รีวิวฉบับที่ 2194 …  เอกมัยถือเป็นทำเลยอดฮิตของโครงการคอนโดมิเนียม เพราะมี Supply อยู่ค่อนข้างเยอะและยังมีการเปิดขายอย่างต่อเนื่อง อย่างวันนี้เราได้มีโอกาสไปรีวิวคอนโด High Rise แห่งใหม่ที่สร้างเสร็จและเพิ่งจะเริ่มโอนไป นั่นก็คือโครงการ Maru เอกมัย 2 จาก Major Development โครงการนี้ถือว่าอยู่ใกล้ BTS เอกมัยที่สุดในระยะ 500 เมตรราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.5 ล้านบาท โดย Highlight ของโครงการนี้คือ

  • เป็นคอนโดมิเนียมที่ยังมียูนิตขายบนถนนเอกมัย ที่อยู่ใกล้ BTS มากที่สุดประมาณ   500 เมตร สามารถเดินเท้าไปได้ในระยะไม่ไกลมาก
  • สามารถเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กได้ น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม พร้อมพื้นที่ส่วนกลางรองรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
  • เป็นโครงการที่ให้พื้นที่ส่วนกลางมาค่อนข้างเยอะ หลากหลายฟังก์ชัน โดยจะกระจายอยู่มากถึง 5 ชั้น
  • ออกแบบรองรับไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่น อย่างพื้นที่ส่วนกลางจะมีทั้งออนเซ็น, ห้องคาราโอเกะ, พื้นที่นั่งเล่นและสวน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งส่วนต่างๆภายในโครงการ ให้ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น

รายละเอียดอื่นๆเดี๋ยวไปดูกันต่อเลยค่ะ

 

ข้อมูลโครงการ

15 February 2021

  • MARU EKKAMAI 2 (มารุ เอกมัย 2)
  • MJD Residences Co., Ltd. (บมจ. เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซ.เอกมัย (สุขุมวิท 63) เขตวัฒนา
  • คอนโด High Rise 32 ชั้น 333 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน (Automatic Parking 24 คัน และแบบปกติ 141 คัน)
  • ที่ดินประมาณ 1-2-77 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ก.ค. 2018
  • ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่
  • ห้องที่เปิดขายปัจจุบัน มี 3 แบบ ได้แก่ 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Duplex
    – 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
    – 2 Bedroom ขนาด 53 – 59 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท
    – Duplex (รายละเอียดโปรดสอบถามจากทางโครงการอีกครั้ง)
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 198,000 บาท/ตร.ม.
  • เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 1266

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.724591, 100.584843

หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

ทำเลที่ตั้งของโครงการ Maru เอกมัย 2 อยู่บนถนนสุขุมวิท 63 หรือถนนเอกมัยช่วงต้นๆ ฝั่งเลขคู่ ตรงข้ามกับอาคาร Bangkok Business Center หาได้ไม่ยากค่ะ ถ้ามาจาก BTS เอกมัย ให้ออกทางออกที่ 1 จากนั้นเดินเลียบริมฟุตบาทเข้าถนนเอกมัยมาเรื่อยๆประมาณ 500 ก็จะถึงโครงการ หรือถ้าใครไม่อยากเดินให้เหนื่อย ก็สามารถใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ได้ โดยจะมีวินอยู่ที่บริเวณห้าง Major เอกมัย และห้าง Gateway เอกมัย ค่ารถมายังโครงการก็อยู่ที่ราว 15 บาท

ส่วนการเดินทางโดยรถยนต์ สามารถใช้ถนนเอกมัยเชื่อมต่อกับถนนเส้นอื่นๆได้หลายสายเลย ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิทเส้นหลักที่ขนานไปกับแนวรถไฟฟ้า BTS เส้นทางนี้จะสามารถเดินทางไปยังโซนทองหล่อ อโศก เพลินจิต ชิดลมโดยใช้เวลาไม่นาน หรือถ้าใครจะออกไปยังทางเส้นพระรามสี่ก็สามารถใช้สุขุมวิทซอย 36 ,40 และ 42 ลัดออกไปได้เลย ส่วนอีกด้านของถนนเอกมัยยังสามารถเชื่อมต่อไปถนนพระราม 9 และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ออกไปยังโซนรัชดาภิเษกหรือรามคำแหงก็สะดวกค่ะ

เนื่องจากถนนเอกมัยไม่ได้เป็นถนนเส้นใหญ่มาก ทำให้การจราจรอาจมีติดขัดบ้างบางช่วงเวลา ทั้งนี้สามารถใช้ซอยย่อยลัดเลาะออกไปได้หลายซอยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นซอยเอกมัย 5 (ทองหล่อ 10) ออกไปยังถนนทองหล่อ(สุขุมวิท 55) ได้ หรืออีกฝั่งก็สามารถใช้ซอยเอกมัย 12 ลัดออกไปยังถนนปรีดีพนมยงค์ (สุขุมวิท 71) ได้เช่นกันค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ในย่านเอกมัยคึกคักอยู่แล้วทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านนั่งชิลล์ ผับบาร์ ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงมีห้างสรรพสินค้าอยู่ในบริเวณหลายแห่ง เช่น Gateway เอกมัย, Major Cineplex เอกมัย, BigC เอกมัย และ Donki Mall นอกจากนี้ก็ยังมี Community Mall และ Supermarket เปิดให้บริการด้วย สถานที่สำคัญอื่นๆก็มีทั้งโรงพยาบาล สถานศึกษา สถานทูต และอาคารสำนักงานต่างๆ เรียกได้ว่ามีความครบครันเลยทีเดียว การอยู่อาศัยในย่านนี้จึงตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติค่ะ

จริงๆแล้วทาง Thinkofliving เอง ก็เคยมารีวิวโครงการ Maru เอกมัย 2 ช่วงที่เปิดตัวโครงการใหม่ๆ เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว โดยเราได้พูดถึงเรื่องทำเลและการเดินทางมายังโครงการนี้ละเอียดพอสมควรเลย ถ้าใครอยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถ คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ Maru เอกมัย 2 จะมีทั้งอาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน และบ้านแนวราบ รวมอยู่ในละแวกเดียวกัน โดยรวมแล้วบรรยากาศไม่ได้ดูวุ่นวายมากนัก มีทางเท้าอยู่ 2 ฝั่งถนนให้ผู้คนเดินไปมาได้อย่างสะดวก ส่วนด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง ก็มีต้นไม้ปลูกไว้เป็นจุดๆเช่นกัน พร้อมร้านค้า ร้านอาหารต่างๆเปิดให้บริการตลอดเส้นทาง เรียกได้ว่าหาของกินไม่ยากเลย หรือจะไปร้านนั่งชิลล์ช่วงค่ำๆดึกๆหน่อย ก็มีให้เลือกเยอะหลายร้านค่ะ

สำหรับตัวโครงการ Maru เอกมัย ด้านหน้าโครงการจะหันไปทางทิศตะวันตก ซึ่งจะอยู่ติดกับถนนเอกมัย ฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารสำนักงาน Bangkok Business Center สูง 33 ชั้น ถัดไปฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกันทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะมีอาคารสูงอีกแห่งหนึ่ง คืออาคารสรชัยค่ะ สูง 32 ชั้น โดยทั้ง 2 อาคารดังกล่าวไม่ได้อยู่ในระยะประชิดโครงการ Maru เอกมัย 2 ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะมีอาคารสูงมาบดบังวิวห้องพักอาศัยแต่อย่างใด อาจจะเห็นอยู่บ้างไกลๆค่ะ

