รีวิวฉบับที่ 2076 …  สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยกับอีกหนึ่งโครงการใน T77 นะคะ กับโครงการ Kawa HAUS คอนโด Low Rise 7 ชั้น สไตล์รีสอร์ทติดคลองพระโขนงด้วยหน้ากว้างที่ดินติดคลองประมาณ 150 เมตร ให้พื้นที่ส่วนกลางครบครันทั้ง Fitness ริมน้ำ สระว่ายน้ำรูปทรง Free Form แยกสระน้ำร้อน-น้ำเย็น บรรยากาศน่าใช้งาน ห้องพักอาศัยเน้นห้องหน้ากว้าง มีระเบียงยาวโค้ง หน้าต่างเปิดได้กว้าง 90 องศา ภายในโครงการจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

7 MAY 2020

  • kawa HAUS (คาวะ เฮาส์)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: สุขุมวิท 77 เขตวัฒนา
  • ที่ดินประมาณ 6 ไร่
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 3 อาคาร 546 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ 250 คันคิดเป็น 45% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง : ก.ย. 61
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มิ.ย 63
  • 1 Bedroom 1 Bathroom 29.75 – 43.75 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 1 Bathroom 50.5 – 60 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 2 Bathroom 59.75 – 78.75 ตร.ม.
  • Villa 54 – 72 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท (1 Bedroom)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 165,000 บาท/ตร.ม.
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • Call Center :  1685

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.714843, 100.604722
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Kawa HAUS ตั้งอยู่บนถนนอ่อนนุช หรือซอยสุขุมวิท 77 นั่นเอง ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช ห่างจากสถานีประมาณ 1.10 กิโลเมตร อยู่ในโครงการ T77 ของแสนสิริ ซึ่งมีรถรับ-ส่งไปยัง BTS ให้บริการค่ะ โดยรอบทำเลนี้เต็มไปด้วยที่พักอาศัยจำนวนมาก มีทั้งแนวราบและคอนโดสลับกันไป ช่วงใกล้กับถนนสุขุมวิทและสถานีรถไฟฟ้าก็จะเป็นคอนโดเสียส่วนใหญ่นะคะ สภาพแวดล้อมมีความอุดมสมบูรณ์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน และราคาไม่สูงมากเหมือนในย่านเอกมัย ทองหล่อค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถยนต์ถือว่าสะดวกเนื่องจาก T77 นั้นอยู่ติดถนนอ่อนนุชฝั่งขาออกจากสุขุมวิททำให้สะดวกในการเดินทางออกเมืองไปทางศรีนครินทร์ ประเวศ เป็นต้น แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากทางกลับรถ ทำให้เข้าเมืองไปยังเอกมัย ทองหล่อ หรือไปทางสีลมจากถนนพระราม 4 ก็สะดวกเช่นกัน มีจุดขึ้นทางด่วนได้ 2 เส้นทาง คือ ทางด่วนเฉลิมมหานคร อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 62 จุดขึ้น-ลงทางด่วน ห่างจากโครงการประมาณ 4.0 กิโลเมตร สามารถไปออก พระราม9, รัชดาภิเษก , รามอินทรา, แจ้งวัฒนะ หรือดาวคะนองได้ และอีกเส้นทางหนึ่งคือ ทางด่วนฉลองรัช ที่อยู่ด้านหลัง T77 ทางขึ้นทางด่วนจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตรเท่านั้นค่ะ สามารถใช้ไปยังรามอินทรา, ลาดพร้าวได้ ถือว่าเป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ทางด่วนเส้นนี้มากๆค่ะ

การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนสถานีอ่อนนุชได้ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 1.60 กิโลเมตร สามารถเดิน หรือนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าโครงการได้ค่ะ ราคาประมาณ 20 บาท ซึ่งโครงการ ใน T77 นี้จะมีรถ Shuttle รับส่งจากโครงการไปสถานีให้ทุกๆครึ่งชั่วโมงค่ะ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้ลูกบ้าน หรือใครที่ต้องการเดินทางด้วยรถ Taxi ก็สามารถเรียกได้ง่ายที่หน้าโครงการเลย เนื่องจากถนนอ่อนนุชมีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น ก็จะมี Taxi วิ่งผ่านเยอะค่ะ

ทางขึ้นทางพิเศษฉลองรัชจะอยู่ด้านหลัง T77 ที่เชื่อมไปยังสุขุมวิท71 ไปกลับรถด้านใต้แล้วสามารถขึ้นทางด่วนได้เลย ถือว่าสะดวกมากๆ ระยะทางไปยังทางด่วนจากประตูทางออกด้านหลัง T77 ประมาณ 650 เมตรเท่านั้นค่ะ

ส่วนทางลงทางด่วนจากทางพิเศษฉลองรัชให้ลงที่สุขุมวิท 50 แล้วเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิทไปกลับรถใต้สะพานเพื่อมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอ่อนนุช หรือสุขุมวิท 77  ก่อนเข้าโครงการ T77 แล้วเลี้ยวขวาไปยังโครงการ Kawa HAUS ค่ะ

มาดูเรื่องความอุดมสมบูรณ์ขอทำเลนี้กันบ้าง อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าอ่อนนุชเป็นย่านที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีสาธารณูปโภคและสาธารณูปการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าและบริการ, Hypermarket และ Community Mall ให้ได้จับจ่ายใช้สอย อย่างเช่น Big C Extra ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 1 กิโลเมตร HUB77 ที่อยู่ใน T77 เองห่างจากโครงการแค่ 450 เมตรเท่านั้น ที่มีทั้ง Cafe และ Co-Working Space นอกจากนั้นยังมี Community Mall อย่าง People Park เนื้อที่กว่า 15 ไร่ มีพื้นที่ Shopping กว่า 100 ร้านค้า สวนหย่อม รวมถึงสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งและในร่มด้วย ด้านต้นซอยอ่อนนุชจะมีร้านขายของใต้ตึกแถวทั้งสองข้างทาง และตลาดอ่อนนุชให้ได้ซื้อของสดกัน มีความคึกคักมากทั้งตอนกลางวันและตอนเย็น อยู่ติดกับสถานีอ่อนนุชเลยก็จะมี Tesco Lotus, Century The Movie Plaza 2 ซึ่งมีทั้งร้านค้า โรงภาพยนตร์ และโรงแรม เป็นแหล่งบันเทิงดูหนังที่ใกล้โครงการที่สุดค่ะ หรือใครอยากเดินทางเข้าเมืองไปหน่อยย่านเอกมัยซึ่งห่างไปเพียง 2 สถานี ก็มีที่ให้เดิน Shopping อย่าง Gateway เอกมัย, Major เอกมัย รวมถึงเดินเล่นท้องฟ้าจำลองได้

สาธารณูปโภคและสาธารณูปการอื่นๆนอกเหนือจากห้างสรรพสินค้าแล้ว ย่านนี้ยังมีทั้งสำนักงานเขต, สำนักงานประปา, สถานีตำรวจ, สถานีดับเพลิง รวมถึงโรงเรียน และโรงพยาบาล ถือว่ามีครบสำหรับการอยู่อาศัยเลยค่ะ

T77  เป็นกลุ่มโครงการของแสนสิริ ซึ่งอยู่บนเนื้อที่ 41 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วย โครงการ Blocs 77, The base สุขุมวิท 77, The base park east, The base park west, Garden square ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 4 ชั้น, hasu HAUS , mori HAUS , Park Court และ Kawa HAUS ค่ะ

โครงการ T77 ยังตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย พร้อมคอมมูนิตี้ รีเทลที่ชื่อ HUB77 ซึ่งเป็น Community Mall  อีกทั้งกำลังจะพัฒนาให้มีแหล่งการศึกษาให้อยู่ในนี้เป็นโรงเรียนนานาชาติชื่อดังอย่าง Bangkok Prep ด้วยค่ะ

เส้นทางการเดินทาง

เส้นทางการเดินทางที่เราจะพาไปชมวันนี้มี 3 เส้นทางค่ะ เส้นทางแรกสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์เริ่มต้นจากถนนสุขุมวิท 71 หรือ ถนนปรีดี พนมยงค์ เข้าซอยปรีดี พนมยงค์ 2 แล้วมากลับรถใต้ทางด่วนแล้วเลี้ยวเข้าโครงการ T77 ทางประตูด้านหลังค่ะ

Image 1/11
เริ่มจากถนนสุขุมวิท 71 หรือถนนปรีดี พนมยงค์มุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิทค่ะ

เริ่มจากถนนสุขุมวิท 71 หรือถนนปรีดี พนมยงค์มุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิทค่ะ

เส้นทางที่ 2 เริ่มจากรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช แล้วเดินไปยังถนนสุขุมวิท 77 หรือถนนอ่อนนุช แล้วเข้าโครงการ T77 ทางประตูด้านหน้าค่ะ

Image 1/13
เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชค่ะ บนสถานีจะมีร้านค้าขายอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ให้เลือกซื้อด้วย

เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชค่ะ บนสถานีจะมีร้านค้าขายอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ให้เลือกซื้อด้วย

เส้นทางที่ 3 มาจากทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร เป็นทางที่ไม่ต้องผ่านการจราจรที่หนาแน่นบนถนนอ่อนนุชค่ะ เพียงเลี้ยวซ้ายกลับรถก่อนด่านจ่ายเงินทางพิเศษฉลองรัช และวนกลับรถเหมือนกับทางแรกก็จะเข้า T77 ได้เลยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Kawa HAUS ค่อนข้างเงียบสงบและได้ความเป็นส่วนตัวเนื่องจากโครงการอยู่ด้านในเข้ามาค่อนข้างลึก ติดริมคลองพระโขนงทางทิศใต้ ส่วนที่ดินรอบด้านส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่โล่งอยู่ค่ะ จะมีแต่ฝั่งทิศตะวันตกที่ติดกับโครงการ Park Court สูง 7 ชั้น

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่า, คลองพระโขนง
  • ทิศใต้ ติดกับ คลองพระโขนง
  • ทิศตะวันตก ติดกับ โครงการ Park Court สูง 7 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • HUB77 ~ 450 เมตร
  • Big C Extra ~ 1 กิโลเมตร
  • ตลาดอ่อนนุช ~ 1 กิโลเมตร
  • โลตัสอ่อนนุช ~ 1.6 กิโลเมตร
  • BTS อ่อนนุช ~ 1.6 กิโลเมตร
  • Century Movie Plaza อ่อนนุช ~ 1.6 กิโลเมตร
  • Summer Hill ~ 1.7 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ~ 2.3 กิโลเมตร
  • เมเจอร์เอกมัย ~ 3.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 3.7 กิโลเมตร
  • Gateway เอกมัย ~ 3.8 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

มาดูในส่วนของโครงการกันก่อนนะคะ สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับคอนโดมิเนียม Kawa HAUS ซึ่งเป็นคอนโด Low Rise 3 อาคาร รวม 546 ยูนิต ที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่พื้นที่ขนาด 6 ไร่ติดริมคลองพระโขนง มีส่วนหน้ากว้างติดคลองยาวกว่า 150 เมตร จึงเป็นที่มาของชื่อ Kawa ที่แปลว่า ‘สายน้ำ’ ในภาษาญี่ปุ่นด้วย การออกแบบอาคารมีแนวคิด Living as a part of Nature ออกแบบให้เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท เน้นการพักผ่อน ความสงบ และได้วิวคลองบรรยากาศสบายๆค่ะ ตัว Facade (กรอบอาคาร) ออกแบบมาจากรูปทรงของลำต้นไม้ไผ่ ทำให้บริเวณระเบียงมีพื้นที่ส่วนเว้าโค้งในทุกๆห้องค่ะ

โครงการมีที่ดินเป็นรูปตัว L ทางทิศใต้ติดกับคลองพระโขนง ตัวอาคารจะแบ่งเป็น 3 อาคารด้วยกัน ที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถเสียส่วนใหญ่ค่ะ ถ้ารวมที่จอดรถบริเวณชั้น 1 และชั้นใต้ดิน 1 ชั้นจะสามารถจอดได้ประมาณ 45 %(ไม่รวมจอดซ้อนคัน) โดยทางเข้า-ออกจะแยกกันชัดเจน กั้นด้วยป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงกลาง เมื่อเข้ามาแล้วจะจอดรถที่อาคาร A เลยก็ได้ หรือเลี้ยวขวาเพื่อมายังจุด Drop Off เชื่อมต่อไปยัง Lobby หลักใต้อาคาร A แล้วค่อยจอดรถที่อาคาร C ก็ได้เช่นกันค่ะ

ที่ชั้น 1 นอกจากจะเป็นพื้นที่จอดรถแล้วก็จะมี Facility หลักๆอยู่ด้วยค่ะ จุดแรกคือ Lobby ใต้อาคาร A เป็น Lobby Lounge ที่ทุกอาคารสามารถเดินมาใช้งานร่วมกันได้ บริเวณ Lobby จะเชื่อมต่อกับสวนด้านข้างซึ่งจะมีทางเดินขึ้นไปยัง Co-working Space & Co-Pantry ชั้น 2 อีกทีหนึ่ง ถัดมาทางทิศใต้จะมีเป็นห้อง Fitness ขนาดใหญ่มองเห็นวิวคลองพระโขนงได้ บริเวณนี้จะมีที่นั่งเล่น และโซน Bar B Q ริมคลองให้บรรยากาศสบายๆเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน เชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำรูปทรง Free Form แบ่งเป็นสระว่ายน้ำหลักและสระย่อยๆ ให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และเป็นจุดที่มองเห็นวิวคลองชัดเจนที่สุดด้วยค่ะ

ถัดมาชั้น 2 จะเห็นว่าแตกละอาคารแยกกันชัดเจน โดยอาคาร A และอาคาร C จะเป็นอาคารโควต้าคนไทย ส่วนอาคาร B เป็นโควต้าสำหรับชาวต่างชาติแต่คนไทยก็สามารถซื้อได้เช่นกันค่ะ ชั้น 2 จะมี Facility ส่วนกลางที่เชื่อมมาจากสวนแบ่งเป็น Co-Pantry สำหรับจัดปาร์ตี้หรือเปลี่ยนบรรยากาศการทำอาหาร สามารถจองใช้งานแบบเป็นส่วนตัวได้ค่ะ ถัดมาเป็นพื้นที่ Co-Working Space สำหรับนั่งทำงานท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น และริมสุดเป็นแปลงผัก Backyard ให้ลูกบ้านมาปลูกผักสวนครัวรับประทานกันได้ค่ะ

ส่วนห้องพักอาศัยเริ่มจากอาคาร A เป็นอาคารที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ห้องพักอาศัยเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom (ห้องสีฟ้า) โดยห้องที่มีขนาดใหญ่หน่อยจะเป็นห้องทางทิศตะวันออกที่ได้วิวสวนส่วนกลางค่ะ (ห้องสีน้ำเงิน) ซึ่งการวางผังอาคารเป็นรูปตัว L ทางเดินแบบ Double Corridor มีโถงลิฟต์อยู่ริมอาคารทำให้ห้องที่อยู่ด้านในสุดจะเดินไกลหน่อยนะคะ อาคาร A เหมาะกับคนที่ไม่เน้นวิวเท่าไรนัก เหมาะกันคนที่ต้องการห้องไม่ใหญ่เข้าถึงง่าย ลงจาก Drop Off แล้วเข้าอาคารได้เลยไม่ต้องเดินผ่าน Outdoor ค่ะ

ส่วนอาคาร B เป็นอาคารโควต้าชาวต่างชาติ อยู่ใกล้กับคลองพระโขนงมากที่สุด ตัวอาคารเป็นรูปตัว L ทางเดินแบบ Double Corridor มีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลางทำให้เดินเข้าถึงห้องทั้ง 2 ฝั่งพอๆกันค่ะ อาคารนี้ก็เน้นเป็นห้อง 1 Bedroom (ห้องสีฟ้า,น้ำเงิน) มีห้องใหญ่อยู่ทางทิศใต้ จะได้วิวแม่น้ำชัดเจน ส่วนห้องด้านในจะได้วิวสวนส่วนกลางค่ะ

อาคาร C เป็นอาคารที่ถ้าเดินเข้ามาจาก Lobby จะอยู่ด้านในสุดทำให้มีความเป็นส่วนตัว และได้วิวสวย ห้องทางฝั่งทิศใต้และทิศตะวันออกจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำและคลองพระโขนงในระยะกำลังดี สามารถมองเห็นวิวคลองได้ทุกชั้น ส่วนห้องทางทิศเหนือจะได้วิวพื้นที่โล่ง(รอการพัฒนาในอนาคต) และทิศตะวันตกมองเห็นใครการ Park Court ที่ค่อนข้างร่มรื่นค่ะ อาคารนี้เหมาะกับคนที่ต้องการห้องวิวสวย เป็นส่วนตัว ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำได้สะดวก

ชั้น 3 ถึงชั้น 7 เป็น Typical Floor วางผังเหมือนกันทุกชั้นแต่จะมีความแตกต่างกันบ้างตรงตำแหน่งของระเบียงที่สลับกันไปทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้นค่ะ อาคาร A และอาคาร C วางผังเหมือนกับชั้น 2 ส่วนอาคาร B จะมีห้องพักอาศัยเพิ่มขึ้นมาบริเวณเหนือห้อง Fitness และ Lounge ค่ะ บรรยากาศภายในอาคารจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยค่ะ

ทางเข้า-ออกของโครงการ Kawa HAUS มีทางเดียวทำให้รักษาความปลอดภัยได้ง่าย ทางเข้าจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ มีป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตรงกลาง และทางฝั่งขวามือเป็นทางออกค่ะ

ทางเข้าโครงการจะใช้เป็นระบบ Bluetooth ติดที่รถยนต์และสามารถผ่านเข้าไปได้เลย หรือจะเชื่อมต่อกับ Smartphone ก็ได้เช่นกันค่ะ ทำให้การผ่านเข้า-ออกได้สะดวกไม่ต้องเปิดกระจกมาแตะบัตรให้เสียเวลา

เมื่อเข้ามาแล้วจะไปยังที่จอดรถใต้อาคารสามารถไปได้ 3 ทางคือทางฝั่งซ้ายมือใต้อาคาร A ตรงไปเป็นที่จอดรถใต้อาคาร B และทางขวามือเป็นทางไป Drop Off และที่จอดรถใต้อาคาร C ค่ะ

ที่จอดรถมีทั้งหมดประมาณ 250 คันหรือประมาณ 45% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาพอดีๆ ใครที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็สามารถนั่งรถรับ-ส่งของ T77 ออกไปยังถนนสุขุมวิท หรือ BTS อ่อนนุชได้

นอกจากที่จอดรถปกติแล้วยังมีช่องจอด EV Charger สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาให้ 4 ช่องจอดค่ะ

เลี้ยวขวาเข้ามาจากทางเข้าตรงไปยัง Drop Off ตกแต่งผนังด้วยไม้และเสารูปทรงกระบอกเหมือนกับไม้ไผ่นั่นเองค่ะ

จุด Drop Off เป็นวงเวียนเชื่อมต่อกับ Lobby สามารถวนไปยังทางออกหรือกลับไปจอดรถใต้อาคารอื่นๆต่อได้

ทางเข้า Lobby จะอยู่ติดกับจุด Drop Off เลยทำให้ไม่ต้องตากแดดตากฝนก็เข้าอาคารได้สะดวกค่ะ ซึ่ง Lobby หลักนี้จะอยู่ที่ใต้อาคาร A นั่นเอง สำหรับอาคารอื่นๆจะต้องเดินผ่านสวนไปยังโถงลิฟต์ค่ะ

เข้ามาภายใน Lobby จะเจอกับผนังกระจกสูงมองเห็นวิวสวนส่วนกลางได้ชัดเจน

โดยปัจจุบัน Lobby ใช้เป็นสำนักงานขายด้วย เข้ามาแล้วจะเจอกับที่นั่งพักคอยมองเห็นวิวสวนค่ะ

ด้านหลังเป็นทางเข้าไปยังห้องนิติบุคคล สำหรับคนที่ต้องการติดต่อนิติฯก็ทำได้สะดวกเพราะอยู่ในจุด Lobby หลักที่ทุกคนผ่านไป-มาอยู่แล้วค่ะ

ห้องนิติฯ จะอยู่ด้านในทำให้เวลามีคนมาติดต่อก็จะไม่รบกวนบริเวณโถง Lobby

ทางเดินไปยังโถงลิฟต์มีผนังฝั่งหนึ่งตกแต่งด้วยกระจกทำให้ทางเดินดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด และมีทางออกเชื่อมต่อไปยังที่จอดรถค่ะ

ทางออกไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดินเชื่อมต่อกับโถงทางเดิน มีช่องแสง Sky Light ทำให้ดูสว่าง ไม่น่ากลัว ตอนที่ผู้เขียนเข้ามายังโครงการยังมีการปิดชั้นใต้ดินชั่วคราว เลยไม่ได้เก็บบรรยากาศที่จอดรถชั้นใต้ดินมาให้ชมกันนะ

บริเวณโถงลิฟต์ของอาคาร A จะเน้นการตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม มีความมันเงา ให้ความรู้สึกหรูหรา มีลิฟต์มาให้ 2 ตัวต่ออาคาร อัตราส่วนไม่เกิน 100 : 1 ทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานในช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน

ด้านหลังโถงลิฟต์จะเป็นพื้นที่ทางเดินไปยังห้องน้ำซึ่งแบ่งเป็นห้องน้ำชาย-หญิง และห้องน้ำสำหรับผู้ใช้รถเข็นค่ะ ส่วนทางฝั่งขวามือเป็นห้อง Mail Box

ภายในเป็นตู้จดหมายจะแยกแต่ละอาคารชัดเจนไปเลยค่ะ อย่างห้องนี้ก็เป็น Mail Box ของลูกบ้านอาคาร A เท่านั้น

โถงลิฟต์ชั้นพักอาศัยจะเปลี่ยนสไตล์การตกแต่งมาเป็นโทนสีสว่าง เพิ่มลูกเล่นที่ผนังด้วยระแนงไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีช่องแสงมองออกไปเห็นวิวสวนด้านล่างได้ค่ะ

ถัดมาเรามาดูพื้นที่ส่วนกลางกันบ้างค่ะ ด้านข้างของ Lobby จะมีทางเดินไปยังสวนและส่วนกลางต่างๆ

ติดกับ Lobby จะเป็นพื้นที่สีเขียว เล่นระดับและมีความโค้งไปมาดูพลิ้วไหว และมีมิติมากกว่าสวนที่ปลูกบนพื้นราบทั่วไป

บริเวณนี้จะมีทางเดินขึ้นไปยังส่วน Facility ชั้น 2 ที่อยู่ระหว่างอาคาร A และอาคาร B

ด้านบนประกอบไปด้วย Co-Working Space และ Co-Pantry มีแปลงผัก Outdoor ที่ชื่อว่า Sansiri Backyard ด้วย บริเวณนี้มีต้นไม้ใหญ่ปลูกมาให้ค่อนข้างเยอะทำให้ดูร่มรื่นและเป็นวิวสีเขียวมองแล้วสบายตาของห้องทางทิศตะวันออกของอาคาร A ค่ะ

ภายใน Co-Pantry จะเป็นห้องบรรยากาศร่มรื่นสามารถจองเพื่อจัดปาร์ตี้แบบเป็นส่วนตัวได้ หรือใครแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งอ่านหนังสือก็สามารถขึ้นมาใช้งานได้เลยไม่ต้องจองค่ะ

ภายในห้อง Co-Working Space ยังใช้ความโค้งของไม้ไผ่เข้ามาตกแต่งภายในด้วย โดยแบ่งที่นั่งเป็นโซนๆ ให้ลูกบ้านมาใช้งานอ่านหนังสือทำงานเป็นกลุ่มได้

ด้านหลังเป็นแปลงผัก Sansiri Backyard ปลูกผักสวนครัวให้ลูกบ้านไปรับประทานได้ค่ะ

ต่อมาเราจะลงมาดู Facility ใต้อาคาร B และสระว่ายน้ำส่วนกลางกันบ้างค่ะ

ใต้อาคาร B จะมี Fitness และ Lounge สามารถเดินออกไปยังสวนเลียบคลองพระโขนงได้

ก่อนจะเข้าใต้อาคารจะเจอกับสนามหญ้ามีที่นั่งด้านข้างให้ผู้ปกครองพาเด็กมาวิ่งเล่นกันค่ะ

บรรยากาศบริเวณทางเดินไปยังห้อง Fitness ตกแต่งด้วยไม้ให้ความรู้สึกเหมือนรีสอร์ท ฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำส่วนกลาง และฝั่งซ้ายเป็นห้อง Fitness ค่ะ

ภายในห้อง Fitness ค่อนข้างกว้างแบ่งออกเป็น 3 โซนย่อยๆ สามารถออกกำลังกายไปด้วยและมองเห็นวิวสบายๆริมน้ำได้ด้วยค่ะ

โซนแรกเป็นโซนออกกำลังกายแบบ Cardio มีลู่วิ่งและจักรยาน

โซนที่ 2 เป็นหน้าผาจำลองเป็น  Highlight หลักใน Fitness สำหรับคนที่ชอบ Activity ปีนเขาเลยค่ะ เพราะว่าจะสามารถปีนได้เรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดเนื่องจากวงล้อจะหมุนได้เองตามน้ำหนักตัวค่ะ

โซนที่ 3 เป็นเครื่องเล่นแบบ Weight Training และมีที่นั่งพักด้านข้าง

ถัดจาก Fitness จะเชื่อมต่อมายังทางเดินริมน้ำ ซึ่งจะมีสนามหญ้าและปลูกต้นไม้ใหญ่เพิ่มบรรยากาศสดชื่น

มีที่นั่งชิลๆ สำหรับนั่งมองวิวคลองพระโขนงในบรรยากาศ Outdoor ให้ด้วยค่ะ

เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอกับพื้นที่ Bar B Q Area Outdoor ริมน้ำให้บรรยากาศเหมือนตั้งแคมป์รอบกองไฟกับเพื่อนๆเลยค่ะ

ที่ลานจะมีเตา Bar B Q และเคาน์เตอร์อ่างล้างจานมาให้ ลูกบ้านสามารถจองมาใช้งานได้ค่ะ

ด้านหลังลาน Bar B Q จะเป็นห้อง Water Lounge เราไปดูด้านในกันค่ะ

ภายในห้อง Lounge เป็นโถงสูง Double volume และมีจุดเด่นคือผนังหินอ่อนลาย Water Ink ให้ความรู้สึกเหมือนมีกระแสน้ำไหลอยู่ในตัวหินเลยค่ะ โดยผนังหินนี้มีชื่อว่า Cipollino Ondulato Verde ภายในมีที่นั่งเป็นมุมพักผ่อนสำหรับคนที่อยากนั่งอ่านหนังสือสบายๆ หรือมารอเด็กๆเล่นที่สระว่ายน้ำก็ได้เช่นกันค่ะ

ภายในยังมีเก้าอี้นวดจาก Osim ให้นั่งนวดพร้อมฟังเพลงสบายๆ เก้าอี้ตัวนี้ราคาร่วมๆ 2 แสนบาทเลยค่ะ ภายในห้อง Lounge มีมาให้ 2 ตัว สามารถเดินมาใช้งานได้เลยไม่ต้องจอง

ถัดมาจะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ บริเวณนี้มีต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้ค่อนข้างเยอะทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นน่าใช้งานค่ะ

เริ่มจากริมสระว่ายน้ำจะมีที่นั่งเล่น เชื่อมต่อกับสระส่วนที่ไม่ลึกมาก คุณพ่อคุณแม่สามารถพาเด็กเล็กมาเล่นด้วยกันได้ค่ะ

ระหว่างสระว่ายน้ำก็จะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนเป็นระยะๆ ตอนเย็นๆเหมาะกับการมานั่งอ่านหนังสือบรรยากาศดีทีเดียวค่ะ

สระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือ มีระยะที่ยาวที่สุดประมาณ 16.5 เมตร ว่ายออกกำลังกายได้ค่ะ

ถัดมาจะมีสะพานเป็นส่วนเชื่อมต่อข้างสระว่ายน้ำไปยังพื้นที่นั่งเล่นอีกฝั่งหนึ่ง

ด้านข้างมีสระเด็กแยกมาให้ ความลึกสำหรับเด็กเล่นโดยที่ไม่ต้องกังวลเพราะไม่ได้เชื่อมต่อกับสระของผู้ใหญ่ค่ะ

ถัดมาเป็นสระน้ำร้อน-น้ำเย็น เหมือนเวลาเราแช่ออนเซ็นแยกน้ำร้อนกับน้ำเย็นค่ะ จะสังเกตว่าที่นี่ให้สระว่ายน้ำย่อยๆหลายส่วนทำให้ผู้ที่มาใช้งานสามารถเลือกมุมที่เป็นส่วนตัวได้ค่ะ

นอกจากนั้นบริเวณสระแช่น้ำนี้ยังเป็นมุมที่มองเห็นวิวคลองพระโขนงได้กว้างที่สุดด้วยค่ะ เหมาะกับการมาแช่น้ำชิลๆเลย

ด้านบนไม่ได้เป็นลานไม้อย่างเดียวนะ มีสนามหญ้ามาให้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยค่ะ

ถัดมาจะเป็นมุมเก้าอี้นั่งเล่นริมสระน้ำ มีให้หลายชุดทีเดียว

สุดทางเดินจะเป็นพื้นที่สวน มีต้นไม้ใหญ่ปลูกกั้นระหว่างห้องพักอาศัยกับส่วนกลาง เพื่อความเป็นส่วนตัว

อีกฝั่งเป็นทางเดินไปยังโถงลิฟต์ของอาคาร C ค่ะ

เดินลงมาแล้วจะเห็นด้านข้างก็มีทางเดินตรงมายังโถงลิฟต์อาคาร C ได้เลยถ้าไม่อยากเดินผ่านสระว่ายน้ำค่ะ

เราไปดูบรรยากาศทางเข้าอาคาร C กันค่ะ

โถงลิฟต์อาคาร C ก็มีการตกแต่งคล้างกับอาคาร A โดยใช้โทนสีเข้มมีความเงาเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเรียบหรู มีลิฟต์มาให้ 2 ตัว ฝั่งตรงข้ามกับลิฟต์เป็นห้อง Mail Box ค่ะ

ขึ้นมาที่โถงลิฟต์ชั้นพักอาศัยจะใช้โทนสีอ่อน และตกแต่งด้วยระแนงไม้เหมือนกับอาคารอื่นๆ

โถงทางเดินเป็น Double Corridor ประตูห้องลายไม้เข้ากับทางเดินค่ะ

บริเวณมุมอาคารจะมีช่องแสงด้วยทำให้โถงทางเดินสว่างขึ้นและมีอากาศถ่ายเท

ส่วนมุมห้อง Service จะเว้าเข้าไปเปิดประตูด้านข้างทำให้มีพื้นที่ไม่เปิดประตูชนกับห้องพักอาศัยอื่นๆค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนหย่อมที่ชั้น 1
  • Lobby
  • Co-Working Space
  • Co-Pantry
  • Courtyard
  • พื้นที่พักผ่อนริมน้ำ
  • Lounge
  • BBQ Area
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ แบบ Free Form ระบบเกลือ ขนาดประมาณ 16.5 x 32 เมตร แบ่งสระเด็ก
    จากุชชี่แบบร้อนและเย็น
  • ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 15 เครื่อง
  • พื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 5,000 ตารางเมตร
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 91 :  1
  • Service Lift – ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 250 คันคิดเป็น 45 % (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card

 

แบบห้อง

ห้องพักอาศัยภายในโครงการมีทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้

  • 1 Bedroom 1 Bathroom 29.75 – 43.75 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 1 Bathroom 50.5 – 60 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 2 Bathroom 59.75 – 78.75 ตร.ม.
  • Villa 54 – 72 ตร.ม.

โครงการนี้มีการขายแบบ Fully Fitted มีชุดครัว Built-in พร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน, ตู้รองเท้า และตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ค่ะ ภายในโครงการยังมีการนำเอาเทคโนโลยี เข้ามาใช้ อย่าง Google Assistant สั่งการด้วยเสียงในการเปิดเพลง, เปิด TV และ Somfy Application สั่งการเปิด-ปิดไฟแสงสว่าง และเครื่องปรับอากาศได้

 

ห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราพามาชมเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 42.50 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีพื้นที่ค่อนข้างเยอะค่ะ การออกแบบยังคงได้กลิ่นอายของรีสอร์ท โดยมีพื้นที่นั่งเล่นริมหน้าต่างที่เปิดได้กว้าง 90 องศา และระเบียงทรงโค้ง การจัดพื้นที่การใช้งานแบ่งเป็นสัดส่วนลงตัว

เข้าห้องมาแล้วจะเจอกับครัวก่อนค่ะ ซึ่งจะได้เป็นห้องครัวปิดสามารถทำอาหารที่มีกลิ่นได้ไม่ฟุ้งกระจาย ถัดมาภายในจะเป็นพื้นที่ Common Area กว้างแบ่งเป็น 3 ส่วนได้ เริ่มจากพื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น และมุมริมหน้าต่างสามารถจัดเป็น Day Bed หรือโต๊ะทำงานได้ ส่วนห้องนอนและห้องน้ำจะแยกออกมาชัดเจน ทำให้ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัว ออกไปใช้งานระเบียงได้ มีพื้นที่ Walk-in Closet เป็นสัดส่วน เชื่อมต่อกับห้องน้ำทำให้ใช้งานได้สะดวก ในห้อง 1 Bedroom Type นี้จะได้อ่างอาบน้ำเพิ่มขึ้นมาให้ด้วยค่ะ บรรยากาศภายในห้องจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย

ประตูหน้าห้องเป็นบานไม้กรุผิวลามิเนต ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้จาก igloohome สามารถใช้ได้ทั้งระบบ กุญแจ รหัส และเชื่อมต่อผ่านทาง Application ทำให้สามารถเปิดประตูรับเพื่อน ด้วยการส่ง QR Code ที่กำหนดระยะเวลาได้ค่ะ เพื่อความสะดวกสบาย เราจะได้ไม่ต้องก้าวออกจากห้องไปปลดล็อกประตูเอง

พื้นภายในห้องส่วนครัวจะเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อน มีอัตราการซึมน้ำต่ำเหมาะกับใช้ในห้องครัวและห้องน้ำ ทำความสะอาดได้ง่าย

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนครัวก่อนค่ะ ถ้าซื้อของมาจากข้างนอกก็สามารถจัดเก็บ หรือทำอาหารทานได้สะดวก ไม่ต้องหิ้วของสดผ่านห้องอื่นๆ ภายในครัวมีประตูบานเลื่อนกั้นเป็นครัวปิดสามารถทำอาหารที่มีกลิ่นได้

ส่วนครัวห้องที่ได้จะให้เคาน์เตอร์และชั้นเก็บของ Built-in มาให้แบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ (ยกเว้นของตกแต่งและตู้เย็น) และไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นและการระบายอากาศเพราะทางโครงการมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งมาให้เพิ่มเติมจากเครื่องดูดควันด้วย

เรามาดูฝั่งเคาน์เตอร์ครัวกันก่อนนะคะ Top เคาน์เตอร์จะได้เป็นหินแกรนิตสีดำอินเดีย มี Back Splash ด้านหลังเป็นกระจกเงาทำให้ทำความสะอาดง่ายไม่เลอะคราบบนผนัง แต่อาจจะต้องหมั่นทำความสะอาดสักหน่อยนะคะเพื่อความสวยงาม เพราะกระจกจะมองเห็นคราบได้ง่าย

บนเคาน์เตอร์จะได้อ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้า 2 หัวจาก MEX มีราวแขวนและชั้นวางจานมาให้ด้วยค่ะ ช่วยเพิ่มพื้นที่เตรียมอาหารได้มากขึ้น

หน้าบานตู้ครัวปิดผิวด้วย Thermal Laminate กันน้ำมี Soft Close ให้ทุกบาน ตู้เก็บของชั้นบนจะมีชั้นวางของหลายขนาดมาให้

ส่วนตู้ด้านล่างอ่างล้างจานจะมีถังขยะติดตั้งมาให้ ด้านข้างเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า ทำให้ไม่ต้องไปวางพื้นที่ตรงระเบียงค่ะ นอกจากนั้นยังมีช่องสำหรับเครื่องไมโครเวฟ ช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารบนเคาน์เตอร์ด้วย

อีกฝั่งเป็นตู้เก็บของ Built-in ด้านนอกเป็นบานลามิเนตลายไม้ ภายในมีลูกเล่นเป็นสีฟ้าอมเขียวเข้ากับชื่อโครงการที่แปลว่าสายน้ำ ด้านข้างเป็นพื้นที่วางของตกแต่ง หรือที่หยิบใช้บ่อยๆอย่างกุญแจ, ร่ม เป็นต้น ส่วนตู้ด้านข้างเหมาะสำหรับเก็บรองเท้า, กระเป๋า ฯลฯ ให้หยิบใช้งานได้ง่ายค่ะ

ด้านข้างตู้เก็บของเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นกว้างประมาณ 0.80 เมตร และมีตู้เก็บของเล็กๆมาให้ด้านบนค่ะ

