รีวิวโครงการ

The Sneak EP.199 : BARNYARD KHAOYAI | บ้านพักตากอากาศในเขาใหญ่ Classic American Farmhouse Style

21 กันยายน 2023

อ่านรีวิวล่าสุด

..วันนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศพามาดูบ้านพักตากอากาศแห่งใหม่ที่เขาใหญ่กันครับ โดยโครงการ BARNYARD KHAOYAI (บาร์นยาร์ด เขาใหญ่) เป็นบ้านแบรนด์ใหม่จากสัมมากร และยังเป็นโครงการแรกที่ได้เปิดตัวในต่างจังหวัดแบบนี้อีกด้วย ซึ่งความน่าสนใจก็คือ ‘แบบบ้าน’ ที่เป็นสไตล์ Classic American Farmhouse ไม่เหมือนใครในย่าน อีกทั้งยังมีวิวทะเลสาบ+วิวเขาใหญ่ให้ได้ชม รวมถึงการออกแบบฟังก์ชันภายในก็นับว่าตอบโจทย์การพักผ่อนมากๆ โดยผมได้รวบรวมจุดเด่นมาให้แล้วดังนี้

  • แบบบ้านเป็นสไตล์ Classic American Farmhouse ไม่เหมือนใครในย่าน ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาพักตากอากาศที่เมืองนอกเลยทีเดียว
  • มีบ้าน 3 Type ให้เลือก สามารถรองรับครอบครัวขนาดเล็ก-ใหญ่ได้สบาย
  • จัดฟังก์ชันเน้นพื้นที่พักผ่อนโซนหลังบ้าน เพื่อเปิดรับวิวทะเลสาบและเขาใหญ่ด้านนอกอย่างเต็มที่ รวมถึงมีระเบียงขนาดใหญ่ และพื้นที่ฝ้าเพดานสูงที่โปร่งโล่ง
  • จัดผังโครงการน่าสนใจ มีบ้าน 3 โซนใหญ่ๆที่มีจุดเด่นต่างกัน ประกอบด้วย โซนบ้านที่ใกล้อาคาร Clubhouse / โซนบ้านติดทะเลสาบ และโซนบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวและได้วิวภูเขาสูง
  • มีความเป็นส่วนตัวเพียง 47 ยูนิต

ข้อมูลโครงการ

BARNYARD KHAOYAI (บาร์นยาร์ด เขาใหญ่) ณ วันที่ 4 กันยายน 2566

 ชื่อโครงการ   BARNYARD KHAOYAI (บาร์นยาร์ด เขาใหญ่)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท สัมมากร จํากัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนน 3052 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
 ที่ดิน 33-3-70.4 ไร่
 จำนวนยูนิต 47 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Skyler (สกายเลอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 210 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
  • Marina (มาริน่า) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 150 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 304 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ
  • Luciano (ลูเซียโน) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 355 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ / 1 ครัวไทย / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Powder Room

 ราคาเริ่มต้น   15.9 – 32 ล้านบาท
 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.5 – 2.7 เมตร และพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume 5.8 – 8.8 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ   n/a บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี n/a
 เว็บไซต์โครงการ   https://bit.ly/463Fowm
 โทร   064-654-9065

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้ทางขึ้นเขาใหญ่ และใกล้บริเวณเชิงเขา ทำให้บ้านพักส่วนใหญ่สามารถมองเห็นวิวภูเขาได้แบบเต็มๆ
  • ตั้งอยู่ในโซนที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และเหมาะกับการพักผ่อน
  • อยู่ไม่ไกลจากโซนท่องเที่ยวอย่างถนนมิตรภาพ ถนนผ่านศึก-กุดคล้า และถนนธนรัชต์ ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทั้งคาเฟ่ และร้านอาหารชื่อดังมากมาย

ขอบคุณภาพประกอบจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

‘เขาใหญ่’ มักเป็นหนึ่งในสถานที่อันดับต้นๆของชาวกรุงเทพ ที่เรามักจะนึกถึงในเวลาที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายและฝุ่น PM 2.5 ในตัวเมือง โดยใช้เวลาขับรถมาจากกรุงเทพไม่นานเพียง 2 ชม. อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครัน เต็มไปด้วยคาเฟ่สวยๆ ร้านอาหารดีๆ และโรงแรมให้เลือกมายมาย

ปัจจุบันก็มีคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากชาวกรุงเทพ ที่ต้องการสถานที่พักผ่อนตากอากาศส่วนตัว รายล้อมไปด้วยธรรมชาติป่าเขาแบบนี้ และสามารถขับรถมาเติมโอโซนให้เต็มปอด + ชาร์จแบตตัวเองให้พร้อม ก่อนจะกลับไปลุยกันต่อในเมืองกรุงนั่นเอง

พิกัด Google Maps : 14.50594704040945, 101.44930534239394
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ BARNYARD KHAOYAI ตั้งอยู่ใกล้กับทางขึ้นเขาใหญ่บนถนนหมายเลข 3052 ซึ่งเป็นโซนที่เรียกได้ว่าอยู่ใกล้กับเชิงเขา และค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง จึงเหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดมากๆ โดยความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่ก็จะเกาะอยู่บนถนนที่วิ่งตรงเข้าสูงทางขึ้นเขาใหญ่อย่างถนนมิตรภาพ ถนนผ่านศึก-กุดคล้า และถนนธนรัชต์ ดังนั้นจึงมีคาเฟ่และร้านอาหารต่างๆ ให้เราได้แวะกันก่อนเข้าบ้านเยอะมากครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการ แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่าง และจะตั้งอยู่ภายในซอยที่ถัดเข้ามาจากถนนหลัก จึงมีความเงียบสงบ เป็นส่วนตัว และเหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งยังอยู่บริเวณใกล้กับเชิงเขา จึงทำให้บ้านพักส่วนใหญ่จะสามารถมองเห็นวิวภูเขาได้แบบเต็มๆในระยะใกล้มากๆเลยนั่นเองครับ โดยทิศทางต่างๆจะประกอบด้วย

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่าง และโรงแรมใกล้เคียง
  • ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่าง และมองเห็นวิวเขาใหญ่แบบเต็มๆ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่าง
  • ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนสาธารณะและชุมชนแนวราบ ส่วนระยะไกลยังสามารถมองเห็นวิวของเขาใหญ่ได้แบบเต็มๆอยู่ด้วย

ส่วนภาพนี้จะเป็นบรรยากาศของถนนสาธารณะที่อยู่ด้านหน้าโครงการครับ จะเห็นได้ว่า 2 ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และมีบ้านของคนท้องถิ่นอาศัยอยู่ด้วย จึงมีความเงียบสงบและก็ไม่เปลี่ยวจนเกินไป แต่ถ้าเป็นช่วงเวลากลางคืนก็อาจมีรถผ่านไป-มาน้อย และมืดสักหน่อยครับ เนื่องจากเป็นซอยย่อยที่แยกตัวออกมาจากถนนท่องเที่ยวสายหลักอยู่หน่อยนึงนั่นเอง

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม ~ 6.60 กม.
  • สวนน้ำสวนสนุกซีนิคอลเวิลด์เขาใหญ่ ~ 10.5 กม.
  • โบนันซ่า เขาใหญ่ ~ 13.8 กม.
  • พรีโม เพียซซ่า ~ 13.8 กม.
  • แม็คโคร ~ 20.6 กม.
  • โลตัส ~ 23.5 กม.
  • พรีเมี่ยมเอาท์เล็ทเขาใหญ่ ~ 25.8 กม.

โรงพยาบาล

  • คลินิกเวชกรรมกรุงเทพเขาใหญ่ ~ 10.9 กม.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ปากช่อง ~ 30.7 กม.

โรงเรียน

  • โรงเรียนนานาชาติเซนต์ สตีเฟ่นส์ ~ 17.3 กม.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • ผังโครงการสามารถแบ่งบ้านออกได้เป็น 3 โซน ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโซนที่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก โซนที่ติดทะเลสาบ และโซนที่เน้นวิวภูเขา
  • ลักษณะแปลงที่ดินโครงการจะมีระดับความสูง-ต่ำที่แตกต่างกัน จึงทำให้บ้านแต่ละโซนได้วิวที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน
  • ยูนิตน้อย เป็นส่วนตัวเพียง 47 หลัง
  • บรรยากาศสวยงาม และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อน

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

Barnyard Khaoyai

เป็นบ้านแบรนด์ใหม่จาก ‘สัมมากร’ และยังเป็นโครงการแนวบ้านพักตากอากาศแห่งแรก ที่ได้ออกมาทำในต่างจังหวัดแบบนี้อีกด้วยครับ ซึ่งนับว่าเป็น..จุดเริ่มต้น ที่ต่อไปในอนาคตเราก็คงได้มีโอกาสเห็นโครงการของ Developer เจ้านี้ ในทำเลต่างจังหวัดอื่นๆด้วยเหมือนกัน

โดยคำว่า ‘BARNYARD’ หมายถึง ‘โรงนา’ และเป็นที่มาของแนวคิดการออกแบบบ้านสไตล์ Classic American Farmhouse ที่สะท้อนการใช้ชีวิตในแถบชานเมืองของต่างประเทศ ในบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติและภูเขา ให้ความรู้สึกเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุดนั่นเองครับ

Master Plan :

ลักษณะเด่นของโครงการนอกจากจะเป็นแปลงที่ดินที่อยู่ใกล้เชิงเขาแล้ว บริเวณตรงกลางยังมีการขุดดินเพื่อทำเป็น ‘ทะเลสาบ’ เพื่อช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีให้กับภายในโครงการอีกด้วยครับ และจากการวางผังบ้านลักษณะแบบนี้ รวมถึงลักษณะที่ดินแบบเชิงเขาที่มีระดับความสูง-ต่ำไม่เท่ากัน (คล้ายแอ่งกระทะ โดยบริเวณทะเลสาบจะอยู่ต่ำสุด) จึงทำให้บ้านในแต่ละโซนจะได้วิวที่ไม่เหมือนกันกัน และมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน 3 โซนดังนี้

  1. Zone A : เป็นโซนที่บ้านจะอยู่ใกล้ Clubhouse เหมาะกับคนที่ชอบใช้ Facilities หรืออยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบบ้านไซส์ S และ M
  2. Zone B : ถือเป็นโซน Highlight หลักของโครงการ เพราะบ้านทุกหลังจะโอบล้อมพื้นที่ทะเลสาบเอาไว้ ทำให้เราสามารถมองเห็นวิว Lake จากภายในบ้านได้ตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบบ้านไซส์ M และ L ที่เป็นแปลงมุมครับ
  3. Zone C : เป็นโซนที่อยู่ด้านในสุดของโครงการ จึงได้ความเงียบสงบเป็นส่วนตัว และจะเน้นชมวิวของเขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน โดยจะมีแบบบ้านให้เลือกหลากหลายทั้ง S, M และ L

เริ่มกันที่บริเวณทางเข้าโครงการจะแบ่งทางเข้า-ออกชัดเจน และมีป้อม รปภ. ตั้งอยู่ตรงกลาง โดยลูกบ้านจะสามารถผ่านได้ด้วยระบบ Key Card ส่วนถ้าเป็นแขกหรือ Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนตามปกติ

เมื่อผ่านป้อม รปภ. เข้ามาก็จะเห็นถนนที่เป็นทางลาดลงเนิน ซึ่งอย่างที่เกริ่นไปในช่วงแปลนแล้วว่า ลักษณะที่ดินของโครงการนี้จะเป็นเหมือนแอ่งกระทะ เพราะอยู่ใกล้กับบริเวณเชิงเขานั่นเอง

ส่วนทางขวามือจะเป็นบ้านใน Zone A ซึ่งปัจจุบันเป็นบ้านตัวอย่างและสำนักงานขาย รวมถึงอนาคตก็จะมีอาคาร Clubhouse ตั้งอยู่ด้วยนะ

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

และนี่เป็นภาพบรรยากาศจำลองของอาคาร Clubhouse เมื่อมองจากถนนโครงการด้านหน้า ซึ่งตัวอาคารจะมีลักษณะเหมือนเป็นบ้านไม้ขนาดใหญ่ ดูสวยงามและเข้ากับบรรยากาศธรรมชาติมากๆเลยทีเดียว

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

สำหรับฟังก์ชันภายนอกจะมีพื้นที่สวนเล็กๆ พื้นที่นั่งพักผ่อนในร่ม และสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้งให้ใช้งาน โดยมีขนาด 5 x 15 m. พอจะว่ายออกกำลังกายจริงจังได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงยังมีการแบ่งเป็นสระเด็กขนาด 5 x 3.4 m. ด้วยครับ

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

ส่วนภายในอาคารชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ Lobby สำหรับนั่งพักผ่อนและรับรองแขก รวมถึงยังมี Co-Working Space ให้เราได้ใช้งานด้วย โดยลักษณะเด่นของฟังก์ชันเหล่านี้ก็คือ จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume ไปตามจั่วของหลังคาที่มีความโปร่งโล่งแบบนี้นั่นเองครับ

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

ส่วนพื้นที่บนชั้น 2 จะเป็น Fitness ที่แบ่งเป็นโซน Cardio และ Weight Training พร้อมกับมีอุปกรณ์ต่างๆให้ใช้งานครบเลย

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมี Yoga Room ให้เราได้มายืดเส้นยืดสาย หรือฝึกทำสมาธิกันได้ด้วยครับ

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

ถัดเข้ามาจาก Zone A จะมีสะพานให้เราได้ข้ามคลองลำลางธารณะเล็กๆแบบนี้ครับ

ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

โดยจุดเด่นหรือ Highlight ของโครงการนี้ก็คือ ‘วิวทะเลสาบ’ ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งบ้านที่อยู่ล้อมรอบก็จะหันหน้าเข้ามารับวิว ทำให้เราสามารถมองเห็นทะเลสาบ พื้นที่สีเขียว หรือวิวภูเขาได้ตลอดเวลาแบบนี้เลยครับ

และนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศของจริงใน Zone B บางส่วนที่ผมได้ถ่ายมาฝากกัน (พอดีวันที่เข้ามาถ่ายรีวิวยังคงมีการก่อสร้างกันอยู่นะครับ)

โดยทะเลสาบแห่งนี้ทางโครงการได้ขุดขึ้นมาเอง ซึ่งจะมีขนาดประมาณ 1 ไร่ รอบๆมีการจัดสวนและปลูกต้นไม้ประดับเอาไว้สวยงาม รวมถึงยังมีทางเดินรอบๆทะเลสาบให้เดินเล่น หรือวิ่งออกกำลังกายกันได้อีกด้วย

ส่วนภาพนี้จะเป็นวิวจากบ้านใน Zone C ที่จะอยู่ด้านในสุดของโครงการ ซึ่งนอกจากจะได้ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวแล้ว ตัวบ้านยังหันไปรับวิวภูเขาของเขาใหญ่แบบนี้ รวมถึงบางหลังยังอาจมองเห็นวิวทะเลสาบไกลๆได้อีกด้วย

ซึ่งอย่างที่บอกว่าลักษณะที่ดินจะคล้ายกับแอ่งกระทะ ที่ตรงโซนนี้จะมีระดับสูงกว่าโซนทะเลสาบพอสมควร จึงทำให้เหมาะกับคนที่ชอบเน้นมองวิวภูเขาสีเขียวขจีแบบนี้นั่นเอง รวมถึงช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวก็จะมีหมอกให้เราได้ชมกันอีกด้วยนะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Lobby
  • Co-Working Space
  • พื้นที่สวนและเลี้ยงสัตว์ (ลานสนามหญ้าและสวนที่หลั่นเป็นขั้นบันได มีพื้นที่เล้าไก่เล็กๆ เหมาะสำหรับครอบครัว)
  • ระเบียงอเนกประสงค์ (สามารถปรับเปลี่ยนทำกิจกรรมได้หลากหลาย เหมาะสำหรับสังสรรค์ สามารถ Party รอบกองไฟ หรือทำบาร์บีคิวได้)
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 5 x 15 เมตร
  • Kid’s Pool ขนาด 5 x 3.4 เมตร
  • Fitness แบ่งพื้นที่ออกกำลังกายเป็นสัดส่วน ภายใน Space ใต้หลังคาจั่วให้ความโปร่งโล่ง
  • พื้นที่สีเขียวและสวนหย่อมขนาดใหญ่ประมาณ 5-3-0 ไร่ และทะเลสาบขนาดประมาณ 1 ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 2 – 3 เมตร มีรั้วโปร่งบริเวณริมลำรางสาธารณะ
  • ถนนหลักกว้าง 8 เมตร และถนนภายในกว้าง 6 เมตร
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบประตูเลื่อนไฟฟ้า และมีไม้กั้นกระดกระบบอ่านป้ายทะเบียนบริเวณทางเชื่อมที่ดินระหว่างลำราง
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Shock Sensor, IP Camera / Wifi Camera, Digital Door Lock, Home Automation ควบคุมเปิด-ปิดไฟและความปลอดภัยให้ทุกหลัง
  • เดินไฟ 3 เฟส รองรับ Junction EV Charger ทุกหลัง

แบบบ้าน

Highlights :

  • บ้านสไตล์ Classic American Farmhouse ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนอยู่เมืองนอก
  • ออกแบบฟังก์ชันตอบโจทย์คนที่มองหาบ้านพักตากอากาศแท้ๆ เน้นพื้นที่พักผ่อนโซนหลังบ้าน ให้ได้ใกล้ชิดและสามารถชมวิวธรรมชาติสวยๆจากในบ้านได้ อีกทั้งยังมีระเบียงขนาดใหญ่ให้ใช้งานหลายจุดด้วย
  • เน้นพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีช่องแสงขนาดใหญ่ และพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume จึงทำให้มีบรรยากาศสว่างโปร่งโล่ง
  • มีบ้าน 3 แบบ 3 ขนาดให้เลือก สามารถรองรับครอบครัวขนาดเล็ก-ใหญ่ได้สบายๆ
  • พื้นที่ดินรอบบ้านมีขนาดใหญ่ 120 ตร.วาขึ้นไป สามารถจัดสวนหรือเพิ่มฟังก์ชัน Outdoor ได้หลากหลายตามต้องการ

แบบบ้านของโครงการ BARNYARD KHAOYAI จะเป็นสไตล์ Classic American Farmhouse โดยลักษณะเด่นก็คือ บ้านหลังคาทรงจั่วสีขาวสไตล์โรงนาแบบเมืองนอก ซึ่งพอตัดกับสีเขียวของภูเขา และสีฟ้าของท้องฟ้าแล้วคือสวยงามเด่นสะดุดตามากๆครับ โดยจะมีทั้งหมด 3 แบบ 3 ขนาดให้เลือก ประกอบด้วย

  • Skyler (สกายเลอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 210 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
  • Marina (มาริน่า) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 150 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 304 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ
  • Luciano (ลูเซียโน) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 355 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ / 1 ครัวไทย / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Powder Room

สำหรับโครงสร้างบ้านจะเป็นการก่ออิฐ จึงสามารถทุบ/ต่อเติมได้หลากหลายตามต้องการ อีกทั้งขนาดที่ดินรอบบ้านก็มีเหลือเยอะมากๆครับ เพราะทุกหลังจะเป็นบ้านขนาด 120 ตร.วาขึ้นไปทั้งหมดเลย ทำให้เราสามารถออกแบบฟังก์ชันเองได้เต็มที่

นอกจากนี้ยังเป็นบ้านที่ไม่ได้มีรั้วปูนล้อมรอบเหมือนบ้านในเมืองที่เราคุ้นเคย แต่จะเป็นเพียงรั้วเตี้ยๆเท่านั้น ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยๆตามเมืองนอก ทั้งนี้เพราะเค้าต้องการให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด และไม่อยากให้มีอะไรมาบังวิวนั่นเอง

  • Marina (มาริน่า) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 150 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 304 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ

แบบบ้านทุกหลังจะมีลักษณะฟังก์ชันคล้ายๆกัน โดยออกแบบมาในสไตล์บ้านพักตากอากาศที่เน้นการพักผ่อนเป็นหลัก สำหรับแปลนชั้น 1 นอกจากเราจะได้ Common Area ขนาดใหญ่มากๆแล้ว ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ ‘Living Area’ ซึ่งจะถูกดันมาอยู่ทางโซนด้านหลังของบ้าน เพื่อที่จะได้ชมวิวทะเลสาบและภูเขาสวยๆ ผ่านทางช่องแสงขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มที่นั่นเองครับ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume จึงมีความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ และในวันที่อากาศดีๆ เราก็สามารถออกมานั่งเล่นที่ ‘ระเบียงข้างนอก’ ได้ด้วยเช่นกัน

ส่วนฟังก์ชันอื่นๆที่น่าสนใจก็จะมี ‘ห้องนอนชั้นล่าง’ ที่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย โดยจะมีห้องน้ำให้ใช้งานได้ในตัวสะดวก รวมถึงยังมี ‘พื้นที่อเนกประสงค์’ ให้ใช้งานด้วย ซึ่งถูกออกแบบมาเผื่อให้เราสามารถกั้นผนัง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวเองได้หากต้องการ แต่สำหรับฟังก์ชัน ‘ครัว’ เราจะได้เป็นครัวเปิด เพราะส่วนใหญ่เราคงออกไปทานอาหารที่ร้านดังๆของเขาใหญ่ มากกว่าที่จะมาทำอาหารทานเองอยู่บ้านนั่นเองครับ

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอนให้ใช้งานอีก 2 ห้อง โดยเฉพาะ Master Bedroom จะได้ทั้ง Walk-in Closet และห้องน้ำขนาดใหญ่พิเศษ เรียกได้ว่าเหมือนเป็นชั้น Penthouse เลยทีเดียว ส่วนห้องนอนเล็กก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานส่วนตัว แต่ที่ขาดไม่ได้สำหรับบ้านพักตากอากาศก็คือ ‘ระเบียง’ ที่ให้เราสามารถออกไปทำกิจกรรม Outdoor สูดอากาศและชมวิวธรรมชาติที่สวยงามรอบๆได้ครับ

เริ่มกันที่บริเวณหน้าบ้านจะไม่มีรั้วปูนทึบนะครับ แต่จะใช้เป็นแนวรั้วต้นไม้ที่เป็นพืชท้องถิ่น+พืชผักสวนครัวแบบนี้แทน (อารมณ์จะคล้ายๆกับบ้านที่เมืองนอกเลย) ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ก็ยังนำไปใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีตู้ไฟตั้งอยู่ทางด้านหน้า และโซนหลังบ้านจะเพิ่มรั้วไม้สีขาวกั้นเอาไว้ เพื่อความเป็นส่วนตัวจากทางหน้าบ้านนั่นเองครับ

ส่วนผนังบ้านจะไม่ใช่ผนังฉาบเรียบทาสีธรรมดา แต่จะมีการเซาะร่องของปูนเพื่อทำให้ดูเป็นเหมือนว่าบ้านหลังนี้ทำด้วยไม้สีขาวนั่นเอง ซึ่งก็มีความสวยงามดีทีเดียว

อีกทั้งยังช่วยป้องกันรอยแตกร้าวของปูนในอนาคต ไม่ให้ลามไปทั่วทั้งผนังได้อีกด้วย (รอยแตกจะหยุดอยู่ที่ร่องปูน ไม่ลามไปช่องถัดไป)

ที่จอดรถในร่มกว้าง 7.6 m. สามารถจอดรถได้ 3 คันสบายๆ โดยพื้นจะปูคอนกรีตแบบ Slab on Ground และจะเทยาวมาจนถึงแนวถนนหน้าบ้านเลยครับ

ซึ่งบางยูนิตก็อาจจะสามารถจอดรถซ้อนคันเพิ่มเป็น 6 คันได้เลยทีเดียว รวมถึงยังมีห้องเก็บของให้ใช้งาน / มี Junction ของ EV Charger สำหรับรถพลังงานไฟฟ้า และของจริงจะมีกล้อง CCTV ติดตั้งมาให้ด้วย

ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นบานไม้ที่กรุด้วยกระจก จึงทำให้ภายในบ้านมีความสว่างโปร่งโล่ง รวมถึงยังมี Stopper ป้องกันการกระแทกติดมาให้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถเปิดประตูบานเล็กข้างๆ เพื่อขยายกลายเป็นประตูบานใหญ่ ทำให้เราสามารถขนของชิ้นใหญ่ๆเข้าบ้านได้นั่นเองครับ

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับส่วนของครัวก่อน ซึ่งก็เปรียบเสมือนเป็น Foyer หรือพื้นที่ส่วนต้อนรับของตัวบ้าน โดยพื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ จึงทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายครับ

โดยของจริงเราจะได้เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L เหมือนบ้านมาตรฐานที่ผมถ่ายมาฝากกันนี้เลย หรือถ้าใครอยากทำโต๊ะเตรียมอาหาร (Island Table) เพิ่มเติมแบบบ้านตัวอย่าง ก็สามารถทำได้สบายๆ

Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ลายหินอ่อน รวมถึงยังมีอ่างล้างจานและ Hob and Hood ติดตั้งมาให้อีกด้วย โดยเราอาจติด Backsplash ที่ผนังเพิ่มเติม เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายก็ได้ครับ

สิ่งที่ชอบมากๆอย่างหนึ่งคือ เราจะมีช่องเก็บของที่เยอะมากๆ รวมถึงยังมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ทำให้มีแสงสว่างส่องผ่านเข้ามาเพียงพอ และยังสามารถเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย

อีกด้านหนึ่งของบ้านจะมีทางเดินเล็กๆของห้องนอนชั้น 1 และห้องน้ำอยู่แยกออกไป จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ภายในห้องนอนชั้นล่างจะมีขนาด 2.9 x 3.8 m. สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต และยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานรอบเตียงได้พอดีๆ

ซึ่งห้องนี้ก็เหมาะกับผู้สูงอายุ ที่ท่านอาจขึ้น-ลงบันไดชั้นบนไม่สะดวก หรือเราจะทำเป็นห้องนอนแขก และห้องอเนกประสงค์อื่นๆที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมก็ได้ครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้แบบนี้เลย รวมถึงจะมีประตูเชื่อมต่อไปยังห้องน้ำให้ใช้งานได้สะดวกด้วย

ภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์ของ American Standard ครบเป็นมาตรฐาน รวมถึงด้านหลังกระจกยังมีช่องให้เราได้เก็บของกันอีกด้วย

โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือจาก Common Area ด้านนอกและห้องนอนเมื่อครู่นี้ ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากๆเลยนั่นเอง

อีกด้านหนึ่งจะเป็น Shower Box ที่จะกั้นผนังกระจกนิรภัยมาให้ เพื่อรองรับการทำห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างแบบนี้ ภายในมีขนาด 1.5 x 0.9 m. สามารถยืนอาบน้ำได้สบายๆ

มาพร้อมกับการเจาะช่องวางของบนผนัง และมี Hand Shower ที่ปรับระดับความสูงได้ ส่วนถ้าใครที่มาเที่ยวช่วงอากาศเย็นๆก็ไม่ต้องกลัวหนาวครับ เพราะเค้าจะมี Junction ให้ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้พร้อมใช้งาน

ถัดเข้ามาภายในบ้านเราจะเจอ Common Area ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีช่องแสงที่เปิดรับวิวหลังบ้านเยอะมาก จึงทำให้ภายในบ้านมีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ

พื้นที่ตรงกลางเหมาะที่จะวางโต๊ะทานอาหาร 8 – 10 ที่นั่ง เพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ได้สบาย โดยพื้นบ้านก็จะเปลี่ยนเป็นกระเบื้อง SPC ลายไม้ที่ทนความชื้นได้ดี และมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.5 m.

ทางด้านขวามือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งของจริงก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆเชื่อมต่อกับ Common Area ส่วนอื่นๆครับ โดยทางโครงการก็ได้กั้นผนังกระจกมาให้ดูเป็นไอเดีย จึงทำให้ฟังก์ชันมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น

พื้นที่ภายในมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งเราสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งทำงาน ห้องรับแขก หรือเป็นพื้นที่นั่งเล่นจุดที่ 2 เพิ่มก็ได้

โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถชมวิวและเปิดเชื่อมต่อไปสู่ระเบียงภายนอกได้นั่นเอง

ประตูกระจกบานเลื่อนจะมีลวดลายเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆแบบนี้ ซึ่งเป็นที่นิยมและให้ความรู้สึกเหมือนบ้านที่อยู่ทางโซนยุโรปเลยครับ

โดยกรอบจะเป็นอลูมิเนียมพ่นสีทรายหยาบสวยงาม พร้อมกระจกเขียวตัดแสงที่ช่วยกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้นั่นเอง

ระเบียงภายนอกมีขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถจัดเป็นมุมนั่งพักผ่อนในวันที่อากาศดีๆ หรือในช่วงเวลาเย็นๆของแต่ละวันได้ครับ โดยหากเป็นบ้านที่อยู่ริมทะเลสาบ บริเวณหลังบ้านนี้ก็จะหันหน้ารับวิวผืนน้ำสวยงามได้แบบเต็มๆด้วยนะ

อีกทั้งด้านบนก็จะประดับด้วยระแนงสีขาว เผื่อไว้ให้เราทำหลังคาเพิ่มเติม หรือเป็นส่วนให้ปลูกไม้เลื้อยสวยงามได้ในอนาคต รวมถึงยังมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังสวนที่อยู่หลังบ้านได้อีกด้วย

ซึ่งสวนนี้จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่มากๆครับ (แต่ละแปลงจะไม่เท่ากัน) โดยเราสามารถจัดเป็นสวนสวยๆ หรือจะต่อเติมเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว และศาลานั่งพักผ่อนแยกออกมาจากตัวบ้านก็ได้ตามต้องการ

เพิ่มเติมในส่วนของรั้วข้างบ้าน ซึ่งของจริงก็จะเป็นลักษณะของรั้วหินเตี้ยๆที่สูงเพียงประมาณ 40 – 50 cm. เท่านั้น

ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความเปิดโล่งและเชื่อมต่อกับธรรมชาติโดยรอบให้มากที่สุด (ตามแบบฉบับของบ้านพักตากอากาศ)

แต่หากใครที่อยากเพิ่มความเป็นส่วนตัว ก็อาจปลูกเป็นแนวรั้วต้นไม้ที่มีความสูงมากขึ้น เพื่อช่วยพรางสายตาจากเพื่อนบ้านได้นะครับ

กลับเข้ามาภายในบ้านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถัดจากพื้นที่โต๊ะทานอาหารตรงกลางบ้านก่อนหน้านี้ ก็จะเป็นพื้นที่ Living Area ที่อยู่ทางขวามือด้านในสุด

โดยจุดเด่นของพื้นที่ Living Area ก็คือ ฝ้าเพดานแบบ Double Volume สูง 8.8 m. จึงทำให้มีความโปร่งโล่ง อีกทั้งยังมีช่องแสงที่เปิดรับวิวสวน + ทะเลสาบภายนอกได้ด้วย

ซึ่งมุมนี้ก็ถือเป็นพื้นที่นั่งเล่นหลักของครอบครัว กว้างมากพอที่จะใช้ชุดโซฟาแบบหลายๆที่นั่งได้ รวมถึงยังมีระยะทีวี 4.5 m. สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 50 – 60 นิ้วได้สบายๆเลย

อีกหนึ่งความพิเศษของฝ้าเพดานจุดนี้คือ จะมีลักษณะเป็นทรงจั่วของหลังคาบ้าน จึงให้ความรู้สึก Homey และดูอบอุ่นมากขึ้น มาพร้อมกับช่องแสงด้านบนที่แบ่งเป็นช่องเล็กๆ เพื่อให้มีแสงสว่างเพียงพอ แต่ก็ไม่ทำให้มีความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านมากจนเกินไป

นอกจากนี้ยังมีประตูด้านข้าง ที่เปิดออกไปสู่ระเบียงภายนอกก่อนหน้านี้ได้อีกจุดหนึ่งด้วยครับ

บันไดทางขึ้นชั้น 2 จะเป็นแนวยาว และถูกออกแบบให้อยู่ริมสุดของบ้านแบบนี้ จึงทำให้พื้นที่ใช้สอยกลางบ้านมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้น โดยของจริงจะมีพื้นที่โล่งๆใต้บันไดเหมือนบ้านมาตรฐานครับ

ซึ่งบ้านตัวอย่างได้เพิ่มไอเดียกั้นผนังทึบใต้บันได เพื่อทำให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น รวมถึงยังทำเป็นพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมแบบนี้ได้อีกด้วย (เผื่อใครจะนำไอเดียไปปรับใช้ก็ได้นะ)

ตัวบันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก จึงมีความแข็งแรงและเดินขึ้น-ลงหนักๆก็ไม่มีเสียงดังรบกวน กว้าง 90 cm.  ปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน

และมีราวเหล็กให้จับตลอดทางเพื่อความปลอดภัย แต่ที่ผมชอบมากๆก็คือ ช่องแสงขนาดใหญ่ที่ช่วยให้โถงบันไดสว่างใช้งานง่ายนั่นเองครับ

ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับโถงทางเดินหน้าห้อง ซึ่งทางด้านซ้ายมือของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ให้เราได้ต่อเติมฟังก์ชันได้เองตามต้องการ

โดยบ้านตัวอย่างก็จัดเป็นมุม Pantry เล็กๆมาให้ดูเป็นไอเดีย ทำให้คนที่อยู่ด้านบนมีความสะดวกสบายมากขึ้น คือไม่จำเป็นต้องเดินลงบันไดเพื่อไปหยิบน้ำเองให้เหนื่อย

และที่ชอบอีกอย่างก็คือ ช่องแสงขนาดใหญ่ด้านขวามือ ที่ช่วยทำให้โถงทางเดินบนชั้น 2 มีความสว่างและโปร่งโล่งดีมากๆเลยทีเดียวครับ

โดยระเบียงภายนอกจะมีขนาดใหญ่มาก และแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือระเบียงในร่มกว้าง 4.5 x 2.7 m. ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ส่วนระเบียงกลางแจ้งกว้าง 2.5 x 3.6 m. สามารถออกไปยืนชมวิวโดยรอบได้ หรือจะเชื่อมต่อพื้นที่ทั้ง 2 และจัดเป็นโซนปาร์ตี้พักผ่อนชั้นบนเพิ่มก็ได้นะครับ

นอกจากนี้บริเวณรอบๆราวระเบียงก็จะมีพื้นปูนยื่นออกไปด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนของหลังคาพื้นที่จอดรถชั้นล่างนั้นเอง แต่ก็มีส่วนทำให้ระเบียงด้านบนมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วยนะ

หรือใครมีไอเดียจะทำเป็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมก็น่าสนใจเหมือนกันครับ เช่น การปูหญ้าเทียม และการปลูกต้นไม้กระถาง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นแล้ว ยังช่วยลดความร้อนที่สะท้อนมาจากพื้นปูนในตอนกลางวันได้อีกด้วย

ถัดมาจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ทางโซนหน้าบ้าน ซึ่งภายในจะมีขนาดประมาณ 2.9 x 3.8 m. สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตตรงกลาง และยังมีพื้นที่เหลือรอบเตียงให้ใช้งานได้สบายๆ

แต่จุดเด่นจริงๆของห้องนี้ก็คือ ทางด้านข้างเตียงจะมีประตูกระจกบานเลื่อน ที่สามารถเปิดเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้ได้ด้วยครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นทางไปห้องน้ำ และยังมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าใบเล็กๆมาให้ 1 ใบแบบนี้ด้วย

ภายในห้องน้ำจะมีขนาดและฟังก์ชันเหมือนกับห้องชั้นล่างก่อนหน้านี้ โดยจะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ได้สุขภัณฑ์จาก American Standard และมีพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.5 x 0.9 m. ใช้งานสะดวก

สุดท้ายจะเป็น Master Bedroom ซึ่งเมื่อเราเข้ามาก็จะเจอกับโถงกลางห้อง ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน Foyer ก่อนที่จะเจอกับเตียงนอน จึงทำให้เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว

ขวามือจะเป็นพื้นที่วางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ อีกทั้งยังมีฝ้าเพดาน Double Volume สูง 5.8 m. จึงมีความโปร่งโล่ง และได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่เปิดเชื่อมต่อไปสู่ระเบียงภายนอกได้ครับ

ระเบียงภายนอกมีขนาด 1.6 x 4.5 m. และเป็นระเบียงแบบ Semi-Outdoor จึงสามารถออกมาใช้งานได้ตลอดทั้งวัน เช่น เราอาจจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน เอาไว้นั่งชมวิวทะเลสาบหรือวิวภูเขาชิลๆก็ได้ครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นโซนของ Walk-in Closet ซึ่งจะอยู่บริเวณเดียวกับทางเข้าห้องก่อนหน้านี้ รวมถึงยังจะมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้พร้อมใช้งานด้วยครับ

ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom มีขนาดใหญ่มาก รวมถึงยังเพิ่มฟังก์ชันพิเศษอย่างอ่างอาบน้ำมาให้ใช้งานด้วย

ตรงกลางห้องเราจะได้อ่างล้างหน้าแบบ His and Her ทำให้ใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้สบายๆ รวมถึงยังได้อ่างอาบน้ำแบบลอยตัวของ Cotto ให้เราได้เปลี่ยนบรรยากาศมานอนแช่น้ำผ่อนคลายชิลๆได้ครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นโถสุขภัณฑ์และ Shower Box ซึ่งจะอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วน

โดยที่ Shower Box จะกั้นผนังกระจกนิรภัยมาให้พร้อมใช้งาน ภายในมีขนาดกว้าง 1.45 x 1.6 m. แถมยังมีที่นั่งอาบน้ำและ Rain Sower ติดตั้งมาให้ด้วย

นอกจากนี้ผมยังถ่ายบ้านมาตรฐานส่วนอื่นๆมาให้ชมกันด้วยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างสามารถคลิกดูใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลย

Image 1/11


  • Skyler (สกายเลอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 210 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ

มาดูบ้านไซส์เล็กสุดของโครงการกันบ้างครับ ซึ่งฟังก์ชันก็จะคล้ายๆกับบ้านหลังก่อนหน้านี้เลย เพียงแต่จะลดทอนฟังก์ชันบางอย่างออกไป เช่น จำนวนที่จอดรถ และห้องนอนเล็กชั้น 2 จึงทำให้เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก หรือการมาพักผ่อนแบบส่วนตัวกันมากกว่านั่นเอง

แปลนชั้น 1 แน่นอนว่าจุดเด่นยังคงเป็น Common Area ขนาดใหญ่ และพื้นที่พักผ่อนที่เน้นเปิดรับวิวไปทางโซนหลังบ้านเหมือนเดิม รวมถึงยังได้ Double Volume ตรงบริเวณ Living Area และมีห้องนอนชั้นล่างให้ใช้งานอีกด้วย เพียงแต่พื้นที่ต่างๆจะมีขนาดที่เล็กลงนิดหน่อย และเคาน์เตอร์ครัวก็จะได้เป็นรูปตัว I ธรรมดา ไม่ได้เปนรูปตัว L เหมือนหลังก่อนหน้านี้นะ

แปลนชั้น 2 จะเป็นส่วนที่มีความแตกต่างจากเดิมมากที่สุด โดยจะมีห้อง Master Bedroom เหลือเพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น ซึ่งก็จะกลายเป็นชั้น Penthouse ที่มีขนาดใหญ่มากๆ และเราสามารถจัดฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนตามต้องการ โดยเฉพาะพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งเราสามารถทำเป็นมุมนั่งทำงาน / Pantry เครื่องดื่มเบาๆ และมุมนั่งเล่นพักผ่อนอื่นๆได้หลากหลายเลยครับ

บริเวณด้านหน้าของตัวบ้านจะมีลักษณะเหมือนกับบ้านตัวอย่างก่อนหน้านี้ เพียงแต่ที่จอดรถจะกว้าง 5.35 m. จึงทำให้สามารถจอดรถ 2 คันได้สบายๆครับ

เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Foyer และส่วนครัวก่อนเช่นเดิมครับ และอย่างที่บอกว่าเราจะได้เป็นเคาร์เตอร์รูปตัว I แบบปกติ ตามขนาดของพื้นที่ตัวบ้านที่เล็กลง แต่ก็ยังกว้างมากพอที่จะทำโต๊ะเตรียมอาหาร (Island Table) ตรงกลางเพิ่มเองได้

อีกจุดหนึ่งที่ต่างจากบ้านไซส์ M ก่อนหน้านี้ก็คือ วัสดุปูพื้นจะเป็นกระเบื้อง SPC ทั้งหมด ไม่ได้มีการแบ่งเป็นโซนของกระเบื้องแกรนิตโต้เหมือนเดิมแล้ว ซึ่งก็มีความทนทานในระดับหนึ่ง แต่ก็อาจไม่ได้ใช้งานได้สมบุกสมบันเต็มที่เหมือนกระเบื้องซะทีเดียวครับ

ทางด้านขวามือของครัวจะมีช่องเล็กๆ พร้อมประตูที่เป็นห้องเก็บของ + ห้องเก็บตู้ไฟซ่อนอยู่แบบนี้ครับ

ถัดเข้ามาบริเวณกลางห้องจะเป็น Common Area ขนาดใหญ่ และมีช่องแสงบริเวณหลังบ้านเยอะมาก จึงทำให้มีความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ โดยที่บริเวณนี้ก็เหมาะจะวางโต๊ะทานอาหารได้ 4 – 6 ที่นั่ง หรือจะใช้เป็นโต๊ะทรงกลมแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้ครับ

ขวามือจะมีทางแยกออกไปยังห้องนอน ห้องน้ำ และพื้นที่อเนกประสงค์เหมือนกับบ้านไซส์ M เช่นเคย

ภายในห้องนอนมีขนาดกว้าง 3.9 x 2.85 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุต และยังมีพื้นที่รอบเตียงให้ใช้งานได้สะดวก

แต่จุดที่พิเศษกว่าบ้านไซส์ M ก่อนหน้านี้ก็คือ ช่องแสงที่อยู่ด้านข้างจะมีขนาดใหญ่ และเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดเชื่อมต่อออกไปยังสวนหน้าบ้านได้นั่นเอง (ของบ้านหลังก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงช่องหน้าต่างบานเล็กเท่านั้น)

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องก็จะเป็นตู้เสื้อผ้า และมีทางเชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวได้แบบนี้

ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันชัดเจน พร้อมสุขภัณฑ์จาก American Standard ครบเหมือนเดิม โดยที่ขนาดจะเล็กลงนิดหน่อยตามไซส์บ้าน แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้สะดวก (พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.6 x 1.8 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.5 x 0.8 m.)

ถัดมาจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่เราสามารถปรับฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งของจริงก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆและได้ฝ้าเพดานสูง Double Volume ตามปกติเลยครับ

โดยทางโครงการก็ตกแต่งทำเป็นชั้นหนังสือ และพื้นที่ชั้นลอยเล็กๆมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็เป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของบ้านได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นดีทีเดียว

อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีประตูกระจกเชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ และพื้นที่สวนบริเวณหลังบ้านได้เหมือนเดิมครับ

สำหรับ Living Area จะมีระยะดูทีวีกว้าง 4.35 m. สามารถใช้ทีวี 50 – 60 นิ้วได้สบายๆ อีกทั้งยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้เราสามารถดูทีวีไป และชมวิวธรรมชาติภายนอกไปด้วยได้ครับ

แน่นอนว่าพื้นที่บริเวณนี้จะเป็น Double Volume สูง 8.8 m. ที่ด้านบนจะเป็นทรงจั่วหลังคาสไตล์ Homey แต่ที่ต่างจากบ้านหลังก่อนหน้านี้ก็คือ จะมีช่องแสงของห้องนอนชั้นบนเพิ่มมาด้วยครับ

ส่วนประตูที่เปิดเชื่อมต่อไปสู่ภายนอกจะมี 2 จุด คือประตูบานเล็กที่เปิดออกไปยังระเบียงก่อนหน้านี้ และประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เปิดไปสู่สวนหลังบ้านโดยตรง

และเช่นเดียวกับบ้านไซส์ M ก่อนหน้านี้ ที่บริเวณหลังบ้านจะมีพื้นที่เหลือให้เราใช้เยอะมาก ซึ่งเราก็สามารถปลูกต้นไม้ จัดสวน ทำสระว่ายน้ำ หรือเพิ่มฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ

บันไดจะอยู่ด้านข้างของตัวบ้าน และของจริงก็จะมีพื้นที่ใต้บันไดโล่งๆเหมือนบ้านมาตรฐานก่อนหน้านี้ ส่วนชั้นบนจะมีห้อง Master Bedroom เพียงแค่ห้องเดียวครับ

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์หน้าห้องน้ำ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน Foyer ส่วนต้อนรับไปด้วยในตัว จึงทำให้พื้นที่เตียงนอนด้านในไม่เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเอง

โดยพื้นที่อเนกประสงค์นี้เราสามารถจัดฟังก์ชันได้หลากหลาย เช่น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ / Pantry มุมเครื่องดื่มเล็กๆ / มุมนั่งทำงาน หรือมุมนั่งเล่นพักผ่อนก็ได้ เรียกได้ว่ากลายเป็นชั้น Penthouse ที่มีฟังก์ชันทุกอย่างให้ใช้งานครบเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีประตูกระจกบานเลื่อน ที่เชื่อมต่อไปสู่ระเบียงขนาดใหญ่ด้านนอกได้ด้วย ซึ่งตัวระเบียงจะกว้าง 2.5 x 3.2 m. สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนแบบ Outdoor ได้เต็มที่เลยครับ

ถัดมาจะเป็นห้องน้ำที่มีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และมีสุขภัณฑ์จาก American Srandard พร้อมใช้งาน โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.55 x 1.8 m. มาพร้อมกับช่องหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้

ส่วนอีกด้านจะเป็น Shower Box ที่กั้นกระจกนิรภัยมาให้แบบนี้เลยครับ โดยภายในจะมีขนาด 1.2 x 1.8 m. มาพร้อมกับที่นั่งอาบน้ำและ Rain Shower เหมือนบ้านตัวอย่างเลย

สำหรับพื้นที่เตียงนอนจะอยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งระหว่างทางจะเป็นช่องทางเดินระหว่างตู้เสื้อผ้า 2 ฝั่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็น Walk-in Closet ไปด้วยในตัว

พื้นที่ห้องนอนกว้าง 3.7 x 4.3 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานสบายๆ อีกทั้งยังมีฝ้าเพดาน Double Volume สูง 5.8 m. จึงทำให้มีความโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่องแสงที่อยู่ด้านข้างของเตียงนอน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Double Volume ของ Living Area ชั้น 1 ก่อนหน้านี้นั่นเองครับ

จึงทำให้ห้องนอนชั้นบนมีความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้น และยังเป็นการเชื่อมต่อมุมมอง+ปฏิสัมพันธ์ของคนที่อยู่ชั้นบนกับชั้นล่างได้อีกด้วย


ภาพจำลองจากโครงการเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

  • Luciano (ลูเซียโน) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 355 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ / 1 ครัวไทย / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Powder Room

สำหรับบ้านหลังใหญ่สุดนี้จะยังไม่มีบ้านตัวอย่างให้ชมนะครับ แต่จุดเด่นหลักๆของบ้านหลังนี้ก็คือ มักจะอยู่ในตำแหน่งบ้านแปลงมุมของโครงการ และมีพื้นที่ดินใหญ่มากๆ อีกทั้งยังเป็นบ้านหน้ากว้างต่างจากบ้านแบบอื่นๆที่มักจะเป็นตอนลึก จึงทำให้ห้องเกือบทุกฟังก์ชันมีช่องแสงที่ได้รับวิวทะเลสาบ+ภูเขาได้ทั้งหมดเลยนั่นเอง

แปลนชั้น 1 โดดเด่นด้วย Common Area ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งนอกจาก Living Area และห้องอเนกประสงค์แล้ว เรายังสามารถจัดให้โต๊ะทานอาหารอยู่ติดกับช่องแสงหลังบ้าน เพื่อที่จะสามารถทานอาหารไปและชมวิวธรรมชาติสวยๆด้านนอกไปพร้อมๆกันได้ นอกจากนียังมีระเบียงหลังบ้านที่ใหญ่มาก รวมถึงยังมีการเพิ่ม Powder Room + ครัวไทย และห้องแม่บ้านมาให้อีกด้วย

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอน 2 ห้องแยกออกไปคนละฝั่งของตัวบ้าน จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวออกจากกัน โดยเฉพาะ Master Bedroom จะมีขนาดใหญ่ และกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้น 2 รวมถึงยังมีระเบียงขนาดใหญ่ให้ใช้งานอีกด้วย ส่วนห้องนอนเล็กอีกด้านหนึ่งก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานส่วนตัว แต่จุดเด่นของชั้นนี้จริงๆก็คือ พื้นที่ Double Volume ตรงโถงทางเดินกลางบ้าน ที่จะเชื่อมต่อกับ Living Area ที่อยู่ชั้นล่าง จึงทำให้มีความโปร่งโล่ง และทำให้คนชั้นบนกับชั้นล่างมีปฏิสัมพันธ์กันได้ดีมากขึ้นครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะ

ราคา

BARNYARD KHAOYAI ราคา ณ วันที่ 4 กันยายน 2566

  • Skyler (สกายเลอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 210 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท
  • Marina (มาริน่า) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 150 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 304 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 21 ล้านบาท
  • Luciano (ลูเซียโน) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 355 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ / 1 ครัวไทย / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Powder Room
    – ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท
  • ค่าจองแบบบ้าน Skyler และ Marina = 50,000 บาท / แบบบ้าน Lucino 100,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 10% ของราคาขาย
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
  • ค่าส่วนกลาง 24 บาท/ตร.วา/เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : อยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นเขาใหญ่ และเป็นโซนที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะแก่การมาพักผ่อน นอกจากนี้ยังเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับเชิงเขา เลยทำให้บ้านพักส่วนใหญ่จะได้วิวเขาใหญ่แบบเต็มๆ ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็จะอยู่ไม่ไกลจากโซนท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยคาเฟ่สวยๆ และร้านอาหารดีๆ ที่เราสามารถแวะก่อนเข้าบ้านได้สะดวกครับ

มาพูดถึงตัวโปรดักส์กันบ้าง โดยย่านเขาใหญ่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลยอดฮิตของชาวกรุงเทพ ที่มองหาบ้านพักตากอากาศดีๆไว้มาพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติใช่มั้ยครับ ดังนั้นจึงมีโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศเกิดขึ้นเยอะมาก ราคาก็มีตั้งแต่ไม่กี่ล้านไปจนถึงหลายสิบล้านบาท และส่วนใหญ่ก็จะเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาลี แต่สำหรับโครงการ BARNYARD KHAOYAI จะเป็นบ้านสไตล์ Classic American Farmhouse แตกต่างจากเพื่อนบ้านส่วนใหญ่รอบๆนั่นเอง

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : บริเวณรอบโครงการจะมีรั้วรอบขอบชิด และด้านหน้ามีป้อม รปภ. คอยดูแลความปลอดภัย 24 ชม. เข้า-ออกด้วยระบบ Key Card Access และมีกล้อง CCTV ติดตั้งมาให้ตรง Main Gate ด้านหน้า รวมถึงภายในบ้านอีก 2 จุดด้วยครับ ส่วนอื่นๆภายในบ้านก็จะมี สัญญาณกันขโมยระบบ Shock Sensor, IP Camera / Wifi Camera และ Digital Door Lock ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานทุกหลัง

แต่สำหรับรั้วบ้านจะเป็นรั้วหินหรือแนวต้นไม้เตี้ยๆ ตามแบบฉบับของบ้านพักตาอากาศที่เมืองนอก ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้เราได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบๆมากที่สุด แบบที่ไม่ต้องมีอะไรมาบังสายตาครับ  ซึ่งหากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็อาจปลูกต้นไม้ที่มีความสูงมากขึ้นมาช่วยพรางสายตาก็ได้นะ

การออกแบบโครงการ : เป็นโครงการจัดสรรขนาด 47 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัว และด้วยลักษณะการวางผังโครงการ + ลักษณะของที่ดินที่มีความสูง-ต่ำแตกต่างกัน จึงทำให้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 โซนใหญ่ๆคือ 1. บ้านที่อยู่ใกล้ Clubhouse เหมาะกับคนชอบใช้ Facilities และสิ่งอำนวยความสะดวกบ่อยๆ 2. บ้านที่อยู่ติดริมทะเลสาบ เหมาะกับคนชอบวิวทะเลสาบสวยๆ แต่ก็อาจเป็นโซนที่มีราคาสูงสักหน่อย 3. บ้านที่อยู่ด้านในสุด จะได้ความเป็นส่วนตัว และอยู่ในพื้นที่สูงกว่าบริเวณทะเลสาบ จึงเน้นไปทางวิวภูเขาและอาจมองเห็นทะเลสาบไกลๆได้ด้วย ซึ่งใครชอบวิวแบบไหนก็ลองตัดสินใจเลือกแบบที่ชอบได้เลยครับ

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : มีบ้าน 3 แบบ 3 ขนาดให้เลือก สามารถรองรับครอบครัวขนาดเล็ก-ใหญ่ได้สบายๆ โดยบ้านทุกหลังจะเป็นสไตล์ Classic American Farmhouse ให้บรรยากาศเหมือนได้มาพักผ่อนที่เมืองนอก อีกทั้งยังมีการออกแบบฟังก์ชันเป็นแบบบ้านพักตากอากาศจริงจัง ด้วยการเน้นพื้นที่พักผ่อนทางด้านหลังบ้าน ให้อยู่ติดกับช่องแสงและเปิดรับวิวธรรมชาติภายนอกอย่าง ทะเลสาบ และวิวภูเขารอบๆได้อย่างเต็มที่ รวมถึงมีพื้นที่สวนหลังบ้านใหญ่มากๆ เพราะบ้านทุกหลังจะตั้งอยู่บนที่ดิน 120 ตร.วาขึ้นไป จึงมีพื้นที่เหลือเฟือให้เราปลูกต้นไม้ ทำสวน ทำสระว่ายน้ำส่วนตัว หรือจะต่อเติมเพิ่มฟังก์ชันอื่นๆได้ตามต้องการเลยครับ

ฟังก์ชันในบ้านจะเน้นให้มี Common Area เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ บรรยากาศจึงโปร่งโล่งและกว้างขวาง อีกทั้งยังมีพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume หลายๆจุดด้วยครับ ในส่วนของห้องนอนจะมีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง จึงสามารถรองรับผู้สูงวัยที่ขึ้นบันไดไม่ไหวได้ด้วย ส่วนห้องชั้นบนจะมีขนาดใหญ่ทั้งหมด และมีห้องน้ำส่วนตัว แต่ที่น่าสนใจก็คือ จะมีระเบียงขนาดใหญ่ให้ใช้งานหลายจุด ทำให้เราสามารถออกไปนั่งเล่นพักผ่อน ทำกิจกรรม Outdoor เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ และชมวิวธรรมชาติไปด้วยได้นั่นเอง โดยภาพรวมก็นับว่าเป็นบ้านที่ออกแบบมาได้เข้ากับบริบทของทำเล และมีฟังก์ชันหลายๆอย่างที่ตอบโจทย์สำหรับการเป็นบ้านพักตากอากาศที่ดีทีเดียวครับ

วัสดุ : โครงสร้างบ้านเป็นก่ออิฐฉาบปูน จึงสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่ายตามต้องการ พื้นที่จอดรถเป็น Slab on Ground และให้ช่องแสงมาเยอะดีครับ สิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับผมก็คงเป็นผนังภายนอกตัวบ้าน ที่มีการเซาะร่องทำลวดลายที่มองไกลๆเหมือนเป็นบ้านไม้สีขาวสวยงาม แต่จริงๆแล้วเป็นผนังปูนที่แข็งแรงแถมยังช่วยป้องกันรอยแตกราวในอนาคตได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ก็จะมีการ Built-in เคาน์เตอร์ครัว + ตู้เสื้อผ้ามาให้พร้อมใช้งาน และได้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบ ที่เหลือก็ให้มาเป็นมาตรฐานตามระดับราคาครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ภายในโครงการมีการจัดสวนและให้พื้นที่สีเขียวมากกว่า 5 ไร่ อีกทั้งยังมีการขุดบ่อน้ำตรงกลางเพื่อทำเป็นทะเลสาบเพิ่มบรรยากาศ และปลูกต้นไม้จัดสวนเป็นมาตรฐานรอบๆตัวบ้านให้ด้วยครับ แต่อาจเน้นไปทางต้นไม้ขนาดเล็ก-กลาง โดยเฉพาะต้นไม้ประจำถิ่น และต้นไม้ประเภทพืชผักสวนครัว เพื่อที่จะได้ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบังวิวธรรมชาติโดยรอบของโครงการ รวมถึงยังสามารถเก็บผลผลิตไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วยนั่นเอง (คือจะไม่ได้เน้นความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ๆมากนักนะครับ)

สาธารณูปโภค : มีอาคาร Clubhouse และฟังก์ชันต่างๆให้ใช้งานครบ ประกอบด้วย Lobby & Co-Working Spcae แบบฝ้าเพดานสูงโปร่ง เหมาะสำหรับใช้นั่งพักผ่อน รับแขก และนั่งทำงานได้ / มีห้องออกกำลังกายที่ได้อุปกรณ์ต่างๆครบครัน / สระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ สามารถว่ายออกกำลังกายไปและชมวิวภูเขาไปด้วยได้ นอกจากผมยังชอบดีไซน์ของตัวอาคาร Clubhouse ที่เป็นสีลายไม้ต่างจากบ้านพักอาศัย ทำให้มีความโดดเด่นและเป็นธรรมชาติมากๆ แต่อาจต้องรอดูของจริงในอนาคตอีกครั้งว่าสร้างเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรนะครับ

Judgement

สำหรับโครงการ BARNYARD KHAOYAI เราจะไม่มีการให้คะแนนนะครับ เนื่องจากโครงการประเภทตากอากาศ มีปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อที่แตกต่างจากการอยู่อาศัยทั่วไปที่ต้องมีเรื่องของความคุ้มค่าทางการเงินและความคุ้มค่าทางอารมณ์ผนวกกัน เป็นการซื้อเพื่อพักผ่อนหย่อนใจมากกว่า ทำให้บรรทัดฐานการให้คะแนนแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลทั้งผู้อ่านและผู้รีวิวครับ

BARNYARD KHAOYAI เหมาะกับใคร

โครงการ BARNYARD KHAOYAI (บาร์นยาร์ด เขาใหญ่) เหมาะกับคนที่มองหาบ้านพักตากอากาศใกล้เชิงเขา สามารถเห็นวิวเขาใหญ่ได้แบบเต็มๆ เป็นบ้านสไตล์ Classic American Farmhouse ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนอยู่ต่างประเทศ ออกแบบฟังก์ชันโดยเน้นพื้นที่พักผ่อนโซนหลังบ้าน ให้สามารถชมวิวทะเลสาบและภูเขาได้เต็มที่ มีระเบียงขนาดใหญ่ให้ใช้งาน บรรยากาศบ้านกว้างขวางโปร่งโล่ง มีฝ้าเพดานสูง Double Volume หลายจุด รวมถึงยังมีส่วนกลางให้ใช้งานครบอีกด้วยครับ โดยจะต้องมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 15.9 – 29 ล้านบาทขึ้นไป