The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2)  เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 – 3 ชั้นสไตล์ Modern Minimal เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ หรือมีผู้สูงอาศัยอยู่ด้วย ที่กำลังมองหาบ้านย่านพระราม 2 – มหาชัย ใกล้ทางด่วน เดินทางเข้า – ออกเมืองสะดวก ในราคาเริ่มต้น 4.99 – 9.9 ล้านบาท โครงการจะมีจุดเด่นน่าสนใจอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านต่อกันได้เลยค่ะ

  • ทำเล : โครงการตั้งอยู่บนถนนเจษฎาวิถี เป็นถนนลัดจากถนนพระราม 2 เดินทางไปฝั่งมหาชัยได้สะดวก เชื่อมต่อถนนพระราม 2, ถนนเอกชัยและใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษก ใกล้แหล่งอุดมสมบูรณ์ในย่านมหาชัย เช่น ตลาดสดมหาชัย, เซ็นทรัล มหาชัย, BigC, Lotus’s และ Porto Chino
  • บรรยากาศโครงการ : เน้นความเป็นธรรมชาติ มีพื้นที่สีเขียวกว่า 2 ไร่ บรรยากาศร่มรื่นและมีสายน้ำ (Canal) รายล้อมรอบโครงการ พร้อมที่นั่งเล่นหลายจุด
  • โครงการในอาณาจักรสารินซิตี้ : เป็น 1 ในโครงการสารินซิตี้ พระราม 2 ที่มีเนื้อที่ 5,200 ไร่ ของบริษัท สาริน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด
  • ความเป็นส่วนตัว : มีจำนวน 128 ยูนิต บนที่ดินกว่า 45ไร่ ทำให้มีความสงบ ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
  • แบบบ้าน : มีให้เลือกทั้งแบบบ้าน 2 ชั้น และ 3 ชั้น เหมาะกับครอบครัวเริ่มต้นถึงขนาดกลาง หรืออยู่อาศัยกับผู้สูงอายุ ภายในบ้านออกแบบ Open Plan พื้นที่เชื่อมต่อขนาดใหญ่ ได้ครัวปิด ห้องน้ำชั้นล่างมีพื้นที่อาบน้ำรองรับการใช้งานพร้อมกัน

ข้อมูลโครงการ

The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) ณ วันที่ 25 กันยายน 2566

 ชื่อโครงการ   The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท สาริน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด
 SEGMENT CLASS   MAIN – UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนเจษฎาวิถี ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
 ที่ดิน   45-2-44 ไร่
 จำนวนยูนิต    จำนวน 128 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Wadi บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 147.8 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท
  • Ravine บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 64.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 165.9 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท
  • Orbit บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 291.5 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.6 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ                      35,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ก.ย. ปี 2562
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2566
 เว็บไซต์โครงการ   คลิกที่นี่
 โทร   084-999-2000

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.560350192684663, 100.32340906695524
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

Highlights

  • ตั้งอยู่บนถนนเจษฎาวิถี เป็นถนนเส้นทางลัดเลี่ยงเส้นทางรถติดจากถนนพระราม 2 เดินทางไปฝั่งมหาชัยได้สะดวก
  • ถนนกาญจนาภิเษก เป็นจุดขึ้น – ลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุด เดินทางเข้า – ออกเมืองสะดวก
  • 3 โครงการคมนาคมในอนาคต ได้แก่ ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนกาญจนาฯ, มอเตอร์เวย์ M82 บางขุนเทียน – ปากท่อ และรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม เชื่อมต่อจากบางซื่อ – หัวลำโพง – มหาชัย – ปากท่อ

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) ตั้งอยู่บนถนนเจษฎาวิถี เป็นถนนที่ขนานกับถนนพระราม 2 จึงเป็นถนนเส้นทางลัดจากถนนพระราม 2 เดินทางไปฝั่งมหาชัยได้สะดวก เลี่ยงเส้นทางรถติดบนถนนพระราม 2 ได้ ทำให้คนในย่านนี้เลือกใช้ถนนเจษฎาวิถีสำหรับการเดินทางบริเวณโดยรอบพระราม 2 – มหาชัยนั่นเองค่ะ รวมถึงสามารถเดินทางเชื่อมต่อทั้งถนนพระราม 2, ถนนเอกชัยและใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษก เดินทางเข้า – ออกเมืองได้สะดวก เป็นทำเลที่เหมาะกับผู้ที่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลักค่ะ สำหรับในอนาคตจะมีทางด่วนใหม่ 2 สาย ที่คาดเปิดในปี 2567 – 2570 ค่ะ รวมถึงมีแผนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม เชื่อมต่อจากบางซื่อ – หัวลำโพง – มหาชัย – ปากท่อ ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาเส้นทางอยู่ ซึ่งก็คงใช้เวลาอีกนานหลายปีเลยกว่าจะก่อสร้างและเปิดบริการค่ะ

สำหรับโครงการนี้เป็น 1 ในโครงการ สารินซิตี้ พระราม 2 บนเนื้อที่ 5,200 ไร่ เป็นเหมือนอาณาจักรของบริษัท สาริน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยรวมถึง 15 โครงการเลยค่ะ

ทำเลนี้ถือว่าเป็นโซนช่วงรอยต่อสำคัญของกรุงเทพ-สมุทรสาคร จึงเหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในย่านมหาชัยอยู่แล้วนั่นเอง เพราะเป็นทำเลบ้านที่สามารถเดินทางมาทำงานในมหาชัยก็ได้ หรือจะเข้าไปติดต่อธุรกิจในกรุงเทพก็สะดวกค่ะ

ถึงแม้ตัวโครงการจะอยู่ชานเมือง แต่รอบข้างส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบหรือหมู่บ้านที่เริ่มขยับขยายออกมาจากในตัวเมือง ทำให้มีแหล่งความอุดมสมบูรณ์อยู่หลากหลาย โดยความอุดมสมบูรณ์หลักๆก็จะอิงไปทางมหาชัย ที่มีทั้งตลาดขนาดใหญ่อย่างตลาดสดมหาชัย รวมถึงห้างสรรพสินค้าอย่าง เซ็นทรัล มหาชัย, BigC กับ Lotus’s และจุดแวะพักรถชื่อดังที่หลายๆคนคุ้นเคยดี ในเวลาที่ขับรถไปเที่ยวหัวหิน-ชะอำกันอย่าง Porto Chino นั่นเองค่ะ

เส้นทางขึ้น – ลงทางด่วน

Image 1/2
ทางขึ้นทางด่วนจากโครงการ

ทางขึ้นทางด่วนจากโครงการ

สำหรับจุดขึ้น – ลงทางด่วนที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดจะเป็น ถนนกาญจนาภิเษก ค่ะ ซึ่งก็สะดวกกับคนที่ต้องเดินทางเข้าไปติดต่อธุระต่างๆหรือทำงานในตัวเมืองกรุงเทพฯ รวมถึงในอนาคตของทำเลนี้ที่นอกจากจะมีทางด่วนสายใหม่อย่างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนกาญจนาฯ ที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดเปิดบริการในปี 2567 ยังมีโครงการมอเตอร์เวย์ M82 บางขุนเทียน – ปากท่อ ที่เชื่อมต่อกับทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนกาญจนาฯ ที่คาดเปิดบริการบางส่วนในปี 2568 และคาดเปิดทั้งเส้นทางได้ในปี 2570 และเมื่อทางด่วนทั้ง 2 เส้นได้เปิดบริการอย่างสมบูรณ์แล้ว จะช่วยทำให้การเดินทางคมนาคมของย่านนี้สะดวกมากขึ้นทั้งการเข้า – ออกเมืองเลยค่ะ

ทางขึ้นทางด่วน : จากโครงการให้เลี้ยวขวาไปถนนเจษฎาวิถี ขับตรงต่อไป 5.3 กิโลเมตร เข้าสู่ซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ และขับตามทางมา 2.3 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 2 จากนั้นตรงไป 350 เมตร เพื่อขึ้นสะพานกลับรถ หลังลงจากสะพานให้ขับตรงต่อไปมุ่งสู่วงแหวนกาญจนาฯ ประมาณ​7.1 กิโลเมตร แล้วเบี่ยงซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลยค่ะ

ทางลงจากทางด่วน : เมื่อลงจากถนนกาญจนาภิเษกแล้วขับตรงมุ่งไปทางมหาชัยประมาณ​6.8 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ ขับตรงมาไป​ 2.3 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจษฎาวิถี ขับตรงต่อไป 5.3 กิโลเมตร จะเห็นซอยให้เลี้ยวซ้าย ขับต่อไปอีก 250 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านซ้ายค่ะ

สำหรับการเดินทางเข้า-ออกโครงการ จะใช้เส้นทางหลักด้วยกัน 4 สายคือ

  • เส้นทางที่ 1 จากถนนพระราม 2 ที่ขับมาจากในตัวเมือง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ ขับตรงมาเรื่อยๆประมาณ​ 2.3 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจษฎาวิถี ขับตรงต่อมา 5.3 กิโลเมตร จะเห็นซอยให้เลี้ยวซ้าย ขับต่อไปอีก 250 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านซ้าย
  • เส้นทางที่ 2 เลี้ยวซ้ายจากถนนพระราม 2 เข้าสู่ซอยเลียบคลองคอกระบือ ขับตรงไปตามทาง 2.7 กิโลเมตร จะเห็นป้ายโรงเรียนอัสสัมชัญ พระราม 2 แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจษฎาวิถี ขับตรงไป 3.3 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าซอยและขับตรงต่อไปอีก 250 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านซ้าย
  • เส้นทางที่ 3 ถนนพระราม 2 จากฝั่งมหาชัย ขับตรงไปและเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเศรษฐกิจ 1 ขับต่อไป 350 เมตร เบี่ยงขวาเพื่อขึ้นสะพานกลับรถ หลังลงจากสะพานให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเศรษฐกิจ 1 ขับไป 350 เมตร เลี้ยวซ้ายไปถนนท่าปรง ตรงไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเอกชัย ตรงไปอีก 400 เมตร เลี้ยวขวาเข้าถนนเอกชัย ซอย 36 ขับต่อไป 650 เมตร ถึงถนนเดิมบาง ขับตามทางไป  1.7 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจษฎาวิถี ขับตรงไป 1.7 กิโลเมตร จะเจอซอยให้เลี้ยวขวาและขับตรงต่อไปอีก 250 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านซ้าย
  • เส้นทางที่ 4 เดินทางจากฝั่งมหาชัย ผ่านทางแยกต่างระดับสมุทรสาคร ขับตรงไป 4.6 กิโลเมตร ขึ้นสะพานกลับรถ เมื่อลงจากสะพานให้ขับตรงไปอีกประมาณ​ 700 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยเพื่อไปถนนเอกชัย ขับตรงไป 180 เมตรแล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยวัดโสภณาราม ขับตรงต่อไปจนสุดทางเลี้ยวขวาเข้าถนนเดิมบาง จากนั้นขับตรงไป 950 เมตร จะเจอสะพานข้ามคลองไปสู่ถนนเจษฎาวิถี ขับต่อไป 1.7 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยและตรงต่อไปอีก 250 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านซ้าย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยแนวราบทั้งแบบบ้านไม่จัดสรรและบ้านจัดสรรของอาณาจักรสารินซิตี้และเจ้าอื่นๆด้วย  โดยตัวโครงการตั้งอยู่ถนนเชื่อมไปถนนเจษฎาวิถี ที่มีคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาตลอด มีร้านค้าประปรายอยู่ตามแนวถนน จึงเหมาะสำหรับคนที่ ไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก ชอบความเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสงบค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับ ที่พักอาศัยแนวราบและคลองกวาด
  • ทิศตะวันออก ติดกับ หมู่บ้านและคลองกวาด
  • ทิศใต้ ติดกับ ถนนและคลองกวาด
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ถนน หมู่บ้านและที่ดินเปล่า