ถัดมาเป็นพื้นที่ Common Area ปูพื้นด้วยลามิเนตหนา 8 มม มีความสูงฝ้าเพดานที่ 2.70 เมตร ถือว่าสูงกว่าคอนโด Low Rise 8 ชั้นทั่วไปค่ะ (เพราะที่นี่สูงแค่ 7 ชั้นจึงทำให้ยกฝ้าเพดานขึ้นสูงได้มากขึ้น)

มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ

ฝั่งตรงข้ามยังสามารถวางโต๊ะเป็นมุมทำงานเล็กๆเพิ่มได้ด้วยค่ะ

มาถึงโซนนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งและโต๊ะกลางได้ไม่อึดอัดค่ะ มีระยะดู TV ประมาณ 2.7 เมตร เหมาะกับวาง TV ขนาดประมาณ 32-40 นิ้ว

ภายในห้องมีระบบ Home Automation มาให้ทั้ง Somfy สั่งการผ่าน Smartphone และระบบ Google Assistant สั่งการด้วยเสียงเหมือนกับหลายๆโครงการของ Sansiri ค่ะ

มาถึงมุมจุดเด่นของห้องกันบ้าง มุมนี้ มีชื่อว่า “HAUS Signature The Frame” เป็น Highlight หลักของคอนโดมิเนียมตระกูล HAUS ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ท ทำให้มีพื้นที่ริมหน้าต่าง ที่เราสามารถจัดเป็น Day Bed โต๊ะทำงานหรือชั้นวางของสะสมต่างๆได้ บริเวณนี้จะได้หน้าต่างบานสูงเปิดได้ 90 องศาค่ะ

หน้าต่างเป็นบานกระจกใส กรอบอลูมิเนียมสีดำ ทั้ง 4 บานสามารถเปิดได้ 90 องศาให้ลมเข้าได้เต็มที่เลยค่ะ แต่ใครเผลอเปิดกว้างไปหน่อยอาจจะเอื้อมปิดยากหน่อยนะคะ

จากห้องนั่งเล่นมีประตูเชื่อมต่อไปยังระเบียงห้องนอนได้ค่ะ

ตัวระเบียงจะมีรูปแบบเป็นทรงโค้งได้แรงบันดาลใจมาจากไม้ไผ่ พื้นระเบียงเป็นทรายล้างและมีกระเบื้องวางเป็นแนวมาให้ ได้ความรู้สึกเหมือนรีสอร์ท และสามารถใช้งานระเบียงได้เต็มที่ค่ะ

ความกว้างของระเบียงจะอยู่ที่ประมาณ 0.75 – 1.10 เมตร ยก Condensing Units ไว้ด้านบนซ่อนด้วยระแนงทำให้ดูสวยงามสะอาดตาค่ะ

ถัดมาเราจะมาดูห้องนอนกันบ้าง ทางเข้าห้องนอนจะอยู่ระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นทางซ้ายมือค่ะ

ภายในห้องนอนมีขนาดกว้างประมาณ 3.10 x 2.60 เมตร มีช่องแสงจากระเบียงและสามารถนอนมองเห็นวิวได้

ขนาดของห้องสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ แต่ถ้าอยากให้ห้องดูกว้างแนะนำเป็นเตียงขนาด 5 ฟุตจะเหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับโต๊ะเล็กๆและเดินได้สบายค่ะ

ส่วนปลายเตียงถ้าใครจะติดตั้ง TV แนะนำให้ติดแบบแขวนผนัง เนื่องจากถ้าทำเป็นชั้นวาง TV จะเสียพื้นที่ทางเดินปลายเตียงไปค่ะ

จากห้องนอนมองออกไปยังระเบียงที่เป็นทรงโค้งแล้วดูแปลกตาเหมือนมองผ่านเลนส์ Fisheye เลยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ที่แยกมาให้เป็นสัดส่วน สามารถกั้นปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ ภายใน Walk-in Closet จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ 2 ฝั่งค่ะ

ฝั่งขวามือเป็นตู้เสื้อผ้าไม่มีบานปิดเพื่อให้ง่ายต่อการหยิบใช้งาน มีชั้นวางกระเป๋า, ผ้าขนหนู  และลิ้นชักเครื่องประดับมาให้ พร้อมกับไฟด้านข้างดูสวยงาม

ส่วนอีกฝั่งเป็นตู้เสื้อผ้า 2 ฝั่งพร้อมกับกระจกบานใหญ่และบานเล็กด้านในทำให้แต่งตัวได้สะดวกไม่ต้องซื้อกระจกมาติดตั้งเพิ่มเติมค่ะ

ภายในห้องน้ำของห้อง 1 Bedroom Type นี้จะมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วยค่ะ การตกแต่งด้านในใช้กระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อน แบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน

อ่างล้างหน้าเป็นเคาน์เตอร์ Built-in ตัวอ่างมีเอกลักษณ์ด้วยรูปทรงกลมสีฟ้าอมเขียว Top เคาน์เตอร์เป็นหิน Quartz ตัวก๊อกน้ำได้ของ Cotto มีลิ้นชักใส่ช่องเก็บของมาให้แบบนี้เลย นอกจากนั้นยังรองรับระบบน้ำร้อน-น้ำเย็นสามารถซื้อเครื่องทำน้ำร้อนมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ค่ะ

กระจกเงาที่ได้ จะมีช่องเก็บของซ่อนด้านหลัง และมีเซนเซอร์ด้านล่างใช้มือเลื่อนผ่านเพื่อเปิด-ปิด ไฟส่องสว่างที่กระจกได้ค่ะ

ส่วนสุขภัณฑ์ จาก Cotto ซึ่งเป็นระบบฝารองนั่งอัตโนมัติ ระยะที่นั่งสามารถนั่งได้สบายๆ

พื้นที่อาบน้ำกั้นฉากกั้นกระจกมาให้ กว้างประมาณ 1.30 x 0.90 เมตร ยืนอาบได้สบายๆ

ชุดฝักบัวมี Rain Shower และฝักบัวสายอ่อน จาก Cotto เช่นกันค่ะ ส่วนด้านข้างมีชั้นวางสบู่, แชมพูมาให้ 1 จุด

ฝั่งตรงข้ามเป็นอ่างอาบน้ำมีชุดฝักบัวแยกมาให้สามารถอาบน้ำได้พร้อมกัน 2 คนเลย

อ่างอาบน้ำและชุดฝักบัวที่ได้รองรับระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น จาก Cotto เช่นกันค่ะ

สวิตช์ไฟจาก Somfy เป็นระบบสัมผัสและสามารถสั่งการผ่าน Smartphone ได้

ห้องต่อมาเป็นห้อง 2 Bedroom 1 Bath ขนาด 50.50 ตารางเมตร จุดเด่นคือเป็นห้องหน้ากว้าง ภายในแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน เข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่ Common Area โล่งเป็นส่วนรับประทานอาหารวางโต๊ะรับประทานอาหาร 4 ที่นั่งสบายๆ และห้องนั่งเล่น เชื่อมต่อกับระเบียงมองเห็นวิวได้กว้าง ส่วนห้องอื่นๆแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งขวามีห้องครัวสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ และมีห้องนอนเล็กติดกับระเบียง ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นห้องนอน Master Bedroom สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ เข้าห้องน้ำได้ทั้ง 2 ทาง (Double Access) จากทั้งห้อง Master Bedroom และ Common Area ค่ะ

ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่เป็นครอบครัวเริ่มต้น 2-3 คนที่ชอบห้องหน้ากว้างมองเห็นวิวคลอง และชอบห้องที่แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ได้พื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวกว้าง เป็นต้น

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วน Common Area ก่อนค่ะ ซึ่งจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่นและระเบียง ค่อนข้างสว่างเพราะมีช่องแสงสูงจากพื้นถึงฝ้าเลยค่ะ ห้องนี้จะได้พื้นเป็นลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. และความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.70 เมตรเช่นกัน

หันกลับมาดูด้านหน้าห้องกันบ้าง เมื่อเข้าห้องมาทางขวามือจะมีตู้เก็บของ Built-in มาให้ ถัดไปเป็นห้องน้ำ และฝั่งซ้ายมือเป็นห้องครัวค่ะ

ตู้เก็บของมีหน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้เข้ากับครัว และเฟอร์นิเจอร์ Built-in อื่นๆ ตรงกลางจะมีช่องสำหรับวางของตกแต่งหรือของที่หยิบใช้บ่อยๆ ด้านล่างเหมาะกับวางรองเท้า ข้างๆมีที่แขวนสำหรับเก็บร่ม หรือเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดได้

พื้นที่โต๊ะรับประทานอาหารวางได้ 4 ที่นั่งจะเป็นทรงกลมหรือเหลี่ยมก็ได้ค่ะ

พื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่ใกล้กับห้องครัว ซึ่งจะได้เป็นครัวปิดมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนเปิดได้กว้าง และช่วยให้กลิ่นไม่ฟุ้งกระจายเวลาเราทำอาหารค่ะ

ห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ Built-in เป็นรูปตัว L มีพื้นที่วางตู้เย็นด้านข้าง และมีพัดลมระบายอากาศมาให้เหมือนกับในห้อง 1 Bedroom ค่ะ

หน้าบานตู้ครัวปิดผิวด้วย Thermal Laminate กันน้ำมี Soft Close มาให้ และมีช่องเก็บของหลายช่องค่ะ

บนเคาน์เตอร์จะได้อ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้า 2 หัวจาก MEX มีราวแขวนและชั้นวางจานเช่นกัน แต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือได้ไมโครเวฟมาให้ด้วยค่ะ

ช่องเก็บของมีชั้นวางจานมาให้เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้านล่างมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้า  ส่วนตู้ด้านล่างอ่างล้างจานจะมีถังขยะติดตั้งมาเรียบร้อย

ถัดจากห้องครัวมาดูห้องน้ำกันบ้างค่ะ ห้อง Type นี้จะไม่ได้อ่างอาบน้ำนะคะ ส่วนรายการวัสดุต่างๆจะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลย

ห้องนี้สามารถเข้าใช้งานได้ 2 ทาง คือทาง Common Area และห้อง Master Bedroom พื้นปูกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อน ทำความสะอาดง่าย

อ่างล้างหน้าเป็นเคาน์เตอร์ Built-in สีฟ้าอมเขียวจาก Cotto ก๊อกน้ำรองรับระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น ส่วนกระจกจะได้เป็นบานยาว มีช่องเก็บของซ่อนด้านหลัง และมีเซนเซอร์ด้านล่างใช้มือเลื่อนผ่านเพื่อเปิด-ปิด ไฟส่องสว่างที่กระจกได้ค่ะ

สุขภัณฑ์ระบบฝารองนั่งอัตโนมัติ จาก Cotto

พื้นที่อาบน้ำกั้นฉากกั้นกระจกมาให้ กว้างประมาณ 1.10 x 0.90 เมตร ยืนอาบได้พอดีๆ ผนังด้านข้างมีช่องวางของมาให้เก็บสบู่, แชมพูต่างๆได้ค่ะ

ชุดฝักบัวมี Rain Shower และฝักบัวสายอ่อน จาก Cotto  ส่วนด้านข้างซ้ายมือมีชั้นวางสบู่, แชมพูมาให้ 1 จุด

ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่น สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งและโต๊ะกลางได้ไม่อึดอัดค่ะ มีระยะดู TV ประมาณ 2.8 เมตร เหมาะกับวาง TV ขนาดประมาณ 32-40 นิ้ว และมีระบบ Home Automation มาให้ทั้ง Somfy สั่งการผ่าน Smartphone และระบบ Google Assistant ให้เช่นกันค่ะ

ประตูห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงเป็นบานเลื่อนเปิด 3 ตอน กระจกใสกรอบบานอลูมิเนียมสีดำความสูงจากพื้นจนเกือบถึงฝ้าเพดานทำให้แสงเข้ามาภายในห้องได้เยอะ และมองเห็นวิวได้กว้างค่ะ

ระเบียงก็คง Concept มีรูปแบบเป็นทรงโค้ง พื้นระเบียงเป็นทรายล้างและมีกระเบื้องวางเป็นแนวมาให้ ได้ความรู้สึกเหมือนกับรีสอร์ท ข้อดีทำให้รูปด้านอาคารดูมีมิติมากขึ้นแต่ก็จะแลกกับส่วนด้านกว้างอาจจะน้อยลงหน่อยค่ะ

พื้นที่สามารถออกมายืนมองวิวได้สบายๆ เพราะซ่อนพื้นที่เก็บ Condensing Units ไว้ด้านหลังระเบียงค่ะ

มาดูห้องนอนกันบ้างเริ่มที่ห้องนอนรองกันก่อน ห้องนี้มีขนาดประมาณ 2.60 x 2.50 เมตร เหมาะกับวางเตียงขนาด 3.5-5 ฟุต สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานที่เป็นส่วนตัวได้ค่ะ ห้องนี้จะได้ระเบียงส่วนตัวและได้แสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง

พื้นที่ระเบียงส่วนหนึ่งจะกั้นเป็นส่วน Condensing Units มีระแนงบังสายตาและเปลี่ยนทิศทางลมมาให้ทำให้บริเวณระเบียงไม่ร้อนค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้ ด้านข้างสามารถตั้งชั้นวางของหรือกระถางต้นไม้ตกแต่งได้

ตัวตู้เสื้อผ้ามีบานเปิด 2 ฝั่ง และกระจกเงามาให้ ภายในมีลิ้นชักและช่องเก็บของแยกให้ค่ะ

ส่วนห้อง Master Bedroom จะมีขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ที่ 4.60 x 2.70 เมตร สามารถวางเตียงใหญ่ 6 ฟุตได้ ห้องนี้จะได้ช่องเปิดกว้าง มองเห็นวิวได้ชัดเจน เหมือนกับบริเวณห้องนั่งเล่นในห้อง 1 Bedroom ที่ผ่านมาค่ะ

เตียงนอนมีพื้นที่ด้านข้างเดินได้สบายๆ ตั้งโต๊ะเล็กข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ

หน้าต่างเป็นบานเปิด 4 บาน มีราวกันตกมาให้ให้บรรยากาศเหมือนพักที่รีสอร์ท และใครที่ชอบนอนอากาศธรรมชาติ น่าจะถูกใจทีเดียวค่ะ

หน้าต่างสามารถเปิดได้ 90 องศาเลย

อีกฝั่งมีทางเชื่อมต่อกับห้องน้ำ ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ค่ะ

ตู้เสื้อผ้าเป็นตู้บานเปิด 3 บานมีกระจกเงาติดตั้งมาให้ ภายในสามารถเปิดไฟด้านข้างได้ และมีช่องลิ้นชักเก็บของมาให้เช่นกันค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

7 MAY 2020

  • 1 Bedroom เนื้อที่ 34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท หรือ 117,352 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom (Fully Furnished) เนื้อที่ 34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.19 ล้านบาท หรือ 123,235 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom วิวคลอง เนื้อที่ 37 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.0 ล้านบาท หรือ 162,162 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom 1 Bath เนื้อที่ 50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.5 ล้านบาท หรือ 170,000‬ บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom 2 Bath เนื้อที่ประมาณ 60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท หรือ 183,333‬ บาท/ตร.ม.

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted (มีโปรโมชัน Fully Furnished)
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินแกรนิต
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • Shuttle Bus ไป BTS อ่อนนุช ทุกๆ 20 นาที
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 67 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการ Kawa HAUS ตั้งอยู่ในพื้นที่ T77 ของแสนสิริ มีความอุดมสมบูรณ์สูง ภายในในระยะที่สามารถเดินได้มีความสะดวกครบครันทั้งร้านอาหาร Community Mall โรงพยาบาลทันตกรรม โรงเรียนนานาชาติ ทางเข้า-ออก  ติดกับบนถนนอ่อนนุช หรือซอยสุขุมวิท 77 ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช ภายนอกโครงการในทำเลนี้ยังเต็มไปด้วยที่พักอาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าและบริการหรือสาธารณูปโภค สาธารณูปการอื่นๆเช่น  สำนักงานเขต, สำนักงานประปา, สถานีตำรวจ, สถานีดับเพลิง รวมถึงโรงเรียน และโรงพยาบาล  ถือว่ามีครบสำหรับความต้องการในการอยู่อาศัย สามารถหาของกินได้ง่าย จาก Hypermarket และ Community Mall หรือห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง เช่น Big C Extra, People Park, Tesco Lotus, Century The Movie Plaza 2 ซึ่งมีทั้งศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ และโรงแรม, ตลาดอ่อนนุช เป็นต้น หรือถัดออกไปเพียง 2 สถานีก็จะถึง Gate way เอกมัย, Major เอกมัย และท้องฟ้าจำลองค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าสะดวกเนื่องจากสามารถออกถนนได้ 2 ทางคือถนนปรีดี พนมยงค์2 และอ่อนนุชขาออกจากถนนสุขุมวิทไปยังประเวศสะดวกแต่ก็สามารถกลับรถเข้าเมืองผ่านทางถนนสุขุมวิทได้  แต่ก็อาจจะต้องเผื่อเวลาเล็กน้อยเนื่องจากการจราจรหนาแน่นตามเวลาเร่งด่วนนะคะ โครงการใกล้ทางด่วน 2 เส้นทาง คือ ทางด่วนเฉลิมมหานคร อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 62  สามารถไปออก พระราม9, รัชดา, รามอินทรา, แจ้งวัฒนะ หรือดาวคะนองได้ และ ทางด่วนฉลองรัช จุดขึ้นทางด่วนอยู่ที่ด่านพระโขนง สามารถออกจากโครงการไปยังถนนปรีดี พนมยงค์2 เพื่อขึ้นทางพิเศษได้สะดวกมากๆ สามารถใช้ไปยังรามอินทรา, ลาดพร้าวได้

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

สำหรับคนที่ใช้รถสาธารณะก็ถือว่าสะดวกเช่นกัน จากโครงการสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนสถานีอ่อนนุชได้ระยะทางประมาณ 1.60 กิโลเมตร มีรถกอล์ฟรับส่งไปด้านหน้า T77 และมีรถ Shuttle รับส่งจากด้านหน้าโครงการ T77 ไปสถานี ประมาณทุกๆครึ่งชม. ใครที่ไม่อยากรอก็สามารถนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือ Taxi หน้า T77 ได้เลย มีรถสาธารณะวิ่งผ่านอยู่ตลอดทั้งวันค่ะ

วัสดุ :

โครงการ Kawa HAUS ขายแบบ Fully Fitted ได้ชุดครัว พร้อมอ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้า 2 หัวจาก MEX ตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า Built-in หน้าบานลามิเนตลายไม้ และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ จาก Cotto รองรับระบบน้ำร้อน – น้ำเย็น พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. จุดเด่นอยู่ที่ความสูงจากพื้นถึงฝ้าสูง 2.70 เมตร ซึ่งถือว่าสูงกว่าโครงการ Low Rise ทั่วไปค่ะ และภายในห้องยังได้หน้าตาบานเปิดกว้าง 90 องศา ให้ความรู้สึกเหมือนรีสอร์ท เปิดรับลมและมองเห็นวิวได้กว้าง ภายในห้องยังได้ ระบบ Home Automation มาให้ทั้ง Somfy สั่งการผ่าน Smartphone และระบบ Google Assistant สั่งการด้วยเสียงเปิดเพลง, TV ค่ะ

การออกแบบ :

การออกแบบโครงการใช้แนวคิด Living as a part of Nature ออกแบบให้เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท เหมาะกับที่ตั้งอยู่ริมคลองพระโขนง พื้นที่กว่า 6 ไร่ และมีที่ดินติดกับคลองยาวถึง 150 เมตร เข้ากับชื่อโครงการ Kawa ที่แปลว่าสายน้ำ พื้นที่ส่วนกลางมีมาให้หลากหลายมีต้นไม้ใหญ่ปลูกทั่วทั้งโครงการทำให้ดูร่มรื่นเหมาะกับการพักผ่อน น่าใช้งานเหมือนกับรีสอร์ทจริงๆ

ส่วนห้องพักอาศัยมีจุดเด่นที่ห้องขนาดใหญ่จะได้หน้ากว้างมองเห็นวิวคลองได้ชัดเจน เน้นพื้นที่ระเบียงโค้งมีที่มาจากลำไม้ไผ่ พื้นที่ด้านในแบ่งสัดส่วนการใช้งานชัดเจน ได้พื้นที่ครัวปิดสามารถทำอาหารได้จริง และได้พื้นที่ Common Area กว้างเหมาะกับคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกันในครอบครัวค่ะ

สาธารณูปโภค :

สาธารณูปโภคภายในโครงการถือว่าให้มาเยอะทีเดียวค่ะ โดยเน้นไปที่พื้นที่พักผ่อนตามแนวคิดแบบรีสอร์ท ตั้งแต่ห้อง Lobby ที่มองเห็นสวนเล่นระดับได้ มีห้อง Co-Pantry และ Co-Working Space และพื้นที่ปลูกผัก Backyard มี Fitness และ Lounge และลาน Bar B Q มองเห็นวิวคลองได้ชัดเจน เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำที่เป็น Free Form แยกเป็นสระย่อยๆหลายสระมีมุมที่เป็นส่วนตัว โดยรวมเหมาะสมกับจำนวนยูนิตและดูสวยงามทีเดียวค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 150,000 บาท/ตร.ม., 7 MAY 2020

  • ทำเล 7.75/10 – อยู่ใน T77 สงบ ปลอดภัย แต่เข้าซอยลึกไปหน่อย
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทานสะดวกเข้า-ออกได้ 2 ทาง ใกล้ทางด่วน
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มีรถรับ-ส่ง BTS อ่อนนุช หาของกินในระยะเดินได้
  • วัสดุ 7.75/10 – Fully Fitted กระจกบานสูงได้ Home Automation
  • แบบ 8.5/10 – ออกแบบสไตล์รีสอร์ท บรรยากาศดี
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาค่อนข้างเยอะ หลากหลายน่าใช้

  • HIGH CLASS
  • 7.93 / 10.00

BOTTOM LINE

Kawa HAUS เหมาะกับคนที่ต้องการอยู่ใน Community ของ T77 ใกล้โรงเรียนนานาชาติและแหล่งความอุดมสมบูรณ์ อยู่ในทำเลที่เดินทางได้สะดวก ชอบคอนโดฯริมน้ำ บรรยากาศดีเหมาะกับการพักผ่อน และชอบพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนพื้นที่ Common Area เน้นห้องนั่งเล่นกว้างเห็นวิวได้ชัดเจน ชอบทำครัว มีงบประมาณระดับ 4 – 12 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 28,000 – 84,000 บาท/เดือน


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving