลยครับ ออกแบบด้วยแนวคิด Craft & Quality ที่พิถีพิถันในการออกแบบ โดยจะเป็นบ้านสไตล์ Modern ที่มีความเท่และสวยงามมากๆ

รวมถึงยังเป็นบ้านที่เหมาะกับคนรักรถ หรือมีพวก Supercar หลายๆคันด้วย เพราะโครงการนี้จะให้ความสำคัญกับการออกแบบที่จอดรถเป็นพิเศษไม่เหมือนใคร โดยจะมีบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ประกอบด้วย

  • MARRONE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 91-111 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 638 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5+1 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน
  • CARBONE บ้านเดี่ยว 4 ชั้น ขนาดที่ดิน 102-114 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 956 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 6+1 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน
  • BLU NOTTE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 137-144 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 962 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 6+1 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน

– ราคาเริ่มต้น 100 – 130 ล้านบาท

ภาพบรรยากาศจำลองที่โชว์ Lifestyle ของเจ้าของบ้าน ผ่านทาง Highlight อย่าง Duplex Supercar Lounge ที่มีลิฟต์ยกรถขึ้นไปโชว์ที่ชั้น 2 เชื่อมโยงฟังก์ชันภายในและภายนอก ระหว่าง Garage และตัวบ้าน จึงทำให้เราสามารถมองเห็นรถสุดรักของเราได้ตลอดเวลา หรือจะเอาไว้โชว์แขกที่มาหาที่บ้านก็ยังได้ครับ

โดยในพื้นที่ชั้น 1 จะเป็น Garage Living Room และสำหรับพื้นที่ชั้น 2 จะเน้นให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ Personal Showroom โดยมีพื้นที่ใช้สอยเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถจัดเป็นฟังก์ชันไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบได้ เช่น ห้องโฮมเธียเตอร์, ห้องฟิตเนส, ห้องสังสรรค์ เป็นต้น ซึ่งนับว่าตอบโจทย์สำหรับกลุ่มคนรักรถมากๆครับ

สำหรับขอมูลของโครงการนี้ปัจจุบันทาง Major ยังไม่ได้ปล่อยรายละเอียดอื่นๆออกมามากนัก หากใครสนใจก็รอติดตามข่าวสารเพิ่มเติมกันได้เร็วๆนี้ หรือจะเข้าไปดูข้อมูลเบื้องต้นจากพรีวิวก่อนได้ที่นี่ >> 10 and ONLY PATTANAKARN 20 บ้านหรู 100 ล้านแบรนด์ใหม่ เพียง 10 ยูนิต จาก Major Development [PREVIEW]

หนึ่งใน Sansiri Luxury Collection จาก แสนสิริ และนี่ถือเป็นโครงการที่ 2 จากแผนเปิดตัวแบรนด์บูก้านทั้งหมด 3 โครงการในปีเดียวกัน กับ 3 ทำเล 3 ดีไซน์ โดยทำเลพัฒนาการแห่งนี้จะมีในคอนเซ็ปต์ Luxury Private Villa ที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 17 ยูนิตเท่านั้น และมีบ้านให้เลือก 2 แบบ ประกอบด้วย

  • VILLA I บ้านเดี่ยว 3 ชั้น  พื้นที่ใช้สอย 698 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / ห้องรับแขก / ส่วนรับประทานอาหาร / ห้องครัว / 2 ห้องแม่บ้าน / ที่จอดรถ 5 คัน / สระว่ายน้ำขนาด 10 เมตรบนชั้น 2 / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
  • VILLA II บ้านเดี่ยว 3 ชั้น  พื้นที่ใช้สอย 417 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก /ส่วนรับประทานอาหาร / ห้องครัว / ห้องแม่บ้าน / ที่จอดรถ 3 คัน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

– ราคาเริ่มต้น 65 – 130 ล้านบาท

สำหรับตัวโปรดักส์ของโครงการ BuGaan Pattanakarn จะมีความน่าสนใจหลักๆดังนี้

  • Private Lap Pool : สระว่ายน้ำส่วนตัวพร้อมจากุซซี่ที่อยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน ขนาดยาว 10 เมตร เชื่อมต่อกับพื้นที่ Open Space ภายในบ้านขนาดใหญ่ เหมือนมีส่วนกลางส่วนตัวภายในบ้าน
  • Private Lift : ลิฟต์ส่วนตัวในบ้านทุกหลัง ทำให้ขึ้น-ลงสะดวก และเหมาะกับครอบครัวที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็ได้
  • Inner Courtyard : ออกแบบให้ตัวบ้านโอบล้อมพื้นที่สีเขียวตรงกลาง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
  • Façade : โดดเด่นไม่ใครเหมือน ดีไซน์ที่มีเพียงหนึ่งเดียว กับลวดลายของแผ่นหินที่ใช้นวัตกรรม Stone Surface ให้ความรู้สึกเหมือนนำหินทั้งก้อนมาใช้ตกแต่งบ้านแต่ละหลังที่แตกต่างกัน
  • Modern Classic Twist : ดีไซน์ตกแต่งภายในโมเดิร์นแฝงด้วยความเรียบหรู
  • Rare Item Furniture : รวบรวมแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ คอลเล็คชั่นพิเศษที่หายาก ผลงานระดับ World Iconic Piece มีเพียงหนึ่งเดียว และเลือกใช้วัสดุคุณภาพ รวมถึง Art Pieces และงาน Painting

บ้านเดี่ยวหรู 4 ชั้นจาก SPJ Land พื้นที่ใช้สอย 430 – 547 ตร.ม. และมีราคาเริ่มต้น 80 – 105 ล้านบาท ส่วนตัวผมเองก็มองว่าแอบสูงอยู่พอสมควร แต่สำหรับคนที่มองหาบ้านแนวราบในซอยเอกมัยแบบนี้ ก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีตัวเลือกเลยครับ เพราะส่วนใหญ่ที่ดินก็จะถูกพัฒนาเป็นคอนโดไปซะหมด

แน่นอนว่าจุดเด่นหลักๆของโครงการนี้คือ เน้นขายทำเลของความเป็นบ้านเดี่ยว ‘ใจกลางเอกมัย’ ที่มีแหล่ง Hangout มีให้เลือกเพียบ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำรายล้อม

จึงเหมาะกับคนที่ชื่นชอบทำเลเอกมัยเป็นพิเศษ หรืออาจเคยอยู่เป็นคอนโดที่นี่มาก่อน แล้วต้องการขยับขยายมาเป็นบ้านเดี่ยวในทำเลเดิม เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยไว้รองรับครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้นนั่นเองครับ โดยจะมีบ้านให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย

  • LUXE 1 ขนาดที่ดินเริ่มต้น 40.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 429.97 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท
  • LUXE 2 ขนาดที่ดินเริ่มต้น 49.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 443.1 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน และ สระว่ายน้ำ
    – ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • EXTRA LUXE ขนาดที่ดิน 64.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 546.61 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ 2 ห้องแม่บ้าน และ BBQ Courtyard
    – ราคาเริ่มต้น 105 ล้านบาท

อีกหนึ่งความพิเศษก็คือ ‘ความเป็นส่วนตัว’ โดยจะเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีเพื่อนบ้านเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น แต่จะไม่ได้มี Facilities ให้เราใช้งานนะครับ ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะย่านเอกมัยนี้มีพวก Fitness หรือ Studio และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆให้เราไปใช้งานใกล้ๆเพียบ

แต่ถ้าถามว่ามีเงิน 80 – 100 ล้าน เราไปซื้อที่ดินแถวนี้มาสร้างบ้านเองก็ได้ไม่ใช่หรอ? ก็จริงนะครับ ..แต่อย่าลืมว่าบ้านที่สร้างแบบ Stand Alone จะไม่ได้มีรั้วรอบขอบชิดที่ปลอดภัย และได้สังคมที่เงียบสงบเป็นส่วนตัวจริงๆเหมือนโครงการปิดแบบนี้

รวมถึงที่นี่ก็จะเป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว จึงช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้างและตกแต่งไปได้เยอะเลย ดังนั้นถ้าใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวใจกลางเอกมัย ก็อาจลองพิจารณาโครงการนี้ดูกันได้นะครับ

หนึ่งในโครงการระดับ Super Luxury จาก SINGHA ESTATE ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อปีที่แล้วนี้เองครับ เป็นบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่หน้ากว้าง และบ้านหลังใหญ่สุดยังมีที่ดินบ้านมากที่สุดในบรรดาบ้าน Segment เดียวกันของโซนใจกลางเมืองแบบนี้ด้วยครับ

โดยจะมีที่ดินขนาด 219 ตร.วา หรือมากกว่าครึ่งไร่ซะอีก ทำให้เหมาะกับคนที่อาจชอบปลูกต้นไม้ลงดินจริงจัง เพื่อให้ตัวบ้านมีความสวยงามและร่วมรื่น หรืออาจต้องการที่ดินรอบบ้านเพื่อใช้ในกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆที่ต้องการได้ครับ โดยจะมีบ้านให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย

  • RESIDENCE I บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดิน เริ่มต้น 219 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 820 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน /1 ห้องอเนกประสงค์ /6 ห้องน้ำ /1 Powder Room /4+4 ที่จอดรถ /2 ห้องแม่บ้าน
  • RESIDENCE II บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 152 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 682 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ /6 ห้องน้ำ/1 Powder Room / 4+4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
  • RESIDENCE III บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 125 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 551 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 5 ห้องน้ำ/1 Powder Room / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 80 – 180 ล้านบาท

จุดเด่นที่น่าสนใจของโครงการนี้คือ Hidden Courtyard ที่อยู่ตรงกลางบ้าน และถูกรายล้อมด้วยผนังกระจกทั้ง 4 ด้าน ทำให้เกิดช่องแสงสว่างตรงกลางไปทั่วทุกทิศ ซึ่งทุกฟังก์ชันสามารถมองเห็นเชื่อมต่อถึงกันได้หมด แถมยังทำให้ตัวบ้านดูกว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย โดยจะพบการออกแบบนี้ได้ในแบบบ้านหลังใหญ่สุดของโครงการเท่านั้น

ส่วนแบบบ้านหลังอื่นๆ จะมีช่องฝ้าเพดานสูง Double Volume จึงมีความสว่างโปร่งโล่ง และยังสามารถเชื่อมต่อพื้นที่ชั้นบนกับชั้นล่างได้ไม่แพ้กัน รวมถึงบริเวณพื้นที่จอดรถก็จะมีความลึกค่อนข้างมาก ทำให้เราสามารถจอดรถซ้อนคันกันได้สบายๆเลยครับ

เรียกได้ว่าเป็นโปรดักส์แห่งปีจริงๆครับ สำหรับโครงการ LA SOIE de S (ลาซัวว์ เดอ เอส) จาก SINGHA ESTATE ที่เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้น 550 ล้านบาท ถือเป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่แพงที่สุดในประเทศไทย และทำ New High บ้านหรูราคาสูงสุดในวงการอสังหาฯเลยทีเดียว

โดยทาง สิงห์ เอสเตท ได้พัฒนาให้ออกมาใหม่ในรูปแบบ Domaine Privé หรือ Private Estate ในระดับ Ultra Luxury เพียง 2 หลัง อยู่ในทำเล CBD บนสุขุมวิท 43 ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนทำเป็นบ้านแนวราบออกมาขายในตลาดกันแบบนี้ (แต่เดิมที่ดินผืนนี้มีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโด Luxury สูง 7 ชั้นในแบรนด์ EYSE Sukhumvit 43)

“LA SOIE de S” (ลาซัวว์ เดอ เอส) มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ผ้าไหมของสิงห์ เอสเตท” โดยชื่อภาษาฝรั่งเศสนี้ ได้รับ Inspiration มาจากงานดีไซน์สไตล์ “French Neo Classical Architecture” สะท้อนแรงบันดาลใจที่สื่อถึงรายละเอียดที่งดงาม ความละเมียดละไมในการออกแบบ และคงความหรูหราในแบบ สิงห์ เอสเตท ที่ดูแตกต่างจาก 2 โครงการก่อนหน้าอย่าง Santiburi The Residence และ SIRANINN Residences

แต่ปัจจุบันทาง สิงห์ เอสเตท ยังไม่ได้มีการปล่อยภาพหรือข้อมูลอื่นๆออกมาให้เราได้ทราบกันนะครับ (และเหมือนจะมีข่าวแว่วๆมาว่า ขายออกไปได้ทั้ง 2 ยูนิตแล้วด้วย) แต่หากใครสนใจก็อาจต้องรอติดตามข่าวสารจากทางเว็บไซต์หลักของเค้าได้ที่นี่เลย >> https://residential.singhaestate.co.th


โซนที่ 2 : กรุงเทพทางตอนเหนือ มีทั้งหมด 3 โครงการ ดังนี้

อีกหนึ่งโครงการระดับ Flagship จาก SINGHA ESTATE ที่เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้น 120 ล้านบาท และมีความเป็นส่วนตัวเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น ออกแบบในสไตล์ Metropolitan Tropical Modern ที่มาในรูปแบบของ ‘บ้านสั่งสร้าง’ ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตามความชอบ และการใช้งานที่เหมาะสมของผู้อยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ (Flexible and customizable) โดยจะมีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ ประกอบด้วย

  • Residences I บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 180 – 189 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,023 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 8 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่รับแขก / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 10 ที่จอดรถ
  • Residences II บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 180 – 189 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,014 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 8 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่รับแขก / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 10 ที่จอดรถ

– ราคาเริ่มต้น 120 ล้านบาท

SMYTH’S Ramintra นับว่าเป็นหนึ่งในโครงการบ้านเดี่ยว ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในย่านเลียบด่วนรามอินทราเลยก็ว่าได้ครับ โดยจะมีขนาด 1,014 – 1,023 ตร.ม. ตอบโจทย์ทั้งคนที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ต้องการความเป็นส่วนตัว และคนที่มีรถหลายๆคันด้วย โดยจุดเด่นของโครงการที่พอจะทราบตอนนี้ก็จะประกอบด้วย

  • Courtyard : มีพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำให้ใช้งานอยู่ตรงกลางบ้าน เชื่อมต่อพื้นที่ภายในให้ได้ใกล้กับธรรมชาติ รวมถึงยังเพิ่มความสว่างโปร่งโล่ง การระบายอากาศ และวิวที่ดีภายในบ้าน
  • Car Parking : เป็นบ้านที่มีจำนวนที่จอดรถสูงสุดถึง 10 คัน เหมาะกับคนรักรถที่มีรถยนต์ หรือพวก Supercar หลายคัน (แบ่งเป็นที่จอดรถในร่ม 4 คัน + Supercar Garage 2 คัน และรองรับการจอดรถด้วย Parking Lift System เพิ่มได้อีกถึง 4 คัน)
  • Hideaway Chamber : เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับ Supercar Garage ห้องฝ้าเพดานสูง Double Volume ที่นอกจากความโปร่งโล่งแล้ว ยังสามารถเดินเชื่อมต่อไปยังชั้น 2 ของตัวบ้านได้ และมีช่องผนังกระจกที่ช่วยทำให้เรามองเห็นรถ Supercar ที่จอดอยู่ของเราได้ตลอดเวลาด้วยครับ

หนึ่งใน SC ASSET’s Urban Luxury Collection ที่เป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุด และเพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการออกแบบที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่เป็นบ้านหลังแรกหรืออยู่อาศัยแบบ 3 Generation เท่านั้น

แต่จะให้ความสำคัญกับ Lifestyle ของผู้อยู่อาศัยเป็นเรื่องหลักที่นี่จึง “มีฟังก์ชันพิเศษๆ ที่ไม่ได้มีในโครงการทั่วไป ให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งส่วนตัวและครอบครัวได้แบบครบจบในบ้าน” อย่างเช่น Supercar Garage ที่ต่อเชื่อมกับ Mancave Area และ Vault Room (ห้องนิรภัย) เป็นต้น โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ ประกอบด้วย

  • Exquisite -V (เอค’ควิซิท – วี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 100.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 842 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 1 ครัว / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน
  • Exquisite -H (เอค’ควิซิท – เฮด) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 100.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 846 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 1 ครัว / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน

– ราคาเริ่มต้น 109 ล้านบาท

จุดเด่นของบ้านหลังนี้ผมยกให้ในเรื่อง ‘การให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ของทรัพย์สินมีค่ามาเป็นอันดับต้นๆ’ ไม่ว่าจะเป็น Supercar Garage ที่สามารถจอดรถหรูในพื้นที่ปิดได้ และยังมี Vault Room หรือห้องนิรภัย ที่ปกติเราจะไม่ค่อยเห็นมีในโครงการอื่นๆเท่าไหร่นัก (ถึงแม้จะเป็นบ้าน Luxury เหมือนกันก็ตาม)

โดยจะใช้โครงสร้างเป็นคอนกรีตแบบหล่อในที่ สามารถกันไฟลามได้ช้ากว่าห้องอื่นๆ 4 ชั่วโมง และประตูห้องจะใช้สเปคเดียวกับ Safe ธนาคาร จึงมีความแข็งแรงคงทน เข้า-ออกด้วยระบบ Digital Door Lock และแม่กุญแจเฉพาะ ส่วนภายในห้องมีพื้นที่พอให้ Built-in ชั้นวางของได้ จึงสามารถจัดเก็บของมีค่าและยังสามารถเก็บของชิ้นใหญ่ได้สบายๆเลยนั่นเองครับ

นอกจากนี้ยังมี Courtyard ที่เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว ซึ่งทุกฟังก์ชันจะสามารถมองเห็นเชื่อมต่อถึงกันได้หมด แถมภายในบ้านยังมีพื้นที่อเนกประสงค์หลายจุด ให้เราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานให้ตรงกับ Lifestyle ของผู้พักอาศัยได้ตามคอนเซ็ปต์โครงการ และยังมีการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวไว้ที่ชั้น Rooftop Garden ด้านบนให้อีกด้วยครับ

หนึ่งในโครงการบ้านหรูชื่อดังในย่านเลียบด่วนรามอินทรา ที่เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี โดยเปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน และมีการอัพเดตแบบบ้านใหม่+เฟสใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งตอนที่ผมเคยเข้าไปทำรีวิวปีแรกๆ เค้ายังขายเริ่มต้นที่ 60 ล้านบาทกันอยู่เลย แต่ปัจจุบันบ้านแบบเดียวกันมีราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 105 ล้านบาทเข้าไปแล้ว แสดงให้เห็นถึงมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ และราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆปี

สำหรับตัวโปรดักส์จะมีทั้งบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่ และบ้านแบบสั่งสร้างที่เราสามารถ Customize ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เหมาะสมกับครอบครัวได้เองตามต้องการ นอกจากนี้ยังเป็นบ้านสไตล์ Modern Classic ที่มีความหรูหราสวยงาม และมีเอกลักษณ์ต่างจากโครงการอื่นๆอีกด้วย โดยปัจจุบันจะมีแบบบ้านให้เลือก 5 แบบดังนี้

  • Diamonte บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 496.76 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 105 ล้านบาท
  • Pearl บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 576.38 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 98 ล้านบาท
  • Zafira บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 690.17 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 106 ล้านบาท
  • Perla บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 748 .29ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 8 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 110 ล้านบาท
  • Emeralda บ้านเดี่ยว 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 1,010 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 8 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 127 ล้านบาท

Image 1/5

ด้วยความที่เป็นโครงการจัดสรรขนาด 47 ยูนิต ถือว่ามีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่กว่าโครงการบ้าน Super Luxury แบบทั่วไป แต่นั่นก็เลยทำให้มี Facilities ขนาดใหญ่ให้เราได้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งแต่ละฟังก์ชันก็เรียกได้ว่ากว้างขวางและใหญ่โตมากๆ

ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำในร่มขนาด 7.6 x 23 m. อีกทั้งยังมีห้อง Lounge ฝ้าสูงขนาดใหญ่ พร้อมทั้งสวนสไตล์อังกฤษอีกกว่า 2 ไร่ และที่สำคัญคือมี Tennis Court ซึ่งเราไม่เคยเห็นฟังก์ชันนี้ในโครงการจัดสรรที่ไหนมาก่อนอีกด้วยครับ

สำหรับตัวโปรดักส์เรียกได้ว่ากลิ่นอายความเป็นบ้านแบบ Classic คือมาเต็มมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นเสาคาน กรอบประตู วงกบหน้าต่าง ซุ้มทางเข้าบ้าน มาจนถึงเสาไฟ รั้ว กำแพง และช่องทิ้งขยะหน้าบ้าน

นับได้ว่าเค้าเก็บทุกรายละเอียดเลยจริงๆ ทำให้ได้กลิ่นอายของไลฟ์สไตล์ผู้คนที่อาศัยอยู่ย่าน SOHO ในเมืองนิวยอร์ค ที่เป็นย่านศิลปะที่มีชื่อเสียงในยุค 70 และ 80 ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ส่วนบรรยากาศภายในบ้านผมคิดว่าทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะบ้านหลังใหญ่ๆที่นอกจากจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางแล้ว ยังมีพื้นที่โถง Double Volume ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อชั้นบนกับชั้นล่างได้ดี แถมยังดูโอ่โถงไว้ใช้ต้อนรับแขกคนสำคัญได้เป็นอย่างดีเลยครับ

นอกจากนี้ตัวบ้านยังมีรูปแบบการขายให้เลือกอีก 4 แบบ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกันออกไปได้ดี ประกอบด้วย

  • Bare Shell : เป็นการตกแต่งเฉพาะภายนอกบ้านตามมาตรฐานโครงการ ส่วนภายในจะเปลือยเปล่าไม่ได้มี Finishing ใดๆให้ สามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ตามสะดวก
  • Luxury Standard : บ้านพร้อมการตกแต่ง ที่เราสามารถเลือกวัสดุตามมาตรฐานโครงการได้ ซึ่งโครงการจะมี Options วัสดุให้เลือกเยอะ
  • Prebuild : บ้านพร้อมอยู่ที่ใช้วัสดุอัพเกรดขึ้น แต่ก็จะเป็นไปตามที่โครงการกำหนด
  • Built-in Interior and Loose furniture : บ้านตัวอย่างพร้อมเข้าอยู่ , บ้านสั่งสร้าง พร้อมให้โครงการตกแต่งตามบ้านตัวอย่างขึ้นอยู่กับแบบบ้านและขนาดที่ดินที่เราเป็นคนเลือกเอง

โซนที่ 3 : กรุงเทพฝั่งตะวันออก มีทั้งหมด 5 โครงการดังนี้

หนึ่งในโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูของเมกะโปรเจกต์อย่าง The Forestias จาก MQDC ที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 37 ยูนิต และออกแบบผังบ้านให้จับกลุ่มเป็น Cluster เดียวกันได้ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตของคนไทยสมัยก่อน เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ต้องการมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ๆกัน และสามารถไปมา-หาสู่กันได้ง่าย

นอกจากนี้ยังเป็นบ้านประหยัดพลังงานที่ได้ LEED Home Certificate ระดับ Silver ซึ่งจะมีการออกแบบด้วยหลัก Universal Design และใช้วัสดุ+งานระบบต่างๆที่ช่วยประหยัดพลังงาน และทำให้บ้านเย็นสบายด้วยครับ โดยแบบบ้านของโครงการนี้จะมีให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย

  • ROSEBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 140 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,203 ตร.ม.
    – 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร /4 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 7 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
    – ราคาเริ่มต้น 185 ล้านบาท
  • VISIONBERRY บ้านเดี่ยว 3 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ที่ดินเริ่มต้น 165 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,246 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 5 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 คัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
    – ราคาเริ่มต้น 220 ล้านบาท
  • LEGENDBERRY บ้านเดี่ยว 4 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 210 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,724 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 10 ห้องน้ำ / 2 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องคนขับรถ / 1 ลิฟต์โดยสาร / 1 สระว่ายน้ำ / 6 ที่จอดรถ (สูงสุดประมาณ 10 กว่าคัน หากรวมจอดซ้อนคัน)
    – ราคาเริ่มต้น 310 ล้านบาท

ด้วยความที่เป็น The Forestias เป็นโปรเจคจักรยักษ์ใหญ่ขนาดกว่า 398 ไร่ และภายในจึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล โรงแรม และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกกว่า 30 ไร่ เรียกได้ว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในโครงการนี้ได้แบบครบจบในที่เดียวเลยครับ

Image 1/4

แต่ถึงจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายใน The Forestias ให้ใช้งานแล้ว ทางโครงการ Mulberry Grove Villas ก็ยังมี Facilities เป็นของตัวเองแยกออกมาให้ใช้งานแบบส่วนตัวกันด้วยครับ

ซึ่งนอกจากจะมีฟังก์ชันที่ครบครันแล้ว ตัวอาคาร Clubhhouse ยังมีการออกแบบที่สวยงามแปลกตามากๆอีกด้วย ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากศาลาทรงไทย ที่ถูกลดทอนลงมาให้มีความทันสมัยมากขึ้นนั่นเองรับ

Image 1/5

นอกจากไอเดีย Cluster Home ที่จัดแปลนบ้านให้เป็นกลุ่มๆ สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่เหมือนวิถีชีวิตคนไทยสมัยก่อนแล้ว ตัวบ้านเองก็ยังมีการนำคอนเซ็ปค์เรือนไทยเข้ามาใช้สอดแทรกอย่างชาญฉลาดอีกด้วยครับ ซึ่งออกแบบโดย Foster + Partners บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชื่อดังระดับโลก และส่วนตัวผมคิดว่ามีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้

  • ยกใต้ถุนสูง : ทำให้เกิดพื้นที่ Semi-Outdoor ชั้นล่างของบ้าน ที่สามารถปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อทดแทนที่ดินรอบๆตัวบ้านได้ดี รวมถึงเรายังสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน เพื่อรับลมเย็นๆที่พัดผ่านพื้นที่ Open Air ของตัวบ้านได้อีกด้วยครับ
  • Courtyard : เป็นบ้านรูปทรงตัว C ที่โอบล้อมต้นไม้และสระว่ายน้ำเอาไว้ โดยจุดที่แตกต่างจากโครงการอื่นคือ เค้าจะทำเป็นชานพักขนาดใหญ่บนชั้น 2 เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถออกมาใช้งานภายนอกได้แบบจริงจังแบบเรือนไทย และเดินเชื่อมต่อถึงกันได้หมดทุกฟังก์ชันนั่นเอง
  • Car Park : พื้นที่จอดรถจะอยู่ใต้ดิน และมีขนาดใหญ่มากจนสามารถจอดรถได้เกือบ 10 คันเลยทีเดียว ซึ่งพื้นที่นี้ถูกออกแบบมาอย่างดี มีการใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่ดีเหมือนของห้างสรรพสินค้าเลยครับ คิดว่าน่าจะถูกใจคนรักรถมากๆแน่นอน
  • ช่องแสง : ห้องนอนทุกห้องมีขนาดใหญ่ และกินพื้นที่ทั้งหมดของแต่ละปีกบ้านในฝั่งนั้นๆ จึงทำให้ห้องนอนทุกห้องมีผนังกระจกหรือช่องแสงอย่างน้อย 3 ด้าน มีความสว่างโปร่งโล่ง และเชื่อมต่อกับธรรมชาติภายนอกได้ดี
  • สเปควัสดุ : มีการใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงาน และลดความร้อนของตัวบ้านหลายอย่าง จนได้การรับรอง LEED Home Certificate ระดับ Silver และช่วยทำให้บ้านพักอาศัยของเรามีความยั่งยืนมากขึ้นอีกด้วย

อีกหนึ่งโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูในเมกะโปรเจกต์ The Forestias ของ MQDC โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง Six Senses Hotels Resorts Spas เชนโรงแรมที่โดดเด่นด้าน Service ระดับโลกมาเป็นที่ปรึกษาด้านตกแต่งภายในและภาพรวมโครงการ

ซึ่งจะทำให้ได้รับสิทธิพิเศษจากทางโรงแรมในอนาคตอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นบริการการเข้าใช้สถานที่ต่าง ๆ ฟรีจากทางที่พัก เช่น ห้องพัก ห้องอาหาร และสปา รวมไปถึงบริการที่หลากหลายจาก SIX SENSES ตั้งแต่การบริการดูแลบ้าน ดูแลเด็ก และบริการบัตเลอร์ เป็นต้น ทำให้คนที่ได้ครอบครองบ้าน Six Senses Residences จะรู้สึกถึงความ Exclusive ที่หาไม่ได้จากโครงการอื่นนั่นเองครับ

Image 1/5

ในส่วนของโปรดักส์ของ Six Senses Residences จะเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 27 ยูนิต และมีบ้านให้เลือก 3 แบบ ขนาดตั้งแต่ 3 – 5 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 790 – 1,500 ตร.ม. และมีราคาตั้งแต่ประมาณ 180 – 360 ล้านบาท

ถูกออกแบบให้มีเส้นสายสะท้อนความเป็น Super Luxury ดูมีความโปร่งโล่งสบาย ดูกว้างขวาง และสอดรับกับธรรมชาติภายนอกบ้านที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น บ่อออนเซ็น, วิวทะเลสาบ ที่รายล้อมตัวโครงการ และมีพื้นที่ป่าสีเขียวขนาดใหญ่ให้ได้ชมวิวกันอีกด้วย

ซึ่งหากใครสนใจก็สามารถติดตามข่าวสารจากทางเว็บไซต์หลักของเค้าได้ที่นี่เลย >> https://www.sixsenses.com/en/residences/the-forestias

หนึ่งในโครงการ Flagship ระดับ Ultra Luxury ที่แพงที่สุดจาก Nirvana ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Art Of An Indulgent Life หรือบ้านเดี่ยวที่เสมือน Art Gallery สร้างสรรค์บ้านให้เป็นมากกว่าพื้นที่สะสมของมีค่า แต่เป็นอาร์ทแกลลอรี่ที่เก็บทุกโมโมนท์ที่มีค่า

โดยเนอวานามองว่า ‘บ้าน’ เป็นที่เก็บความสำเร็จในชีวิต ที่สร้างความภูมิใจให้กับเจ้าของบ้าน ดังนั้นจึงสร้าง Nirvana Collection เพื่อเก็บทุกโมเมนต์ที่มีค่าเอาไว้นั่นเองครับ ซึ่งมีบ้านให้เลือก 4 แบบด้วยกัน ประกอบด้วย

  • INDULGENCE A บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 1,005 ตร.ม.
  • AUTOGRAPHY A บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 976 ตร.ม.
  • AUTOGRAPHY B บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 672 ตร.ม.
  • AUTOGRAPHY C บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 553 ตร.ม.
    – ขนาดพื้นที่ดิน 90 – 205 ตร.วาขึ้นไป
    – ฟังก์ชัน 4 – 6 ห้องนอน / 4 – 5 ที่จอดรถ (สูงสุดถึง 9 คัน) / สระว่ายน้ำ + ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 70 – 150 ล้านบาท

จุดเด่นของ Nirvana COLLECTION Krungthep Kreetha คือ เป็นโครงการจัดสรรใหม่เพียงแห่งเดียวในย่านที่มีทำเลที่อยู่ติดถนนใหญ่กรุงเทพกรีฑา และอยู่ติดกับ Nirvana Porch ที่เป็น Lifestyle Community Mall อีกด้วย จึงทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ๆอย่างครบครันเลย

รวมถึงยังมี The COLLECTION CLUB ซึ่งเป็นพื้นที่คลับเฮาส์ และส่วนกลางของโครงการ ที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Making Every Day Revitalized’ พร้อมบริการ Concierge Service ระดับ Branded Residence เสมือนอยู่โรงแรม 5 ดาว เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดในการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

เช่น On-Demand Food & Beverage, Personal Trainer, Personal Therapist, Home Cleaning Service, บริการ Pet Care, บริการซักรีด, Home Gardening Service และบริการช้อปปิ้งจัดส่งสินค้าจาก Nirvana Porch ถึงหน้าบ้าน จนถึงบริการอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งหากใครสนใจก็สามารถติดตามข่าวสารจากทางเว็บไซต์หลักของเค้าได้ที่นี่เลย >> https://www.nirvanacollectionkrungthepkreetha.com/

บ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury จาก Property Perfect ร่วมกับ Hongkong Land ที่เรียกได้ว่าเป็น Rare Item มากๆครับ โดยปัจจุบันจะมีการเปิดขายบ้านในเฟสแรก Lakeside Villa บ้านเดี่ยวติดทะเลสาบขนาดใหญ่กว่า 100 ไร่ ที่ Limited เพียงแค่ 26 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งจะมีบ้านให้เลือก 2 แบบ ประกอบด้วย

– Lago Como (Lakeside Villa 3 ชั้น + Rooftop)
ที่ดินเริ่มต้น 245 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 656 ตร.ม.
ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ
– Lago Lugano (Lakeside Villa 3 ชั้น + Rooftop)
ที่ดินเริ่มต้น 204.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 563 ตร.ม.
ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ

– ราคาเริ่มต้น 140 – 160 ล้านบาท

Image 1/5

จุดเด่นที่น่าสนใจมากๆคือ เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นที่มีการเล่นระดับลาดไปตามเนินดินที่อยู่ริมน้ำ (ทางเข้าบ้านหลักจากฝั่งถนนจะเป็นชั้น 2 และชั้นหนึ่งจะอยู่ทางฝั่งทะเลสาบ มองด้านข้างบ้านจะมีลักษณะเป็นขั้นบันได) จึงทำให้ทุกฟังก์ชันภายในบ้านได้วิวทะเลสาบ มีบรรยากาศที่สวยงามเหมือนบ้านพักตากอากาศที่เมืองนอก และนับว่าหายากมากๆสำหรับบ้านเดี่ยวในกรุงเทพที่จะมีวิวดีๆแบบนี้ครับ

อีกหนึ่งโครงการ Super Luxury จาก ชาญอิสสระ โดยปัจจุบันเพิ่งได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่ล่าสุด ABELLIA++ ที่ได้ออกแบบพิเศษมีเพียงหลังเดียวเท่านั้นในโครงการตอนนี้ และมีราคาขายที่ก้าวกระโดดจากแบบบ้านปกติอื่นๆถึง 3 เท่า!! กลายเป็น 178 ล้านบาท

ซึ่งเป็นราคาที่รวมค่าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างตามที่เห็นในบ้านตัวอย่างเลยครับ (Fully Furnished) โดยลักษณะการขายแบบนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้าน ให้ไม่ต้องปวดหัวกับการตกแต่งบ้านด้วยตัวเอง และเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ก็เป็นของดีนำเข้ามาจากต่างประเทศ เรียกได้ว่าจ่ายเงินเสร็จก็หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าอยู่ได้เลย

  • ABELLIA ++ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดิน 132-238 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 700-800 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 8 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์ภายในบ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 178 ล้านบาท
  • BELLIS บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดิน 112-170 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 550-560 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์ภายในบ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 65 ล้านบาท
  • CALLA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดิน 100-154 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 460-490 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 55 ล้านบาท
  • DAVIDIA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดิน 100-129 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 49.9 ล้านบาท

จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือ ‘ความสว่างและโปร่งโล่ง’ เพราะช่องแสงของบ้านหลังนี้มีเยอะมากในทุกด้าน เรียกได้ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ประตูกระจก ซึ่งเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของบริษัทสถาปนิกชื่อดังที่ได้มาออกแบบให้อย่าง บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) นั่นเอง

โดยเน้นในเรื่องของ Ventilation ให้เราสามารถเปิดประตู-หน้าต่างเพื่อระบายอากาศได้ดี รับลมเย็นๆเพื่อลดความร้อนของตัวบ้าน รวมถึงมีระเบียงให้ออกไปใช้งานสูดอากาศได้หลายจุด อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน (ค่าไฟ) และได้ช่องกระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถชมวิวรอบบ้านได้อย่างเต็มที่ และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบๆครับ

โซนที่ 4 : กรุงเทพฝั่งธน มีเพียง 1 โครงการ ดังนี้

โครงการบ้านเดี่ยวหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา จาก Altitude Development ซึ่งถือว่าเป็นที่ดินผืนท้ายๆใจกลางเมืองเจริญนคร ที่จะสามารถทำเป็นโครงการจัดสรรแบบนี้ได้ นับว่าเป็น Rare Item ที่หาได้ยากมากๆครับ (ส่วนใหญ่จะทำเป็นคอนโดมาขายเพราะคุ้มกว่า)

โดยมีแนวคิดการออกแบบ The Timeless Legacy For Your Next Generations และผสมผสานกับงานโครงสร้าง+สถาปัตยกรรมศิลปะระดับไอคอนิก จึงทำให้ตัวโปรดักส์มีความสวยงามและแปลกตา เหมือนเป็น Sculpture ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดเล็กที่เป็นส่วนตัวเพียง 11 ยูนิตเท่านั้น ประกอบด้วยบ้าน 2 แบบดังนี้

  • The Iconic Riverfront Mansion บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน n/a ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1,280 – 1,580 ตร.ม. (4 ยูนิต)
  • The Iconic Mansion บ้านเดี่ยว 4 – 5.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน n/a ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 670 – 735 ตร.ม. (7 ยูนิต)

– ราคาเริ่มต้น 115 – 515 ล้านบาท

ความน่าสนใจของโครงการนี้คือ Master Plan ที่มีการวางผังบ้านให้สามารถหันหน้าออกไปรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทุกยูนิต ซึ่งบ้านแบบ The Iconic Riverfront Mansion จะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเลย จึงทำให้เราสามารถชมวิวได้อย่างใกล้ชิด และพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆได้เต็มที่

ส่วนแบบบ้าน The Iconic Mansion จะมีความสูงของจำนวนชั้นที่มากกว่า จึงทำให้ชั้นบนๆของบ้านอย่างชั้น 4 ถึงชั้น 5.5 จะสามารถมองข้ามหลังคาของบ้านแบบ The Iconic Riverfront Mansion เพื่อชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เหมือนกันนั้นเองครับ

..เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับข้อมูลและรายชื่อโครงการบ้านระดับ 100 ล้าน ที่ผมได้รวบรวมมาฝากกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละโครงการเค้าก็มีจุดเด่น และรายละเอียดที่ชัดเจนแตกต่างกันไป แถมหลายๆอย่างก็ดูน่าสนใจมากๆเลยด้วยใช่มั้ยครับ

แน่นอนว่าคนที่จะสามารถจับต้องโปรดักส์แบบนี้ได้ ก็จะต้องมีอิสรภาพทางการเงินที่สูงมากๆ และสามารถเลือกซื้อโครงการไหนในประเทศไทยเลยก็ได้ด้วยซ้ำ แต่ถามว่าทำไมเค้าจะต้องหันมามองโครงการเหล่านี้ด้วยล่ะ?

นั่นเพราะแต่ละโครงการมักจะมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ซึ่งได้ผ่านการคิดโดยผู้เชี่ยวชาญและนักออกแบบชื่อดังมาแล้วว่ามันดี รวมถึงเราก็ไม่ต้องปวดหัวกับการสร้างบ้านด้วยตัวเองด้วย และเราก็สามารถเลือกจับจองโปรดักส์ที่เค้าสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ Lifestyle ของเราให้มากที่สุดได้เลยครับ

สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีงบจะจับต้องได้ เราก็สามารถดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และนำสิ่งที่ดีๆไปเป็นไอเดียในการทำบ้านของตัวเราเองได้นะครับ ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่ได้เห็นกันได้ง่ายๆในโครงการทั่วๆไปเลย และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ คราวหน้าเราจะมีบทความอะไรดีๆมาฝากกันอีก ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยน้าาาา