ส่วนใหญ่โดยรอบพื้นที่โครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์หรือตึกแถวที่เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร คลินิกเสริมความงาม รวมถึงบริษัทเล็กๆบ้างประปราย โดยเป็นอาคารไม่สูงมากนักค่ะ ประมาณ 3-5 ชั้นเท่านั้นเอง โดยจะกระจายตัวอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนนเอกมัยตลอดเส้น เวลาเราขับรถไปตามเส้นนี้ก็จะเห็นจนชินตา นอกนั้นก็มีบ้านแนวราบและพื้นที่ส่วนบุคคลแทรกอยู่บ้าง บรรยากาศจะค่อนข้างสงบกว่าช่วงเอกมัยช่วงปลาย (มุ่งหน้าไปทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่) ซึ่งแถวนั้นจะเป็นชุมชนอยู่อาศัย มีความแออัดมากกว่า

บรรยากาศถนนหน้าโครงการ ถ้าช่วงกลางวันรถไม่ติดนะ ตรงข้ามจะเป็นอาคาร Bangkok Business Center สูง 33 ชั้น ด้านล่างมีร้าน 7-11 ด้วย สามารถข้ามถนนไปซื้อของได้ง่าย

เยื้องๆกัน จะเป็นปั๊มน้ำมัน Shell ใครมีรถยนต์ส่วนตัวก็แวะเติมน้ำมันจุดนี้ก่อนกลับเข้าคอนโดได้สะดวกเลย ข้างปั๊มจะเป็นอาคารสรชัย สูง 32 ชั้น

ตลอดเส้นทางมีรถโดยสารประจำทางผ่านอยู่ตลอด ทั้งรถเมล์ รถกระป้อ รวมถึงมีแท็กซี่และมอเตอร์ไซต์รับจ้างด้วย

สรุปทิศทางโดยรอบโครงการ Maru เอกมัย 2

  • ทิศเหนือ – ติดกับโรงแรม 999 สูง 4 ชั้น
  • ทิศใต้ – ติดกับบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันออก – ติดกับบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันตก – ติดกับถนนเอกมัย ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสำนักงาน Bangkok Business Center สูง 33 ชั้น

เราได้ขึ้นไปที่บริเวณชั้นส่วนกลางของโครงการ Maru เอกมัย 2 (ชั้น 31-32) และได้เก็บภาพวิวแต่ละทิศทางมาให้ดูกันค่ะ

ทิศตะวันตกด้านหน้าของโครงการ มองเห็นอาคารสูงฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน Bangkok Business Center สูง 33 ชั้น

ทิศใต้ไม่มีอาคารสูงบดบัง เห็นเป็นวิวกว้าง ในระยะใกล้กับโครงการจะเป็นบ้านแนวราบ

ทิศเหนือ มองเห็นถนนเอกมัยมุ่งไปยังโซนเพชรบุรีตัดใหม่ มีอาคารสูงสลับกับอาคารพาณิชย์ ไม่มีอาคารสูงบดบังในระยะประชิด เห็นวิวมุมกว้าง ทิศทางลมพัดพามาทางนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

ทิศใต้ จะเป็นฝั่งที่วิ่งไปถนนสุขุมวิทเส้นหลัก เยื้องๆมีอาคารสรชัย สูง 32 ชั้น พอเห็นอยู่ไกลๆโดยรอบวิวยังเปิดโล่ง มีบ้านแนวราบและอาคารสูงไม่เกิน 5 ชั้นอยู่ใกล้เคียง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Bangkok Business Center – 20 เมตร
  • ปั๊มน้ำมัน Shell– 50 เมตร
  • อาคารสำนักงานสรชัย – 100 เมตร
  • Park Lane – 150 เมตร
  • Big C เอกมัย – 300 เมตร
  • Sherbet – 450 เมตร
  • Health Land – 500 เมตร
  • BTS เอกมัย – 500 เมตร
  • เวิ้งโบราณ – 600 เมตร
  • Major Cineplex เอกมัย – 700 เมตร
  • Gateway เอกมัย – 750 เมตร
  • นั่งเล่น – 750 เมตร
  • Donki Mall – 800 เมตร
  • ท้องฟ้าจำลอง – 900 เมตร
  • DND – 900 เมตร
  • Demo – 1 กิโลเมตร
  • Arena 10 – 1 กิโลเมตร
  • The Third Place – 1.2 กิโลเมตร
  • The Taste Thonglor – 1.2 กิโลเมตร
  • Vanilla Garden – 1.3 กิโลเมตร
  • J Avenue – 1.5 กิโลเมตร
  • The Commons – 1.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท – 2.2 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

พื้นที่ส่วนกลางโครงการ Maru เอกมัย 2 มีอยู่หลายฟังก์ชันด้วยกัน กระจายอยู่ทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่งโดยรวมแล้วเรามองว่าทางโครงการให้ส่วนกลางมาเยอะเหมือนกันนะ ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีอยู่ 333 ห้อง ลูกบ้านสามารถแบ่งใช้งานได้อย่างทั่วถึงและไม่น่าเบื่อค่ะ นอกจากนี้การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางยังเน้นสไตล์ญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะย่านนี้มี Expat ชาวญี่ปุ่นอยู่ค่อนข้างเยอะ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ทางโครงการมองเห็น รวมถึงจับกลุ่มคนไทยที่ชื่นชอบสไตล์นี้ด้วยค่ะ

แปลนแต่ละชั้นของโครงการ เริ่มจากบริเวณชั้น 1 หรือชั้นล่าง จะเห็นได้ว่าบริเวณทางเข้าโครงการมีถนนเชื่อมต่อยาวเข้ามาภายใน ระยะร่นเข้ามาพอสมควร เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัว ไม่อยู่ติดถนนจนเกินไป พื้นที่ภายนอกอาคารชั้น 1 จะเป็นสวนหย่อม จัดเอาไว้ด้านหน้าและด้านข้างอาคาร ทำให้ได้บรรยากาศที่ร่มรื่น พร้อมจัดที่นั่งเล่นและ Pavilion  ไว้ให้หลายจุดด้วยกัน สามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ หรือใครที่เลี้ยงน้องหมา น้องแมว พามาเดินเล่นได้ค่ะ โดยเค้าจะมีจุดสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะที่ชั้น 1 เท่านั้น ข้อห้ามคือพาสัตว์เลี้ยงเข้าไปในพื้นที่ส่วนกลางชั้นอื่นๆภายในอาคาร ส่วนด้านข้างมีที่จอดจักรยานรองรับด้วย

ภายในอาคารชั้น G จะเป็นส่วนของ Lobby ในบริเวณจะมีฟังก์ชันต่างๆหลายส่วน ทั้งห้องประชุม, Co-living Space (Sunken Living Room) และ Co-working Terrace สามารถมองเห็นวิวสวนด้านนอกได้เต็มที่ ขยับเข้าไปทางด้านในจะเป็นส่วนของห้องซักผ้าและห้องลิฟต์ โดยจะมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ส่วนลิฟต์บริการจะมี 1 ตัว หากลูกบ้านจะพาสัตว์เลี้ยงขึ้นลงอาคารจะต้องมาใช้ลิฟต์ตัวนี้แทนค่ะ ส่วนพื้นที่จอดรถสักเล็กน้อย ที่จอดรถของโครงการนี้ถึง 48% แบ่งออกเป็นจอดแบบปกติ 141 คัน และ Automatic Parking 24 คัน โดยชั้นจอดรถจะเริ่มตั้งแต่ ชั้น 1-8 มีช่อง EV Charger ให้ 2 ช่อง

ห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 9 โดยผังการวางห้องพักแต่ละชั้นนั้น จะเป็นแบบ Double Corridor เฉลี่ยชั้นละประมาณ 15 ห้อง โดยมีห้องหลายรูปแบบอยู่รวมกัน หากเป็นส่วนมุมจะเป็น 2 Bedroom ค่ะ ทั้งนี้ตำแหน่งห้องพักส่วนใหญ่จะหันหน้าไปทางเหนือ-ใต้ ทำให้ไม่ร้อนมากและได้ลมดี โดยรอบในระยะประชิดไม่มีตึกสูงบดบัง ทำให้ได้วิวกว้าง

แปลนห้องพักอาศัย ชั้น 10-27

แปลนห้องพักอาศัย ชั้น 29-30

ป้ายทางเข้าโครงการ ตกแต่งเป็นระแนงสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่น ออกสไตล์ญี่ปุ่น

บริเวณทางเข้าโครงการจะมีป้อม รปภ.อยู่ทางด้านหน้า ตกแต่งคุมโทนเป็นระแนงไม้สีน้ำตาลเช่นกัน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่จุดนี้ ถ้าเป็น Visitor มาต้องแลกบัตรก่อน

ถนนในโครงการจะแบ่งเลนให้รถวิ่งเข้า-ออก โดยจะต้องผ่านไม้กั้นกระดกเข้าไปก่อน

บริเวณทางเข้าออกเป็นไม้กั้นกระดก ซึ่งจะเป็นระบบ Easy Pass ค่ะ มีกล้อง CCTV ติดตั้งให้ที่จุดนี้ด้วย

Image 1/3
ทางไปที่จอดรถในโครงการ

ทางไปที่จอดรถในโครงการ

ถนนภายในโครงการจะวิ่งไปทางด้านข้างตึกแค่ด้านเดียว  ซึ่งด้านข้างอาคารนั้นจะมี Automatic Parking อยู่ 24 คัน ส่วนช่องจอดปกติอีก 141 คันจะอยู่ด้านบนอาคารค่ะ ส่วนใต้อาคารมีจุดรับส่งผู้โดยสาร ด้านข้างอีกฝั่งจะเป็นสวนหย่อม

บรรยากาศสวนหย่อม

บรรยากาศสวนหย่อม ตกแต่ง Landscape ด้วยต้นไม้ น้ำตก และพื้นที่นั่งเล่น

Image 1/3
สวนหย่อมหน้าโครงการ

สวนหย่อมหน้าโครงการ

เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 จะเป็นของสวนหย่อมด้านนอก มีทั้งนั่งเล่นพักผ่อน ที่จอดจักรยาน และพื้นที่สำหรับน้องหมา น้องแมวด้วยค่ะ ส่วนด้านในจะเป็นโซน Lobby มีห้องประชุม ห้อง Co-working Terrace และ Co-living Space ให้ลูกบ้านได้ใช้งานด้วย หรือเวลามีแขกมาหา นัดเจอเพื่อนก็สามารถมานั่งรอที่บริเวณนี้ได้

เราเข้าไปชมบรรยากาศด้านในอาคารกันค่ะ จะเห็นว่าบริเวณทางเข้ามีการตกแต่งด้วยไม้และหิน มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นตั้งแต่ทางเข้าเลยค่ะ

จุดแรกภายในอาคารชั้น 1 จะเป็นโถง Lobby เพดานสูง ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง ด้านข้างจะเป็นห้องประชุมค่ะ

ห้องประชุมจะมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่วางไว้ตรงกลางห้อง ด้านข้างผนังตกแต่งด้วยระแนงไม้สีน้ำตาล คุมโทน Warming ได้กลิ่นอายญี่ปุ่น อีกด้านมีทีวีติดผนังให้ใช้งานได้ 1 เครื่อง เผื่อใครจะเปิดไฟล์ Presentation ต่างๆก็สะดวกเลยทีเดียว ผนังด้านหลังเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นวิวสวนด้านข้างได้

ถัดกับห้องประชุมจะเป็นห้อง Co-working Terrace ซึ่งเป็นโซนที่สามารถมานั่งเล่น นั่งทำงาน หรือจะนัดเจอเพื่อนที่จุดนี้ได้ค่ะ โดยจะมีการวางชุดโต๊ะเก้าอี้ และโซฟาไว้หลายจุด บรรยากาศดีสามารถมองเห็นวิวสวนด้านนอกด้วยเช่นกัน

และถัดเข้าไปด้านในสุดจะเป็นห้อง Sunken Living Room (Co-living Space ) ซึ่งเค้าได้ทำเป็นพื้น Drop ลงไป และทำที่นั่งเป็นขั้นบันไดอยู่ล้อมรอบ เพดานสูงดูโปร่งสบาย พร้อมวางเก้าอี้ โต๊ะ โซฟาให้นั่งหลายจุดเลย ผนังเป็นกระจกใส มองเห็นวิวสวน ห้องนี้เรามองว่าได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ

ต่อไปเราจะพาเข้าไปดูโซนด้านในอาคารกันบ้าง อย่างที่ชั้น 1 เอง หากเดินผ่านโซน Lobby เข้าไปจะเจอกับ Mail Box อยู่ตรงโถงทางเดินไปยังลิฟต์ เวลากลับขึ้นห้องก็แวะเช็คจดหมายหรือพัสดุก่อนได้

ลิฟต์ขึ้นอาคาร ลูกบ้านจะต้องใช้ Key Card แตะผ่านประตูเข้าไปก่อนเพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต คนที่พาสัตว์เลี้ยงขึ้นลงอาคารจะต้องใช้ลิฟต์บริการ (Service Lift) เท่านั้น ส่วนตรงข้ามประตูทางเข้าลิฟต์ จะมีตู้ Smart Locker ให้บริการส่งของ รับฝากของ ซักรีด ฯลฯ หลากหลายฟังก์ชันเลยทีเดียว

Image 1/7
บรรยากาศห้อง Co-working Terrace จัดที่นั่งไว้หลายโซนด้วยกัน รองรับลูกบ้านมานั่งเล่น นั่งทำงานหรือนัดเจอแขกได้อย่างสะดวก

บรรยากาศห้อง Co-working Terrace จัดที่นั่งไว้หลายโซนด้วยกัน รองรับลูกบ้านมานั่งเล่น นั่งทำงานหรือนัดเจอแขกได้อย่างสะดวก

ขึ้นมาชั้น 28 จะเป็นห้องพักอาศัยรูปแบบ Duplex เพดานสูง 5.5 เมตร ส่วนบริเวณด้านหน้าที่หันไปทางทิศตะวันตก จะมีพื้นที่สวนเพิ่มเข้ามาให้ พร้อมที่นั่งเล่นพักผ่อน สามารถมานั่งเล่นชมวิวได้

ต่อมาที่พื้นที่ส่วนกลางชั้น 28 จะเป็นสวนหย่อมกลางแจ้ง โดยจะอยู่ตำแหน่งหันไปทางด้านหน้าอาคาร อากาศปลอดโปร่ง

มีการจัดวาง Pavilion ทำจากวัสดุไม้ พร้อมโต๊ะกับม้านั่งไว้ให้นั่งเล่นหลายจุด

มานั่งเล่นชั้นนี้ได้ ชมวิวไปเพลินๆ ได้บรรยากาศผ่อนคลายค่ะ

แปลนชั้น 31 เป็นชั้น Main Facility ของโครงการ ประกอบไปด้วยส่วนกลางหลายฟังก์ชันเลยค่ะ หลักๆก็จะเป็นสระว่ายน้ำพร้อมสระออนเซ็น ห้องคาราโอเกะ และห้อง Co-Creative Space ในโซนเดียวกันนั้นยังมี Co-kitchen มาให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีห้องพักอาศัยอยู่ในชั้นนี้ด้วยเช่นกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 31 ถือเป็นชั้น Main Facility ของโครงการ โดยจะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5×16 เมตร พร้อมแยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่ให้เรียบร้อย มีทั้งส่วนในร่มและกลางแจ้ง

โครงการนี้อย่างที่บอกไปว่าเค้ามีออนเซ็นให้ด้วยค่ะ รองรับไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่นที่มักชื่นชอบการแช่ตัว อุณหภูมิของน้ำอุ่นๆช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เวลาเลิกงานมาก็มาใช้งานที่จุดนี้ได้ค่ะ

มีที่นั่งเล่นวางอยู่โดยรอบสระว่ายน้ำ แถมยังมองเห็นวิวเมืองด้วย หากจะว่ายน้ำหรือมานั่งพักผ่อนกลางแจ้งตรงนี้ แนะนำว่าช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นๆน่าจะดีกว่าตอนกลางวันนะ เพราะแดดจ้ามาก ร้อนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

Image 1/3
ที่อาบน้ำชำระร่างกายก่อนลงสระว่ายน้ำ กั้นด้วยระแนงไ้ม้ ได้ความเป็นส่วนตัว

ที่อาบน้ำชำระร่างกายก่อนลงสระว่ายน้ำ กั้นด้วยระแนงไ้ม้ ได้ความเป็นส่วนตัว

 

ชั้น 31 นี้ยังมีห้องร้องเพลงคาราโอเกะด้วยค่ะ เป็นแบบเพดานสูง พร้อมบุผนังเก็บเสียง ชวนเพื่อนๆหรือคนในครอบครัวมาสนุกกันได้

อยู่คอนโดก็ร้องคาราโอเกะได้ อุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆ มีให้พร้อมเลยค่ะ ไม่ต้องออกไปข้างนอก

ส่วนห้องซ้อมดนตรีจะอยู่ข้างๆกันค่ะ เป็นห้องเก็บเสียงเช่นกัน อุปกรณ์ครบ

ห้องน้ำจะอยู่ด้านข้างสระว่ายน้ำ แยกชายหญิง

ในห้องน้ำมี Locker เก็บของให้ลูกบ้านได้ใช้งานด้วย

ด้านในแบ่งเป็นห้องสุขา 1 ห้อง

และมีห้องอาบน้ำให้อีก 1 ห้อง

พร้อมห้อง Sauna อยู่ด้านในสุด ว่ายน้ำเสร็จก็แวะมาใช้งานได้

เข้าไปใช้งานได้ครั้งละ 2-3 คนกำลังดี

ปิดท้ายกันที่ Co-Creation Space เป็นห้องถัดมา

ซึ่งจะเป็นฟังก์ชันนั่งเล่น นั่งทำงาน นั่งประชุมกันได้ พร้อมทั้งมีอุปกรณ์และเคาน์เตอร์ครัว สำหรับไว้ทำอาหารได้ด้วย

เคาน์เตอร์ครัวและอุปกรณ์ทำอาหาร เรียกได้ว่าจัดมาให้เต็มมาก ลูกบ้านคนไหนอยากปาร์ตี้ สามารถทำอาหารที่ห้องนี้ได้นะ แต่เรื่องระเบียบการใช้งาน ต้องสอบถามกับทางนิติบุคคลอีกครั้งค่ะ

ใกล้ๆกันจะเป็น Sunset Balcony ซึ่งเป็นที่นั่งชมวิวอีกจุดหนึ่ง เชื่อมต่อกับห้อง Co-Creation Space ใครอยากปาร์ตี้เบาๆพร้อมชมวิวไปด้วย ก็มานั่งเล่นจุดนี้ได้ พร้อมยกอาหารจากที่ทำครัวมานั่งจุดนี้ก็สะดวกดีค่ะ

ชั้นนี้มีบันไดที่สามารถขึ้นไปส่วนกลาง ชั้น 32 ได้ค่ะ ใครอยากออกกำลังกาย ไม่อยากรอลิฟต์ก็ใช้บันไดนี้ได้เลย

แปลนชั้น 32 เป็นอีกชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลาง ได้แก่ ห้องฟิตเนส ห้องโยคะ และ Lounge ขนาดใหญ่ ชั้นนี้มีห้องพักอาศัยอยู่เหมือนกันค่ะ

อย่างที่บอกว่าค่ะ ว่าชั้นที่มีส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นชั้น 28, 31 และ 32 จะมีส่วนของห้องพักอาศัยด้วย (ห้อง Duplex) ซึ่งเค้าจะมีการแบ่งโซนกันอย่างชัดเจน เฉพาะลูกบ้านในชั้นนั้นเท่านั้นที่จะสามารถเข้าออกโซนที่พักอาศัยได้ผ่าน Key Card ป้องกันไม่ให้คนที่ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางแอบเข้ามา

ชั้น 32 จะมีห้องโยคะ สามารถจัดจ้างครูสอนมาจัดคลาสได้ โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก

ต่อมาจะเป็นห้อง Lounge ซึ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนและนั่งทำงาน เพดานยกสูง ผนังกระจกใส ช่วยให้ห้องนี้ดูโปร่งโล่งมากเลยทีเดียว

เราค่อนข้างชอบบรรยากาศห้องนี้นะ เพราะพื้นที่ห้องกว้าง มีที่นั่งเยอะ สามารถมองเห็นวิวด้านนอกและรับแสงอย่างเต็มที่

มีมุม Pantry ไว้เตรียมเครื่องดื่มหรือ Snack เบาๆไว้นั่งทานได้

ข้างๆกันจะเป็นห้องฟิตเนส โดยเป็นห้องเพดานสูงเช่นกัน กระจกรอบด้าน ดูโปร่งไม่อึดอัด เหมาะกับการทำเป็นห้องออกกำลังกาย พร้อมจัดวางเครื่องออกกำลังไว้หลายชิ้น ทั้งลู่วิ่งและที่ปั่นจักรยาน

มุม Weight Training ก็มีครบ ตอบโจทย์ทั้งสาย Cardio และสายเล่นกล้าม

Image 1/2
บรรยากาศในห้องฟิตเนส

บรรยากาศในห้องฟิตเนส

แปลนชั้นดาดฟ้า ชั้นนี้ไม่มีลิฟต์โดยสารขึ้นมานะคะ ต้องขึ้นบันไดจากชั้น 32 เดินวนหลายชั้นเหมือนกันค่ะ เนื่องจากเป็นห้อง Duplex เพดานสูง แต่หากเดินขึ้นมาถึงดาดฟ้าได้ก็คุ้มค่านะ เพราะมีฟังก์ชันให้งานหลายส่วนมากๆเลย จัดมาอย่างสวยงามน่าใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อน สนามเด็กเล่น และ Terrarium House ซึ่งเป็นห้องประชุมพร้อมนั่งเล่นไปในตัว สามารถมาใช้งานได้โดยจะมองเห็นวิวด้านบนสุด และมีความเป็นส่วนตัว

ส่วนกลางชั้นนี้จะเปิดโล่ง เป็นโซนกลางแจ้ง จัดที่นั่งพักผ่อนไว้หลายจุดเลย ส่วนพื้นจะปูด้วยกระเบื้อง รองรับการทำความสะอาดที่ง่าย แต่จะไม่อนุญาตให้พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นบนนี้นะคะ (พื้นที่ของสัตว์เลี้ยงจะอยู่ที่ชั้น 1 เท่านั้น)

มีที่นั่งเล่นกระจายไว้ทั่วเลย เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนช่วงเช้าหรือช่วงเย็นกำลังดี ตอนที่เราเข้าไปรีวิวไปช่วงกลางวัน แดดจะค่อนข้างร้อน

บางจุดมี Pavilion แบ่งเป็นมุมนั่งเล่น ได้ความเป็นส่วนตัว ปูทางเดินโดยรอบและมีต้นไม้ปลูกแทรกไว้ ให้ร่มเงาร่มรื่น

ที่นั่งชมวิวมีกระจายให้หลายจุดเลย มานั่งเช็คอิน ถ่ายรูปสวยๆได้ ลมดีมาก

ตรงมุมจะมีพื้นที่สนามเด็กเล่นด้วยค่ะ ทางโครงการวางเครื่องเล่นไว้ปีนป่าย ส่วนพื้นบุด้วยยางและหญ้าเทียม ไว้สำหรับกันกระแทก

มุมบาร์บีคิวก็มีให้เช่นกัน โดยจะก่อเป็นเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ มีเตาย่างและอ่างล้างจานให้พร้อม ว่างๆก็มานั่งชิลล์ปิ้งย่างเบาๆบนชั้นนี้ได้

สุดท้ายคือ Terrarium House โดยจะเป็นบ้านเล็กๆที่ด้านในเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ในร่ม ลูกบ้านสามารถเข้าไปใช้งานได้ ไม่ร้อนด้วย แถมเป็นส่วนตัวดีค่ะ

ด้านใน Terrarium House จะมีโต๊ะขนาดใหญ่และเก้าอี้วางไว้ให้พร้อมตรงกลางห้องเลย สามารถเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งทำงาน นั่งประชุมที่นี่ได้ค่ะ

Image 1/7
บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางชั้นดาดฟ้า

บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางชั้นดาดฟ้า

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1
    – ที่จอดจักยาน
    – พื้นที่เดินเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง
    – ที่นั่งเล่นพักผ่อน
    – สวนหย่อม
    – Co-working Terrace
    – Co-living Space (Sunken Living Room)
  • ชั้น 28
    – สวนหย่อม
    – พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน
  • ชั้น 31
    – Co-creation Space
    – Infinity Edge Swimming Pool and Kid’s Pool
    – Warm Water Pool (ออนเซ็น)
    – ห้องซ้อมร้องเพลง
    – ห้องคาราโอเกะ
    – Outdoor Co-kitchen Terrace
    – Sunset Balcony
  • ชั้น 32
    – ห้องฟิตเนส
    – ห้องโยคะ
    – Lounge
  • ชั้น Rooftop 
    – สวนหย่อม
    – พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน
    – สนามเด็กเล่นและเครื่องเล่นเด็ก
    – BBQ Sunken Courtyard with Seating Box
    – Terrarium House
    – Roof Urban Farm Area
    – Stargazing Deck
  • สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
    – ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว
    – Service Lift 1 ตัว
    – ที่จอดรถประมาณ 48% (Automatic Parking 24 คัน และแบบปกติ 141 คัน)
    – EV Charger 2 ช่อง
    – ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card  พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

แบบห้อง

ห้องพักอาศัยในโครงการ Maru เอกมัย 2 ขายแบบ Fully Fitted มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in ให้ โดยจะแตกต่างกันไปในแต่ละแบบห้องค่ะ ซึ่งปัจจุบันมีขาย 3 แบบ ได้แก่

– 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
– 2 Bedroom ขนาด 53 – 59 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท
– Duplex (รายละเอียดโปรดสอบถามจากทางโครงการอีกครั้ง)

ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูในวันนี้คือ ห้องแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom ค่ะ ซึ่งจริงๆแล้ว Layout นั้นมีหลายแบบ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์โครงการ หรือติดต่อสอบถามผ่านเจ้าหน้าที่โครงการเพื่ออัพเดตรูปแบบห้องที่ยังเปิดขายอยู่ได้เลยค่ะ

ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร

แบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร ขนาดกะทัดรัดหน่อย แต่จัดฟังก์ชันต่างๆออกมาได้เป็นสัดส่วนดีค่ะ เข้ามาส่วนแรกจะเป็นครัวเปิด ถัดเข้าไปเป็นโซนรับประทานอาหาร และมีกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอนอยู่ด้านในดูๆไปแล้วเราว่าแปลนห้องนี้มีความเป็นห้อง Studio อยู่เหมือนกัน เนื่องจากจะไม่มีโซนนั่งเล่นแต่จะถูกรวมไว้ในห้องนอน โดยจะเป็นมุมอยู่ริมหน้าต่าง เราสามารถจัดโซฟาเพิ่มเติมได้ ส่วนห้องน้ำอยู่ในห้องนอนเลยค่ะ พร้อมพื้นที่จัด Walk-in Closet

ข้อดีของห้องนี้คือเป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับคนที่อาศัยอยู่คนเดียวหรือคู่รัก 1-2 คนอยู่ด้วยกันได้ ไม่ซีเรียสว่าจะต้องมีโซนนั่งเล่นแยกออกไป แต่กลับให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องนอนที่กว้างขึ้นและใช้งานได้อย่างเต็มที่ รวมกิจกรรมการนอนพักผ่อนและดูทีวีไว้รวมกันได้ แบบนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ค่ะ

ประตูที่ได้จะเป็นบานเปิดแบบนี้ พร้อม Digital Door Lock

Digital Door Lock ของแบรนด์ Hafele เข้าออกผ่าน Key Card หรือกดรหัสได้

พอเข้าไปด้านในจะดูจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อน ซึ่งจะอยู่ทางด้านขวามือ ส่วนด้านในสุดจะเป็นห้องนอน มีประตูกระจกใสบานเลื่อนกั้น ทำให้ได้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาทั่วทั้งห้อง

ตู้เก็บรองเท้าจะอยู่ริมประตู ซึ่งทางโครงการเค้าจะ Built-in มาให้แบบนี้เลย สูงตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน ประมาณ 2.7 เมตร เก็บของและรองเท้าได้ค่อนข้างเยอะค่ะ

ฝั่งครัวที่อยู่ตรงข้ามกันก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ตามที่เห็นเลยค่ะ ทั้งเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของ อ่างล้างจาน และเตาไฟฟ้าพร้อมที่ดูดควัน

เคาน์เตอร์ครั้วมีลิ้นชักเก็บของได้ประมาณหนึ่งเลย และยังได้ถังขยะติดมาให้ด้วย

ส่วนตู้เก็บของ Built-in ที่ติดผนังด้านบนก็จะได้เช่นเดียวกัน เก็บของเพิ่มได้เยอะพอสมควร

ภาพบรรยากาศเพิ่มเติมในห้องครัว

Image 1/3
เตาไฟฟ้าและที่ดูดควันที่ได้เป็นของแบรนด์ Franke

เตาไฟฟ้าและที่ดูดควันที่ได้เป็นของแบรนด์ Franke

ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัว ยังมีพื้นที่ที่สามารถวางตู้เย็นไซส์เล็ก-กลางได้ ถัดไปติดๆกันก็วางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 คนนั่งได้ กำลังดี

ตามแปลนห้องจริง ผนังฝั่งตรงข้ามจะทึบ ซึ่งจะตรงกับมุมแต่งตัวและห้องน้ำ ต้องเข้าผ่านทางห้องนอนเท่านั้น แต่สำหรับห้องตัวอย่างเค้าปรับเปลี่ยนพื้นที่ โดยได้ทำผนังเปิดปิดได้ สามารถเข้าไปยังโซนแต่งตัวและห้องน้ำได้เลย

ด้านในจะเป็นพื้นที่แต่งตัว รองรับการติดตั้ง Walk-in Closet หรือวางตู้เสื้อผ้าได้ แต่ห้องตัวอย่างเค้าวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งแทนค่ะ

นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนเอาตู้เสื้อผ้ามาวางไว้ด้านข้างแทน เพื่อกั้นห้องนอนให้เป็นสัดส่วนและไม่จำเป็นต้องใช้ห้องน้ำผ่านห้องนอน แต่เข้าทางด้านนอกได้เลย

ในห้องน้ำ จะได้สุขภัณฑ์หลายอย่างทั้งอ่างล้างมือ กระจก โถสุขภัณฑ์ ฉากกั้น และฝักบัวอาบน้ำ ของแบรนด์Kohler และ Hafele

อ่างล้างมือจะได้ที่เก็บของเป็นตู้ด้านล่างด้วยค่ะ เอาไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ จะได้ ไม่รก

โถสุขภัณฑ์จะวางไว้ตรงข้ามกัน โดยจะได้หน้าตาประมาณนี้

พื้นที่อาบน้ำแยกโซนแห้ง-เปียกให้เรียบร้อยโดยก่อเป็นที่กั้นยกระดับขึ้นมาประมาณ 3-4 เซนติเมตร พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1×1.3 เมตร

มีฉากกั้นเต็มบานติดมาให้ด้วย ของแบรนด์ Hafele

มีผักบัวติดตั้งมาให้ตามมาตรฐาน สามารถติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ค่ะ

ภาพบรรยากาศเพิ่มเติมในห้องน้ำ

Image 1/4
สายชำระที่ได้

สายชำระที่ได้

ต่อไปมาดูห้องนอนกันค่ะ จริงๆแล้วห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เชื่อมต่อกับโซนรับประทานอาหาร ห้องนี้จะรวมทั้งโซนวางเตียงนอน พื้นที่วางโซฟา ที่ดูทีวี รวมถึงโซนแต่งตัวและห้องน้ำไว้ภายในนี้ครบเลย

ริมสุดจะเป็นระเบียงและหน้าต่างด้านข้างอีกจุดหนึ่ง ได้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาเต็มผนัง ทำให้ห้องสว่างและโปร่ง ไม่ทึบ

ถ้าจัดพื้นที่แบบห้องตัวอย่างนี้ ด้านข้างเตียงจะวางตู้เสื้อผ้าได้ หรือถ้าตามแปลนห้องจริงสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าได้ที่มุมหน้าห้องน้ำ (ส่วนพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าของตัวอย่างนี้จะเปิดโล่งเป็นทางเดินไปห้องน้ำ)

ข้างเตียงมีที่ว่าง นำโต๊ะเล็กๆไว้วางหนังสือหรือโคมไฟได้

อีกด้านของเตียงจะเป็นมุมที่มีพื้นที่ สามารถหาโซฟาไว้นั่งเล่นที่มุมนี้ได้ เรื่องไซส์โซฟาก็ต้องหาที่พอดีกัน จะได้วางได้ลงล็อค ซึ่งมุมนี้จะได้แสงสว่างถึง 2 ด้านค่ะ

ปลายเตียงติดชั้นวางทีวีหรือวางของเพิ่มได้นะ เพราะพื้นที่ปลายเตียงยังกว้างพอสมควร แต่ถ้าอยากให้ประหยัดพื้นที่แนะนำว่าให้ติดทีวีแบบแขวนผนังค่ะ

มีระเบียงเปิดไปด้านนอกได้ โดยสามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่มุมนี้ได้นะคะ ทางโครงการเค้าวางระบบท่อน้ำต่างๆไว้ให้แล้ว

ภาพนี้เป็นวิวจากห้องตัวอย่าง หันไปทางใต้ โดยรอบไม่มีตึกสูงบดบังในระยะประชิด ลมพัดค่อนข้างดีเลย

ภาพบรรยากาศเพิ่มเติมในห้องนอน

Image 1/4
บรรยากาศห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร

บรรยากาศห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร

ห้องตัวอย่าง 2 Bedroom ขนาด 59 ตารางเมตร

ห้องตัวอย่างต่อมา คือแบบ 2 Bedroom ขนาด 59 ตารางเมตร ห้องนี้จะได้เป็นห้องครัวปิด และเพิ่มเติมในส่วนของพื้นที่นั่งเล่น สามารถใช้งานได้เต็มที่ยิ่งขึ้น ส่วนห้องนอนจะแยกออกไป 2 ห้อง และได้ห้องน้ำ 2 ห้องค่ะ

ข้อดีของห้องนี้คือสามารถอยู่อาศัยได้ 2-3 คน ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้น ไม่อึดอัด วางเฟอร์นิเจอร์ไซส์ใหญ่ขึ้นมาได้ และยังได้โซนนั่งเล่นแยกออกไปอย่างเป็นสัดส่วนที่บริเวณ Common Area ตรงกลางห้อง มีห้องน้ำ 2 ห้อง ไม่ต้องแย่งกันใช้งาน เหมาะกับครอบครัวเล็ก เช่น พ่อ แม่ ลูก

เข้ามาส่วนแรกจะเจอกับพื้นที่ตรงประตู ซึ่งจุดนี้สามารถวางตู้รองเท้าได้แบบห้องตัวอย่าง แต่ห้องจริงจะไม่ได้ตู้นี้นะคะ

พื้นส่วนแรกที่เข้ามาในห้องจะปูด้วยกระเบื้อง ตอบไลฟ์สไตล์คนญี่ปุ่น อย่างในเวลาที่ถอดหรือใส่รองเท้าที่จุดนี้จะได้ไม่เปื้อนพื้นที่ภายในห้องนั่นเอง

เข้ามาด้านในจะเจอกับโต๊ะรับประทานอาหาร

และด้านข้างจะเป็นห้องครัวปิดแยกออกไปเป็นสัดส่วน

บริเวณหน้าห้องครัวจะได้ตู้เก็บรองเท้า Built-in แบบในรูปเลย สามารถเก็บของได้ค่อนข้างเยอะ สูงจากพื้นถึงเพดานเลยค่ะ

สำหรับในห้องครัว ขนาดพื้นที่ก็ถือว่ากว้างใช้ได้ ทำครัวพร้อมกัน 2 คนไม่อึดอัดนะ

ทั้งนี้ทางโครงการได้ติดเคาน์เตอร์ครัวและตู้ Built-in ให้เป็นตัว L เลย เก็บของได้เยอะ

เตาไฟฟ้าได้แบรนด์ Franke เช่นเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือขนาดใหญ่ขึ้น ตามไซส์ห้องที่อาจจะมีสมาชิกหลายคนอยู่อาศัย จะได้ใช้งานได้เต็มที่

มาพร้อมที่ดูดควันขนาดพอดีเตาไฟฟ้า

ข้างๆได้อ่างล้างจานติดตั้งมาให้พร้อม

อย่างที่บอกว่าตู้เก็บของ Built-in เก็บของได้เยอะ มีหลายช่อง ไม่ว่าจะจาน ชาม หม้อ กระทะ เครื่องปรุง เก็บไว้บนนี้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ส่วนมุมข้างประตูครัว มีการ Built-in ช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบถังเดียวได้ พร้อมชั้นวางของเป็นสัดส่วนดี

Image 1/4
ตู้ด้านหน้ามีที่เก็บหลายช่อง

ตู้ด้านหน้ามีที่เก็บหลายช่อง

มุมรับประทานอาหาร วางโต๊ะ 4 คนนั่งได้ตรงกลางห้อง ใกล้ห้องครัว

ถัดมาด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น สามารถวางโซฟา โต๊ะและติดชั้นวางทีวีได้ จุดนี้จะมีระเบียง สามารถเปิดออกไปได้ค่ะ

บรรยากาศมุมนั่งเล่น มองออกไปทางโซนประตู จะเห็นได้ว่าบรรยากาศค่อนข้างโปร่งและสว่าง เพราะได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาทางระเบียง

ห้องนี้เรามองว่าน่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้พื้นที่ระเบียงมาก เนื่องจากพื้นที่ระเบียงจะเป็นที่ห้อย Condensing Unit ของเครื่องปรับอากาศด้วย แต่ทั้งนี้ก็ยังสามารถติดราวแขวนผ้าเพิ่มได้ตรงใต้ Condensing Unit หรือจะขยับมาตรงระเบียงส่วนที่เหลือก็ยังถือว่าโอเค

เข้าไปดูห้องนอนที่ 2 (ห้องนอนเล็กกันต่อ) จะอยู่แยกไปตรงมุมรับประทานอาหาร ค่อนข้างเป็นส่วนตัวดี

ตรงจุดที่แยกไปจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในห้องนอนเล็ก ตรงบริเวณด้านหน้ามีพื้นที่พอจะวางตู้เก็บของหรือตู้โชว์เพิ่มได้

ในห้องน้ำได้สุขภัณฑ์และ Spec วัสดุคล้ายกับห้องน้ำของห้องก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างมือ กระจก โถสุขภัณฑ์ ฉากกั้นอาบน้ำและฝักบัว

ด้านในเป็นพื้นที่อาบน้ำ ติดฉากกั้นให้แล้ว

ห้องนอนที่ 2 ขนาดไม่กว้างมาก สามารถนอนได้ 1 คนไม่คับแคบจนเกินไป โดยสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ ด้านข้างได้ช่องแสงบานใหญ่

ถ้าจะดูทีวี ก็สามารถติดทีวีแบบแขวนไว้ที่ผนังปลายเตียงได้ ช่วยประหยัดพื้นที่ จะได้มีที่เดินปลายเตียงด้วยค่ะ

ข้างเตียงยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเล็กๆได้

ส่วนผนังอีกด้าน สามารถวางตู้เสื้อผ้าแบบห้องตัวอย่างได้

ห้องนอนใหญ่จะอยู่อีกด้านค่ะ มีห้องน้ำภายในตัว

ห้องนอนใหญ่ขนาดพื้นที่กว้างกว่า สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ตรงกลางห้องเลย มีพื้นที่ปลายเตียงยังเหลือเดินได้สบายๆ ผนังริมสุดได้ช่องแสงบานใหญ่

ข้างเตียงวางโต๊ะเครื่องแป้งได้เต็มพื้นที่เลย หรือถ้าใครไม่ค่อยได้ใช้งานโต๊ะเครื่องแป้งมากนัก ก็ลดไซส์ให้เล็กลงได้ จะได้พื้นที่เหลือก็ Built ตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติมได้นะ ห้องตัวอย่างห้องนี้เค้าทำให้ดูเป็นไอเดียว่าสามารถวางตู้เสื้อผ้าเป็นรูปตัว L แบบนี้ได้ สำหรับบางคนอาจมีเสื้อผ้าเยอะ จะได้เก็บได้เพียงพอ

ปลายเตียงสามารถแขวนทีวีติดผนังเพิ่มก็ได้ ไม่มีปัญหา

ด้านข้างเตียงมีที่ว่างเสมอ หาโต๊ะเล็กๆมาวางโคมไฟหรือมือถือ หยิบจับตอนกลางคืนได้สะดวก

ห้องนอนนี้จะมีห้องน้ำภายในตัว โดยห้องน้ำจะแยกไปอีกมุมหนึ่ง มีพื้นที่ติดตู้เสื้อผ้าหรือเก็บของเพิ่มได้

ห้องน้ำได้สุขภัณฑ์เดียวกันค่ะ แต่พิเศษตรงนี้ในห้องนอนใหญ่นี้จะได้ห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำด้วย

พื้นที่อาบน้ำทั้งส่วนที่เป็นฝักบัวและอ่างอาบน้ำ จะแยกไปโดยมีฉากกั้นอย่างเป็นสัดส่วน นอกจากนี้ยังมีธรณียกระดับป้องกันน้ำไหลออก กั้นด้วยฉากกั้นสูงจากพื้นถึงเพดาน ทั้งนี้อ่างอาบน้ำจะวางอยู่ด้านหนึ่งและอีกด้านจะเป็นพื้นที่สำหรับอาบน้ำฝักบัวค่ะ ขนาดโอเค ไม่แคบจนเกินไป

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

15 February 2021

ราคาขายเริ่มต้นของโครงการ Maru เอกมัย 2 อยู่ที่ 5 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 198,000 บาท/ตร.ม. โดยมีรายละเอียดห้อง ดังนี้

  •  1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ขนาด 53 – 59 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท
  • Duplex (รายละเอียดโปรดสอบถามจากทางโครงการอีกครั้ง)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 198,000 บาท/ตร.ม.
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ห้องธรรมดา 2.7 เมตร / Duplex สูง 5.5 เมตร
  • Kitchen & Sink / Top ครัวเป็นหินเทียม( Solid Surface) สีขาว
  • Hob & Hood แบรนด์ Franke
  • Wallpaper
  • Digital Door Lock แบรนด์ HAFELE
  • สุขภัณฑ์ แบรนด์ HAFELE และ Kohler
  • ค่ากองทุน 750 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 75 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : โครงการคอนโดมิเนียมในย่านเอกมัยที่กำลังเปิดขายอยู่ ระดับราคาขายไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้โครงการ Maru เอกมัย 2 มีความแตกต่างและค่อนข้างโดดเด่นกว่าโครงการอื่นๆก็คือเรื่องของทำเล โดยจะอยู่บนถนนเอกมัยช่วงต้นๆ ใกล้ BTS เอกมัยเพียง 500 เมตร ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุดที่กำลังเปิดขายอยู่ ณ ปัจจุบัน

โครงการนี้เหมาะกับคนที่ต้องใช้ชีวิตอิงไปกับถนนสุขุมวิทเส้นหลัก ชอบบรรยากาศสบายๆ เดินเลียบถนนได้ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านนั่งชิลล์ คาเฟ่ รวมถึงมีห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานอยู่รายล้อม ตอบโจทย์คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองเป็นประจำ

การเดินทางโดยใช้รถ : หากไม่ใช้รถไฟฟ้า BTS บนถนนเอกมัยก็มีรถโดยสารสาธารณะให้บริการหลากหลาย อย่างที่ผ่านหน้าโครงการก็จะมีทั้งรถเมล์ สาย 72 และ 23 รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซต์รับจ้าง รวมถึงรถกระป้อ การเดินทางจึงสะดวกสบายมาก มีตัวเลือกในการเดินทางที่ครบครันและง่าย หรือใครที่มีรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถขับเข้าเส้นสุขุมวิทได้เลย หรือจะเลี้ยวออกไปทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่หรือพระราม 9 ก็ได้ ไม่ต้องไปวนกลับรถให้เสียเวลา เนื่องจากถนนเอกมัยเป็นถนนสองเลน สามารถเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาได้เลยค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางลัดไปเข้าถนนทองหล่อได้ผ่านเอกมัยซอย 5 หรือใช้เอกมัยซอย 12 วิ่งไปออกซอยปรีดีพนมยงค์ก็ง่ายเช่นกัน เอาไว้เลี่ยงเวลารถติด ใช้เส้นทางลัดนี้ก็ประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียว

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : หากไม่ใช้รถ ลูกบ้านในโครงการ Maru เอกมัย 2 สามารถใช้งานรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินเท้าไปได้ไม่ไกลมาก ซึ่งเส้นทาง BTS นี้จะวิ่งเข้าเมืองไปโซนทองหล่อ อโศก (สถานี Interchange ไป MRT) ยาวไปยังเพลินจิต ชิดลมและสยามได้โดยใช้เวลาไม่นาน ส่วนอีกด้านจะเชื่อมไปยังโซนอ่อนนุช บางนา ไปจนถึงโซนสมุทรปราการได้อย่างสะดวก

วัสดุ : วัสดุที่ให้มาในห้องพักอาศัยให้มาตามมาตรฐานโครงการ โดยรูปแบบการขายเป็น Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางส่วน เหมาะสำหรับคนที่ชอบแต่งห้องเอง หากเปรียบเทียบโครงการระดับเดียวกันในโซนเดียวกัน วัสดุต่างๆที่ให้มาก็ถือว่าให้มาในระดับที่โอเค ไม่ว่าจะเป็น เคาน์เตอร์ครัว Top หินเทียม, ตู้ Built-in หน้าบานกระจกฝ้า, ตู้เก็บรองเท้าขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงเพดาน, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน แบรนด์ Franke, Digital Door Lock แบรนด์ Hafele รวมถึงสุขภัณฑ์ก็เป็นของแบรนด์ Hafele และ Kohler เป็นต้น

การออกแบบ : การออกของโครงการนี้ทำออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น ตกแต่งด้วยวัสดุไม้ คุมโทนสีน้ำตาล ให้ Feel อบอุ่น มีความ Friendly  ส่วนการออกแบบฟังก์ชันพื้นที่ส่วนกลางต่างๆก็ทำออกมาได้ดูดี น่าใช้งาน มีการกระจายอยู่ตามชั้นต่างๆ แต่สำหรับการวางตำแหน่งพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้าและไม่มีลิฟต์โดยสารขึ้นไปถึง หากจะใช้งานจำเป็นต้องใช้บันไดเท่านั้น ในจุดนี้เรามองว่าอาจทำให้เข้าถึงยากกว่าส่วนกลางชั้นอื่นๆ เนื่องจากคนบางกลุ่มมีข้อจำกัดในการขึ้นลงบันได

สาธารณูปโภค : พื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ เรามองว่าเป็นสไตล์ของ Major Development อยู่แล้ว ที่ให้ความสำคัญกับความครบครัน ยิ่งเป็นโครงการใหญ่และ Segment โตขึ้นมาอย่างแบรนด์ Maru ความครบที่ว่านี้ไม่ใช่แค่การซอยย่อยส่วนกลางให้หลากหลายเท่านั้น แต่ยังเน้นการใช้งานได้จริง พื้นที่ส่วนกลางทำออกมาขนาดใหญ่พอสมควร สวยงาม และกระจายอยู่หลายชั้น รองรับการใช้งานของลูกบ้าน อย่างในโครงการนี้มี 333 ยูนิต ซึ่งก็น่าจะเพียงพอกับส่วนกลางที่ให้มา โดยรวมแล้วก็นับว่าคุ้มค่ากับราคาขายค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 198,000 บาท/ตร.ม., 15 February 2021

  • ทำเล 8.25/10 – อยู่เอกมัยช่วงต้น มีความอุดมสมบูรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เชื่อมการเดินทางไปได้หลายทาง
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – มีขนส่งสาธารณะให้เลือกเดินทางเยอะ ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็สะดวก
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – เดินไปสถานี BTS เอกมัยได้ ห่างออกไป 500 เมตร
  • วัสดุ 7.5/10 – วัสดุให้มาตามมาตรฐานโครงการ โดยรวมอยู่ในระดับที่โอเค
  • แบบ 8/10 – ออกแบบมาในสไตล์ญี่ปุ่น คุมโทนได้ดี เรียบง่ายและเข้าถึงง่าย
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีพื้นที่ส่วนกลางเยอะหลายฟังก์ชัน สวยงามและใช้งานได้จริง

  • LUXURY CLASS 
  • 8.0 / 10.00

BOTTOM LINE

Maru เอกมัย 2 เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดที่เลี้ยงสัตว์ได้ในย่านเอกมัยช่วงต้นๆ เป็นคนที่เน้นใช้รถไฟฟ้า BTS หรือถนนเส้นสุขุมวิท ชอบทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน  ชอบใช้ Facilitiesและชอบสไตล์ญี่ปุ่น  เหมาะกับคนที่มีงบประมาณ 5-10 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 35,000-70,000 บาท


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc