รีวิวโครงการ

The Fine Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย : The Sneak EP.105

1 พฤษภาคม 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 2173 …  วันนี้จะพาไปชม The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย คอนโด High Rise ที่เพิ่งสร้างเสร็จใจกลางย่าน All day-All night ในซอยเอกมัย 12 มีการออกแบบที่ Unique ญี่ปุ่นจ๋า ส่วนหนึ่งก็เพราะ Developer เป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคู่คือ Sankyo Home (Thailand) และ  Keihan Real Estate เราจึงได้เห็นดีเทลของห้องพักแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยกับลูกบ้านจำนวนไม่เยอะ ในราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท ไปชมกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

01 December 2020

  • The FINE Bangkok Thonglor-Ekamai (เดอะ ฟายน์ แบงค็อค ทองหล่อ-เอกมัย)
  • Sankyo Home (Thailand) Co., Ltd , Keihan Real Estate Co., Ltd
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : วัฒนา
  • คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร 220 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 154 คันคิดเป็น 70 % (ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 1-1-5 ไร่
  • สร้างเสร็จพร้อมอยู่ : ตุลาคม ปี 2563
  • 1 Bedroom 34-35 ตารางเมตร
  • 2 Bedroom 50-56 ตารางเมตร
  • Penthouse 76-92 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 – 2.8 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท
  • ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้น : 150,000 บาท
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร  : 065-156-6868

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.730605, 100.587346
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ค่ะ

โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ตั้งอยู่ในทำเลย่านเอกมัย จัดเป็นทำเลหนึ่งที่ได้รับความนิยมรองมาจากย่านทองหล่อ ด้วยความที่เป็นซอยคู่ขนาน มีความเชื่อมต่อกันทางกายภาพของพื้นที่และบริบทโดยรอบ อีกทั้งยังจัดเป็นทำเลทองของย่านธุรกิจ มีการเติบโตของที่อยู่อาศัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องมาตลอด ปัจจุบันทองหล่อนั้นหนาแน่นจนเอกมัยกลายเป็นย่านที่ถูกพัฒนาเพื่อมารองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งความบันเทิงที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย ส่งผลให้มีความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัยสูงและได้รับความสนใจมากจากทั้งนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติอยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นย่านที่มีความคล่องตัวทั้งการอยู่อาศัย การใช้ชีวิต การเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก ทำเลนี้จึงดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่มากขึ้น

ส่วนในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วนะคะว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว Shopping และร้านอาหารระดับ Hi-End มากมาย มีความคึกคักทั้งในเวลากลางวันและมีสีสันในเวลากลางคืน เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร Community Mall ที่เน้น Lifestyle อย่างเช่น The Commons, J Avenue, เวิ้งโบราณ , Community Mall เปิดใหม่จากญี่ปุ่นอย่าง Donki Mall และ Hyper Market อย่าง Big C เอกมัยที่อยู่ใกล้ๆกับโครงการเลย เป็นต้น

นอกจากร้านอาหารและแหล่ง Shopping แล้วยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างโรงเรียน, โรงพยาบาล และสวนสาธารณะใกล้เคียง เช่น โรงเรียนนานาชาติ Ekkamai International School, St.Andrews International School, โรงพยาบาลคามิลเลียน, โรงพยาบาลไทยคริสเตียน และ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท อยู่ด้วยค่ะ

สำหรับใครที่มองหาห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นในวันหยุด ก็ไม่ต้องไปไหนไกลเพราะมี 2 ห้างใหญ่ไว้รองรับเรียบร้อย ทั้ง Major Cineplex เอกมัย ห้างเก่าแก่ในย่านนี้ที่เน้นไปที่โรงภาพยนตร์ในชั้นบน และมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ในชั้นล่างให้ได้เลือกกิน ซึ่งจะไม่ได้เน้นไปที่ของแพงมากนัก ส่วนใหญ่คนที่เดินภายในจะเป็นวัยนักเรียน นักศึกษาในย่านค่อนข้างเยอะ หรือขยับมาที่ Gateway เอกมัย ห้างที่เน้นเอาใจชาวญี่ปุ่น ด้วยสไตล์ของร้านค้า ร้านอาหารภายในที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่นชัดเจน

โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ตั้งอยู่ในซอยเอกมัย 12 เป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนเอกมัย(สุขุมวิท 63) กับถนนปรีดี พนมยงค์(สุขุมวิท 71) และเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับทองหล่อซอย 10 ที่ใช้ไปทะลุถนนทองหล่อได้หรือจะใช้ไปถนนเพชรบุรี สุขุมวิท อโศก พร้อมพงษ์ พระราม 4 ก็สะดวก หากใครต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้

ทางลัดที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ คือซอยเอกมัย 10 (ซอย Health Land) วิ่งลัดๆ ลงมาออกถนนสุขุมวิทที่ซอย 65 ซึ่งต้องยอมรับจริงๆว่า ถนนตรงนี้ปริมาณรถเยอะ ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องไปเส้นไหน ทางลัดตรงไหนรถจะไม่ติด แต่ทางที่ดีที่สุดคือต้องรู้จักให้ครบทุกทางแล้วช่างสังเกตเอาหน่อย เพื่อดูว่าช่วงเวลานี้ทางไหนจะติดน้อยติดมากค่ะ สำหรับใครที่ใช้ทางด่วนจะมีทางด่วนรามอินทราช่วงสุดถนนเอกมัย และทางด่วนอาจณรงค์ที่ต้องวิ่งทะลุซอยสุขุมวิท 40 ไปออกฝั่งกล้วยน้ำไทค่ะ

โครงการอยู่ในระยะที่ไม่ได้ใกล้ BTS คือมีระยะประมาณ 1.3 km. จาก BTS เอกมัย แต่เนื่องจากหน้าโครงการมีรถสาธารณะผ่านไปมาให้เรียกได้ง่าย ทั้งวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ จึงสามารถใช้รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ และจากสถานีเอกมัยถ้านั่งรถไปอีก 2 สถานี ก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ซึ่งมีห้าง Emporium , Emquartier และในอนาคตก็จะมี Emsphere อยู่ฝั่งเดียวกับ Emporium ติดกับสวนเบญจสิริอีก ถัดจากสถานีพร้อมพงษ์ก็จะเป็นสถานี อโศก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกับ MRT สถานีนี้จะมีห้างใหญ่อย่าง Terminal 21 อยู่ด้วย ถัดจากอโศกข้าม นานา เพลินจิตไปก็จะเข้าสู่ชิดลม และสยาม ตามลำดับ ซึ่งความสะดวกจะอยู่ตรงที่การเดินทางเข้าเมืองอย่างสีสม-สาทร เพลินจิต-สยาม สามารถนั่ง BTS ไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีให้เสียเวลา

เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราเคยพามาชมรีวิวเมื่อตอนเปิดโครงการ ..ซึ่งวันนี้โครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจึงพามาชมของจริงกัน แต่บรรยากาศรอบๆ โครงการนั้นดูคึกคักขึ้นนะคะ โดยเฉพาะมี Community Mall ยอดฮิตของญี่ปุ่นอย่าง Donki Mall ที่มาเปิดใหม่ ในระยะเดินใกล้ๆโครงการแค่ 160 m. เอง เราจึงอยากพาไปเดิน Donki Mall พร้อมอัพเดทบรรยากาศรอบๆ ไปด้วยนะคะ

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/12
ตอนนี้เราอยู่กันที่โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ก่อนอื่นจะขอพาชมรอบๆโครงการก่อนนะคะ

ตอนนี้เราอยู่กันที่โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ก่อนอื่นจะขอพาชมรอบๆโครงการก่อนนะคะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการตั้งอยู่บริเวณต้นซอยเอกมัย 12 สภาพแวดล้อมรอบๆส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้นและบ้านพักอาศัย โครงการมีการออกแบบให้ไม่ถูกบดบังวิวจากอาคารสูงด้านข้าง โดยทางฝั่งซ้ายของโครงการจะติดกับอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น และ โครงการ M ทองหล่อ คอนโดมิเนียมสูง 22 ชั้น แต่เนื่องจากมีอาคารพาณิชย์มาคั่นกลางจึงทำให้มีระยะห่าง ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดจนเกินไป ส่วนทางฝั่งขวาจะติดกับโครงการ Ceil by Sansiri ที่ด้านหน้าเป็นอาคารพาณิชย์และอาคารจอดรถสูง 7 ชั้น ซึ่งอยู่ในระยะเดียวกับชั้นจอดรถของโครงการ The FINE พอดี ส่วนถัดเข้าไปด้านหลังเป็นคอนโดมิเนียม 2 อาคารสูง 14 , 17 ชั้น ซึ่งระยะของอาคารที่สูง 14 ชั้นนั้น จะมีบางส่วนอยู่เหลื่อมกับอาคารของเรา แต่ทางโครงการก็จัดผังให้บริเวณนี้เป็นส่วนของโถงลิฟต์และบันไดหนีไฟ ไม่มีห้องพักบริเวณนี้ค่ะ เรามาดูว่าแต่ละด้านของที่ดินติดกับอะไรบ้าง

