ช่วงนี้เศรษกิฐซบเซากันไปหน่อย โครงการเปิดตัวใหม่เลยมีไม่มาก ดังนั้นวันนี้เราเลยจะพาผู้อ่านไปดูคอนโดสร้างเสร็จแล้วโครงการหนึ่ง จาก อนันดา โครงการนี้มีชื่อว่า IDEO Mobi สุขุมวิท 66 โครงการ High Rise ใกล้รถไฟฟ้าสถานีอุดมสุข 50 เมตร

โดยทั่วไปแล้ว คนจะติดภาพกันไปว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามักเป็นคอนโดห้องเล็กๆ อยู่กันได้ 1-2 คน อยู่กันอย่างหนาแน่นบนตึกสูง แต่พอเราได้เข้าไปดูโครงการนี้ เราว่าสิ่งที่น่าสนใจของ IDEO Mobi สุขุมวิท 66 ไม่ใช่ห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นของโครงการนะ แต่เป็นห้อง 2 Bedroom ของที่นี่ ที่จัดไว้ 80 กว่าตร.ม.เลย ซึ่งเป็นห้องที่ถือว่าใหญ่โครงการข้างเคียงและมีสัดส่วนของ 2 bedroom ให้เลือกถึง 20% ราคาเริ่มต้น 2 ห้องนอนนี้อยู่ที่ 12.99 ล้านบาท (ข้อมูลวันที่เข้าไปดูโครงการ) เลยเหมาะกับครอบครัวที่อยากได้บ้านในเมืองใกล้รถไฟฟ้าค่ะ

เอาเข้าจริง ตัวเลขหรือจำนวนเงิน 13 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าตกแต่งอีก) เผลอๆอาจจะต้องมีงบประมาณ 15 ล้านบาทเลยก็ได้ เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยนะคะ สามารถเลือกบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่อยู่ชานเมืองได้เลย แต่ราคานี้คือการซื้อทำเลและความสะดวกสบายของการเดินทางมากกว่า ส่วนตัวมองว่า“เวลา”ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่แต่ละคนให้มูลค่าไม่เท่ากันค่ะ ถ้าใครต้องทำงานในเมือง การที่ต้องใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงในการเดินทางแต่ละวัน บางคนมองว่าเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ หรือว่าถ้ามีลูก อยากให้เรียนโรงเรียนเก่าแก่ มีชื่อเสียง โรงเรียนส่วนใหญ่ก็อยู่ในเมืองนะ ดังนั้น ทำเลของที่อยู่อาศัยถือเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดการ บริหารเวลาในการใช้ชีวิตแต่ละวันเลย เวลาที่มากขึ้นสามารถเปลี่ยนเป็นเวลาพักผ่อน หรือเวลาเรียนรู้ที่เพิ่มมากขึ้นด้วยนะ

แต่ถ้าใครต้องการเวลาที่เพิ่มมากขึ้น บ้านที่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูก สามารถใช้รถไฟฟ้าที่เราควบคุมเวลาเดินทางได้ (ไม่ใช่ต้องลุ้นกับสภาพการจราจรในทุกเช้า-เย็น) การหาบ้าน ในเมืองที่ใกล้รถไฟฟ้าถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจะตอบโจทย์อยู่นะคะ แต่ทว่าราคาบ้านจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวในเมืองที่หายากมากๆแล้ว หรือว่าตึกแถว ยิ่งใกล้รถไฟฟ้า ยิ่งราคาสูงขึ้นไปด้วย ดังนั้นถ้าเราลองพิจารณาคอนโดสิ่งที่ได้คือ 1) ความสะดวกสบาย 2) ความปลอดภัย 3) Facility หรือ พื้นที่ส่วนกลาง ทั้ง 3 ข้อนี้ถือว่าเป็น Benefits ที่ได้จากการอยู่คอนโดนั่นเองค่ะ

แต่ทว่า… (แต่อีกแล้ว) การหาคอนโดที่จะมาอยู่แทนบ้านมันยากเลยนะคะ โครงการที่ขายห้อง 2 Bedroom เราคิดว่ามีแทบทุกโครงการแหละ แต่ขนาดของห้อง 2 Bedroom ที่จะมาแทนที่บ้านได้นี่… นึกไม่ออกเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะโครงการส่วนใหญ่เวลาขายของ ต้องนำด้วยราคาเริ่มต้น ซึ่งนั่นก็จะเป็นห้อง Studio หรือ 1 Bedroom มากกว่า เพราะว่า Developer ต้องการดึงดูดคนให้มาดูด้วยราคาที่ถูก ดังนั้นขนาดห้องที่ยิ่งทำออกมายิ่งมีขนาดเล็กลง แต่ IDEO Mobi สุขุมวิท 66 เป็นโครงการที่พอเดินเข้าไปเราเจอห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่ ดังนั้นรีวิวนี้ เราจะมาเน้นดูคอนโดที่เหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวกันแทนนะคะ (แต่ถ้าใครอยากดูห้อง 1 Bedroom ก็มีให้ดูเหมือนกันค่ะ อย่าเพิ่งรีบปิดรีวิวหนีกันไปนะ)


เปรียบเทียบโครงการรอบๆ

จุดเด่น 3 อย่างที่เรามองสำหรับโครงการ IDEO Mobi สุขุมวิท 66 นี้คือ
1) โครงการใกล้รถไฟฟ้า
2) โครงการจำนวนยูนิตไม่เยอะ
3) โครงการมีห้องขนาดใหญ่

และทั้ง 3 หัวข้อนี้เป็นจุดเด่นจริงไหม? เมื่อเทียบกับโครงการโดยรอบ เรามาดูกันดีกว่าค่ะ

เราลองเลือกมาเฉพาะโครงการใกล้รถไฟฟ้าสถานีอุดมสุข และอยู่บนเส้นสุขุมวิทเท่านั้นนะคะ

1) โครงการใกล้รถไฟฟ้า ในหัวข้อนี้ถ้าถามว่าใกล้สถานีที่สุดไหม อาจจะต้องบอกว่าไม่ใช่ค่ะเพราะ โครงการ IDEO Mix สุขุมวิทที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามจะใกล้กว่า แต่ระยะห่าง 50 เมตรก็ถือว่าเป็นระยะที่ใกล้มากแล้วนะคะ เดินเเล้วเหงื่อไม่ตก

2) โครงการจำนวนยูนิตไม่เยอะ ถ้าเทียบกับโครงการรอบๆแล้ว ในหัวข้อนี้ก็ยังมีโครงการอย่าง Centric Scene สุขุมวิท 64 ที่ยูนิตน้อยกว่าอยู่นะคะ แต่ส่วนตัวเรามองว่าสำหรับ IDEO Mobi สุขุมวิท 66 จะมีจำนวนชั้นพักอาศัยที่มากกว่า เลยทำให้ความหนาแน่นต่อชั้นอาจจะน้อยลงด้วยค่ะ

3) โครงการมีห้องขนาดใหญ่ หัวข้อนี้เรียกได้ว่าชนะขายลอยเลยค่ะ ในขณะที่โครงการอื่นมีห้อง 2 Bedroom ขายเช่นกัน แต่ขนาดพื้นที่ห้องนั้นดูแล้วจะอยู่ที่ไม่ถึง 80 ตร.ม. หรือว่ามากสุดที่ 80 ตร.ม. แต่โครงการ IDEO Mobi สุขุมวิท 66 นั้นจะมีห้อง 2 Bedroom เริ่มต้น 80 ตร.ม. ขึ้นไปค่ะ เลยถือว่าเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่หาห้องขนาดใหญ่นะคะ

พอมาเปรียบเทียบดูแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ  IDEO Mobi สุขุมวิท 66 เป็นโครงการที่สร้างเสร็จใหม่ล่าสุดในย่านนี้เลยด้วยค่ะ ในขณะที่โครงการอื่นๆที่เรายกมาเทียบสร้างเสร็จก่อนหน้าไปมากกว่า 5 ปีด้วยซ้ำ ดังนั้นในโครงการใหม่ๆ จะมีข้อดีอย่างเช่น พื้นที่ส่วนกลางที่จัดออกมาหลากหลายขึ้น และมีดีไซน์ที่สวยขึ้นอีกด้วยนะคะ

แต่เรื่อง ราคา นั้นก็ต้องยอมรับว่าสูงกว่าโครงการอื่นอยู่นะ เพราะโครงการอื่นห้อง 2 Bedroom เรายังหาได้ในงบ 6-8 ล้านบาท แต่ว่าโครงการนี้ราคาเริ่มต้นก็ 12 ล้านแล้วค่ะ


ข้อมูลที่ตั้งโครงการเพิ่มเติม

พิกัด Google Maps : 13.681463, 100.609871
หรือสามารถ คลิกที่นี่

IDEO Mobi สุขุมวิท 66 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าเมืองค่ะ ใกล้กับ BTS สถานีอุดมสุข แต่ก่อน (อาจจะก่อนนานไปหน่อย) รถไฟฟ้า BTS สิ้นสุดที่สถานีอ่อนนุชค่ะ ตอนนั้นอะไรที่เลยอ่อนนุชมา เราก็จะคิดว่าไกลแล้ว ชานเมืองแล้ว แต่พอในเมืองหนาแน่นมากขึ้น ความเจริญขยายตัวออกมา รถไฟฟ้าเปิดใช้งานส่วนต่อขยายแล้ว ต่อขยายอีก ย่านอุดมสุขนี้ก็มีความเป็นเมืองมากขึ้น ฝั่งตรงข้ามเริ่มเจอคาเฟ่เก๋ไก๋มาเปิดแล้วค่ะ

โครงการนี้เคยมีรีวิวทำเลเอาไว้แล้ว ตอนปี 2016 เก่าไปหน่อย แต่โครงการไม่ได้ย้ายที่ตั้งไปไหน ดังนั้น ใครอยากเข้าไปอ่านเพิ่มเติม > รีวิวทำเล IDEO Mobi สุขุมวิท 66

แอบดูบรรยากาศรอบๆโครงการปัจจุบันกันบ้างนิดหน่อย พอหอมปากหอมคอนะ

หน้าโครงการเป็นถนนสุขุมวิทค่ะ มีรถไฟฟ้าตัดผ่าน รอบๆมีโครงการคอนโดขึ้นอยู่บ้างค่ะ

มองจากหน้าโครงการไปก็เห็นตัวสถานีแล้วนะ เดินสบาย

ตัวอาคารจะเข้า-ออกจากถนนสุขุมวิทค่ะ ทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นซอยสุขุมวิท 66/1 เป็นซอยตันนะ รถไม่เข้าออกพลุกพล่าน

ทางทิศเหนือของโครงการ มีการสร้างอาคารสำนักงานใหม่ เป็นตึกสูงด้วยค่ะ ห้องที่ซื้อฝั่งนี้อาจจะโดนบังวิวได้หลายตำแหน่งนะ ทางที่ดีก่อนจะซื้อก็เข้าไปดูก่อนได้ค่ะ ว่าห้องที่เราสนใจเจออาคารไหนมาบังวิวรึเปล่า?  นี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของตึกสร้างเสร็จค่ะ


ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 80 กว่าตร.ม.

โครงการทำห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอนมาให้ดู 2 ห้อง เราก็จะพาไปดูกันทั้ง 2 ห้องเลย ราคาเริ่มต้นที่สอบถามมาจะอยู่ที่ 12.99 ล้านบาทนะคะ (เป็นโปรโมชันรึเปล่า? อันนี้ก็ไม่แน่ใจ ถ้าสนใจอาจจะต้องโทรไปถามที่โครงการกันดูอีกทีค่ะ) ตัวห้องเนี่ย จะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ให้มานะ ข้างในจะเป็นอย่างไรไปดูกัน

ห้องแรกที่เราจะพาไปดูเป็น 2 Bedroom Type C4 โดยห้องนี้จะเป็นทั้งห้องหน้ากว้างและห้องหัวมุมค่ะ ซึ่งจะมีการจัดพื้นที่แยกส่วนพักผ่อนไว้ออกจากพื้นที่ส่วน Living นะคะ ในการใช้งานจริงถ้าลูกตื่นสาย แต่มีแขกคุณพ่อมาหาตอนเช้าก็ไม่รบกวนกันและกันค่ะ โดยสิ่งที่ชอบคือการจัดพื้นที่ที่ได้ Master Bedroom ใหญ่เหมือนอยู่บ้านเลย มีห้องน้ำในตัว มีอ่างอาบน้ำ มี Walk-in Closet และมีกระจกเข้ามุมในห้องด้วย ส่วนพื้นที่ Common Area ก็เป็นพื้นที่โล่งเชื่อมต่อกัน ทำให้พื้นที่ดูโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัดค่ะ

ห้องแบบนี้จะมีอยู่ 1 ยูนิตต่อชั้นนะคะ เป็นห้องในสุด เลยได้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุด และที่ทางเดินหน้าห้องจะมีหน้าต่าง เป็นช่องแสงและช่วยระบายอากาศด้วยค่ะ

พื้นที่ภายในจะเป็น Common Area โล่งๆแบบนี้เลย ส่วนฟังก์ชันที่เป็นห้องนอนจะแยกตัวไปทางขวามือ

ระเบียงของห้องแบบ 2 Bedroom จะมีความพิเศษคือเป็นระเบียงที่มีประตู 2 ชั้นค่ะ พื้นที่ส่วนระเบียงก็จะสามารถปรับใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น เช่นถ้าเราตากผ้าอยู่แต่ฝนดันตกหนักขึ้นมา ก็ปิดประตูด้านนอกทีเดียวจบเลยค่ะ ไม่ต้องรีบเก็บผ้า ซึ่งถ้าผ้ายังไม่แห้งก็ไม่รู้จะไปตากที่ไหนภายในห้องอีกนะ หรืออย่างช่วงนี้ที่ฝุ่นเยอะ ข้าวของที่เราวางบริเวณระเบียง ไม่พ้นวันฝุ่นก็จับแล้ว ดังนั้นถ้าเราปิดประตูนี้ช่วงที่เราไม่อยู่ห้องก็จะช่วยให้สะอาดมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดด้วยค่ะ

ซึ่งวิวจากห้องนี้จะมองออกไปเป็นรถไฟฟ้าพอดีเลย ส่วนอาคารสำนักงานที่ขึ้นมาใหม่ข้างๆ ตัวตึกสูงจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ห้องที่อยู่ในตำแหน่งนี้ก็โชคดีไปนะคะ

มองย้อนกลับมาเราจะเห็นกับพื้นที่ครัวที่อยู่ตรงประตูทางเข้าห้องเลย ตรงนี้เรามองว่ายังสามารถกั้นเป็นห้องปิดได้นะคะ ใครกลัวมืดก็ออกแบบโดยใช้กระจก เพื่อที่เวลาเราทำอาหารกลิ่นและควันต่างๆก็จะได้ไม่ฟุ้งไปทั่วทั้งห้องด้วย

พื้นที่ส่วนพักผ่อนจะมีทางเดินแยกออกมา ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ ถ้าเปรียบกับบ้านก็เหมือนชั้นสองของบ้านนะคะ แต่ว่าทางขวามือจะมีห้องน้ำอยู่ค่ะ เป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างพื้นที่นั่งเล่น / รับแขก และห้องนอนเล็ก

ห้อง Type นี้มีจุดเด่นที่มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง และยังมีอ่างอาบน้ำทั้ง 2 ห้องด้วยค่ะ ไม่ค่อยเจอการออกแบบเช่นนี้ที่ไหนเท่าไหร่นะคะ ดูแล้วโครงการนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการออกแบบห้องน้ำมากเลยนะ

ตรงเข้ามาสุดทางเดินจะเป็นห้องนอนเล็กค่ะ โดยสามารถวางเตียงใหญ่ขึ้นได้ แต่อาจจะต้องวางเข้ามุมห้องแทนนะคะ

ห้องนี้จะอยู่ที่ชั้น 8 ซึ่งวิวของห้องนอนเล็กจะมองออกไปเจอกับสวนที่ชั้น 7 พอดีเลยค่ะ และด้วยระยะที่ห่างจากห้องที่อยู่แนวยาวของอาคาร เลยไม่รู้สึกว่าห้องข้างๆจะมองเข้ามาภายในห้องเราได้ง่ายๆนะคะ แต่ว่าห้องนี้ถ้าชั้นล่างๆคงจะได้วิวสวนเอา แต่ถ้าห้องบนๆน่าจะได้วิวเมืองมากกว่านี้นะ

มาดูห้อง Master Bedroom ที่อยู่ข้างๆบ้าง เข้ามาเราจะเห็นว่าประตูห้องนอนตรงกับประตูห้องน้ำเลย ทางซ้ายมือจะเป็นตำแหน่งของ Walk-in Closet

สามารจัดเข้ามุมเป็นรูปตัว L ได้ค่ะ ซึ่งเราจะหาโต๊ะเครื่องแป้งมาวางเพิ่มได้เหมือนกันนะคะ

ห้องน้ำนี้จะเป็นห้องที่ได้หน้าต่างใหญ่เลยค่ะ แบ่งพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกออกจากกัน

พื้นที่ส่วนอาบน้ำจะรวมอ่างอาบน้ำกับฝักบัวไว้ใกล้ๆกันค่ะ มีประตูแยกเข้าไปเป็นสัดส่วนเลย ได้บรรยากาศเหมือนห้องน้ำที่ญี่ปุ่นเลยนะ

พื้นที่ห้องนอนจะอยู่ถัดเข้ามา ได้หน้าต่างเข้ามุมด้วยค่ะ

เราชอบห้องตัวอย่างนี้นะคะ อยู่ในตำแหน่งที่มองออกไปเป็นต้นไม้พอดี ช่วยกรองความร้อนและบังไม่ให้ห้องที่อยู่ฝั่งนั้นมองเข้ามาเห็นห้องนอนของเราได้ด้วยนะ

โดยรวมเราว่าห้องน้ำอยู่กันได้เป็นครอบครัวขนาดเล็กเลยค่ะ 3 คนกำลังดี 4 คนก็พอไหวนะคะ แต่ละพื้นที่ก็อยู่สบายค่ะ


2 Bedroom อีกห้องก็จะเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำอีกเช่นกัน แต่ห้องนี้จะมีอยู่ 1 อ่างนะคะ โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่มีหน้ากว้างมากขึ้น ดูได้จากพื้นที่ส่วนนั่งเล่นเลยค่ะ ระเบียงก็เลยดูยาวมากขึ้นด้วย ที่แตกต่างจากห้องที่แล้วอีกอย่างคือ บริเวณด้านหน้าครัวจะมี island มาให้ด้วยนะ แต่ว่า ถ้าใครจะทำครัวปิด ห้องนี้ก็จะจัดยากขึ้นค่ะ ไม่สามารถทำครัวปิดได้นะ

สิ่งที่เราชอบของห้องนี้คือการวางผังเลย ถ้าเราเทียบกับแบบ 2 ห้องนอนที่เราไปดูกันก่อนหน้านี้ ห้องนี้จะมีขนาดน้อยกว่า 6 ตร.ม. แต่ว่าบรรยากาศภายในห้องจะดูกว้างกว่าค่ะ ดังนั้นใครที่มองหาบ้านหรือคอนโดอยู่เราไม่อยากให้มองที่จำนวนตร.ม.เป็นหลักนะคะ ลองดูรูปร่างของผัง การจัดวางฟังก์ชันต่างๆกันดีกว่า ขนาดห้องเล็กกว่าก็สามารถออกแบบมาให้ดูใหญ่กว่าและอยู่สบายได้ไม่แพ้กันเลย

อย่างห้องนี้เราเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Common Area สิ่งที่ทำให้ดูกว้างกว่าคือรูปร่างพื้นที่จากจัตุรัสเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า และเปิดแนวยาวเป็นระเบียงและกระจก ทำให้แสงสว่างเข้ามาภายในได้เยอะ ห้องดูโปร่งขึ้นด้วยค่ะ

พื้นที่ตรงนี้จัดได้หลากหลายนะคะ หลังโซฟาจะเป็นโต๊ะกินข้าวแทนได้ ขนาด 4-6 ที่นั่งก็จัดได้สบายเลยค่ะ

ระเบียงจะเป็นแบบ 2 Layer เช่นเคยค่ะ แต่จะได้ระเบียงที่ยาวมากขึ้น ปลูกต้นไม้สร้างวิวสีเขียวและความร่มรื่นให้กับภายในห้องได้ด้วยนะคะ

ห้องนี้จะมองไปยังด้านหลังที่ดินโครงการ มีฝั่งขวามือที่เป็นสำนักงานสร้างใหม่เป็นตึกสูง นอกนั้นก็จะเป็นวิวโล่งๆค่ะ

ห้องนี้จะมี Built-in island ตรงกลาง , เคาน์เตอร์ครัว และช่องเก็บเครื่องซักผ้าเอาไว้ พื้นบริเวณนั้นก็จะเป็นกระเบื้อง ที่ง่ายต่อการทำความสะอาดคราบ ควัน และเป็นวัสดุที่ไม่บวมน้ำค่ะ

ข้างๆครัวจะเป็นห้องน้ำนะ ห้องน้ำนี้มีการออกแบบที่แปลกอีกแล้วค่ะ คือจะมีห้องสุขาแยกออกมาเลย เหมือนที่ญี่ปุ่นนะ

ซึ่งในห้องสุขาก็จะมีประตูบานเลื่อนปิดเเยกได้ มีอ่างล้างมือเล็กๆด้วยค่ะ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องอาบน้ำ ทำเวลาใช้งานก็สามารถใช้พร้อมกันสองคนได้เลย

ตรงข้ามจะเป็นห้องนอนเล็กค่ะ ตรงนี้เราเลือกได้นะคะว่าจะเป็นเตียงที่ใหญ่ขึ้นก็ได้และให้พื้นที่วางโต๊ะเล็กลงแทน

ห้องนอนใหญ่จะเป็นห้องที่ได้กระจกเข้ามุมค่ะ

วางเตียงใหญ่ได้เลย รูปร่างของห้องจะไม่เกิดพื้นที่ Walk-in Closet นะคะ แต่ปริมาณและตำแหน่งที่สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ก็ไม่แพ้ Master Bedroom ของห้องที่แล้วเลยค่ะ

ห้องน้ำนี้จะพิเศษขึ้น คือมีทั้งห้องอาบน้ำและอ่างอาบน้ำเลย และมีกระจกบานใหญ่ด้วยค่ะ ดูเป็นการออกแบบห้องน้ำที่เอาใจคนญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันนะคะ


ห้องตัวอย่างแบบอื่นๆ

ห้องนี้ถือเป็นอีกห้องที่เราชอบเลยค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่มีขนาดใหญ่ 52.50 ตร.ม. (เดี๋ยวนี้เราเห็นห้องขนาดเท่านี้แต่จัดเป็น 2 ห้องนอนไปแล้ว) ส่วนตัวเรามองว่าห้องนี้คือเหมาะกับคนโสดมีเงิน หรือคู่รัก คู่แต่งงานที่ไม่ต้องการมีลูกนะ คืออยู่กัน 1-2 คนสบายๆเลยแหละ ตัวห้องเป็นห้องหน้ากว้างด้วย ค่อยๆแบ่งพื้นที่จากทางเข้าที่เป็นห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่ด้านในสุด ส่วนห้องที่ Plus หรือเพิ่มมาก็จะใช้เป็นห้องนอนของลูก(ในอนาคต)ก็ได้ หรือถ้าใครโสด ได้เป็นห้องทำงานและห้องเก็บข้าวของแน่ๆ อาจจะเป็น Walk-in Closet ด้วยนะ แต่ถ้าอยู่กัน 2 คนก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองอยู่ด้วย คือมีพื้นที่สำหรับใช้ชีวิตแหละ ไม่ใช่แค่ห้องที่เอาไว้นอนนะ

แต่… สิ่งที่ประทับใจเลยคือการจัดห้องน้ำค่ะ เราจะเห็นได้ว่าห้องน้ำสามารถเข้าได้ 2 ทางนะคะ และถูกแบ่งเป็นฝั่งที่เป็นพื้นที่อาบน้ำ (มีอ่างอาบน้ำและ Shower room) ซึ่งใกล้กับประตูเข้าห้องนอน ส่วนพื้นที่อย่างอ่างล้างมือและสุขาจะอยู่ใกล้กับประตูที่เข้าจาก Common Area ทีนี้พอมีแขกมาบ้านก็จะได้ใช้งานสะดวกมากขึ้นด้วยค่ะ

Image 1/10
เข้ามาในห้องส่วนแรกจะเป็น Common Area ครัวยังเป็นครัวเปิดนะคะ

เข้ามาในห้องส่วนแรกจะเป็น Common Area ครัวยังเป็นครัวเปิดนะคะ


ห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายที่ทำมาจะเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการค่ะ ประมาณ 34 – 35 ตร.ม. ถือเป็นขนาดเริ่มต้นที่อยู่สบายเหมือนกันนะคะ โดยห้องจะแบ่งเป็น 2 ส่วนแยกจากกันชัดเจน พื้นที่ส่วน Living และพื้นที่ส่วนพักผ่อนค่ะ โดยสิ่งที่น่าสนใจยังอยู่ที่การออกแบบห้องน้ำเหมือนเดิม เพราะเป็นห้องน้ำที่เข้าได้ทั้งจากฝั่งตรงข้ามครัวและจากห้องนอน ในแปลนอาจจะดูแล้วประตูเยอะแยะยุบยับ แต่ประตูก็ตรงกับแนวทางเดิน ดูแล้วการเข้าถึงไปใช้งานฟังก์ชันต่างๆโอเคเลยค่ะ โดยห้องนี้ยังคงได้เป็นครัวเปิดเหมือนเดิม มีช่องเก็บเครื่องซักผ้า พื้นที่นั่งเล่นเชื่อมต่อกับระเบียง แต่ว่าห้องแบบนี้จะไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ

Image 1/7
เข้ามาเป็นครัวและห้องนั่งเล่นยาวต่อเนื่องไปยังระเบียงเลย

เข้ามาเป็นครัวและห้องนั่งเล่นยาวต่อเนื่องไปยังระเบียงเลย


การมาดูโครงการสร้างเสร็จแล้วมีข้อดีที่ เราได้เห็นห้องจริงๆที่เราจะซื้อ ว่าสภาพห้องเป็นอย่างไร เห็นวิวอะไรบ้าง หน้าตาคนที่มาใช้งานภายในอาคารเป็นอย่างไร และที่สำคัญอีกอย่างคือพื้นที่ส่วนกลางทำออกมาเป็นอย่างไรด้วยค่ะ เพราะบางทีภาพขายที่ทางโครงการทำออกมาอาจจะสวยกว่าความเป็นจริงไปเยอะ (ภาพขายอะเนอะ ก็ต้องให้เห็นแต่อะไรที่สวยงาม) ดังนั้นเดี๋ยวเราไปดูบรรยากาศภายในโครงการจริงกันบ้างนะคะ

โครงการ IDEO Mobi สุขุมวิท 66 กันบ้าง โครงการนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่นิดๆ เป็น High Rise อาคารเดียว สูง 28 ชั้น รวมแล้ว 298 ยูนิต ถือว่าไม่เยอะนะคะ สามารถจอดรถได้ 193 คันค่ะ โดยส่วนกลางจะจัดอยู่ที่ขั้น 1  มี Lobby, Mail area, สวน ส่วนที่จอดรถจะสามารถจอดได้ตั้งแต่ชั้น 1-6 ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 7-26 เลย และเอาส่วนกลางหลักไว้ที่ชั้น 27-28 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดเลย มองวิวได้กว้างพอสมควร บางมุมก็จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะคะ กลางวันก็เห็นสวยงามอยู่ แต่ถ้ากลางคืนก็สามารถชม City View เข้าไปทางเมืองได้ด้วยค่ะ เป็นไฟระยิบระยับ

ด้านหน้าโครงการก็จะมีป้ายชื่อเห็นชัด เป็นแนวผนังทึบด้วย ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาไม่สามารถมองเห็นภายในโครงการได้ตรงๆ

ทางเข้า-ออกจะมีอยู่จุดเดียวค่ะ เข้าได้ทั้งคนและรถเลยนะ

ด้านหน้าก่อนถึงตัวอาคาารจะจัดไว้เป็นสวน ถือว่าเป็นวิวให้กับคนที่เข้า-ออกด้วย และถือเป็นการเว้นระยะ ช่วยปรับอารมณ์ ความวุ่นวายจากถนนใหญ่ภายนอกก่อนเข้ามาค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 1 ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูละเอียดเท่าไหร่นะคะ ต้องขออภัยไว้ก่อน แต่ว่าเท่าที่เห็นจะเข้ามาในตัวอาคารก็ต้องใช้ Key Card แล้ว อย่างตัวเราที่เป็นคนนอกก็จะจอดรถได้แค่ที่ชั้น 1 แล้วต้องแลกบัตรเพื่อเข้ามาในตัวอาคาร หลังจากแลกบัตรก็จะได้กระดาษมาประทับตราด้วยค่ะ จอดได้ 2 ชั่วโมงนะ กันคนที่มาจอดแช่ทิ้งไว้ได้เลย

สิ่งที่ชอบที่ชั้น 1 จะมีพื้นที่นั่งเล่นที่ลดระดับลงจากทางเดินค่ะ (sunken) พื้นที่ตรงนี้ถือว่ากว้างเลยนะคะ มีกระจกบานใหญ่ เปิดออกยังด้านข้างอาคารที่เป็นถนนภายในโครงการ แสงสว่างเข้าได้ค่ะ เห็นได้ว่าพื้นที่ตรงนี้คือใหญ่เลยนะคะ เราสามารถนัดเพื่อนมานั่งคุยงานตรงนี้ได้เลยนะ นอกจากนี้ข้างๆจะมีห้อง Meeting Room คนทำงานหรือเรียนที่ต้องการห้องจริงจังหน่อยก็มาขอใช้ได้ค่ะ

มาดูต่อที่ชั้น 27 ถือว่าเป็นชั้นส่วนกลางหลักของโครงการนี้เลย โดยพื้นที่บางส่วนจะเชื่อมต่อไปยังชั้น 28 ด้วย อย่างที่เราเห็นจะเป็น Sky Lounge ที่สามารถมานั่งทำงานหรือชมวิวได้ เป็นห้องที่มีความสูงแบบ Double Volume มองขึ้นไปเห็นฟิตเนสที่อยู่ชั้น 28 ได้นั่นเอง ห้องนี้ก็จะมีเคาน์เตอร์ที่เป็น Pantry เล็กๆไว้ด้วย เราสามารถนึกภาพนักเรียนหรือนักศึกษาที่หาที่นั่งอ่านหนังสือหรือทำงานได้เลย เพราะบางทีอยู่ในห้องกับครอบครัวหรืออยู่ที่บ้านก็จะรู้สึกขี้เกียจได้ง่าย เห็นเตียงเป็นต้องนอน หามุมนั่งอ่านหนังสือที่เราไม่สามารถอู้งานได้ก็ดีเหมือนกันค่ะ เอาน้ำขนมมาแช่ไว้ หิวก็หยิบกินได้เลย เหมือนเป็นห้องนั่งเล่นอีกห้องเลยนะคะ

ภายในเรามองออกไปเห็นพื้นที่สระว่ายน้ำ และ เก้าอี้ริมสระแบบนี้ แต่ไม่สามารถเดินออกไปได้นะ (ทางเดินไปสระจะเป็นอีกทางหนึ่ง)

ออกมาเราจะเจอสระแบบนี้ เป็นพื้นที่กึ่งในร่มและกลางแจ้ง กลางวันมาแช่น้ำเล่นได้อยู่ค่ะ มุมนี้เราคิดว่าในตอนแรกจะได้วิวที่ค่อนข้างกว้างเลย แบบ panoramic view แต่ข้างๆกลับมีการก่อสร้างอาคารสำนักงานขึ้นมาซะงั้น? ไม่แน่ใจว่าจะจบที่กี่ชั้นนะคะ ดังนั้นมุมนี้อาจจะไม่เปิดโล่งเท่าเดิมเเล้ว

ข้างๆกับสระก็จะมีจุดล้างตัวด้วยนะคะ ดีไซน์โค้งดูเก๋ไก๋อยู่ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคาร

หันมาทางซ้ายยังเป็นวิวที่โล่งอยู่ค่ะ โครงการนี้ใช้ผนังขอบสระเป็นกระจกด้วย ตั้งใจให้ทั้งคนที่ว่ายน้ำและคนที่เดินไปมาเห็นวิวโล่งๆชัดๆแน่นอน

ดูวิวชัดๆอีกทีเราจะเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยนะ ข้อดีคือการที่เอาส่วนกลางไว้ชั้นบนแบบนี้ เราที่อาจอยู่ห้องที่ไม่เห็นวิวอะไรจากห้องพักก็ขึ้นมาดูวิวที่ชั้นบนได้ค่ะ เห็นที่โล่งๆอาจจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นได้ด้วยนะ

หันมาอีกนิดจะเป็น City View ขึ้นมาหน่อย เห็นเมือง เห็นทางด่วน นึกภาพตอนกลางคืนน่าจะสวยอยู่นะคะ เราจะเห็นไฟจากรถที่วิ่งไปมาบนทางด่วนกับไฟที่มาจากอาคารต่างๆในเมืองด้วย ซึ่งถ้าอยู่ในเมืองเลยก็อาจจะเจอแต่ตึกข้างๆก็ได้นะคะ

จากชั้น 27 จะสามารถขึ้นไปชั้น 28 ได้ทั้งทางลิฟต์และบันไดค่ะ โดยบันไดก็จะมีการดีไซน์ Landscape ไปด้วย เหมือนได้เดินขึ้นเขาเนอะ

ขึ้นมาก็จะเป็นลานสนามหญ้ากลางแจ้งเลย

ตรงนี้ไม่ได้จัดเฟอร์นิเจอร์ Outdoor มาให้พักเท่าไหร่ แต่ถ้าตอนกลางคืนหน่อยเราลองหาเบาะนั่งมานั่งเล่นมองวิวก็ได้บรรยากาศเพลินๆไปอีกแบบนะคะ

มองย้อนไปแอบเห็นสระ Jacuzzi ซ่อนอยู่ ยกระดับจากสระว่ายน้ำใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างค่ะ ตรงนี้ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ยังใช้งานและชมวิวได้เหมือนเดิมนะคะ

เดินเข้ามาในอาคารจะเป็นชั้น 28 แล้ว เจอกับโถงลิฟต์ก่อน เดี๋ยวเราจะเดินไปยังฟังก์ชันสุดท้ายของส่วนกลาง นั่นก็คือฟิตเนสค่ะ เดินไปทางซ้ายมือนะ

ฟิตเนสเป็นห้องกระจกสามด้านเลย มีม่านบังเเดดให้นะคะ ทำให้ไม่ร้อนมากในช่วงกลางวัน ในช่วงนี้ที่มีโรคระบาดอยู่เราเห็นเค้าตั้งตะกร้าผ้าที่มีแอลกอฮอล์ไว้ด้วย ให้ลูกบ้านที่ขึ้นมาใช้งานสามารถเช็ดอุปกรณ์ต่างๆได้เอง เพื่อความสบายใจด้วยค่ะ

อุปกรณ์ที่ให้มาเราว่าเยอะอยู่นะคะ จัดวางไว้แบบไม่แออัด ห้องกระจกก็ทำให้ดูโปร่งโล่งมากขึ้นด้วยแหละค่ะ ออกกำลังกายไปดูวิวไปได้นะ

ข้างๆกันเป็นห้องเล็กๆ เหมาะกับคนที่มาเล่นโยคะได้นะคะ มี Matt โยคะไว้ให้ใช้ด้วย ตรงนี้เรามองว่าสะดวกเหมือนกัน เราเห็นหลายๆครอบครัวเดี๋ยวนี้จะจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาที่บ้าน และออกกำลังกายพร้อมๆกันทั้งครอบครัวเลย ประหยัดกว่าไปฟิตเนสข้างนอกด้วย และก็ได้ทำกิจกรรมกับคนในครอบครัวด้วยค่ะ ซึ่งเรามองว่าพื้นที่ของคอนโดนี้สามารถทำได้นะ

สรุปสุดท้าย

IDEO Mobi สุขุมวิท 66 เป็นอีกโครงการใกล้รถไฟฟ้าสถานีอุดมสุข ที่มีจุดเด่น (ข้อดี) ที่ใกล้รถไฟฟ้า ห้องขนาดใหญ่ จำนวนยูนิตไม่มาก สร้างเสร็จใหม่ ส่วนราคาก็ถือว่าแอบสูงอยู่เหมือนกัน อาจจะด้วยการทำ Package ห้องที่มีขนาดใหญ่ขายด้วยนะ นอกจากนี้เราชอบการออกแบบ Layout ห้องน้ำที่น่าสนใจทุกห้องเลย มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย คิดว่าต้องสร้างมาเพื่อขายนักลงทุนปล่อยเช่าคนญี่ปุ่นบ้างแหละ ดังนั้น ถ้าใครอยากได้บ้านในเมืองแต่ก็ติดที่บ้านใหม่ในเมืองราคาสูง ลองมองที่ห้องขนาดใหญ่ของคอนโดกันบ้างก็ดีนะคะ เพราะเราจะได้ประโยชน์เรื่องการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า และมีส่วนกลางสวยๆให้ใช้แบบจัดเต็มอีกด้วยค่ะ

สุดท้ายแล้วจริงๆ Walk-in รีวิวถือเป็นบทความแนวใหม่ที่ทางผู้เขียนพยายามพัฒนาขึ้นมา มีการเปรียบเทียบกับคู่แข่งมากขึ้น และพยายามมองหาจุดดีจุดเด่นของโครงการ ว่าเป็นอย่างไร เหมาะกับใคร มานำเสนอให้กับผู้อ่าน ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้แล้วมีข้อติชม หรือว่าอยากเสนอแนะอะไร บอกกันมาได้เลยนะคะ 🙂