บรรยากาศถนนด้านหน้าโครงการ ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้าน

บรรยากาศด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางด้านซ้าย

บรรยากาศด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางด้านขวา

เราเก็บภาพบรรยากาศของ Sale Gallery มาให้ด้วยค่ะ ซึ่งจะเป็น Sale Gallery สำหรับทุกโครงการในสารินซิตี้ ค่ะ โดยตัวอาคารจะอยู่ติดกับทะเลสาบขนาดใหญ่เลยนะคะ

Image 1/6
Sale Gallery ของโครงการในสารินซิตี้ค่ะ

Sale Gallery ของโครงการในสารินซิตี้ค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า

  • เซ็นทรัล มหาชัย ~ 17 กม.
  • เซ็นทรัล พระราม 2 ~ 19 กม.
  • บิ๊กซี มหาชัย ~ 21 กม.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลนครธน ~ 19 กม.
  • โรงพยาบาลบางมด ~ 22 กม.
  • โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ~ 24 กม.

สถานศึกษา / โรงเรียน

  • โรงเรียนอนุบาลสมฤดีสารินซิตี้ ~ 1 กม.
  • โรงเรียนอัสสัมชัญ พระราม 2 ~ 3 กม.
  • โรงเรียนนานาชาตินอร์ริช ~ 13 กม.
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ~ 30 กม.

รายละเอียดโครงการ

Highlights

  • ความสงบและเป็นส่วนตัวสูง เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มียูนิตน้อยเพียง 128 ยูนิต บนที่ดินกว่า 45 ไร่
  • เน้นบรรยากาศการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยพื้นที่สีเขียวและสายน้ำภายในโครงการ
  • สวนส่วนกลางใหญ่ 2 ไร่ บริเวณตรงกลางโครงการ ลูกบ้านใช้งานได้ทั่วถึง
  • มีคลองผ่านกลางโครงการ เพิ่มบรรยากาศความใกล้ชิดกับธรรมชาติ
  • การจัดวางบ้านได้หลากหลาย ทำให้มีทั้งบ้านที่ไม่ติดเพื่อนบ้านเลย หรือมีจำนวนบ้านในซอยเพียง 3 หลัง ไปจนถึงการวางบ้านเรียงเป็นแนวยาว

The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวในอาณาจักรสารินซิตี้ เนื้อที่ 5,200 ไร่ โดยโครงการนี้ออกแบบสไตล์ Modern Minimal เน้นบรรยากาศการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งสวนส่วนกลางรวม 2 ไร่ และสายน้ำที่ไหลผ่านกลางโครงการ จากจุดเด่นโครงการที่มีสายน้ำไหลผ่านนี้จึงเป็นที่มาของคำว่า The Canal นั่นเองค่ะ

โครงการนี้มีจำนวนทั้งหมด 128 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ครึ่ง ถือว่าเป็นโครงการที่มียูนิตค่อนข้างน้อยเลยเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่โครงการค่ะ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและได้พื้นที่รอบบ้านขนาดใหญ่ ตัวโครงการตั้งอยู่ภายในซอยติดกับถนนเจษฎาวิถี ซึ่งโครงการได้เแบ่งการเปิดขายเป็น 3 เฟสด้วยกัน ซึ่งในปัจจุบันทางโครงการก็ได้เปิดขายเฟส 3 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายของโครงการแล้วนะคะ

ก่อนจะเข้าสู่ตัวโครงการ เราจะมาเริ่มกันที่ Master Plan กันก่อนเลยนะคะ The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) มีทางเข้า – ออกทางเดียวที่ด้านหน้าโครงการติดกับถนน มีป้อม รปภ. พร้อมระบบ Key Card ควบคุมการเข้า – ออกเพื่อความปลอดภัยค่ะ

จุดเด่นของโครงการคือ “บรรยากาศและความเป็นธรรมชาติ” ซึ่งเกิดจากการที่โครงการมีสายน้ำ ซึ่งเป็นคลองตามธรรมชาติไหลผ่านบริเวณ Clubhouse และสวนส่วนกลาง โดยพื้นที่ส่วนกลางวางผังตั้งอยู่บริเวณกลางโครงการ ทำให้ลูกบ้านในแต่ละโซนสามารถเดินมาใช้งานส่วนกลางได้สะดวก โดยเฉพาะลูกบ้านที่อยู่ใกล้ส่วนกลางที่นอกจากจะใช้งานได้ง่ายแล้ว ยังได้วิวความร่มรื่นของทั้งสวนส่วนกลางและคลองด้วยค่ะ

ส่วนผังบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศเหนือและใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดโดยตรง สำหรับบ้านที่หันไปทิศเหนือ แนะนำสำหรับคนที่ชอบนั่งเล่นหน้าบ้านในตอนกลางวันค่ะ ส่วนคนที่ชอบบ้านที่ลมเข้าดีๆ แนะนำเป็นบ้านทางทิศใต้นะคะ

สำหรับการจัดตำแหน่งรูปแบบบ้าน ทางโครงการออกแบบให้บ้านเดี่ยว 2 ชั้นทั้ง 2 รูปแบบวางกระจายอยู่ทั่วโครงการ ไม่ได้มีการแบ่งว่าบ้านรูปแบบเดียวกันจะอยู่โซนเดียวกันค่ะ ทำให้มีบ้านหลังเล็กใกล้ Clubhouse สำหรับครอบครัวที่ชอบใช้ส่วนกลางและครอบครัวที่อยู่บ้านหลังใหญ่ แต่ไม่ค่อยได้ใช้ส่วนกลางและความคึกคักก็เลือกอยู่บ้านด้านในโครงการได้ค่ะ สำหรับบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จะมีเพียง 8 หลัง อยู่บริเวณบนสุดของโครงการ ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก็สามารถเลือกได้เหมือนกันว่าอยากได้บ้านที่ติดกับโซนส่วนกลางหรืออยู่บริเวณด้านใน ที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ

ทางโครงการออกแบบเป็นบ้านส่วนใหญ่วางเรียงกันเป็นแนวยาวหันหน้าเข้าถนน และมีบ้านบางโซนที่มีจำนวนบ้านในซอยเพียง 2 – 3 หลังด้วยค่ะ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง อย่างบริเวณบ้านที่อยู่ติดคลองด้านล่างสุด ก็มีจำนวนเพียง 2 หลังเอง ส่วนซอยที่มีจำนวนบ้าน 3 หลัง ก็จะมีบ้าน 1 หลังที่ไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลยค่ะ และหากสังเกตตรงบริเวณสวนส่วนกลางที่อยู่ติดคลอง บริเวณข้างๆจะเห็นมีบ้านที่ตั้งอยู่เพียง 1 หลัง ไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลยและได้อยู่ติดสวนส่วนกลางและคลองด้วยค่ะ

เริ่มเข้าสู่ตัวโครงการกันเลยค่ะ ซุ้มประตูทางเข้าโครงการมีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนจากถนนเลยค่ะ มีหลังคาขนาดใหญ่สามารถกันแดดและฝนได้ดี รวมถึงออกแบบไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่สีเขียวตัดกันกับสีขาว-น้ำตาลของซุ้มประตูได้ดีค่ะ

ทางเข้ามีระยะร่นจากถนนหลักทำให้รถสามารถต่อแถวเข้า – ออกได้สะดวกไม่ทำให้การจราจรติดขัดตรงถนนด้านหน้าโครงการ

ประตูทางเข้า – ออกโครงการเป็นรั้วไม้กระดก แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ด้านละ 2 ช่องทาง โดยจะมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ CCTV รวม 47 ตัวตรงซุ้มทางเข้าและส่วนกลาง รวมถึงระบบ Keycard Access ควบคุมการเข้า – ออก

มีการแบ่งช่องสำหรับลูกบ้านและ Visitor ชัดเจน สำหรับแขกที่มาติดต่อจะต้องแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ในช่องทางขวา ส่วนลูกบ้านสามารถขับผ่านได้เลย ไม่ต้องรอผู้มาติดต่อแลกบัตรนั่นเองค่ะ รวมถึงมีระบบ CCTV รวม 47 ตัวตรงซุ้มทางเข้าและส่วนกลางด้วยค่ะ

ถนนหลักของโครงการจะมีความกว้าง 12 เมตร โดยเริ่มตั้งแต่ซุ้มประตูถึงวงเวียนต้นไม้ค่ะ ส่วนถนนในซอยกว้างประมาณ 9 – 10 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่รถยนต์วิ่งสวนกันได้สบายค่ะ สำหรับทางเท้าเป็นคอนกรีตสำเร็จรูป กว้าง 0.85 – 1.15 เมตร

สำหรับการเดินสายไฟของโครงการนี้ จะมีการตั้งเสาไฟฟ้าบริเวณถนนหลักและถนนรองของโครงการเท่านั้น ส่วนบริเวณถนนในซอยจะเดินสายไฟฟ้าแบบลงดินค่ะ ทำให้บริเวณหน้าบ้านไม่มีสายไฟพาดผ่านหน้าบ้าน ทำให้หน้าบ้านดูสวยงามและไม่ต้องกังวลเรื่องอุบัติเหตุด้วยค่ะ

เมื่อขับเข้ามาภายในโครงการแล้ว จะเจอกับวงเวียนต้นไม้ช่วยทำให้บรรยากาศร่มรื่น และเป็นพื้นที่ให้ลูกบ้านสามารถกลับรถได้สะดวก รวมถึงเลี้ยวไปในโซนพักอาศัยทั้ง 3 โซนค่ะ

เมื่อขับตรงมา ผ่านวงเวียนต้นไม้และเลี้ยวขวาจะเจอกับอาคาร Clubhouse ค่ะ เป็นอาคารสูง 2 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณกลางโครงการเลยค่ะ ตัวอาคารออกแบบโทนสีขาว – ดำ และมีทาสีขาวบนตะแกรงเหล็กสีดำเหมือนคลื่นน้ำเพื่อสื่อถึงคลองในโครงการด้วยค่ะ

บริเวณด้านหน้ามีที่จอดรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ได้ค่ะ สำหรับลูกบ้านที่สะดวกขับรถมาจอดเพื่อเข้าใช้ส่วนกลาง

ด้านหน้าของ Clubhouse นอกจากจะมีบันไดเป็นทางขึ้น – ลงอาคารแล้ว ยังมีการออกแบบทางลาดรองรับวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการด้วย สำหรับครอบครัวที่พาผู้สูงอายุมาใช้ส่วนกลางร่วมกันค่ะ ถือเป็นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่คำนึงถึงผู้ใช้งานที่หลากหลาย ตามหลัก Universal Design ที่ดีค่ะ

เมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารแล้ว ทางด้านซ้ายจะขึ้นบันไดไปชั้น 2 ที่เป็นส่วนของ Fitness ค่ะ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นสระว่ายน้ำของโครงการ ซึ่งเราจะพาไปดูส่วนสระว่ายน้ำกันก่อนนะคะ

สระว่ายน้ำของโครงการมีความยาวถึง 23 เมตร จึงมีบริเวณที่เป็น Semi Outdoor และกลางแจ้งค่ะ สำหรับใครที่มาว่ายน้ำในตอนกลางวัน ก็อาจจะเล่นน้ำแถวบริเวณที่เป็น Semi Outdoor ค่ะ แล้วพอตอนเย็นที่แดดไม่แรงแล้ว ก็ว่ายน้ำได้ทั่วทั้งสระเลย ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำจะมีเก้าอี้และโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ที่มานั่งพักและวางของ ตอนเฝ้าดูแลลูกๆตอนเล่นน้ำได้ค่ะ

สำหรับสระว่ายน้ำของโครงการ เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ โดยแบ่งเป็นสระผู้ใหญ่ ขนาด 6 x 23 เมตร ลึก 1.3 เมตร ส่วนสระเด็ก ลึก 0.6 เมตร ซึ่งสระเด็กจะอยู่ติดกับพื้นที่นั่งพักข้างสระ ทำให้เด็กๆอยู่ในสายตาของพ่อแม่ที่นั่งเฝ้าอยู่ตลอดด้วยค่ะ

บริเวณด้านข้างสระว่ายน้ำจะมีพื้นที่ให้ล้างตัวทั้งก่อนและหลังว่ายน้ำค่ะ โดยมีฝักบัวแบบ Rain Shower อยู่ 2 จุดด้วยกัน ส่วนด้านข้างพื้นที่ล้างตัวทั้ง 2 ข้าง เป็นต้นไม้ที่ช่วยบังและพรางสายตาจากด้านนอกค่ะ

ฝั่งตรงข้ามกับสระว่ายน้ำจะเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ มีทั้งห้องน้ำชาย-หญิงและห้องน้ำสำหรับผู้พิการและผู้สูงวัยด้วยค่ะ ส่วนด้านข้างบริเวณห้องน้ำมีแขวนเสื้อชูชีพและห่างยางไว้สำหรับการช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วยค่ะ

เราจะพามาดูห้องน้ำหญิงนะคะ ประตูห้องน้ำเป็นแบบผลักเข้าด้านใน เมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำ จะมีทั้งส่วนล็อกเกอร์เก็บของ อ่างล้างมือ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำด้านในค่ะ

อ่างล้างมือมีอยู่ 2 อ่าง และมีพื้นที่วางของเคาน์เตอร์กว้าง ส่วนล็อกเกอร์จะเป็นการเปิด-ปิดด้วยกุญแจ มีช่องขนาดใหญ่ สามารถเก็บกระเป๋า เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนชุด และอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆได้

สำหรับห้องน้ำส่วนกลางจะมีอยู่ 5 ห้อง และมีห้องอาบน้ำ 1 ห้องค่ะ ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่เลย ก็สามารถกลับไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยที่บ้านได้เหมือนกันค่ะ ยิ่งสำหรับคนที่บ้านใกล้ Clubhouse ก็เดินกลับไปเปลี่ยนชุดได้สะดวกค่ะ

สำหรับโครงการนี้ที่มีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางตามหลัก Universal Design อย่างทางลาดรองรับวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการแล้ว ยังมีห้องน้ำด้วยค่ะ ที่ออกแบบประตูห้องน้ำให้เป็นแบบเลื่อนเปิด-ปิด ส่วนภายในห้องน้ำมีราวจับเพื่อให้สามารถจับยึดเวลาลุก – นั่งและใช้งานค่ะ รวมถึงมีปุ่มกดสีแดงเวลาต้องการความช่วยเหลือหรือเกิดเหตุฉุกเฉินค่ะ

หลังจากเราพาไปดูสระว่ายน้ำและห้องน้ำกันแล้ว เราพาไปดูสวนสีเขียวรอบ Clubhouse กันบ้างค่ะ โดยจะเดินไปทางด้านซ้ายนะคะ

จากพื้นที่สระว่ายน้ำเดินไปพื้นที่สวนเลียบคลองจะมีบันไดให้เดินลงไปค่ะ เป็นการออกแบบเวลาเราจะเปลี่ยนถ่ายพื้นที่จากบริเวณนึงไปอีกบริเวณค่ะ

พื้นที่สวนสีเขียวรอบ Clubhouse จะอยู่เลียบคลองที่ตัดผ่านกลางโครงการค่ะ ซึ่งทางโครงการก็ได้เลือกใช้เขื่อนกันดินเป็นคอนกรีตหล่อรูปตัว V ที่วางขัดกัน สลับไปมา ตรงบริเวณด้านข้างของคลองทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้มีความแข็งแรงเวลากระแสน้ำพัดมาโครงสร้างแต่ละชิ้นก็ไม่หลุดออกจากกันค่ะ

พอมาถึงตรงนี้แล้ว หลายๆคนอาจจะมีความกังวลเรื่องเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง จะเกิดน้ำท่วมภายในโครงการไหม แล้วอย่างงี้บ้านที่อยู่ริมคลองจะถูกน้ำท่วมด้วยหรือเปล่า เราก็ได้สอบถามกับทางโครงการแล้วนะคะ ซึ่งก็ได้คำตอบว่าไม่เคยท่วมเลยค่ะ นอกจากนั้นเราก็สังเกตเอง ดูพวกรอยน้ำที่ทิ้งคราบบนเขื่อนกันดินด้วยนะคะ ก็เห็นว่ามีรอยน้ำอยู่เพียงครึ่งหนึ่งของเขื่อนเองค่ะ รวมถึงโครงการออกแบบส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่อยู่ตลอดแนวคลองด้วย ก็จะเป็นพื้นที่ช่วยซับน้ำเวลาฝนตกค่ะ จากทั้งหมดที่เราเล่ามาก็น่าจะช่วยคลายความกังวลให้กับทุกคนให้สบายใจมากขึ้นเรื่องคลองแล้วนะคะ

เมื่อหันไปทางด้านขวา จะเป็นพื้นที่สวนริมน้ำซึ่งจะมีทั้งสนามหญ้า ไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่วางเรียงตามแนวคลองเลยค่ะ และมีพื้นที่สำหรับมานั่งเล่นกันได้ด้วยค่ะ

ตรงพื้นที่เลียบคลองที่ปูเป็นพื้นลายไม้ ถ้าโครงการจัดวางโต๊ะและเก้าอี้ไว้ให้ ก็จะได้เป็นมุมพักผ่อนอีกมุมเลยนะคะ แต่พอเป็นพื้นที่โล่งแบบนี้แล้ว ก็จะมานั่งหรือปูเสื่อปิกนิกกันก็ได้ค่ะ

อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าสระว่ายน้ำของโครงการมีความยาวถึง 23 เมตร ทำให้บริเวณชั้น 2 ของ Clubhouse จะได้ทั้งวิวสระว่ายน้ำ วิวสวน และวิวคลองด้วยค่ะ

เรากลับมาตรงบันไดและหันไปทางซ้ายกันนะคะ ก็จะเป็นพื้นที่สีเขียว ประดับด้วยต้นไม้ขนาดเล็กและใหญ่ค่ะ รวมถึงมีทางเดินเชื่อมไปทางด้านหน้า Clubhouse ด้วยค่ะ

เมื่อเดินกลับมาทางด้านหน้าของ Clubhouse จะเป็นบริเวณที่จอดรถค่ะ และมีสร้างสะพานข้ามคลองเชื่อมไปโซนพักอาศัยด้านในด้วยค่ะ

จากตอนแรกที่คิดว่าโครงการออกแบบส่วนกลางรองรับวีลแชร์แล้ว แต่สวนข้าง Clubhouse สามารถเข้าถึงได้จากบันไดอย่างเดียวซะงั้น แต่จริงๆแล้วสำหรับคนที่ใช้วีลแชร์ก็สามารถเข้าถึงพื้นที่สวนริมคลองได้จากทางด้านข้างของที่จอดรถนั่นเองค่ะ ที่จะมีทางลาดขึ้นไปทางเท้าเชื่อมต่อกับทางเดินในพื้นที่สวนค่ะ

ต่อมาเราจะพาไปชั้น 2 ของ Clubhouse กันค่ะ จะมีบันไดอยู่ทางด้านหน้าทางเข้า Clubhouse เลยค่ะ

พอขึ้นมาชั้น 2 แล้ว จะมีห้องอยู่ 2 ห้องด้วยกัน ห้องทางด้านขวาจะเป็น Fitness และห้องด้านซ้ายตอนนี้เป็นห้องโล่งๆค่ะ ยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะใช้เป็นห้องอะไรนะคะ

 จากบริเวณชั้น 2 เราสามารถมองออกไปได้วิวสวนสีเขียวและคลองผ่านกลางโครงการด้วยค่ะ

Image 1/5
บรรยากาศภายใน Fitness

บรรยากาศภายใน Fitness

สำหรับ Fitness จะอยู่ด้านที่หันไปได้วิวสระว่ายน้ำค่ะ พื้นที่ภายในห้องมีขนาดใหญ่ สามารถออกกำลังกายได้ทั้งแบบ Weight Training และ Cardio ด้านข้างห้องมีติดตั้งกระจกเงา สำหรับเช็กความถูกต้องของท่าทางในการออกกำลังกายได้ค่ะ

เราเดินออกจาก Clubhouse แล้วไปดูพื้นที่สวนส่วนกลางรวมกว่า 2 ไร่ กันค่ะ ซึ่งจะเป็นสนามหญ้า ประดับด้วยไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่รอบคลองค่ะ รวมถึงมีมุมนั่งเล่นและพื้นที่ออกกำลังกายในสวนด้วยค่ะ

Image 1/7
บรรยากาศภายในสวนส่วนกลาง

บรรยากาศภายในสวนส่วนกลาง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse บริเวณกลางโครงการประกอบไปด้วย
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ / สระผู้ใหญ่ ขนาด 6 x 23 เมตร ลึก 1.3 เมตร
  • แบ่งเป็นสระเด็ก ลึก 0.6 เมตร มีพื้นที่ให้เด็กเล่นได้ 5 คนสบายๆ
  • ห้องออกกำลังกาย
  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ รวมประมาณ 2 ไร่ พร้อมพื้นที่นั่งพักหลายจุด
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 47 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร และต่อเพิ่มด้วยเหล็กแหลมหรือระแนงสูง 1.5 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 – 10 ม.
  • Key Card Access
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
  • ระบบ Emergency Alarm ทุกหลัง

แบบบ้าน

Highlights

  • แบบบ้านสไตล์ Modern Minimal โทนสีขาว
  • โครงสร้างบ้านเป็นแบบก่ออิฐ TAN-BRICK มีความแข็งแรง ทนไฟและกันเสียงได้ดี
  • ลงเสาเข็มทั้งตัวบ้าน พื้นที่จอดรถและพื้นที่ซักล้าง
  • พื้นที่ Open Plan ขนาดใหญ่ เชื่อมทั้งพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่กินข้าว รวมถึงมุม Pantry
  • ห้องน้ำชั้นล่าง มีพื้นที่อาบน้ำ สามารถรองรับการใช้งานพร้อมกันได้
  • ห้องเก็บของ มีขนาดใหญ่
  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีห้องน้ำในตัว ใช้งานสะดวก
  • ระบบ Emergency Alarm สำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน สำหรับบ้านทุกหลังในโครงการ
  • พื้นที่รอบบ้านขนาดใหญ่ รองรับการต่อเติมพื้นที่ในอนาคตได้

สำหรับรูปแบบบ้านในโครงการ The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) เป็นบ้านเดี่ยวทั้งหมด 3 แบบบ้าน มีทั้งแบบบ้าน 2 ชั้น และ 3 ชั้นค่ะ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • Wadi บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 147.8 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • Ravine บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 64.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 165.9 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • Orbit บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 291.5 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 ที่จอดรถ

โครงสร้างบ้านของ The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) จะเป็นแบบก่ออิฐฉาบปูนนะคะ ซึ่งหลายๆคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าบ้านที่สร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน จะได้ความแข็งแรง ทนทาน รวมถึงได้ความยืดหยุ่นของพื้นที่ ซึ่งเราสามารถทุบหรือก่อผนังเพิ่มได้นั่นเอง โดยปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกับการใช้อิฐมอญ อิฐมวลเบา หรืออิฐบล็อก แต่โครงการนี้เลือกใช้อิฐ TAN-BRICK ที่ถึงแม้หน้าตาและสีจะมีความคล้ายกับอิฐบล็อก แต่อิฐชนิดนี้จะมีความแข็งแรงและแข็งแกร่ง ซึมน้ำต่ำ มีผิวสัมผัสหยาบ ที่ช่วยทำให้ก่อและฉาบได้ง่าย จึงช่วยลดปัญหาเรื่องการหลุดร่อนและไม่หดตัว ไม่แตกร้าวแม้จะสกัดผนังหรือเจาะ รวมถึงสามารถทนไฟและกันเสียงได้มากกว่าด้วยค่ะ

รวมถึงทางโครงการได้ลงเสาเข็มทั้งตัวบ้าน พื้นที่จอดรถและพื้นที่ซักล้างด้วยค่ะ ทำให้หมดห่วงเรื่องบ้านทรุดตัวค่ะ และได้ออกแบบหลังคาบ้านจะเป็นทรงปั้นหยาที่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา สามารถกันแดด กันฝนได้ดีค่ะ ซึ่งทางโครงการก็เลือกใช้หลังคา SCG ก็เป็นแบรนด์คุณภาพ สินค้ามีมาตรฐาน ทำให้หลังคาบ้านมีความสวย ทนทานเป็นเวลานานค่ะ

โดยวันนี้เราจะพาไปดูแบบบ้านทั้ง 3 แบบเลยนะคะ แต่จะเจาะลึกที่บ้านเดี่ยว 2 ชั้น Wadi และ Ravine กันค่ะ

Wadi

บ้านตัวอย่างแบบแรกที่เราจะพาไปดูคือ Wadi ซึ่งเป็นแบบบ้านเริ่มต้นของโครงการค่ะ โดยเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 147.8 ตร.ม. และฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 2 คันในร่ม
  • มีช่องเก็บของใต้บันได เปิดได้จากพื้นที่จอดรถ
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน เป็นพื้นที่วางร่มและถอดเก็บรองเท้าได้สะดวก
  • พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่กินข้าว
  • ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
  • ห้องน้ำชั้น 1 มีส่วนพื้นที่อาบน้ำ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้

ชั้น 2

  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อม Walk – in Closet และห้องน้ำภายในห้อง
  • Master Bedroom ออกแบบหน้าต่างแบบกระจกเข้ามุม เปิดรับวิวได้กว้างขึ้น
  • ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต และ 5 ฟุตได้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าด้านข้าง
  • ห้องน้ำร่วมกันสำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง

เราพามาดูบรรยากาศบ้านจริงกันเลยค่ะ ทางโครงการออกแบบบ้านในสไตล์ Modern Minimal เน้นโทนสีขาว – เทาค่ะ พื้นที่สวนรอบบ้านของแต่ละหลังในโครงการมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ สามารถใช้เป็นพื้นที่ให้เด็กวิ่งเล่น ทำมุมนั่งเล่นในสวน หรือใครอยากจะต่อเติมรองรับการใช้งานในอนาคตก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกันค่ะ

ประตูรั้วบ้านของทุกแบบบ้านเป็นโครงเหล็กบานเลื่อนที่ออกแบบให้เป็นซี่ๆ ดูโปร่งไม่อึดอัดค่ะ  โดยจะเลื่อนเข้าไปซ่อนที่ผนังค่ะ และมีประตูบ้านสำหรับคนเดินอยู่ด้านข้างด้วยนะคะ

ด้านหน้าบ้านมีติดตั้งโคมไฟ กริ่ง กล่องไปรษณีย์ รวมถึงถังขยะที่เปิดทิ้งได้จากด้านใน และออกแบบช่วยพรางตาให้หน้าบ้านดูเรียบร้อยด้วยค่ะ

ออกแบบที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คันในร่ม โดยที่จอดรถก็ได้ลงเสาเข็มเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นทรุดค่ะ หากซื้อของมาแล้วจะไปห้องครัว ก็สามารถยกของจากท้ายรถยนต์เดินไปด้านหลังที่เป็นลานซักล้างติดกับห้องครัวได้เลยค่ะ

ทางโครงการออกแบบช่องเก็บของใต้บันได ที่สามารถเปิดได้จากบริเวณพื้นที่จอดรถเลยค่ะ ซึ่งเราก็สามารถเก็บอุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์ทำความสะอาดรถได้สะดวก โดยไม่ต้องเดินเข้าไปในบ้านค่ะ

จากพื้นที่จอดรถ จะสามารถเดินไปชานบ้านด้านข้างเพื่อเข้าสู่ตัวบ้านได้ค่ะ

บริเวณประตูทางเข้าบ้านจะมีหลังคาเป็นซุ้มโถงทางเข้าที่กันแดดกันฝน ออกแบบเชื่อมต่อมาจากหลังคาที่จอดรถ ทำให้แสงแดดไม่ส่องเข้าบ้านตรงๆค่ะ

พื้นที่ชานบ้านด้านหน้ามีขนาด 1.8 x 3.7 เมตร ซึ่งเราก็สามารถตั้งชั้นวางรองเท้า ที่เก็บร่ม และวางของก่อนเข้าบ้านได้ด้วย เวลากล่องพัสดุมาส่งก็นั่งแกะบริเวณนี้ได้เลย จะได้ไม่มีฝุ่นจากพัสดุเข้าไปในบ้านและนำไปทิ้งถังขยะหน้าบ้านได้เลยด้วย

ประตูหน้าบ้านออกแบบเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กรอบประตูสีขาว จากแบรนด์ AMIGO

เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับพื้นที่ Open Plan ที่ออกแบบเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่เป็นรูปตัว L มีขนาดประมาณ 5.9 x 7.1 เมตร ซึ่งข้อดีนอกจากจะทำให้บ้านดูโปร่งสบายมากๆแล้ว ยังทำให้เราสามารถตกแต่งและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่นตามการใช้งานของเราค่ะ โดยพื้นที่นี้จะเป็นบริเวณของพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่กินข้าวค่ะ ส่วนครัวและห้องน้ำจะแยกอยู่อีกฝั่งหนึ่งค่ะ

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้สบายๆ จะวางเก้าอี้ด้านข้างหรือเป็นเบาะนั่งแบบ Beanbag ก็ได้ค่ะ รวมถึงสามารถตั้งโต๊ะกลางและโต๊ะเล็กๆด้านข้างได้ด้วย ซึ่งขนาดเราตั้งโต๊ะกลางแล้วก็ยังมีพื้นที่ทางเดินผ่านเข้า – ออกได้สะดวกด้วยค่ะ ส่วนผนังอีกด้านสามารถทำเป็น Built – in ชั้นวางทีวีได้ โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.4 เมตร ทำให้สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ถึง 70 – 75 นิ้วได้เลยค่ะ

สำหรับช่องแสงบริเวณพื้นที่นั่งเล่น จะมีตรงประตูกระจกด้านหน้าบ้าน และหน้าต่างข้างๆอีก 1 บาน ซึ่งไม่ได้มีช่องแสงขนาดใหญ่ด้านข้างเลย แต่ว่าด้วยความยาวของพื้นที่นั่งเล่นที่ไม่ได้ยาวมาก ทำให้ช่องแสงที่มีอยู่ก็ให้ความสว่างกับพื้นที่นั่งเล่นได้เพียงพอแล้วค่ะ สำหรับพื้นชั้น 1 จะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีขาว ทำให้บ้านดูสว่าง ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.60 เมตร ค่ะ

สำหรับโครงการนี้จะมีระบบ Emergency Alarm ทุกหลังเลยค่ะ ซึ่งจะเป็นสวิตช์สีแดง สำหรับการขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องฉุกเฉินต่างๆค่ะ โดยจะส่งสัญญาณไปตรงป้อม รปภ. แล้วทางเจ้าหน้าที่จะรีบมาหาที่เราที่หน้าบ้านเลยค่ะ

พื้นที่นั่งกินข้าว สามารถตั้งโต๊ะกินข้าวขนาด 4 – 6 ที่นั่งได้เลย มีพื้นที่รอบโต๊ะกว้าง และสามารถทำ Built – in ชั้นวางของและมุม Pantry สำหรับเตรียมอาหารง่ายๆได้สะดวกด้วย มีช่องแสงอยู่ 3 ช่องและอยู่ทั้ง 2 ด้าน ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวสวนด้านหน้าบ้านค่ะ

สำหรับใครที่อยากมีห้องทำงานหรือห้องเล่นของเล่นสำหรับเด็ก ก็สามารถกั้นผนังเพิ่มตรงพื้นที่ที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน ก็จะได้เป็นห้องเล็กๆเพิ่มอีก 1 ห้อง ขนาดประมาณ 2.2 x 3.3 เมตรค่ะ

จากบริเวณพื้นที่นั่งกินข้าวมองกลับไปจะเห็นว่า พื้นที่อีกฝั่งจะเป็นส่วนของห้องครัว ห้องน้ำ และบันไดค่ะ โดยเราจะพาไปดูห้องครัวกันก่อนเลยนะคะ

สำหรับห้องครัวจะมีขนาดประมาณ 2.3 x  3.0 เมตร ออกแบบเป็นครัวปิด ซึ่งแบบบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องเปล่าๆที่ทางโครงการเตรียมงานระบบมาให้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราก็สามารถออกแบบทำ Built – in ครัวได้ตามชอบเลยค่ะ สังเกตว่ามีหน้าต่างอยู่ใกล้กับประตูที่เปิดออกไปเจอกับลานซักล้างด้านนอกค่ะ ซึ่งเรามองว่าเวลาออกแบบการจัดวางเตาไฟฟ้าก็แนะนำให้ตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณหน้าต่างและประตูค่ะ เพราะเราสามารถเปิดหน้าต่างและประตูออกไปด้านนอกเพื่อระบายกลิ่นและควันได้นั่นเอง โดยที่ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งเครื่องดูดควันค่ะ

พื้นที่ซักล้างจะอยู่เชื่อมกับพื้นที่ห้องครัว มีขนาด 1.2 x 2.5 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา ซึ่งทางโครงการก็ได้ลงเสาเข็มบริเวณลานซักล้างนี้ด้วยนะคะ

จากห้องครัวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ลานซักล้าง ก็สามารถปูหินทำเป็นทางเดินเชื่อมไปส่วนของที่จอดรถได้ด้วยนะคะ ทำให้สะดวกเวลาเราไปจ่ายตลาดแล้วยกของจากท้ายรถยนต์มาเก็บที่ห้องครัวค่ะ

สำหรับห้องน้ำชั้น 1 มีขนาดประมาณ 1.6 x 2.6 เมตร มีออกแบบส่วนของพื้นที่อาบน้ำมาให้ด้วย ทำให้สามารถอาบน้ำได้พร้อมกันทั้ง 3 ห้องเลยค่ะ มีแยกพื้นที่ส่วนเปียก – แห้งมาให้นะคะ แต่ว่าไม่ได้มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้ เวลาอาบน้ำแล้วน้ำอาจจะกระเด็นไปส่วนอื่นๆได้ ทางลูกบ้านจึงต้องไปติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำเพิ่มกันเองนะคะ

ส่วนที่เราชอบสำหรับห้องน้ำนี้คือมีขอบวางอุปกรณ์อาบน้ำและของตกแต่งด้านหลังอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ค่ะ รวมถึงกระจกเงาที่มีขนาดใหญ่และมีความยาวจากพื้นที่อ่างล้างมือไปถึงโถสุขภัณฑ์ด้วยค่ะ ทำให้เราสามารถส่องกระจกได้เต็มที่ เวลาหมุนตัวมองด้านหลังก็เห็นชัดค่ะ

สำหรับแบรนด์สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งอ่างล้างมือ ก๊อกน้ำ โถสุขภัณฑ์ เป็นของแบรนด์ MOGEN ทั้งหมดเลยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.0 x 1.2 เมตร ติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ MOGEN พร้อมรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น

ถัดจากห้องน้ำจะเป็นบันได โดยโครงสร้างของบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้างประมาณ 1 เมตร ด้านข้างมีราวจับไม้สำเร็จรูป ลูกตั้งและลูกนอนบันไดปูด้วยพื้นไวนิลลายไม้ ยี่ห้อวิสต้าค่ะ ส่วนตรงบันไดชั้น 1 จะมีออกแบบช่องหน้าต่าง ช่วยให้โถงทางเดินตรงบริเวณนี้ไม่มืดทึบค่ะ

สีของบันไดจะเข้ากันกับพื้นชั้น 2 ที่ปูด้วยวัสดุเดียวกันกับบันไดเลยค่ะ นั่นก็คือพื้นไวนิลลายไม้ ยี่ห้อวิสต้าค่ะ ตรงข้างๆบันไดชั้น 2 มีพื้นที่ตั้งโต๊ะวางของหรือตั้งโต๊ะหมู่บูชาสำหรับไหว้พระได้ด้วยค่ะ บริเวณโถงบันไดมีออกแบบหน้าต่างสูงเพื่อรับแสงธรรมชาติเข้ามาช่วยให้โถงบันไดไม่มืดเช่นกันค่ะ สำหรับความสูงจากพื้นถึงเพดานของชั้น 2 ก็อยู่ที่ 2.6 เมตร เท่ากับชั้น 1 เลยค่ะ

เมื่อเดินขึ้นมาชั้น 2 แล้ว จะเป็นโถงที่เดินเชื่อมไปทั้งห้องนอน 3 ห้อง และห้องน้ำส่วนกลางใช้ร่วมกันสำหรับห้องนอนรอง สังเกตว่าบริเวณโถงบนชั้นนี้ก็มีสวิตช์สีแดงที่เป็นระบบ Emergency Alarm รองรับไว้ด้วยนะคะ โดยเราจะพาไปดู Master Bedroom ที่อยู่บริเวณด้านหน้าบ้านกันก่อนค่ะ

Master Bedroom มีขนาด 3.0 x 6.7 เมตร จะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน โดยด้านขวาจะเป็นบริเวณเตียงนอน ส่วนด้านซ้ายจะเป็น Walk – in Closet และห้องน้ำค่ะ ซึ่ง Master Bedroom นี้จะไม่ได้มีการแชร์ผนังติดกับห้องนอนอื่นเลยนะคะ จึงได้ความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ

ตรงบริเวณเตียงนอนสามารถตั้งเตียง 6 ฟุตได้ และมีพื้นที่รอบเตียงเดินผ่านได้สะดวก ข้างหัวเตียงก็สามารถตั้งโต๊ะสำหรับวางโคมไฟ หนังสือและมือถือได้ สำหรับบริเวณนี้มีช่องแสงจากด้านข้างที่เป็นช่องเล็กๆ และมีช่องแสงตรงด้านหน้าบ้านที่ทำเป็นกระจกเข้ามุม ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวได้ ซึ่งพอทางโครงการออกแบบผนังตรงข้ามเตียงเป็นหน้าต่างกระจกแล้ว จึงไม่สามารถแขวนทีวีได้ แต่ก็หาชั้นวางมาตั้งทีวีได้อยู่ค่ะ

จากบริเวณเตียงนอนแล้วหันหลังกลับไปจะเป็นพื้นที่ Walk – in Closet และห้องน้ำค่ะ

สำหรับพื้นที่ Walk – in Closet เราก็สามารถทำ Built – in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว L ได้ หรือหากใครอยากประหยัดงบหน่อยก็สามารถเลือกซื้อเป็นตู้เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่โดยปกติแล้วด้านหลังตู้จะไม่สวยงาม เราก็เลือกขนาดตู้ให้พอดีกับพื้นที่ค่ะ

ในส่วนของโต๊ะแต่งหน้าตามที่บ้านตัวอย่างตกแต่ง เราจะเห็นว่าเราไม่สามารถติดกระจกส่องได้ เพราะว่าเป็นช่องหน้าต่างที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ดังนั้นเราอาจจะลดพื้นที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเพิ่มโต๊ะแต่งหน้าพร้อมกระจกส่องค่ะ แล้วเปลี่ยนพื้นที่บริเวณหน้าต่าง ตั้งเป็นตู้เก็บเครื่องประดับต่างๆได้ค่ะ

ห้องน้ำภายใน Master Bedroom ก็แบ่งโซนเป็นส่วนแห้ง – เปียก มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ สำหรับใครที่มีอุปกรณ์อาบน้ำเยอะ ก็สามารถหาชั้นวางมาตั้งเพิ่มในห้องน้ำได้ค่ะ

สำหรับสเปคของสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เหมือนกับชั้น 1 เลยค่ะ จะเป็นของแบรนด์ MOGEN ทั้งหมดเลยทั้งอ่างล้างมือ ก๊อกน้ำและโถสุขภัณฑ์ค่ะ แต่จะมีแตกต่างตรงอ่างล้างมือที่มีช่องเก็บของด้านล่าง สามารถใส่พวกกระดาษทิชชู ผ้าขนหนูหรืออุปกรณ์อาบน้ำสำรองไว้ได้ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.8 x 1.3 เมตร เลือกใช้ฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ MOGEN เหมือนชั้น 1 เลย มีติดตั้งที่วางสบู่และวางระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยเช่นกัน สำหรับห้องน้ำก็ไม่ได้มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ แต่เราก็สามารถซื้อฉากกั้นหรือม่านติดตั้งเองได้ค่ะ

พอออกมาจาก Master Bedroom แล้ว เราจะพาไปดูห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง และห้องน้ำใช้ร่วมกันค่ะ ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหลังบ้านค่ะ

Image 1/3
บรรยากาศห้องนอนรอง 1

บรรยากาศห้องนอนรอง 1

เราพามาดูห้องนอนรอง 1 กันก่อนนะคะ ห้องนอนนี้มีขนาด 3.3 x 3.7 เมตร สามารถวางเตียง 3.5 ฟุต และ 5 ฟุตได้ มีพื้นที่วางโต๊ะและตู้เสื้อผ้าด้านข้างได้ ซึ่งทางบ้านตัวอย่างก็ได้จัดเป็นห้องสำหรับเด็กเล่น ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องเหลือกว้างมาก สามารถวางของเล่นได้เยอะเลยค่ะ สำหรับห้องนี้ก็มีช่องแสงอยู่ 3 บาน รับแสงและวิวได้ทั้ง 2 ด้านเลยค่ะ

Image 1/3
บรรยากาศห้องนอนรอง 2

บรรยากาศห้องนอนรอง 2

ต่อมาเราพามาดูห้องนอน 2 ที่อยู่ข้างๆห้องนอน 1 นะคะ ห้องนอนนี้จะมีขนาดเล็กกว่าหน่อยอยู่ที่ 3.0 x 3.3 เมตร ส่วนทางบ้านตัวอย่างตกแต่งเป็นห้องนอนเด็กผู้ชายค่ะ ก็ตกแต่งเป็นทั้งเตียงที่มีสไลเดอร์ รวมถึงตู้เสื้อผ้าที่สามารถปีนเล่นได้ด้วยค่ะ ซึ่งเราก็สามารถเอาไอเดียนี้ไปตกแต่งให้ลูกๆได้นะคะ

แต่หากจะตกแต่งเป็นห้องนอนทั่วไป ก็แนะนำวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต จะได้มีพื้นที่วางโต๊ะและตู้เสื้อผ้าด้านข้างพร้อมพื้นที่ยืนแต่งตัวได้สะดวกค่ะ

สำหรับห้องน้ำส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันของห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง มีขนาดประมาณ 1.3 x 2.2 เมตร มีการแบ่งส่วนเปียกและแห้ง ออกแบบหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศและความอับชื้นในห้องน้ำ

สเปคของสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เหมือนกับห้องน้ำอื่นค่ะ โดยเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจากแบรนด์ MOGEN

สำหรับพื้นที่อาบน้ำห้องนี้มีขนาดประมาณ 0.8 x 1.3 เมตร ทางโครงการติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ MOGEN เหมือนห้องน้ำอื่นเลยค่ะ


Ravine

ต่อมาเราจะพามาดูบ้านตัวอย่าง Ravine ที่เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการนะคะ โดยมีที่ดินเริ่มต้น 64.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 165.9 ตร.ม. และฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

สำหรับแบบบ้านนี้จะมีการออกแบบคล้ายแบบบ้าน Wadi แต่จะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือพื้นที่ที่ยื่นจากตัวบ้านตรงบริเวณชั้น 1 จะเป็นห้องนอนเพิ่มขึ้นมาอีกห้องค่ะ และด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่เพิ่มขึ้นกว่าแบบบ้านหลังเล็ก จึงทำให้มีมุม Pantry และพื้นที่ห้องนอนมีแต่ละห้องมีขนาดใหญ่ขึ้นค่ะชั้น 1

  • ที่จอดรถ 2 คันในร่ม
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน เป็นพื้นที่วางของได้สะดวก
  • พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่กินข้าวและมุม Pantry
  • ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
  • ห้องน้ำชั้น 1 มีส่วนพื้นที่อาบน้ำ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้
  • ห้องเก็บของใต้บันไดขนาดใหญ่
  • ห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุได้

ชั้น 2

  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อม Walk – in Closet และมีห้องน้ำและระเบียงส่วนตัวในห้องด้วย
  • Master Bedroom ออกแบบหน้าต่างแบบกระจกเข้ามุม เปิดรับวิวได้กว้างขึ้น
  • ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าด้านข้าง
  • ห้องน้ำร่วมกันสำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง

ออกแบบมีพื้นที่รอบบ้านทั้ง 4 ด้าน ทำให้เหมือนเป็น Buffer Zone กันเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านได้ ยิ่งถ้าปลูกต้นไม้ที่นอกจากจะทำให้บ้านดูร่มรื่นและให้ร่มเงากับตัวบ้านแล้ว ยังช่วยในการดูดซับเสียงรบกวนเข้าสู่ตัวบ้านด้วยค่ะ

แบบบ้านนี้จะมีหน้ากว้างที่กว้างกว่าแบบบ้าน Wadi เพราะมีพื้นที่ที่ยื่นออกจากตัวบ้าน ทำเป็นห้องนอนชั้นล่างเพิ่มขึ้นมานั่นเองค่ะ

สำหรับที่จอดรถของแบบบ้านนี้ก็สามารถจอดได้ 2 คันในร่มค่ะ ทางโครงการได้ลงเสาเข็มเรียบร้อย ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก มีประตูรองเปิดเข้าไปในบ้านได้จากพื้นที่จอดรถเลยค่ะ ทำให้สะดวกเวลายกของจากท้ายรถยนต์เดินเข้าไปในตัวบ้านได้เลยนั่นเอง

บริเวณด้านหน้าบ้านมีพื้นที่ทำสวน ปลูกต้นไม้ได้ มีชานบ้านเชื่อมจากที่จอดรถไปประตูด้านหน้าบ้านค่ะ

ออกแบบมีหลังคาเป็นซุ้มประตูทางเข้าบ้านที่กันแดด กันฝนได้ดี ทำให้แสงแดดไม่ส่องเข้าไปภายในบ้านโดยตรง

ชานหน้าบ้านมีขนาด 1.2 x 3.7 เมตร สามารถตั้งชั้นวางรองเท้าและวางของต่างๆได้ค่ะ

ประตูหน้าบ้านเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กรอบประตูสีขาว จากแบรนด์ AMIGO นะคะ

เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่น ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่กินข้าวและมุม Pantry เป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่รูปตัว L ขนาดประมาณ 5.9 x 6.9 เมตรค่ะ ทำให้พื้นที่ไหลต่อเนื่องกัน ประกอบกับพื้นของชั้น 1 ที่ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีขาว และความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่ 2.60 เมตร ทำให้ภายในบ้านดูโปร่งโล่งดีค่ะ

สำหรับพื้นที่นั่งเล่นก็สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่ง และโต๊ะเล็กๆได้ทั้ง 2 ข้าง รวมถึงสามารถตั้งโต๊ะกลางได้อีกค่ะ ส่วนผนังอีกด้านก็สามารถตกแต่งเป็น Built – in ชั้นวางทีวี โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.4 เมตร เหมาะวางทีวีขนาดใหญ่ถึง 70 – 75 นิ้วเลยค่ะ สำหรับช่องแสงบริเวณพื้นที่นั่งเล่นจะได้แสงธรรมชาติจากทั้ง 2 ด้านเลย ทั้งทางด้านหน้าบ้านและทางด้านข้างบ้านค่ะ ก็ช่วยทำให้บ้านดูสว่าง ไม่มืดค่ะ

เราพาเดินเข้ามาด้านใน จะเป็นมุม Pantry และพื้นที่โต๊ะนั่งกินข้าวค่ะ ตรงบริเวณนี้มีพื้นที่ 3.5 x 5.9 เมตรค่ะ ตรงมุม Pantry สามารถทำ Built – in เคาน์เตอร์ครัว พร้อมชั้นเก็บของ รวมถึงตั้ง Island ไว้ตรงกลาง สำหรับเตรียมอาหารได้สะดวกด้วย ใกล้ๆกับ Island ก็ตั้งโต๊ะกินข้าว ซึ่งทางบ้านตัวอย่างตั้งเป็นโต๊ะ 4 ที่นั่ง และเรามองว่ายังมีพื้นที่ด้านข้างเหลืออีกกว้างเลย ดังนั้นสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะหรือมีแขกมาเยี่ยมบ่อยก็สามารถตั้งเป็นโต๊ะ 6 ที่นั่งได้เลยค่ะ บริเวณด้านข้างก็มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในบ้าน และได้วิวสวนหลังบ้านเวลามานั่งกินข้าวกันค่ะ

จากบริเวณนี้สามารถเดินไปส่วน Service อย่างห้องครัวที่อยู่ทางด้านขวา และห้องนอนชั้นล่างที่อยู่ทางด้านซ้ายได้ค่ะ โดยเราจะพาไปดูห้องนอนชั้นล่างกันก่อนนะคะ

ก่อนจะเข้าไปห้องนอนชั้นล่าง บริเวณพื้นที่หน้าห้อง ก็สามารถตั้งเป็นชั้นวางของบริเวณหน้าห้องได้เหมือนที่ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งเลยนะคะ หรือจะทำเป็นชั้นวางของแบบ Built – in ก็ได้เหมือนกันค่ะ

Image 1/3
บรรยากาศห้องนอนชั้นล่าง

บรรยากาศห้องนอนชั้นล่าง

สำหรับห้องนอนชั้นล่างนี้มีขนาดอยู่ที่ 3.0 x 3.5 เมตร สามารถวางเตียง 3.5 – 5 ฟุต และวางตู้เสื้อผ้าด้านข้างได้ค่ะ ซึ่งหากใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนรองรับผู้สูงอายุ เราแนะนำว่าปูพื้นเพิ่มเป็นกระเบื้องยางสำหรับรองรับแรงกระแทกค่ะ เพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้ สำหรับห้องนี้จะมีหน้าต่างอยู่ทั้งด้านหน้าบ้านและด้านข้างบ้านเปิดรับแสงและวิว ทำให้ห้องไม่ดูอึมครึมค่ะ

เรามองว่าห้องนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับการทำเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุมากนัก เพราะว่าต้องมีการปรับการตกแต่งห้องหลายอย่าง รวมถึงห้องน้ำที่ไม่ได้อยู่ใกล้ห้องนอนนี้เท่าไหร่นัก เราจึงมองว่าเหมาะกับการทำเป็นห้องทำงานทั่วไป หรือปัจจุบันนี้ที่หลายๆคนเริ่มทำธุรกิจขายของออนไลน์กัน ก็สามารถทำเป็นห้องสำหรับ Live ขายของหรือสต็อกสินค้าก็ได้ค่ะ

ตอนนี้เราจะพาไปดูส่วน Service กันนะคะ ที่เป็นส่วนของห้องครัว ห้องน้ำและบันไดขึ้นชั้น 2 ค่ะ โดยเราจะพาไปดู​ห้องครัวที่อยู่ถัดจากมุม Pantry กันค่ะ

ทางโครงการออกแบบห้องครัวแบบปิดที่สามารถใช้เป็นครัวไทยได้เลย มีขนาดประมาณ​ 2.2 x 3.5 เมตร สำหรับบ้านมาตรฐานจะให้มาเป็นห้องเปล่าที่ทางโครงการได้เดินระบบต่างๆมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ เราจึงสามารถตกแต่ง Built – in เคาน์เตอร์ครัวได้ตามการใช้งานเลยค่ะ อย่างไอเดียที่ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งก็ทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L มีตู้เก็บของด้านบน และตั้งเครื่องซักผ้าได้ด้วย

ภายในห้องครัวจะมีหน้าต่างและประตูเปิดออกไปทางลานซักล้างหลังบ้าน ทำให้เวลาเราทำอาหารก็สามารถเปิดทั้งหน้าต่างและประตู เพื่อระบายกลิ่นและควันได้ค่ะ จะได้ไม่มีกลิ่นอาหารลอยไปติดเฟอร์เจอร์ภายในบ้านค่ะ

พื้นที่ลานซักล้างหลังบ้านมีขนาด 1.2 x 3.7 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา และได้ลงเสาเข็มมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นทรุดกันนะคะ

เราพาออกจากห้องครัวมาไปดูบริเวณด้านข้างห้องครัวกันนะคะ สำหรับบริเวณนี้ห้องด้านข้างในสุดจะเป็นห้องน้ำค่ะ ส่วนประตูด้านข้างห้องน้ำจะเป็นประตูรองที่เปิดไปลานจอดรถนั่นเอง ถัดมาจะเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ

สำหรับห้องน้ำนี้มีขนาดประมาณ​ 1.3 x 2.6 เมตร ออกแบบส่วนพื้นที่อาบน้ำมาให้ด้วย จึงทำให้สามารถอาบน้ำได้พร้อมกันทั้ง 3 ห้องเลยค่ะ รวมถึงรองรับการใช้งานของห้องนอนชั้นล่างด้วยนะคะ ซึ่งภายในห้องน้ำก็แบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้งและเปียก ปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิกสีเทาค่ะ

สำหรับสเปคของสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับห้องน้ำแบบบ้าน Wadi เลย คือเลือกใช้ทั้งอ่างล้างมือ ก๊อกน้ำและโถสุขภัณฑ์จากแบรนด์ MOGEN ทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ

พื้นที่อาบน้ำของห้องน้ำนี้มีขนาดประมาณ 0.8 x 1.3 เมตร มีหน้าต่างบานกระทุ้ง ช่วยระบายอากาศและความอับชื้นภายในห้องน้ำค่ะ ทางโครงการเลือกใช้ฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ MOGEN เหมือนแบบบ้าน Wadi เช่นกันค่ะ

ถัดจากห้องน้ำ เราพามาดูห้องเก็บของใต้บันไดกันค่ะ ซึ่งภายในห้องก็มีขนาดใหญ่ถึง 2.2 x 3.4 เมตร ซึ่งเราก็สามารถเดินเข้าไปเก็บของด้านในได้เลยค่ะ

โครงสร้างของบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความกว้างประมาณ 1 เมตร และด้านข้างมีราวจับไม้สำเร็จรูป ลูกตั้งและลูกนอนบันไดปูด้วยพื้นไวนิลลายไม้ ยี่ห้อวิสต้า ด้านข้างบันไดจะเห็นสวิตช์สีแดงที่เป็นระบบ Emergency Alarm ระบบสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน ที่ทางโครงการติดตั้งให้กับบ้านทุกหลังในโครงการค่ะ

ทางโครงการออกแบบหน้าต่างขนาดใหญ่ตรงบริเวณโถงบันได ช่วยให้ได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในบ้าน ทำให้โถงบันไดดูสว่าง ไม่มืดทึบค่ะ

เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะเจอกับพื้นที่โถงชั้น 2 ที่มีติดตั้งระบบ Emergency Alarm เป็นสวิตช์สีแดงไว้ด้วยค่ะ สำหรับพื้นชั้น 2 จะปูเป็นพื้นไวนิลลายไม้ ยี่ห้อวิสต้าค่ะ ที่เป็นวัสดุแบบเดียวกับบันไดเลยนั่นเอง ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมาะกับการพักผ่อนมากขึ้น ความสูงจากพื้นถึงเพดานของชั้น 2 อยู่ที่ 2.6 เมตร เท่ากับความสูงของชั้น 1 ค่ะ

เราจะพาไปดู Master Bedroom กันก่อนนะคะ ซึ่งสำหรับห้องนี้จะแยกอยู่ทางด้านขวาของบ้านเพียงห้องเดียว ไม่มีการแชร์ผนังร่วมกับห้องนอนอื่นเลย ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ

Master Bedroom มีขนาดประมาณ​ 3.7 x 6.4 เมตร เมื่อเดินเข้ามาในห้องแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ทางด้านขวาจะเป็นบริเวณเตียงนอนและทางด้านซ้ายจะเป็นพื้นที่ Walk – in Closet และห้องน้ำค่ะ

บริเวณเตียงนอน มีขนาดประมาณ​ 3.7 x 3.8 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต และมีพื้นที่รอบเตียงกว้าง สามารถเดินผ่านได้สะดวก อย่างบริเวณปลายเตียงก็สามารถเลือกทั้งแขวนทีวีหรือตั้งเป็นชั้นวางทีวีได้เลย ซึ่งเหมาะติดตั้งทีวีขนาด 70 – 75 นิ้วเลยค่ะ

บริเวณพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ข้าง ก็มีพื้นที่กว้าง อย่างบ้านตัวอย่างที่นอกจากจะวางเป็นโต๊ะเล็กๆสำหรับวางของแล้ว ก็จัดเป็นโต๊ะนั่งทำงานบริเวณด้านข้างหัวเตียงอีกด้านได้ด้วยค่ะ แล้วก็บริเวณหัวเตียงที่วางเป็นโต๊ะสีขาวเล็กๆทางด้านขวา ทางโครงการก็ออกแบบเป็นหน้าต่างกระจกเข้ามุมด้วยนะคะ เพื่อเปิดรับแสงและวิวได้กว้างขึ้นค่ะ

สำหรับ Master Bedroom จะมีระเบียงส่วนตัวภายในห้อง หันไปทางด้านหน้าบ้านด้วยค่ะ โดยประตูระเบียงจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนค่ะ ทำให้เราได้ทั้งแสงธรรมชาติและวิวด้านนอกถึงแม้จะอยู่บนเตียงด้วยนั่นเอง

ก่อนจะเดินออกไประเบียง จะรู้สึกความต่างระดับของพื้นนิดหน่อย ตรงบริเวณรางประตูบานเลื่อนที่สูงขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ตอนแรกๆอาจจะเผลอสะดุดได้ แต่พออยู่ไปนานๆก็จะมีความคุ้นชินกับระดับพื้นแล้วค่ะ

สำหรับพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ​ 0.7 x 3.7 เมตร สามารถเอาเก้าอี้ไปตั้งทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ได้ หรือจะปลูกต้นไม้เล็กๆ เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน เวลามองจากภายในห้องออกไประเบียงแล้วเจอต้นไม้สีเขียวก็ทำให้ดูสบายตาและรู้สึกผ่อนคลายดีค่ะ

ตรงพื้นที่ระเบียงก็มีราวกันตกที่เป็นโครงเหล็กสีขาว ออกแบบให้เป็นซี่ๆ ดูโปร่งไม่อึดอัดค่ะ

เราพากลับเข้ามาภายใน Master Bedroom กันต่อ ซึ่งเราพาไปดูอีกฝั่งของห้องที่เป็นพื้นที่ Walk – in Closet และห้องน้ำกันค่ะ

สำหรับพื้นที่ Walk – in Closet จะมีออกแบบเว้นช่องไว้ให้ทางด้านซ้ายนะคะ ซึ่งเราก็สามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built – in ได้หรือใครที่อยากจะประหยัดงบหน่อยก็เลือกใช้เป็นตู้เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีขนาดพอดีกับช่องว่างได้เหมือนกันค่ะ ส่วนพื้นที่อื่นๆก็ทำเป็นชั้นวางของ แขวนเสื้อผ้า หรือวางตู้เก็บของได้เหมือนกับที่ทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้ดูกันค่ะ

พื้นที่ Walk – in Closet บริเวณด้านหน้าห้องน้ำที่ทางโครงการวางเป็นตู้เก็บของและติดกระจกเงา เราก็สามารถตั้งเป็นโต๊ะแต่งหน้าพร้อมติดกระจกเงาได้ค่ะ ซึ่งก็จะอยู่ติดกับห้องน้ำค่ะ

Master Bathroom มีขนาดประมาณ 1.8 x 2.6 เมตร ออกแบบแบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้งและเปียก ปูพื้นกระเบื้องเซรามิกสีเทา ส่วนบริเวณพื้นที่อาบน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่สำหรับเพื่อเปิดระบายอากาศและความอับชื้นในห้องน้ำค่ะ

สำหรับอ่างล้างมือ ก๊อกน้ำและโถสุขภัณฑ์ มาจากแบรนด์ MOGEN ซึ่งเป็นสเปคแบบเดียวกับห้องน้ำชั้น 1 ค่ะ แต่ว่าอ่างล้างมือของ Master Bathroom จะมีช่องเก็บของด้านล่างอ่างล้างมือ สำหรับเก็บอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆได้ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำของ Master Bathroom มีขนาด 0.8 x 1.8 เมตร ติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ MOGEN เหมือนห้องน้ำชั้น 1 ค่ะ สำหรับฉากกั้นกระจกอาบน้ำจะไม่ได้มีมาให้นะคะ แต่ทางลูกบ้านก็สามารถติดตั้งเพิ่มกันเอง รวมถึงเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยที่ทางโครงการได้เดินสายรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ต่อมาเราพาไปดูห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง และห้องน้ำส่วนกลางใช้ร่วมกันค่ะ

Image 1/3
บรรยากาศห้องนอนรอง 1

บรรยากาศห้องนอนรอง 1

เราพามาดูห้องนอนรอง 1 กันก่อนค่ะ ห้องนี้มีขนาด 2.8 x 3.5 เมตร สามารถวางเตียงใหญ่ขนาด 5 ฟุตได้เลยค่ะ แต่เราแนะนำว่าวางเป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุตดีกว่า จะได้มีพื้นที่รอบเตียงที่กว้างขึ้น ทำให้นอกจากจะวางตู้เสื้อแล้วก็สามารถตั้งโต๊ะอ่านหนังสือหรือวางของอื่นๆในห้องได้ด้วยค่ะ

Image 1/3
บรรยากาศห้องนอนรอง 2

บรรยากาศห้องนอนรอง 2

ห้องนอนรอง 2 มีขนาดเท่ากับห้องนอนรอง 1 เลยค่ะ โดยมีขนาดห้องอยู่ที่ 2.8 x 3.5 เมตร และอย่างที่บ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียกัน ก็จะวางเป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุตและดันเตียงนอนชิดติดผนังด้านข้าง ทำให้มีพื้นที่ด้านข้างหัวเตียงที่เหลือตั้งเป็นโต๊ะทำงานและโต๊ะเล็กๆสำหรับวางโคมไฟได้ค่ะ

ส่วนผนังอีกข้างก็ติดเป็นชั้นวางของสะสมต่างๆได้ และผนังด้านประตูห้องก็ทำเป็น Built – in ตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่ผนังห้องเลย หรือเลือกใช้เป็นตู้เสื้อผ้าสำเร็จรูปก็ได้ตามความชอบเลยค่ะ

สำหรับห้องน้ำใช้ร่วมกันของห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง มีขนาดอยู่ที่ 1.3 x 2.6 เมตร มีการออกแบบแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งและเปียก มีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ รวมถึงตะกร้าผ้าในห้องน้ำได้ วัสดุปูพื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิกสีเทา และมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่บริเวณพื้นที่อาบน้ำ สำหรับเปิดระบายอากาศด้วยค่ะ

สเปคสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำเป็นแบรนด์ MOGEN ทั้งหมดเหมือนกับห้องน้ำชั้น 1 เลย

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ​ 0.8 x 1.2 เมตร สามารถยืนอาบน้ำได้สะดวก ฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ MOGEN เหมือนกันค่ะ


Orbit

แบบบ้านหลังสุดท้ายที่เราไปเก็บภาพบรรยากาศมาให้ดูคือ Orbit ที่เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น มีที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 291.5 ตร.ม. และฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 ที่จอดรถ

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 2 คันในร่ม
  • ช่องเก็บของตรงบริเวณพื้นที่จอดรถ
  • มีทางลาดรองรับวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุตรงบริเวณพื้นที่จอดรถ
  • มีประตูทางเข้าหน้าบ้าน 2 ทาง
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน เป็นพื้นที่วางของได้สะดวก
  • Foyer โถงพื้นที่ต้อนรับ
  • ห้องเก็บของขนาดใหญ่ใต้บันได
  • พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่กินข้าวและพื้นที่ครัว
  • Double Volume สูงประมาณ 6 เมตร บริเวณพื้นที่นั่งเล่น
  • ห้องน้ำชั้น 1 มีส่วนพื้นที่อาบน้ำ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้
  • ห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุได้
  • ห้องนอนและห้องน้ำสำหรับแม่บ้าน

ชั้น 2

  • โถงทางเดินชั้น 2 มีราวกันตก มองลงไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นบริเวณชั้น 1
  • หน้าต่างตรงโถงทางเดิน ออกแบบเป็นกระจกเข้ามุม
  • ระเบียงส่วนกลาง สำหรับรับลมชมวิวด้านหน้าบ้าน
  • พื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ ด้านหน้าห้อง Master Bedroom
  • Master Bedroom ขนาดใหญ่รูปตัว L พร้อม Walk – in Closet และห้องน้ำในห้อง
  • พื้นที่ Walk – in Closet ขนาดใหญ่ สามารถตั้ง Island ตรงกลางได้
  • Master Bathroom มีอ่างล้างมือแบบ His & Her มีอ่างอาบน้ำและฉากกั้นกระจกอาบน้ำตรงส่วน Shower มาให้

ชั้น 3

  • ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 6 ฟุตได้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าด้านข้าง
  • ห้องน้ำใช้งานร่วมกัน มีประตู 2 ทาง สำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง
  • ห้องนอนรอง 1 มีหน้าต่างกระจกเข้ามุม เปิดรับแสงและวิวกว้างขึ้น
  • มีระเบียงส่วนตัวภายในห้องนอนรอง 1

สำหรับเรามองว่าแบบบ้านนี้มีความน่าสนใจที่โครงการอื่นในทำเลไม่มีแบบบ้าน 3 ชั้นเลย แต่ก็แอบเสียดายนิดหน่อยที่มีพื้นที่จอดรถเพียง 2 คันเอง ถ้าได้ที่จอดรถเพิ่มอีกคันเป็นรวม 3 คัน ก็ทำให้แบบบ้านนี้น่าสนใจมากขึ้นเลยค่ะ เพราะพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านก็ใหญ่ พื้นที่รอบบ้านก็กว้าง สามารถต่อเติมพื้นที่ในอนาคตได้ด้วย ซึ่งทางโครงการก็เพิ่งเปิดการขายแบบบ้าน Orbit แล้วนะคะ

ทางโครงการไม่ได้มีการตกแต่งและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน Orbit นี้นะคะ เราก็เลยเก็บภาพบรรยากาศแบบบ้านมาตรฐานของ Orbit มาให้ดูกันเลยค่ะ ก็จะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนดีเลยค่ะว่าเราจะได้อะไรบ้าง และต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมบ้างค่ะ

Image 1/12
บรรยากาศด้านหน้าบ้าน

บรรยากาศด้านหน้าบ้าน

บรรยากาศภายในบ้านบริเวณชั้น 1 รูปแบบบ้าน Orbit

Image 1/8
โถงทางเดินชั้น 2 มีราวกันตกมองไปชั้น 1 และออกแบบหน้าต่างกระจกเข้ามุม มีประตูด้านข้างเปิดไปเป็นระเบียง

โถงทางเดินชั้น 2 มีราวกันตกมองไปชั้น 1 และออกแบบหน้าต่างกระจกเข้ามุม มีประตูด้านข้างเปิดไปเป็นระเบียง

บรรยากาศภายในบ้านบริเวณชั้น 2 รูปแบบบ้าน Orbit

Image 1/8
โถงทางเดินชั้น 3 ออกแบบหน้าต่างเป็นแนวยาว

โถงทางเดินชั้น 3 ออกแบบหน้าต่างเป็นแนวยาว

บรรยากาศภายในบ้านบริเวณชั้น 3 รูปแบบบ้าน Orbit

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

The Canal – Rama 2 ราคา ณ วันที่ 25 กันยายน 2566

  • Wadi บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 147.8 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท
  • Ravine บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 64.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 165.9 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท
  • Orbit บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 291.5 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท
  • จองและทำสัญญา 50,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 35,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 29 บาท/ตร.วา/เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) ตั้งอยู่บนถนนเจษฎาวิถี เป็นถนนเส้นทางลัดเลี่ยงเส้นทางรถติดจากถนนพระราม 2 เดินทางไปฝั่งมหาชัยได้สะดวก เป็นโซนช่วงรอยต่อสำคัญของกรุงเทพ-สมุทรสาครที่เหมาะกับผู้ที่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลักค่ะ สามารถเดินทางมาทำงานในมหาชัยหรือจะเข้าไปติดต่อธุรกิจในกรุงเทพก็สะดวกค่ะ ใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษก รวมถึงมีโครงการอนาคตทั้งทางด่วนใหม่ 2 สาย และแผนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม เชื่อมต่อจากบางซื่อ – หัวลำโพง – มหาชัย – ปากท่อ ด้วยค่ะ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ของทำเลจะอิงไปทางฝั่งมหาชัยอยู่ในระยะประมาณ ​10 กิโลเมตรค่ะ มีทั้งตลาดขนาดใหญ่และห้างสรรพสินค้าหลายแห่งอย่าง เซ็นทรัล มหาชัย, BigC, Lotus’s, Porto Chino และตลาดสดมหาชัยนั่นเองค่ะ หรือบนถนนเจษฎาวิถีก็มีร้านค้าประปรายอยู่ตามแนวถนน รวมถึงในซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ที่เป็นทำเลร้านค้าที่อยู่กันอย่างคึกคักค่ะ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

ทางเข้า – ออกด้วยระบบ Keycard Access แบ่งทางเข้า-ออกเป็น 2 ช่องทางเพื่อความสะดวกของลูกบ้าน พร้อมกล้อง CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการรวม 47 จุด พร้อมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังได้ระบบ Emergency Alarm สัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉินสำหรับบ้านทุกหลังเลยค่ะ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :

โครงการออกแบบในสไตล์ Modern Minimal ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า ไปถึงอาคาร Clubhouse และออกแบบเน้นบรรยากาศความเป็นธรรมชาติและการพักผ่อน ส่วนการจัดวางผังของโครงการดูง่ายและไม่ซับซ้อน เป็นโครงการที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงมีจำนวนเพียง 128 ยูนิต บนที่ดินกว่า 45 ไร่

การออกแบบภายในบ้านเดี่ยวมีการจัดฟังก์ชันได้ลงตัว ได้ห้อง 3 -4 ห้องนอน / 3-4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ แต่เราก็แอบเสียดายนิดหน่อยเรื่องที่จอดรถค่ะ เพราะด้วยทำเลที่เหมาะกับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว น่าจะได้เป็นที่จอดรถ 3 คัน และเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยในแต่ละฟังก์ชันใหญ่ ได้ห้องน้ำชั้นล่างมีพื้นที่อาบน้ำรองรับการใช้งานพร้อมกันและครัวแบบปิดในทุกแบบบ้าน สามารถรองรับการอยู่อาศัยทั้งครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก ไปจนถึงบ้านที่รองรับครอบครัวใหญ่พร้อมผู้สูงอายุอยู่อาศัยด้วยค่ะ

วัสดุ :

โครงสร้างบ้านเป็นแบบก่ออิฐ TAN-BRICK ที่มีความแข็งแรงและแข็งแกร่ง ซึมน้ำต่ำ รวมถึงสามารถทนไฟและกันเสียงได้มากกว่าอิฐประเภทอื่นๆด้วยค่ะ รวมถึงทางโครงการได้ลงเสาเข็มทั้งตัวบ้าน พื้นที่จอดรถและพื้นที่ซักล้างด้วยค่ะ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องบ้านทรุดตัว สำหรับพื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องเซรามิกสีขาว ทนต่อรอยขีดข่วน ทนน้ำ และทำความสะอาดง่าย ส่วนชั้น 2 เป็นพื้นไวนิลที่มีความทนทาน ได้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยการเลือกใช้พื้นลายไม้ และห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ครบชุดจาก MOGEN และเพิ่มความปลอดภัยของบ้านด้วยการติดตั้ง ระบบ Emergency Alarm ทั้งชั้น 1 และ 2 ค่ะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

พื้นที่สวนหย่อมขนาด 2 ไร่กว่า จะอยู่บริเวณตรงกลางโครงการเลียบคลอง ประกอบด้วยสนามหญ้า พื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง และมีที่นั่งพักในสวนทั้งเก้าอี้ Amphithertre และศาลาค่ะ บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ล้อมสวนหย่อม รวมถึงมีต้นไม้ปลูกไว้ตลอดแนวถนน 2 ฝั่ง ทั้งไม้พุ่มขนาดเล็กและต้นไม้ขนาดใหญ่ สามารถมาเดินเล่นพักผ่อนริมคลองได้สบายๆค่ะ

สาธารณูปโภค :

พื้นที่ส่วนกลางให้มาครบครันและมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับโครงการที่บ้านจำนวน 128 ยูนิต มีจุดเด่นที่มีคลองผ่านกลางโครงการ ได้บรรยากาศร่มรื่นทั้งจากต้นไม้และสายน้ำ อาคาร Clubhouse ประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน, สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อมสระเด็ก และ Fitness บริเวณชั้น 2 มองเห็นวิวด้านหน้าโครงการ ส่วนถนนภายในโครงการกว้าง 9 – 12 เมตร สามารถขับรถสวนกันได้สบายๆ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 4 – 10 ล้านบาท,  25 กันยายน 2566

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7/10 – ตั้งอยู่บนถนนเจษฎาวิถี เป็นถนนเส้นทางลัดเลี่ยงเส้นทางรถติดจากถนนพระราม 2 เดินทางไปฝั่งมหาชัยได้สะดวก อยู่ในอาณาจักรสารินซิตี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกและทางด่วนสายใหม่ในอนาคต
  • ความปลอดภัย 7.25/10 –  มีรั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, CCTV ในโครงการ, Emergency Alarm ภายในบ้านทุกยูนิต
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน แยกโซนการใช้งานดี
  • วัสดุ 7.75/10 – โครงสร้างแบบก่ออิฐ TAN-BRICK และลงเสาเข็มทั้งตัวบ้าน พื้นที่จอดรถและพื้นที่ซักล้าง ส่วนวัสดุอื่นๆเป็นไปตามมาตรฐาน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – พื้นที่สีเขียวขนาด 2 ไร่กว่า บรรยากาศร่มรื่น มีการปลูกไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวถนน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ Clubhouse, สระว่ายน้ำ, Fitness, พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน และสวน และมีจุดเด่นอย่างคลองที่ผ่านกลางโครงการ ได้บรรยากาศร่มรื่นทั้งจากต้นไม้และสายน้ำ
  • 7.46 / 10.00

The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) เหมาะกับใคร

โครงการ The Canal – Rama 2 (เดอะ คาแนล – พระราม 2) เหมาะสำหรับครอบครัวกลางถึงใหญ่ หรือมีผู้สูงอายุอยู่ด้วยที่มองหาบ้านที่สามารถไปย่านมหาชัยหรือเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก มีรถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลัก ชอบทำเลที่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ ไม่ไกลจากตัวเมือง แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่มีความสงบ ชอบโครงการที่มีขนาดใหญ่ มีความเป็นส่วนตัว เน้นบรรยากาศความเป็นธรรมชาติ ได้พื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะ ฟังก์ชันครบ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 4.99 – 9.9 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 29,000 – 69,000 บาท