ทิศเหนือ – ติดกับ อาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น
ทิศตะวันออก – ติดกับ โครงการ Ceil by Sansiri ประกอบด้วย อาคารพาณิชย์สูง 7 ชั้น และคอนโดมิเนียม 2 อาคารสูง 14 , 17 ชั้น
ทิศใต้ – ติดกับ ซอยเอกมัย 12 ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย และ Apartment
ทิศตะวันตก – ติดกับ อาคารพาณิชย์ 5 ชั้น และ คอนโด M ทองหล่อสูง 22 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • DONKI Mall ~ 160 m.
  • Health Land ~ 300 m.
  • Big C เอกมัย ~ 550 m.
  • โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ~ 700 m.
  • The Commons ~ 900 m.
  • อาคารสำนักงานสรชัย ~ 900 m.
  • Nihonmura Mall ~ 1 km.
  • อาคารสำนักงาน  S.S.P. Tower ~1.1 km.
  • โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท ~ 1.4 km.
  • J Avenue ~ 1.6 km.
  • Major Cineplex เอกมัย ~ 1.6 km.
  • Charn Issara Tower 2 ~ 1.7 km.
  • Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit ~ 1.8 km.
  • โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 1.8 km.
  • Park Lane  ~ 1.9 km.
  • Gateway เอกมัย ~ 2.5 km.
  • EmQuartier ~ 2.7 km.
  • Rain Hill ~ 2.9 km.
  • Emporium ~ 3 km.

รายละเอียดโครงการ

The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย เป็นคอนโดระดับ HIGH CLASS ที่มีจำนวน 220 ยูนิต เทียบกันแล้วจะเห็นว่าจำนวนเพื่อนบ้านที่นี่น้อยกว่าโครงการเพื่อนบ้านที่ราคาพอๆ กันนะ จึงเหมาะกับคนที่ชอบความสงบเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังอยากอยู่ในย่านที่คึกคักอย่างเอกมัย

ตัวอาคารออกแบบโดย A49 พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Modern Japanese” มีความเรียบง่ายอบอุ่น แต่หรูหรา ใช้โทนสีขาวผสมกับไม้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น รูปแบบห้องพักมีให้เลือกตั้งแต่ 1-2 Bedroom และ Penthouse พอดูจากแปลนแล้วจะเห็นว่าที่นี่มีให้เลือกหลาย Layout รวมถึงห้องแบบครัวปิด ติดระเบียง ซึ่งไม่ได้มีแปลนแบบนี้ให้เลือกในทุกๆ โครงการนะคะ และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ขนาดของห้อง 2 Bedroom และ Penthouse ที่ทำออกมาให้กะทัดรัดหน่อย แบบพื้นที่ 50 ตร.ม. ก็ได้เป็น 2 Bed แล้ว ในขณะที่โครงการส่วนใหญ่ทำขนาดที่ 60-70 ตร.ม. จึงเป็นผลดีต่อราคา Package ของห้องค่ะ

จุดเด่นอีกอย่างเห็นจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาครบครัน โดย Facilities จะถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนได้แก่

  • Fine Lounge อยู่บริเวณชั้น 1 ประกอบด้วย Lobby, Co-working room, Private meeting room, Mail room , Waiting Area ซึ่งทางโครงการตั้งใจที่จะสร้างโซนนี้ให้เป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกัน โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว แต่มีพื้นที่กว้างเพียงพอรองรับการใช้งานแบบกลุ่มใหญ่ด้วย
  • Fine Greenery โครงการจัดให้มีพื้นที่สีเขียวทั้งรอบๆโครงการกับ Spring Garden และ พื้นที่สวนชั้น 23, 27 ให้ลูกบ้านได้มาใช้นั่งเล่นพักผ่อน
  • Fine Retreat ชั้น 30 จัดเป็นโซนเปียกทั้งหมด ประกอบด้วยพื้นที่พักผ่อนรับแดดหรือชมวิวเมืองยามค่ำคืน สระว่ายน้ำยาว 20 m., Pool Bar ล้อมรอบด้วยน้ำ + พื้นที่นั่งพักผ่อน, Sauna room มีกระจกให้ชมวิว , Hot Pool และ The Edge View Point จุดชมวิว ซึ่งแนวคิดในการออกแบบโซนนี้คือต้องการให้สามารถชมวิวขอบฟ้าได้ใกล้ที่สุด
  • Fine Sky ที่ชั้น 31 เป็นพื้นที่ที่ทุกกิจกรรมสามารถชมวิวเมือง 360 องศาได้ ประกอบด้วย Fitness, Karaoke room, Kids room , Wine Lounge และ Co – Kitchen ส่วนบนชั้นดาดฟ้าก็จะมี Golf Club ให้ได้ซ้อมพัดกอล์ฟ และ Sky Seat ไว้ให้นั่งชมวิว ซึ่งในย่านเอกมัยนี้ จัดว่าเป็นย่าน All day-All night ที่นอกจากจะอุดมสมบูรณ์ทั้งวันทั้งคืนแล้ว เรายังได้อานิสงค์เป็นวิวแสงไฟสวยๆ ในยามค่ำคืนด้วยค่ะ

เรามาดูแปลนชั้น 1 กัน ทางเข้าหลักของโครงการจะมีอยู่ทางเดียวคือ ทางซอยเอกมัย 12 ถ้าเป็นลูกบ้านจะผ่านเข้าโครงการได้โดยระบบ Easy Pass เมื่อผ่านระบบรักษาความปลอดภัยด้านหน้าโครงการเข้ามาแล้ว จะต้องขับไปจอดที่ Auto Parking ด้านหลังอาคาร ซึ่งจอดได้ประมาณ 154 คันหรือคิดเป็น 70%

โครงการวางตำแหน่งของสวนหลักๆ เอาไว้ด้านหน้า แล้วดันตัวอาคารเข้าไปไว้ด้านใน ทำให้การอยู่อาศัยจะได้ความสงบมากขึ้น ลดความจอแจจากพื้นที่ริมถนน และเมื่อเข้ามาด้านในอาคารจะเจอกับ Lobby และ Co-working room สามารถรองรับการใช้งานได้เยอะประมาณ 20 คนได้เลยนะ ถัดเข้าไปด้านในจะเป็น Mail room , Waiting Area สำหรับนั่งรอรถและห้องน้ำ

สำหรับการเข้าอาคารและโซนที่เป็น Private ต่างๆนั้นจะต้องใช้ Keycard Access ในทุกๆทางเข้า-ออก ได้แก่ บริเวณ Lobby และทางเข้าจากที่จอดรถค่ะ

ทางเข้าออกโครงการเป็นไม้กระดกกั้น ที่รักษาความปลอดภัยด้วยระบบ RFID แบบเดียวกับ Easy Pass ที่ใช้ขึ้นทางด่วนเลย เข้าออกได้สะดวกดี หน้าโครงการมีการเว้นระยะให้รถเลี้ยวเข้ามาสักนิดนึงก่อนถึงไม้กระดกกั้น จึงมีพื้นที่ให้ Visitors จอดรอแลกบัตรได้สะดวก

หน้าโครงการได้วิวสวนเก๋ๆ ที่ไม่ได้เน้นบรรยากาศร่มรื่น สีเขียวแบบทั่วไปนะ ที่นี่จะโดดเด่นด้วย Water Feature มีทางเดิน, Pavilionและที่นั่งริมน้ำ

การออกแบบสวนด้านหน้านี้ได้แนวคิดมาจากวังในญี่ปุ่นที่จะนิยมการมานั่งชมจันทร์ โดยลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นจุ่มขาลงไปในสระได้ พร้อมกับชม Lighting ที่จะออกแบบมาให้คล้ายๆ เงาจันทร์ในน้ำ

เนื่องจากเป็นสวนที่ออกแบบไว้ให้นั่งเล่นเป็นหลัก เราจึงได้เห็นมุมนั่งเล่นหลายจุดในสวนนี้นะ

ในสวนมี Pavilion ให้นั่งเล่นแบบ Semi-outdoor เอาไว้หลบแดด หลบฝนได้ด้วย เผื่อช่วงไหนอากาศดีๆ ก็เป็นอีกมุมให้มาเปลี่ยนบรรยากาศได้

เข้ามาด้านในโครงการจะมีทางเดินรถรอบอาคารเลย โครงการปู Stamped Concrete ไว้ตลอดแนวจึงดูสวยงาม และยังดูแลทำความสะอาดง่าย ทำให้โครงการดูไม่โทรมไวนะ

ผนังและประตูทางเข้าอาคารเป็นกระจกบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้า ทำให้อาคารดูโปร่ง ไม่ทึบตัน และยังดูโมเดิร์นดีด้วย ส่วนการเข้าอาคารจะต้องใช้ Keycard Access เท่านั้น จึงปลอดภัยกับลูกบ้านดี แต่ถ้ามี Visitors มาหาก็ต้องให้รอด้านนอกอาคารก่อนนะ

ด้านในสุดของอาคารจะเป็นตำแหน่งของ Auto Parking มีช่องรับรถ 2 ช่อง พอจอดรถเสร็จก็เดินเข้าอาคารทางประตูขวามือได้เลย

Lobby ออกแบบให้มีความเรียบหรู ได้อารมณ์ความเป็นญี่ปุ่น โดยการใช้โทนสีเข้มและใช้ Lighting ในการเพิ่มบรรยากาศ บริเวณนี้เป็นแบบ Double Space ฝ้าเพดานสูง ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะเชื่อมต่อกับ Co-working room ค่ะ

มุมนั่งเล่นภายใน Lobby จะจัดไว้ให้หลายมุมนะคะ ส่วนที่เราชอบคือ มีมุมที่ Privacy ขึ้นด้วย

เรามองว่าภายใน Co-working room ให้บรรยากาศที่ดูแตกต่างจากส่วนอื่นนะคะ ห้องนี้จะดู Homey ขึ้นด้วยวัสดุที่ใช้ในการตกแต่ง เช่น การใช้พื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก

Interior Designer ที่เลือกใช้ก็คือ IA 49 เป็นอีกหนึ่งออฟฟิศชั้นนำของไทย ช่วยการันตีบรรยากาศภายในที่มาตามคอนเซปต์

ส่วนที่เป็น Gimmick ของห้องนี้ก็คือเจ้าบันไดวน ที่ใช้เดินขึ้นไป Private meeting room บนชั้นลอย

Private meeting room เป็นห้องที่มีความสงบเงียบกว่าพื้นที่อื่นๆ ภายใน Co-working room เลยนะคะ เหมาะกับการมานั่งทำงานในยามที่ต้องการสมาธิมากหน่อย

นอกจากนี้ภายใน Lobby จะมีห้องน้ำไว้ให้เป็นมาตรฐาน

ติดกันเป็น Mail Room ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือตู้จดหมายที่มีขนาดมาตรฐานสำหรับใส่ซองเล็กๆ น้อย และมีตู้ Locker สำหรับฝากของชิ้นใหญ่ไว้ให้ใช้งานด้วย ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าโครงการนี้มีการติดตั้งระบบสั่งของ Nasket มาให้ด้วย เวลาพนักงานมาส่งของก็สามารถให้ฝากไว้ในตู้ Locker ได้เลยค่ะ

ถัดเข้ามาคือโซน Waiting Area ที่เรามองว่าจำเป็นสำหรับโครงการนี้ทีเดียว เพื่อรองรับระบบที่จอดรถแบบ Auto Parking จึงต้องใช้เวลาในการนั่งคอยคิวอยู่เหมือนกันนะ

จากที่จอดรถจะอยู่ติดกับประตูทางเชื่อมเข้าอาคาร ซึ่งก็อยู่ใกล้กับ Lift Lobby ที่ใช้ขึ้นไปห้องพักอาศัยได้เลย ไม่ต้องเดินไกล

บริเวณ Lift Lobby จะได้แสงธรรมชาติที่ผ่านผนังกระจกเข้ามา ทำให้ดูโปร่งดี พอออกจากลิฟต์มาปุ๊บ ก็สามารถมาสแกนบัตรจอดรถที่ผนังฝั่งตรงข้ามได้ทันที ที่หน้าจอก็จะขึ้นว่าเราเป็นคิวที่เท่าไหร่

ตัวลิฟต์ออกแบบให้ดูเรียบหรู มีการใช้ผนังกระจกเพื่อให้พื้นที่ในลิฟต์ดูกว้างขึ้น ไม่อึดอัดนัก

ลิฟต์จะเป็นแบบล็อกชั้น จึงต้องใช้ Keycard สแกนทุกครั้ง และมีปุ่มกดลิฟต์ให้ 2 แบบ คือแบบปกติ และแบบที่ปุ่มกดอยู่ต่ำหน่อย ให้คนนั่งวีลแชร์สามารถกดได้สะดวก

ชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 9 เป็นต้นไป โดยชั้นนี้จะเป็น Typical Floor Plan มีจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่เยอะคือ 12 ยูนิตเท่านั้น จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว การจัดวางผังห้องพักจะวางห้อง 2 ห้องนอนเอาไว้บริเวณมุม ส่วนห้อง 1 ห้องนอนอยู่ตรงกลาง โถงลิฟต์ถูกจัดวางให้อยู่บริเวณที่ตัวอาคารหันชนกับบางส่วนของโครงการ Ceil by Sansiri บริเวณนี้จึงไม่มีห้องพัก โดยมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัวแบบล็อคชั้น อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 110 : 1 และมีลิฟต์ Service 1 ตัวค่ะ

สำหรับวิวนั้นทิศที่โล่งๆ ไม่มีอะไรมาบังเลยคือ ทิศใต้ฝั่งถนนสุขุมวิท ส่วนทิศตะวันตกนั้นจะมีโครงการ M ทองหล่อและอาคารพาณิชย์อยู่ด้านข้าง อาคารสูงไม่ได้วางอยู่ในระยะประชิดมีระยะห่างอยู่พอสมควร ซึ่งโครงการเราสูงกว่านะ (สูง 31 ชั้น) พอพ้นระยะความสูง 22 ชั้นของ M ทองหล่อ แล้วก็จะได้วิวเปิดโล่งของทางฝั่งทองหล่อค่ะ

ส่วนทางทิศตะวันออกที่เป็นโครงการ Ceil by Sansiri นั้นตัวโครงการนี้เค้าจะมีร่นระยะคอนโดทั้ง 2 อาคารอยู่ด้านหลัง ทำให้ไม่มาบดบังวิวทั้งหมด ซึ่งช่วงที่โดนบังโครงการเราก็ออกแบบให้เป็นโถงลิฟต์ ส่วนด้านหน้าของ Ceil by Sansiri จะเป็นอาคารพาณิชย์และอาคารจอดรถสูง 7 ชั้นซึ่งอยู่ในระยะชั้นจอดรถของโครงการเราพอดี แต่ถ้าชอบห้องด้านหน้าโครงการและอยากได้วิวเคลียร์ๆ ก็แนะนำให้เลือกชั้นที่สูงขึ้นมาหน่อยแบบชั้น 10 ขึ้นไปนะคะ ส่วนทางทิศเหนือจะหันเข้าหาบ้านพักอาศัยในซอยเอกมัย ซึ่งเป็นบ้านแนวราบซะส่วนใหญ่ วิวด้านนี้จึงเคลียร์ๆ ด้วยเช่นกันค่ะ

บรรยากาศของ Lift Lobby บนชั้นพักอาศัย ใช้สีโทนอบอุ่นสไตล์ญี่ปุ่นแบบมูจิๆ และได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากหน้าต่าง

ส่วนโถงทางเดินของโซนพักอาศัยจะต้องพึ่งแสงจากดวงไฟแทนนะคะ

ชั้น 23 การวางผังคล้ายๆ กับชั้น 9-22 นะคะ แต่จำนวนยูนิตลดลงมาเหลือ 10 ยูนิตต่อชั้น และมีพื้นที่ส่วนหย่อม เป็นสวนส่วนตัวที่ลูกบ้านมาใช้ได้ โดยจะมีห้องที่ได้วิวสวนอยู่ 2 ห้อง แต่ถ้าจะออกมาใช้เดินเล่นก็ต้องออกมาเข้าที่ด้านนอกนะคะ ไม่สามารถเดินจากห้องตัวเองลงสวนได้

สวนหย่อมบนชั้น 23 มีตำแหน่งดีนะ เค้าวางไว้หน้าโครงการในตำแหน่งที่ได้วิวเคลียร์ๆ

พื้นที่ในสวนจัดเป็นมุมนั่งเล่นที่หันออกไปชมวิวพอดิบพอดี เราคิดว่าวิวช่วงกลางคืนจะยิ่งสวยนะ เพราะโครงการอยู่กลางเมืองเลย ทำให้เป็น Value ที่เพิ่มขึ้นสำหรับห้องพักในชั้นนี้นะคะ ที่ออกมาใช้งานได้สะดวก แลกกับการต้องเสีย Privacy ไปบ้างหากมีลูกบ้านชั้นอื่นขึ้นมาใช้งาน

ชั้น 24 วางผังเหมือนชั้น 23 ค่ะ จำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากันเลย ต่างกันแค่ไม่มีสวนหย่อม จะสังเกตเห็นว่าในชั้นบนๆจำนวนยูนิตจะเริ่มลดลงตามระยะร่นของอาคาร ทำให้ห้องพักที่อยู่ในชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย

ชั้น 27 มีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่งค่ะ การใช้งานต้องออกมาที่โถงทางเดินทางแล้วจะมีประตูกั้นแยกต่างหากค่ะ ชั้นนี้จะมีแต่ห้องแบบ Penthouse จำนวน 4 ห้อง ขนาด 76.5 – 92 ตารางเมตร และมีห้องเดียวเท่านั้นที่ได้วิวสวนหย่อมคือห้อง PHB-1 ขนาด 76.5 ตารางเมตร ฝั่งด้านหน้าอาคาร

สวนบนชั้น 27 จัดออกมาไว้ให้เหมาะกับการชมวิวเช่นกัน ด้วยการใช้ราวกันตกกระจกจึงเปิดวิวได้โล่งมาก

พื้นที่สวนจะมีการใช้ทั้งต้นไม้ใหญ่, ไม้พุ่ม และการปูหญ้า ให้บรรยากาศที่ดูร่มรื่นดีค่ะ

ที่ชั้น 30-31 เป็นชั้นของ Facilities อีกจุดหนึ่งซึ่งทางโครงการออกแบบมาเพื่อให้ได้ชมวิวไปพร้อมๆกับทำกิจกรรมด้วย อย่างชั้นนี้คือชั้น 30 เป็นพื้นที่ผ่อนและชมวิว ประกอบด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ยาว 20 เมตรพร้อมพื้นที่นั่งพักผ่อน , Pool Bar ล้อมรอบด้วยน้ำ, Sauna room ที่สามารถชมวิวได้ , Hot Pool หรือบ่อน้ำร้อนเอาไว้แช่ตัว (ไม่ใช่ออนเซนนะคะ) และ The Edge View Point จุดชมวิว

โครงการนี้จัดวาง Facilities ไว้ที่ชั้นสูง เพื่อให้เราได้ชมวิวเมืองสวยๆ ได้ นับเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของคอนโดในยุคนี้ ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor จึงมาว่ายน้ำ นั่งเล่นได้ทั้งวัน เพราะหลังคาส่วนนี้ออกแบบให้คลุมไปจรดขอบสระเลย

ตำแหน่งของสระวางไว้ทางทิศตะวันตกก็มีข้อดีที่เราจะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกจากมุมนี้ด้วย แต่ช่วยบ่ายๆ แสงก็อาจจะส่องเข้ามาได้เหมือนกันนะคะ

Pool Bar ที่นี่ออกแบบมาให้ดูเก๋ๆ เป็น Sunken Bar แบบ Outdoor เพื่อเปิดรับลม ชมวิว ดูดาวได้ จึงเหมาะกับการจัดปาร์ตี้ในช่วงเย็นที่แดดร่มลมตกสักหน่อย

ดูจากพื้นที่แล้วก็น่าจะรองรับการใช้งานได้ประมาณ 10 คน คิดว่าเป็นมุม Highlight ที่ลูกบ้านต้องชอบกันแน่ๆ

Facilities อีกส่วนหนึ่งที่เหมาะกับโครงการกลางเมืองแบบนี้ก็คือ The Edge View Point ซึ่งก็คือจุดชมวิวนั่นเอง เป็นจุดชมวิวที่หันออกทางทิศใต้ จึงได้วิวเคลียร์ๆ ไม่มีอาคารสูงบังเลย งานดีไซน์ของพื้นที่ในส่วนนี้จึงใช้กระจกทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีผนังมารบกวนสายตาแม้สักน้อยค่ะ

หากใครไม่อยากยืนชมวิวเฉยๆ ก็มานั่งแช่น้ำอุ่นๆ ได้กับ Facilities ที่มีชื่อว่า Hot Pool ที่เค้าทำออกมาให้คล้ายออนเซนกลางแจ้ง จัดที่นั่งในบ่อให้ชมวิวไปด้วยได้

สำหรับห้องน้ำบนชั้นนี้ก็จะมีไว้ให้ลูกบ้านได้มาเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ เก็บของได้สะดวก วางตำแหน่งไว้อยู่ในมุมที่มิดชิดเป็นสัดส่วน

ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำมีพื้นที่กะทัดรัดหน่อย แต่ก็ยังใช้งานได้สะดวก ผนังและพื้นปูด้วยกระเบื้องทั้งหมด ดูเรียบร้อย

และมีห้อง Sauna ขนาดนั่งได้ 2 – 3 คนมาให้ใช้งานด้วย

ขึ้นมาบนชั้น 31 จะเป็นโซน Fine Sky ประกอบด้วย Wine Lounge + Co–Kitchen, Fitness, Karaoke room และ Kids room

เมื่อออกจากลิฟต์มาบนชั้น 31 ก็ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ เพราะเค้ามีป้ายบอกทางไว้เรียบร้อยว่าอะไรอยู่ด้านไหน

ซึ่งชั้นนี้จะเป็นทางเดินยาวๆ ที่วาง Facilities ต่างๆ เรียงกันไว้บนทางเดินนี้แหละค่ะ

เริ่มจาก Fitness ที่วางตำแหน่งไว้หัวมุมอาคาร ทำให้เราได้ออกกำลังกายพร้อมชมวิวกว้างๆ ไปในตัว

เครื่องออกกำลังกายเค้าเลือกใช้ของ Intenza แบรนด์สัญชาติเยอรมัน ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทาน วัสดุดี และยังมีดีไซน์ที่สวยงาม

พร้อมด้วยอุปกรณ์ฝึกฝนแม่ไม้มวยไทยจาก UFC

เครื่องออกกำลังกายภายในห้องมีความหลากหลายทั้งแบบที่เหมาะกับการเล่นเวท สร้างกล้ามเนื้อและคนที่ต้องการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ

ถัดมาที่ Kids room ซึ่งโครงการตั้งใจนำมาวางไว้บนชั้นเดียวกับ Wine Lounge เพื่อให้เป็นพื้นที่พักผ่อนของเด็กๆ ในเวลาที่คุณพ่อ คุณแม่จัดงานสังสรรที่ห้องข้างๆ ก็ยังมีพื้นที่รับรองเด็กๆ อยู่ใกล้ๆ กัน

ภายในจัดพื้นที่คอกกั้นให้เหมาะกับเด็กเล็กและพื้นที่สำหรับนั่งทำการบ้านของเด็กโต แต่การตกแต่งยังไม่จูงใจเด็กสักเท่าไหร่ ลูกบ้านอาจจะต้องนำของเล่นคุณหนูๆมาเองด้วยนะคะ

ติดกันก็จะเป็น Wine Lounge ตกแต่งได้เรียบหรู ถือเป็นมุมพักผ่อนที่ดี สามารถมาใช้นั่งชมวิวได้อีกด้วย ซึ่งหากลูกบ้านต้องการจัด Private Party ของครอบครัวหรือเพื่อนฝูงก็สามารถจองใช้งานผ่านทางนิติฯได้

ภายในห้องนี้กว้างขวางทีเดียว จึงมีหลายมุม หลายฟังก์ชันให้เลือกใช้

อีกฟังก์ชันหนึ่งในห้องนี้ก็คือ Co-Kitchen ออกแบบไว้เป็นห้องปิด จึงเป็นมุมที่ให้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย

Co-Kitchen ที่ให้ลูกบ้านมาใช้พื้นที่ทำอาหารได้ แบบนี้จัด Cooking Class เชิญอาจารย์มาสอนทำอาหารก็สะดวกเลย

ใครจะมาใช้ครัวก็เตรียมวัตถุดิบมาได้เลยค่ะ เพราะเค้ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวมาให้ใช้ครบถ้วน ทั้งตู้เย็น, เตาไฟฟ้า, ตู้อบ, ไมโครเวฟ

ทำครัวไป นั่งทานอาหารไปก็ได้วิวสวยๆ จากชั้น 31 กันเลย

ปิดท้ายชั้นนี้ด้วย Karaoke room หรือจะเข้ามาดูหนังฟังเพลงก็ได้

ภายในจัดเตรียมทีวี ลำโพง ไมโครโฟนไว้ให้พร้อมร้องคาราโอเกะ หรือจะมานั่งดูหนัง ฟังเพลงก็ได้ แต่ต้องจองใช้งานนะคะ

เป็นอีก Facilities หนึ่งที่ได้วิวดีเช่นกันค่ะ

ฝั่งตรงข้าม Karaoke room ก็จะมีห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำให้ครบ รองรับการใช้งานของคนที่ต้องการอาบน้ำหลังเล่นฟิตเนสด้วยค่ะ

ที่ชั้นดาดฟ้าจะมี Golf Club หรือ Golf Putting Space และ Sky Seat ที่นั่งชมวิว ซึ่งถือว่าจัดวางพื้นที่ส่วนกลางมาให้ค่อนข้างเต็ม ไม่ปล่อยพื้นที่ว่างๆให้เสียประโยชน์ค่ะ

พื้นที่สำหรับซ้อมพัดกอล์ฟจะทำเป็นเนินจำลองไว้ให้การเล่นสนุกขึ้น

บนชั้นนี้ถือว่าได้วิวโปร่งทุกทิศทางแล้วนะคะ โครงการจึงมีเจ้า Sky Seat มาให้นั่งเล่นชมวิวกันด้วย เราจึงเก็บภาพวิวทุกทิศมาฝากด้วยนะ ไปชมกันเลยค่ะ

ทิศเหนือของโครงการหันเข้าซอยเอกมัย จึงเป็นที่พักอาศัยแนวราบซะส่วนมาก ไม่ได้มีอาคารสูงมาบล็อกวิวระยะใกล้แบบตรงๆ จะมีแค่คอนโด Ceil ที่บังวิวด้านข้างบ้างเท่านั้น

รูปนี้เราถ่ายจากชั้น 27 นะคะเป็นวิวทางทิศตะวันออก มีบางส่วนทางด้านหลังอาคารที่ถูกบล็อกวิวด้วยคอนโด Ceil ซึ่งทางโครงการก็ได้วางตำแหน่งลิฟต์ไว้ทางฝั่งนี้

ทางทิศใต้นี่เป็นทิศที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาคารข้างเคียงเลย เพราะได้วิวเคลียร์โล่งๆ ตลอดแนว จึงไม่น่าแปลกใจถ้า Facilities ส่วนใหญ่ของโครงการจะถูกวางไว้ทางทิศใต้ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นวิวนี้นะ

หันมาดูวิวทางทิศตะวันตกกันบ้าง มุมนี้เราถ่ายประมาณชั้น 19 ก็เกือบพ้นคอนโด M ทองหล่อที่สูง 22 ชั้นแล้วนะคะ ซึ่งห้องพักที่ชั้นสูงกว่านี้ก็จะไม่โดนบล็อกวิวนะคะ

Image 1/4
วิวทางทิศเหนือ

วิวทางทิศเหนือ

ถ้าอยากได้วิวเคลียร์ๆ ทุกทิศทางก็ขึ้นมาที่ Facilities ชั้นบน 30, 31 และดาดฟ้าได้ค่ะ วันนี้ก็ได้เก็บภาพทุกมุมมาให้ชมกันด้วย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Ground Floor (Fine Lounge)

  • Lobby
  • Co-working room
  • Private meeting room
  • Mail room
  • Waiting Area

  • 23rd and 27th Floor (Fine Greenery)
    • Garden

  • 30th Floor (Fine Retreat)
    • สระว่ายน้ำวิว 180 องศา ความยาว 20 เมตร
    • Pool Bar
    • Sauna
    • Hot Pool
    • The Edge View Point (จุดชมวิว)

  • 31st Floor (Fine Sky)
    • Fitness
    • Wine Lounge
    • Karaoke room
    • Kids room

  • Roof Floor
    • Golf Club
    • Sky Seat

    • Shutter bus
    • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 110 :  1
    • Service Lift 1 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 154 คันคิดเป็น 70% ไม่รวมจอดซ้อนคัน 
    • ระบบ CCTV / Access Card

    แบบห้อง

    โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย แบ่ง Type ห้องหลักๆ ได้ 3 แบบ ดังนี้

    • 1 Bedroom 34 – 35 ตารางเมตร
    • 2 Bedroom 50 – 56 ตารางเมตร
    • Penthouse 76 – 92 ตารางเมตร

    ซึ่งจริงๆ โครงการมีแบบให้แปลนห้องให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบครัวปิด/เปิด สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือมีห้อง 2 Bedroom ขนาดกะทัดรัดให้เลือกเริ่มต้นที่ 50 ตร.ม. ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ในย่านนี้มักออกแบบมาที่ 60-70 ตร.ม. เลย รวมถึง Penthouse ก็มีขนาดเริ่มต้นที่ 76 ตร.ม. เท่านั้น ลองมาดูแปลนห้องแบบต่างๆ กันนะคะ

    Image 1/18
    1 Bedroom 34.5 ตร.ม. Type 1A-1

    1 Bedroom 34.5 ตร.ม. Type 1A-1

    โครงการขายแบบ Partly Furnished คือให้เฟอร์ฯที่เป็น Built-in ทั้งหมดไม่ได้ให้พวกเฟอร์ฯ ลอยตัวนะคะ ซึ่งส่วนที่ Built-in นี้ก็ให้มาเกือบครบแล้ว ไม่ต้อง Built-in เพิ่ม ให้ก็จะมีชุดครัว, ตู้เก็บรองเท้า, ชั้นวางทีวี, เตียงนอน, สุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำ และติด Wallpaper มาให้

    วัสดุที่ได้ ดังนี้

    • พื้นไม้ลามิเนต 12 mm.
    • ประตู Digital Door Lock ของ Alpha

    โซนนั่งเล่น

    • ตู้เก็บรองเท้า
    • ชั้นวางทีวี
    • โต๊ะทานอาหาร (เฉพาะ Type 1 Bedroom)

    โซนครัว

    • Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์สีขาว
    • Backsplash ติดกระจก
    • Hob&Hood ของ Teka
    • Sink จาก Teka
    • ระบบสั่งซื้อของ Nasket

    ห้องนอน

    • เตียงนอน
    • ตู้เสื้อผ้า
    • โต๊ะเครื่องแป้ง (เฉพาะบางยูนิต)

    ห้องน้ำ

    • สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ TOTO
    • TOTO Washlet

    ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมวันนี้มีทั้งหมด 2 ห้องคือ ห้อง 1-Bedroom Type 1A-2M ขนาด 35 ตร.ม. และอีกแบบหนึ่งคือห้อง 2-Bedroom Type 2A ขนาด 55.5 ตร.ม. ไปชมกันเลยค่ะ

    ห้องตัวอย่าง Type แรกที่จะพาไปดู คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. เป็นห้องที่เหมาะกับการพักอาศัย 1-2 คนได้ลงตัวดี และมี Gimmick สไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใครก็คือ เจ้า Foyer บริเวณหน้าห้อง เป็นพื้นที่ไว้สำหรับถอดรองเท้า ซึ่งระดับพื้นจะอยู่ต่ำกว่าพื้นห้อง จึงช่วยดักฝุ่น และความสกปรกจากรองเท้าที่จะเข้าห้องเรา เป็นดีเทลที่เราเจอบ่อยๆ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นนั่นเอง

    ห้อง Type นี้เน้นพื้นที่ทำอาหารที่เป็นแบบครัวปิด ติดระเบียง เหมาะกับคนที่อยากได้ครัวไทยแบบเป็นสัดส่วนระบายอากาศได้ดี และเน้นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่หน่อย ทำให้มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งภายในห้องได้ ชอบห้องนอนที่มีช่องหน้าต่างในตัว ทำให้ได้ช่องรับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ แลกกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร ในเวลากลางวันหากไม่เปิดไฟ ก็ต้องอาศัยแสงที่ลอดผ่านห้องนอนและห้องครัวมาแทน

    ประตูทางเข้าห้องได้เป็นบานไม้กรุด้วยลามิเนตพร้อม Digital Door Lock ของ Alpha และเนื่องจากบานของที่นี่ค่อนข้างหนา ช่วยเก็บเสียงได้ดี จึงต้องใช้โช๊คประตูที่แข็งแรงเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน

    พอเปิดประตูเข้ามาบริเวณหน้าห้องจะมีระดับพื้นเท่ากับโถงทางเดินหน้าห้อง เป็นพื้นที่เปลี่ยนรองเท้าและบริเวณนี้จะช่วยกันฝุ่นผงไม่ให้เข้าไปในตัวห้องได้ ส่วนพื้นห้องจริงๆ จะยกระดับขึ้นมาอีกนิดนึง ปูด้วยไม้ลามิเนต 12 mm. ทำบรรยากาศ Homey

    โซนหน้าห้องจะมีตู้เก็บของ เก็บรองเท้าที่วางตำแหน่งไว้ใกล้ Foyer เลยด้วย พอถอดรองเท้าปุ๊บก็หยิบมาเก็บในตู้ได้เรียบร้อยเลย

    โครงการ Built-in ตู้เก็บของ เก็บรองเท้ามาให้แบบนี้ วัสดุหน้าบานเป็น Hi-Gloss ดูเรียบหรู ส่วนที่เราว่าดีคือ เค้าใช้ Fitting ตู้ของ Starmark ยี่ห้อดีเลยค่ะ

    ส่วนตัวชอบให้มีตู้วางรองเท้าอยู่หน้าห้องเลยนะ เพราะเวลาเข้าห้องมาก็ถอดเก็บได้เลย ห้องก็จะได้ดูเป็นระเบียบดี นอกจากนี้ก็จะมีตู้ช่องโล่งเอาไว้วางของใช้ที่ต้องใช้ประจำ อย่างพวงกุญแจรถ ก็จะได้ไม่ลืมหยิบไปด้วย ส่วนตู้ด้านบนจะมีกล่องรวมระบบไฟของห้อง แล้วมีชั้นให้เก็บของได้อีกนิดหน่อยค่ะ

    มือจับมีการปาดมุมใช้งานได้ง่าย

    Common Area ของห้องเป็นพื้นที่กว้างๆ ที่รวม Living & Dining ไว้ด้วยกัน ระดับฝ้าเพดานเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของห้องพักในโครงการนี้นะ เพราะเค้าให้มาสูงเป็นพิเศษถึง 2.8 m. ทำให้บรรยากาศของห้องดูโปร่งขึ้น วางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งกำลังพอดี

    Built-in ชั้นวางทีวีชิ้นนี้ก็ให้มาด้วยนะ วัสดุเป็นไม้ลามิเนต พอวางทีวีแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้วางของด้านข้างได้อีกด้วย

    ชั้นวางทีวีให้มาแบบมีลิ้นชักเก็บของได้ 3 ช่อง เราชอบมากกว่าตู้แบบช่องโล่งเพราะจะได้ดูเรียบร้อยดี

    ติดกับชั้นวางทีวีเป็นโต๊ะทานอาหารที่โครงการ Built-in ไว้ให้ ซึ่งการเลือกใช้โต๊ะแบบนี้ก็ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยไปได้เหมือนกัน

    พื้นที่โต๊ะจะมีขนาดกะทัดรัดหน่อย ให้มาที่ขนาด 1.2 x 0.3 m.

    สังเกตดูเฟอร์นิเจอร์ที่ Built-in มาให้ของที่นี่จะเน้นฟังก์ชันให้เก็บของได้ ซึ่งเหมาะกับการอยู่อาศัยในคอนโดดีนะคะ

    ห้องนอนและห้องครัวจะถูกวางตำแหน่งไว้ด้านในติดกับหน้าต่างทั้งหมด ห้องครัวให้มาเป็นครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นจากพื้นที่ส่วนอื่นเพื่อกันกลิ่นและควันไม่ให้ฟุ้งไปห้องอื่นๆ และห้องนอนจะได้เป็นประตูบานทึบ เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว

    ประตูบานเลื่อนห้องครัวทำออกมาเป็นรางบน เป็นดีเทลที่ทำยากกว่าปกติ ทำให้ไม่มีรางที่ฝังลงบนพื้นจึงเดินเข้าออกได้สะดวก

    ภายในห้องครัวมีความกว้างไม่มาก ซึ่งโครงการจะ Built-in Pantry ครัวมาให้

    เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ และตู้เก็บของที่เป็นบานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ซึ่งตู้ใต้อ่างล้างจานมีพื้นที่ให้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้ เพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานด้วย

    มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง แบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และมีพื้นที่โล่งอีกเล็กน้อยไว้ให้เตรียมอาหาร Top เคาน์เตอร์ได้เป็นหินสังเคราะห์และ Backsplash เป็นกระจกจึงเช็ดทำความสะอาดง่าย

    ซิงค์ล้างจานของ Teka เราใส่หม้อลงไปให้ดู ก็วางได้ มีขนาดและความลึกพอสมควรที่ล้างจานแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา

    เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Teka เช่นกัน มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อดูดควันออกไปด้านนอก ทำให้ระบายกลิ่นและควันได้ดีกว่าระบบหมุนเวียน หากทำอาหารที่มีกลิ่นควันฉุนๆ ก็สามารถเปิดประตูระเบียงได้

    จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ อย่างเจ้า Nasket ระบบการสั่งซื้อของ และจัดการธุรกรรมต่างๆ ผ่าน Application บนอุปกรณ์อัจฉริยะมาให้ด้วยค่ะ

    ขอบคุณภาพประกอบจาก www.nasket.com

    โดย Nasket เป็นสตาร์ตอัพไทยที่แก้ปัญหาเรื่องประสบการณ์สั่งซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซที่ยังยุ่งยากและซับซ้อน ด้วยการสร้างฮาร์ดแวร์ที่มีหน้าจอและตัวสแกนบาร์โค้ด ช่วยให้กระบวนการสั่งซื้อง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ อยากได้อะไรก็เอาไปสแกนเพื่อสั่งซื้อได้ทันที โดยบริการของ Nasket จะมีทั้ง Grocery , Home Services , Smart Home, Bill Payment, Food และ Video Door Bell ค่ะ

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิดปิด ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ

    มีพื้นที่เว้นไว้ให้วางตู้เย็นขนาดประมาณ 9 คิวได้

    ด้านในสุดของห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง และเป็นช่องแสงให้กับห้องครัวด้วย

    ด้านบนทางโครงการทำเป็นช่องแสงซึ่งการดีไซน์ของญี่ปุ่นเรียกว่า “Ma” เป็นการเจาะช่องเพื่อนำแสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องสว่างมากขึ้นและไม่มืดทึบ

    พื้นที่ระเบียงขนาดกะทัดรัดประมาณ 1.05 x 0.8 m. แค่พอให้วางราวตากผ้าเล็กๆ ได้

    ราวระเบียงห้องนี้ทำออกมาได้ดี เป็นราวกระจก ทำให้เราสามารถชมวิวข้างนอกได้แบบได้มีราวระเบียงเกะกะสายตาเหมาะที่จะเอาไว้ชมวิว และโครงการกั้นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit และเครื่องซักผ้ามาให้เป็นสัดส่วนช่วยบังสายตา แต่ตำแหน่งของ CDU ที่หันเข้าหาระเบียงก็ทำให้พื้นที่ได้ลมร้อนอยู่ตลอด แนะนำให้ติดกริลแอร์เบี่ยงลมร้อนเพิ่มสักหน่อยค่ะ

    ภายในห้องมีพื้นที่ใช้สอยพอสมควรให้วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ เห็นบรรยากาศดูโปร่งๆ ไม่อึดอัดแบบนี้ เป็นเพราะหน้าต่างบานใหญ่ที่ทางโครงการให้มา

    ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการออกแบบห้องพักโครงการนี้คือ หน้าต่างที่ได้มาแบบ Bay Window เป็นบานใหญ่จากขอบเตียงและสูงจรดฝ้าเลย มีบานกระทุ้งทำให้สามารถเปิดรับลม ระบายอากาศได้

    อีกฝั่งหนึ่งของเตียงนอนเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง+ตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุด จึงเป็นแปลนที่เหมาะกับคนที่ชอบความสงบสักหน่อย ไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยนักนะคะ

    โต๊ะเครื่องแป้งชุดนี้จะให้มาเป็นบางยูนิตนะคะ วัสดุเป็น Hi-Gloss ให้มาพร้อมกระจกบานใหญ่

    มีลิ้นชักและตู้สำหรับเก็บของได้เรียบร้อย

    ตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้ เป็นตู้บานเปิดปิด 3 ตู้เลย มีพื้นที่เก็บเสื้อผ้า ของใช้เยอะอยู่นะคะ

    มาดูในห้องน้ำกันต่อ ห้องน้ำที่นี่มีขนาดกะทัดรัดสักหน่อย สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย รวมถึงช่องวางของแบบ Built-in ด้วยค่ะ

    ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำและขอบธรณี ทำให้สามารถใช้งานได้เป็นสัดส่วน พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ทั้งหมด แต่ในส่วนพื้นจะเป็นแบบผิวด้านเพื่อกันลื่น

    ให้ห้องน้ำก็มีการใช้ “MA” ด้วยเช่นกัน เป็น Gimmick ในการออกแบบโครงการของที่นี่เลยนะ ซึ่งเราว่าเหมาะกับการใช้ในห้องน้ำคอนโดดีเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วห้องน้ำจะไม่ได้ถูกวางให้ติดหน้าต่าง การทำดีเทลที่เป็นช่องแสงแบบนี้ก็ช่วยทำให้ห้องดูโปร่งขึ้นได้

    อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัด มีพื้นที่ข้างอ่างให้วางของได้อีกนิดหน่อย

    สำหรับสุขภัณฑ์ที่นี่ให้มาดีนะคะ ได้เป็น TOTO Washlet เลย ซึ่งโครงการราคานี้ในละแวกเดียวกันมักจะให้มาเป็นแบบธรรมดานะคะ

    สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะทำเป็น Shower Box มาให้เรียบร้อย

    มีขนาดกว้างยาวประมาณ 0.95 x 0.95 ม. เป็นขนาดที่ยืนอาบน้ำแล้วพอจะหมุนตัวได้เล็กน้อย โครงการเก็บรายละเอียดมาให้เรียบร้อยดี โดยฉากกั้นอาบน้ำจะอยู่บนธรณีประตูอีกที ช่วยกันน้ำไม่ให้ไหลไปส่วนอื่น มือจับฉากกั้นมีขนาดใหญ่ดี จับได้ถนัดมือ และมีติดขอบยางกันกระแทกที่ฉากกระจกบานเลื่อนเอาไว้เรียบร้อย

    ภายในพื้นที่อาบน้ำติดตั้งฝักบัวอาบน้ำไว้ให้เรียบร้อย ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับทำติดตั้งชั้นวางของใช้ในห้องน้ำ เช่น สบู่ แชมพู

    ดวงไฟในห้องก็จะได้เป็นดาวน์ไลท์ตามแบบในห้องตัวอย่าง ส่วนฝ้าเรียบๆ ทาสีขาวปกติค่ะ

    Image 1/6
    ไอเดียการตกแต่ง 1-Bedroom Type 1A-2M

    ไอเดียการตกแต่ง 1-Bedroom Type 1A-2M

    หากใครอยากตกแต่งเพิ่มทางโครงการก็มีอีกห้องให้ดูเป็นแนวทางในการตกแต่ง ที่แต่งเพิ่มจากเฟอร์ฯเดิมให้ดูหรูหราขึ้น เราจึงเก็บภาพมาฝากค่ะ

    ต่อมาคือห้อง Type 2A – 55.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอกับ Foyer ก่อนเช่นเดียวกัน เป็นพื้นที่สำหรับเก็บของและรองเท้า เข้าห้องมาจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางที่ใช้แชร์กับห้องนอนเล็ก ห้องนี้จะไม่มีอ่างแต่มีพื้นที่อาบน้ำให้ยืนอาบได้ และถัดมาจะเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่จะเป็นอ่างอาบน้ำค่ะ

    แปลนนี้จะมีห้องนอน 2 ห้อง ซึ่งได้หน้าต่างบานใหญ่เปิดรับวิวเต็มที่ทั้งคู่ ด้านในสุดจึงจะเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว อย่างพื้นที่ นั่งเล่น ทานข้าว และครัว เรามองว่าตรงนี้เป็น Highlight ของห้องเลยนะคะ เพราะได้กระจกแบบ Bay Window ตลอดแนวผนังของห้องเลย

    เข้ามาในห้องจะเจอกับ Foyer ก่อน เอาไว้สำหรับเก็บของและวางรองเท้า การวางผังจะเน้นความเป็นส่วนตัว เข้ามาในห้องจะไม่เห็นพื้นที่ทำกิจกรรม แต่จะเป็น Partition ก่อน เพื่อให้คนที่อยู่ในห้องมีความเป็นส่วนตัวค่ะ

    พื้นที่หน้าห้องจะมีระเดียวกับโถงทางเดินก่อน แล้วค่อยไปยกระดับขึ้นด้านใน เป็นดีเทลเดียวกับห้องแบบแรกที่ทำขึ้นเพื่อกันฝุ่นเข้าไปในห้อง เราจะได้มาถอดรองเท้าตรงนี้ได้สะดวก ปูพื้นส่วนนี้ด้วยกระเบื้องจึงเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย

    โครงการ Built-in ตู้เก็บของและรองเท้าไว้ให้เป็นมาตรฐาน ได้ตู้ใหญ่แบบนี้เลยน่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน

    ถัดมาเป็นโถงเล็กๆ นำไปสู่ส่วนต่างๆของห้อง ทางฝั่งซ้ายนั้นเป็นห้องน้ำ ใช้รับรองแขกได้สะดวกเพราะเชื่อมกับ Common Area จึงไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเลยนะ

    เดินเข้ามาด้านในอีกนิด พื้นที่จะเปิดโล่งมากขึ้น ฝั่งขวาเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนด้านในสุดคือ Living & Dining Area เป็นส่วนที่เราชอบนะ เพราะพื้นที่ดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษเลย

    พื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหารและครัวของห้องนี้จะเชื่อมเป็นพื้นที่เดียวกัน เหมาะกับครอบครัวที่ไม่ได้เน้นการทำอาหารหนักๆ ที่มีกลิ่นควันฉุนมาก ใช้งานแบบครัวฝรั่ง

    เราเห็นบรรยากาศที่ครื้นเครงในพื้นที่นี้นะคะ เพราะสมาชิกครอบครัวสามารถพูดคุยเห็นหน้ากันได้ ในขณะที่คุณลูกอาจจะนั่งเล่น ดูทีวี คุณแม่เตรียมอาหาร และคุณพ่อเอาโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานบนโต๊ะอาหาร เป็นต้น

    จุดที่เป็น Highlight ของ Living & Dining Area สำหรับแปลนนี้คือ จะได้วิวเปิดโล่งจากหน้าต่าง Bay Window จากตำแหน่งห้องที่หันออกทางทิศตะวันตก และเหนือก็จะได้วิวเคลียร์ๆ ด้วยค่ะ

    เราชมวิวจากบนโซฟาได้เลย เห็นวิวเมืองโดยรอบทีเดียว ซึ่งเราว่าช่วงกลางคืนคงจะเป็นวิวเมืองที่สวยน่าดู

    ส่วนเคาน์เตอร์ครัวได้แบบนี้ทั้งชุดค่ะ เป็นแบบครัวเปิดจึงเหมาะกับการทำอาหารทานง่ายๆ ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับห้องนี้คือ มีตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้อยู่บริเวณนี้เลย จะได้ไม่ไปรบกวนพื้นที่ของระเบียงค่ะ

    ด้านหลังชุดโซฟาเป็นทางเดินออกไปที่ระเบียง บริเวณนี้เป็น Bay Window พอดีและเนื่องจากราวกันตกของระเบียงก็เป็นกระจกเวลามองออกไปจึงไม่มีอะไรมาบดบังวิวค่ะ

    เวลาเดินไปที่ระเบียงจะต้องอ้อมมาด้านหลังโซฟา อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ สำหรับระเบียงนั้นเราออกมาใช้พื้นที่ได้เต็มที่ พื้นปูด้วยกระเบื้องเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย

    เจ้าราวกันตกกระจกนี่เข้ากับห้อง Bay Window ดีเลยนะคะ ไม่บังวิวเลย

    มาดูเหล่าห้องนอนกันบ้าง เริ่มจากห้องนอนใหญ่ก่อน ..สามารถวางเตียง King Size ได้และให้หน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงได้เต็มที่ ถ้าวางเตียงชิดหน้าต่างไปฝั่งหนึ่งก็จะเหลือพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งให้วางโต๊ะเครื่องแป้งด้วยค่ะ

    ผนังฝั่งปลายเตียงจะมีตู้วางทีวีและตู้เสื้อผ้าที่โครงการแถมให้ แต่จะไม่ใช่หน้าบานกระจกแบบนี้ซะทั้งหมดนะ โดยตู้ที่ติดทีวีจะได้เป็นหน้าบานไม้

    อีกฝั่งของห้องเป็นทางไปห้องน้ำ ซึ่งซ่อนไว้อยู่หลังประตูกระจก

    ภายในห้องน้ำให้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ คล้ายห้องอื่นๆ คือได้ตามห้องตัวอย่างนี่แหละค่ะ ยกเว้นผนังกระจกสีชมพูนี้จะได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้

    ห้องน้ำนี้จะมีขนาดกะทัดรัดสักหน่อย แต่ก็แบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้งส่วนเปียก จึงใช้งานได้เป็นสัดส่วน

    แถมห้องนี้ยังได้อ่างอาบน้ำของ TOTO มาด้วย ไว้ใช้แช่ตัวคลายความเหนื่อยล้าได้ พร้อมติดตั้งฝักบัวมาให้ครบ

    ที่ผนังด้านบนจะมี “Ma” หรือช่องแสงเพื่อดึงเอาแสงสว่างเข้ามาในห้อง

    ถัดมาที่ห้องนอนเล็กจะได้หน้าต่างบานใหญ่เช่นเดียวกัน วางฟังก์ชันต่างๆได้ครบทั้งเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า แต่ขนาดห้องจะเล็กกว่าห้องนอนใหญ่

    บริเวณหน้าห้องน้ำจะมีตู้เสื้อผ้าที่ Built-in ไว้ให้ พออาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย สะดวกดี

    ส่วนห้องน้ำในห้องนอนเล็กจะเข้าออกได้ 2 ทางนะคะ ทั้งจากโถงทางเดินส่วนกลางและในห้องนอนเล็ก โถสุขภัณฑ์ในห้องนี้ไม่ใช่แบบอัตโนมัติแต่ของ TOTO เช่นเดียวกัน พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบ

    โครงการออกแบบดีเทลประตูให้มี “MA” เหมือนเดิม ได้แสงข้างนอกที่ลอดเข้ามา ช่วยให้ห้องน้ำสว่างขึ้นอีกหน่อยค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำจะอยู่โซนด้านใน เป็น Shower Box แบบยืนอาบ มีขนาด 0.95 x 0.9 m. ฝักบัวมีทั้ง Rain Shower และแบบมือจับ ผนังด้านข้างก็มีช่องเอาไว้ให้ใส่สบู่ แชมพู

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    1 December 2020

    • 1 Bedroom ขนาด 34.5 – 35 Sq.m. ราคา 5.49 – 7 MB
    • 2 Bedroom ขนาด 50.5 – 56.5 Sq.m. ราคา 9 – 13 MB
    • Penthouse ขนาด 76.5 – 92 Sq.m. ราคา 14 – 18 MB
    • Partly Furnished (ให้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ Built-in)
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6-2.8 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • Shuttle Bus
    • จอง 5,000 บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล : The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย  ตั้งอยู่ในจุดที่อยู่ใจกลางย่านเอกมัย-ทองหล่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในทำเล Top ของกรุงเทพมหานครที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในประเทศไทย เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจร้านค้า แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารอร่อย Hi-end มากมายเปิดทั้งกลางวันกลางคืน ในย่านนี้โดยส่วนใหญ่นิยมกินดื่มนอกบ้าน ดังนั้นย่านนี้จึงเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารชิคๆ และไม่กี่ปีมานี้ยังมี Donki Mall มาเปิดใหม่ ให้เดินไปได้ใกล้ๆ นอกจากนี้ยังมี Community Mall อย่าง The Commons, J Avenue, เวิ้งโบราณ รวมทั้งมีร้านกินดื่มและแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์จำนวนมากในระยะเดินถึง และมีโรงเรียนนานาชาติ Ekkamai International School ที่อยู่ในซอยเอกมัย 12 อีกด้วย

    การเดินทางโดยใช้รถ : ที่ตั้งโครงการอยู่บนซอยเอกมัย 12 ซึ่งเชื่อมระหว่างถนนเอกมัย (สุขุมวิท 63) กับถนนปรีดี พนมยงค์(สุขุมวิท 71) และเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับทองหล่อซอย 10 ที่ใช้ไปทะลุถนนทองหล่อได้หรือจะใช้ไปถนนเพชรบุรี สุขุมวิท อโศก พร้อมพงษ์ พระราม 4 ก็สะดวก หากใครต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท  42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการอยู่ในระยะที่ไม่ได้ใกล้ BTS คือมีระยะประมาณ 1.3 km. จาก BTS เอกมัย แต่ไม่ต้องห่วงเพราะโครงการมี Shuttle Service รับ-ส่ง และหน้าโครงการก็เรียกรถสาธารณะได้ง่าย ทั้งวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ จึงสามารถใช้รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้

    และจากสถานีเอกมัยถ้านั่งรถไปอีก 2 สถานี ก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ซึ่งมีห้าง  Emporium, Emquartier และในอนาคตก็จะมี Emsphere อยู่ฝั่งเดียวกับ Emporium ติดกับสวนเบญจสิริอีก ถัดจากสถานี พร้อมพงษ์ก็จะเป็นสถานี อโศก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกับ MRT สถานีนี้จะมีห้างใหญ่อย่าง Terminal 21 อยู่ด้วย ถัดจากอโศกข้าม นานา เพลินจิตไปก็จะเข้าสู่ชิดลม และสยาม ตามลำดับ ซึ่งความสะดวกจะอยู่ตรงที่การเดินทางเข้าเมืองอย่างสีสม-สาทร เพลินจิต-สยาม สามารถนั่ง BTS ไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีให้เสียเวลา

    วัสดุ : โครงการให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ทุกชิ้น (Partly Furnished) หลายคนอาจมองว่าไม่ได้มาแบบ Fully Furnished ที่หิ้วกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่เลย แต่ถ้ามองลึกไปถึงงานดีไซน์และคุณภาพวัสดุ เรามองว่าให้มาดีอยู่นะ เช่น Fitting ของตู้ใช้ของ Starmark ที่นิยมใช้กันในคอนโดระดับ Luxury สุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก TOTO และให้อ่างอาบน้ำมาด้วย
    เฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ติดตั้งมาให้ ออกแบบมาให้มีช่องเก็บของเยอะ และเป็นแบบที่ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดี ส่วนวัสดุอื่นๆ ได้มาตามมาตรฐาน ได้แก่ พื้นได้ลามิเนตลายไม้หนา 12 mm. และในห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เคาน์เตอร์ครัวกรุด้วยไม้ลามิเนตและTop หินสังเคราะห์

    การออกแบบ : ส่วนที่โดดเด่นของโครงการนี้เลยคือจำนวนยูนิตที่ไม่มากนัก เน้นความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย คอนเซ็ปต์ในการออกแบบคือ “Luxury Modern Japanese” ทำให้บรรยากาศภายในโครงการดูเรียบง่ายอบอุ่น แต่หรูหรา การวางผังห้องพักอาศัยที่นี่มีข้อจำกัดเรื่องวิวจากอาคารข้างเคียงอยู่นะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับทำเลใจกลางเมืองแบบนี้ โครงการจึงชดเชยด้วยการวางตำแหน่งของ Facilities ทั้งหมดให้ได้วิวสวยๆ ในหลายชั้น และมีการวางผังอาคารให้หลบตึกข้างๆ ซึ่งทำออกมาได้ดี เรื่องที่จะไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับที่นี่ คือเค้าวางผังจำนวนยูนิตพักอาศัยในแต่ละชั้นไม่เยอะนัก จึงได้ความเป็นส่วนตัว

    สำหรับห้องพักอาศัยมีดีเทลและมี Gimmick มากมายในห้อง ส่วนที่สะท้อนฟังก์ชันแบบญี่ปุ่นๆ ก็เห็นจะเป็น Foyer ด้านหน้าห้อง สำหรับถอดรองเท้า และช่องแสง “Ma” เหนือประตูห้องน้ำเพื่อช่วยให้แสงส่องผ่านเข้ามาได้

    สาธารณูปโภค : ให้มาหลากหลาย และส่วนกลางแต่ละจุดเน้นให้ชมวิวได้สะดวก ดีไซน์สวยน่าใช้ และแชร์กับลูกบ้านไม่เยอะอีกด้วย โดยนำ Facilities ขึ้นไปไว้บนชั้นสูงๆ ของอาคาร ทั้งชั้น 23, 27, 30, 31 และ ดาดฟ้า มี Facilities หลักๆ ตามมาตรฐานของคอนโด High Class แต่ก็มีหลายฟังก์ชันที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ เพิ่มขึ้นมาอย่าง Pool Bar, Hot Pool, Golf Club

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    จากข้อมูลที่ได้มาเราได้มาแค่ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้น 150,000 บาท ซึ่งการให้คะแนนนี้เราขอเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 190,000 บาท/ตร.ม. ที่เป็นเพียงการประมาณการณ์จากผู้เขียนเองนะ ให้ไว้เป็นแนวทางสำหรับพิจารณาจากราคาที่ได้มาอีกทีค่ะ, 1 December 2020

    • ทำเล 7.5/10 – ตั้งอยู่ในซอยเอกมัย 12 แต่เดินทางในย่านเอกมัย-ทองหล่อ-ปรีดีย์พนมยงค์ ได้สะดวก
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ค่อนข้างสะดวก สามารถลัดเลาะไปออกถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า แต่โครงการมี Shuttle Service รับส่ง เรียกรถสาธารณะได้ง่าย
    • วัสดุ 7.75/10 – ได้ของสมราคา และบางอย่างก็ให้ดีกว่ามาตรฐาน ถึงไม่ได้ให้ Fully Furnished แต่เฟอร์ฯ ที่ Built-in ให้ก็เป็นของดี มีดีไซน์
    • แบบ 8.75/10 – คอนเซปต์ชัด มีทั้งดีเทลและ Gimmick ที่ดูเป็นญี่ปุ่น
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาหลากหลาย วางตำแหน่งให้เห็นวิวได้ทุกส่วน แชร์กับลูกบ้านไม่เยอะ

    • HIGH CLASS
    • 7.8 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านเอกมัย ทองหล่อ สุขุมวิท ที่เน้นเป็นส่วนตัว ชอบสไตล์ญี่ปุ่น หรือ ไว้วางใจคุณภาพบริษัทจากญี่ปุ่น ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ครบ มี Facilities ให้ใช้เยอะ มี Sky Facilities เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลักและหวังพึ่งพารถไฟฟ้าอยู่บ้าง มีงบประมาณระดับ 5.49 – 18 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 38,000 – 126,000 บาท/เดือน


    ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
    ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc