.. สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วสำหรับ blue Sukhumvit 89 (บลู สุขุมวิท 89) จาก Grand Unity ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการน้องเล็กสุดแห่งที่ 3 ในตระกูล blue คอนโดแบรนด์ใหม่ของเค้าแล้วนะครับ โดยจะเป็นโครงการที่มีทำเลอยู่ใจกลางเมืองมากที่สุด เหมาะกับคนที่เน้นใช้รถไฟฟ้าเดินทางเป็นหลัก และยังคงคอนเซ็ปต์การใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Adaptive Function ที่เป็นเอกลักษณ์เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งจุดเด่นต่างๆของโครงการก็จะมีดังต่อไปนี้

  • ทำเลโซนอ่อนนุชที่อุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย ใกล้รถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช และ BTS บางจาก ในระยะเดินถึงได้ 500 – 600 m.
  • ห้องพักหน้ากว้าง บรรยากาศโปร่งโล่ง มี 3 แบบ 3 ขนาดให้เลือก เน้นเป็น 1 Bedroom ที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน
  • ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ โดยจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบ Adaptive Function ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายตามต้องการ
  • กระจายฟังก์ชันส่วนกลางไว้ทั้ง 2 อาคาร และต่อเนื่องกันถึง 4 ชั้น แต่ก็สามารถแบ่งโซนการใช้งานกันได้ดี

ข้อมูลโครงการ

blue Sukhumvit 89 (บลู สุขุมวิท 89) ณ วันที่ 5 มกราคม 2567

 ชื่อโครงการ   blue Sukhumvit 89 (บลู สุขุมวิท 89)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด
 SEGMENT CLASS   UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ซอย สุขุมวิท 89 เขต พระโขนง
 ที่ดิน   2 – 2 – 0 ไร่
 ประเภทคอนโด   Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร
 จำนวนยูนิต   328 ยูนิต (แบ่งเป็นอาคารละ 164 ยูนิต)
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   24 ยูนิต
 ที่จอดรถ   ประมาณ 40% รวมซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2021
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   Q4 ปี 2023 (สร้างเสร็จพร้อมอยู่)
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 27.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 35.5 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.5 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  2.49 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ ประมาณ 105,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ https://grandunity.co.th/th/blue-sukhumvit-89
 Call Center  02-652-4000

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • อยู่ในย่านอ่อนนุช-บางจาก ทำเลมีความอุดมสมบูรณ์สูง
  • ใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานีคือ BTS อ่อนนุช และ BTS บางจาก ในระยะเดินถึงได้ประมาณ 500 – 600 m.
  • ทำเลภายในซอยที่มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะแก่การอยู่อาศัย

พิกัด Google Maps : 13.7014379 , 100.6023793
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

‘อ่อนนุช’ นับว่าเป็นย่านทำเลยอดฮิตของทั้ง Developer และคนที่มองหาที่อยู่อาศัย สังเกตได้จากการที่มีโครงการใหม่ๆมาเปิดเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์สูง โดดเด่นทั้งเรื่องอาหารการกิน มีตลาด ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าเยอะมาก อีกทั้งยังมีการเดินทางที่สะดวกสบาย ด้วยรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทเส้นหลักที่สามารถตรงเข้าสู่เมืองได้เลย

จึงทำให้ทำเลนี้เหมาะกับคนที่เน้นการใช้งานรถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ทำงานในเมือง ซึ่งเราจะไม่ต้องปวดหัวกับรถติดของเมืองไทยอีกต่อไป เพราะตัวโครงการ blue Sukhumvit 89 จะอยู่ระหว่าง BTS อ่อนนุช และ BTS บางจาก มีระยะห่างประมาณ 500 – 600 m. และอยู่เข้าไปภายในซอยสุขุมวิท 89 ประมาณ 100 กว่าเมตร จึงยังเป็นระยะที่สามารถเดินถึงได้ แถมบริเวณปากซอยก็ยังมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ และมีเซเว่นให้ใช้บริการอีกด้วย

และนี่ก็ถือภาพบรรยากาศบริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 89 ที่จะมีเซเว่นตั้งอยู่หน้าปากซอย พร้อมกับร้านตามสั่งเล็กๆให้ได้จับจ่ายใช้สอยกันได้

โดยจากปากซอยจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าทั้ง 2 สถานีประมาณ 500 – 600 m. ซึ่งทางเท้าริมถนนจะมีขนาดใหญ่และกว้างมาก จึงสามารถเดินได้สบายๆเลยครับ

นอกจากนี้บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 89 ยังมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้บริการด้วยนะ โดยเราสามารถใช้บริการนั่งไปขึ้น BTS ได้สะดวกในราคา 20 บาท

ส่วนบรรยากาศภายในซอยจะค่อนข้างเงียบสงบครับ เนื่องจากเป็นซอยตันจึงมีความเป็นส่วนตัวกว่าซอยสุขุมวิทอื่นๆในย่านเดียวกัน

แต่บรรยากาศก็ไม่ได้เปลี่ยวจนเกินไป เพราะจะมีร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ บ้านเรือนต่างๆ และออฟฟิศอยู่บ้าง โดยจากปากซอยเดินเข้ามาประมาณ 100 กว่าเมตรก็จะถึงตัวโครงการแล้วครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการจะมีความเป็นส่วนตัวพอสมควรครับ เนื่องจากเป็นทำเลภายในซอยตันที่รถหน้าโครงการจะไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก จะมีก็แค่คนที่อยู่อาศัยหรือทำงานในซอยนี้เท่านั้นที่จะผ่านไป-มา

อาคารรอบๆส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพักอาศัยประเภททาวน์โฮม ดังนั้นห้องที่อยู่ชั้นกลางๆขึ้นไปก็จะไม่ค่อยถูกบล็อควิวมากนัก แต่จะมีอยู่ 2 จุดที่อาจบังวิวห้องบางส่วนเยอะสักนิดนึง คืออาคารของกรมสรรพากรที่อยู่ด้านหน้าฝั่งอาคาร A ที่จะเป็นอาคารสูงขนาดใหญ่เลย

และมีอาคารของโรงเรียนสยามสามไตร ที่อยู่ด้านหลังฝั่งอาคาร B ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ไม่เน้นวิวและไม่ได้อยู่ห้องในช่วงกลางวันอยู่แล้ว เพราะจะไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงหรือความเป็นส่วนตัวจากโรงเรียนเลยครับ

  • ทิศเหนือ : เป็นด้านหน้าของโครงการ ติดกับ ถนนซอยสุขุมวิท 89 และฝั่งตรงข้ามจะเป็นบ้านพักอาศัย กับอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดมากนัก แต่พอจะหันซ้าย-หันขวามองวิวอื่นๆได้อยู่บ้าง

หมายเหตุ : นี่เป็นภาพตัวอย่างของห้องที่ชนกับสำนักงานพอดี แต่ก็ยังมีห้องอื่นๆที่ได้วิวเปิดโล่งเหมือนกัน ลองเลือกดูจากผังโครงการกันได้นะครับ

อีกหนึ่งความพิเศษของห้องทางฝั่งทิศเหนือคือ ห้องส่วนใหญ่จะได้วิวส่วนกลางที่อยู่ชั้น 1 แบบนี้ด้วยครับ ซึ่งก็จะมีให้เลือกทั้งทางฝั่งของอาคาร A เป็นพื้นที่สีเขียว

และอาคาร B จะเป็นสระว่ายน้ำ (ได้ข่าวว่าปัจจุบันห้องที่ได้วิวสระนี้จะเหลือแค่ห้องเดียวแล้วเท่านั้น ใครสนใจก็อาจต้องรีบกันสักหน่อยนะครับ)

  • ทิศใต้ : ติดกับ อาคารพักอาศัยและชุมชนข้างเคียง โดยแนะนำว่าถ้าเป็นชั้น 4 ขึ้นไปก็จะพ้นระยะหลังคาที่ได้วิวเปิดโล่งมากขึ้น แต่ก็อาจมีแดดส่องในช่วงบ่าย-เย็น ทำให้ห้องร้อนกว่าทิศเหนืออยู่สักหน่อยนะครับ

ส่วนวิวของห้องทางฝั่งอาคาร B จะมีบางช่วงที่อยู่ติดกับอาคารเรียนของโรงเรียนข้างๆ จึงเหมาะกับคนที่ต้องทำงานตั้งแต่เช้า-เย็น กลับห้องมาทีก็กลางคืนไปเลย ซึ่งจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียความเป็นส่วนตัวหรือความร้อนในช่วงกลางวันครับ

  • ทิศตะวันออก : ติดกับ  อพาร์ทเม้นท์สูง 4 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ พื้นที่จอดรถของอพาร์ทเม้นท์ข้างๆ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • The Phyll ~ 450 m.
  • Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 650 m.
  • Century Movie Plaza สุขุมวิท ~ 700 m.
  • Big C Extra อ่อนนุช ~ 1.3 km.
  • Habito Mall (T77) ~ 1.9 km.
  • 101 True Digital Park ~ 2 km.
  • One Udomsuk ~ 2.7 km.
  • Gateway เอกมัย ~ 3 km.
  • Central บางนา ~ 6.3 km.
  • Seacon Square ~ 6.9 km.
  • Paradise Park ~ 7.7 km.
  • Mega Bangna ~ 12.7 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.กล้วยน้ำไท 2 ~ 3.1 km.
  • รพ.สุขุมวิท ~ 3.6 km.

โรงเรียน

  • Wells International School ~ 1 km.
  • Anglo-Singapore International School ~ 2.1 km.
  • Berkeley International School ~ 4.2 km.
  • Bangkok Patana School ~ 7.1 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • จัดฟังก์ชันส่วนกลางให้ใช้งานต่อเนื่องในแนวตั้งกันได้ถึง 4 ชั้นทั้ง 2 อาคาร
  • เชื่อมต่อพื้นที่สีเขียวด้านข้างทั้ง 2 อาคารเข้าด้วยกัน จึงทำให้สวนมีขนาดใหญ่น่าใช้งานมากขึ้น
  • มีการกระจายส่วนกลางเอาไว้หลายจุด และแบ่งโซน Activity กันอย่างชัดเจน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่รบกวนกัน และกระจายความหนาแน่นในการใช้งานได้ดี
  • วางผังห้องไซส์ใหญ่ให้สามารถมองวิวสวนและสระว่ายน้ำชั้น 1 สวยๆได้ดี

‘blue’ เป็นคอนโดแบรนด์ใหม่จาก Grand Unity ที่ได้เปิดตัวมาพร้อมกัน 3 ทำเลคือ blue Suhumvit 105blue Phahonyothin 35 และน้องใหม่ที่เปิดสร้างเสร็จเป็นโครงการล่าสุดก็คือ blue Sukhumvit 89 แห่งนี้นั่นเองครับ ซึ่งทำเลนี้จัดว่าเป็นตัวที่อยู่ใจกลางเมืองมากที่สุดเลย โดยจะเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร และมีห้องพักทั้งหมด 328 ยูนิต

Concept ของโครงการคือ “Explore Your Area” สร้างคอนโดที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัยค้นพบความสุขแบบที่ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะว่าภายในโครงการจะมีฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นให้ใช้งานครบ

นอกจากนี้คำว่า blue ที่แปลว่าสีฟ้า ทั้งสีฟ้าจากอิสระของท้องฟ้า และสีฟ้าจากน้ำทะเล ยังได้นำมาเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการออกแบบหน้าตาอาคาร ทำให้เกิด Facade ภายนอกที่มีลักษณะเส้นโค้งเว้าเหมือนคลื่นน้ำแบบนี้ด้วยครับ

ผังโครงการบริเวณชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมดประมาณ 40% แบบรวมจอดซ้อนคัน รวมถึงจะมีพื้นที่สีเขียวที่ยาวต่อเนื่องกันทั้ง 2 อาคาร จึงทำให้มีขนาดใหญ่และน่าใช้งานมากขึ้น ซึ่งบริเวณด้านในสุดจะเป็นสระว่ายน้ำที่ฝั่งอาคาร B จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน รวมถึงยังมี Lobby แยกกันทั้ง 2 อาคารด้วยครับ

ทางเข้าโครงการจะมีป้อม รปภ. อยู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องติดต่อเพื่อแลกบัตรกับพี่ยามก่อนนะครับ

จากนั้นก็สามารถจอดรถที่ช่องจอด Visitor บริเวณด้านหน้านี้ได้เลย โดยไม่ต้องขับรถเข้าไปด้านในให้ลูกบ้านเสียความเป็นส่วนตัว

ส่วนถ้าเป็นลูกบ้านก็จะสามารถขับรถเข้ามาได้เลย โดยจะเข้า-ออกด้วยระบบ Bluetooth ได้สะดวก และที่จอดรถส่วนใหญ่จะเป็นแบบในร่มใต้อาคารครับ

ส่วนทางเข้าอาคารก็จะมีประตูให้เดินเข้าสู่ Lobby ได้เลยทั้ง 2 อาคาร ซึ่งจะทำเป็นทางลาดให้สามารถเข็นรถขึ้น-ลงได้สะดวก

นอกจากนี้ยังมีช่องจอด EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้ใช้งานบริเวณอาคาร A อีก 1 ช่องด้วยครับ

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับโถงทางเดิน ที่มีทั้งห้องน้ำ / Lundry และ Mail Room ให้ใช้งาน

ส่วนถ้าเราเดินต่อมาตามโถงทางเดิน ก็จะเชื่อมต่อกับ Lobby ซึ่งจะสามารถใช้รับรองแขกหรือนั่งเล่นพักผ่อนได้ครับ

บรรยากาศภายในเรียกได้ว่าดีทีเดียว ซึ่งจะมีชุดโซฟาให้ได้นั่งชมวิวสวนภายนอกได้เต็มที่แบบนี้เลย ทำให้ดูแล้วรู้สึกสดชื่นและร่มรื่นดีนะครับ

ส่วนทางเข้าโถงลิฟต์จะมีประตูกระจกกั้นแยกเอาไว้ โดยจะต้องใช้ Key Card Access หรือ Face Scan เข้า-ออก เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย รวมถึงยังมีรถเข็นสำหรับขนของให้ยืมใช้อีกด้วย

พาออกมาดูสวนสีเขียวที่อยู่ด้านนอกกันบ้างครับ ซึ่งจะมีทางเดินที่ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาเอาไว้ ให้เราสามารถเดินเล่นพักผ่อนกันได้

โดยบริเวณสวนฝั่งของอาคาร A จะมีจุดที่เรียกว่า Garden Walkway เป็นพื้นที่เล่นระดับให้เราสามารถมานั่งเล่นหรือเดินเล่นบริเวณนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีการทำรั้วรอบโครงการไว้ 2 แบบคือ ถ้าเป็นบริเวณทางเดินปกติเค้าจะทำเป็นรั้วโปร่งเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี ทำให้มีลมพัดผ่านเย็นสบาย

ส่วนถ้าเป็นบริเวณจุดนั่งเล่นที่ใช้เวลานานๆ จะทำเป็นบล็อคแก้วเพื่อช่วยพรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากคนที่ผ่านไป-มาด้านนอกครับ

บริเวณสุดทางเดินของสวนจะมีประตูเหล็กกั้นไว้ โดยจะเข้า-ออกได้ด้วยการใช้ Key Card Access สำหรับลูกบ้านเท่านั้น เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง

ซึ่งเราอาจใช้ประตูนี้เป็นทางลัดในการเดินเข้า-ออกโครงการได้ด้วยนะ หรือจะสามารถออกไปรับ Visitor ที่นั่งแท็กซี่/ขับรถมาจอดที่ด้านหน้าก็ได้ครับ

อีกด้านหนึ่งของสวนจะเป็นทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังอาคาร B ซึ่งระหว่างอาคารจะมีจุดให้นั่งเล่นพักผ่อนอีกจุดหนึ่งที่เรียกว่า Patio Garden โดยจะมีหลังคาให้หลบแดดหลบฝนแบบนี้ได้ด้วย

และถ้าเราเดินมาตามสวนฝั่งอาคาร B ก็จะเป็นทางไปยังสระว่ายน้ำได้ครับ โดยก่อนที่จะขึ้นบันไดไปด้านบน ก็จะมีทางแยกไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านขวาแบบนี้ด้วย

ภายในห้องน้ำแยกชาย-หญิงจะมีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์

โดยเฉพาะโถสุขภัณฑ์ของพื้นที่ส่วนกลางทั้งโครงการ (รวมถึงใน Lobby และชั้นบนๆด้วย) จะใช้เป็นโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติทั้งหมดเลย ถือว่าใช้ของแพงเลยทีเดียว เพราะปกติผมไม่ค่อยเจอในโครงการ Segment นี้เท่าไหร่นัก

มาต่อกันที่บริเวณริมสระจะมีเก้าอี้หวายให้เรามานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ รวมถึงด้านข้างจะมี Shower ให้ล้างตัวก่อนลงสระได้ด้วยครับ

นอกจากนี้ยังมีจุดให้เราได้นั่งเล่นอีก 2 จุดคือ Sunken ริมสระ ที่จะเป็นพื้นลดระดับลงไปให้เราได้นั่งเล่นในระดับเดียวกับผิวน้ำได้ครับ หรือถ้าเราอยากนั่งแช่ในน้ำเลย ก็จะมีมุมนั่งเล่นแบบส่วนตัวด้านข้างสระให้ใช้งานด้วย

ส่วนสระว่ายน้ำหลักจะมีขนาด 3.5 x 15 m. โดยจะเป็นสระแบบกลางแจ้งที่หลบมุมมาอยู่ด้านในสุดของโครงการ จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานค่อนข้างดีเลย

อีกทั้งตอนช่วงบ่าย-เย็นก็จะได้ร่มเงาของตึกมาช่วยบังแดดให้ด้วย ทำให้สามารถมาใช้งานได้เกือบตลอดทั้งวัน รวมถึงตรงปลายสระจะมี Sculpture ให้มานั่งเล่นหรือถ่ายรูปเล่นกันได้ครับ

แปลนอาคารชั้น 2 – 3 จะเป็นชั้นพักอาศัยและ Facilities อยู่ในชั้นเดียวกัน โดยที่จะมีประตูแยกโซนออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการอยู่อาศัย

ซึ่งถ้าใครที่ชอบใช้งานฟังก์ชันไหนอยู่เป็นประจำ ก็อาจเลือกห้องที่อยู่ชั้นเดียวกันได้นะครับ จะได้เดินมาใช้งานได้สะดวกเลย นอกจากนี้ Facilities ของทั้ง 2 อาคาร จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยคือ

  • อาคาร A จะเป็น Working Zone เป็นฟังก์ชันที่มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะกับคนที่ชอบมานั่งทำงาน Work Form Home / อ่านหนังสือ หรือมาประชุมกับเพื่อนบ่อยๆ
  • อาคาร B จะเป็น Active Zone เป็นฟังก์ชันออกกำลังกายที่เหมาะกับคนรักสุขภาพ

Facilities Building A : Working Zone

การขึ้นไปใช้งาน Facilties บนชั้น 2 หรือชั้นอื่นๆของอาคาร สามารถขึ้นไปได้ด้วยลิฟต์โดยสารก่อนหน้านี้ หรือจะเดินขึ้นบันไดวนนี้ก็ได้ครับ

เมื่อขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับ Co-Working Space ที่ประกอบด้วยโต๊ะเก้าอี้แบบปกติ และโต๊ะทรงสูงเหมือนคาเฟ่ ที่ให้ความรู้สึกสบายๆ

โดยที่โต๊ะจะมีปลั๊กไฟให้ใช้งานสะดวกด้วยครับ ส่วนวิวด้านนอกเราจะมองเห็นห้อง Fitness ที่อยู่อาคาร B ฝั่งตรงข้ามได้นะ

นอกจากนี้ที่ชั้น 2 ก็ยังมีฟังก์ชันอื่นๆให้เราได้ใช้งานด้วย โดยบริเวณด้านข้างของบันไดทางขึ้นในตอนแรกจะมี Smart Locker ให้ใช้งานฝากของกัน

รวมถึงยังมีห้องนิติบุคคลให้ลูกบ้านมาติดต่อธุระต่างๆได้ด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งที่อยู่หลังบันไดทางขึ้นชั้น 3 จะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้ใช้งานครับ

ขึ้นมาบนชั้น 3 ก็จะยังเป็น Co-Working Space ให้ใช้งานเช่นเดิม แต่จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่และมีจำนวนที่นั่งเยอะมากขึ้น ซึ่งบรรยากาศเหมาะที่จะนั่งทำงานได้อย่างจริงจังตลอดทั้งวันเลยครับ

รวมถึงบริเวณชั้นนี้จะมีสวนเล็กๆให้ออกไปนั่งเล่นพักผ่อน หรือออกไปยืนรับลมกันได้ด้วยครับ เราจึงสามารถมองเห็นผืนหญ้าสีเขียวได้จากภายใน Co-Working Space และทำให้มีบรรยากาศที่สดชื่นมากขึ้นเยอะเลย

อีกจุดหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบก็คือ บริเวณนี้จะเป็นฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ที่เชื่อมต่อกับ Co-Working ที่อยู่บนชั้น 4 จึงทำให้มีบรรยากาศโปร่งโล่ง และสามารถเดินขึ้นไปได้ด้วยบันไดวนครับ

ขึ้นมาบนชั้น 4 เราจะเจอกับโต๊ะตัวใหญ่ที่สามารถนั่งทำงานกลุ่ม หรือประชุมร่วมกันได้หลายๆคน จึงอาจเรียกได้ว่าเป็น Meeting Zone ก็ได้ครับ

Facilities Building B : Active Zone

ถัดมาที่อาคาร B เริ่มจากบริเวณ Lobby ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume จึงมีความสว่างโปร่งโล่ง และมองเห็นพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ดีมากขึ้น รวมถึงภายในยังมีห้องน้ำ / Laundry และ Mail Room ให้ใช้งานได้เช่นเดิม

นอกจากนี้ยังมีบันไดวนให้สามารถเดินเชื่อมต่อ Facilities ตรงขึ้นได้ไปจนถึงชั้น 4 ได้เลยครับ (ต่างจากอาคาร A ที่บันไดจะไม่ได้อยู่ตรงกันทั้งหมดแบบนี้)

ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับ Fitness ซึ่งจะเป็นโซนสำหรับ Cardio ประกอบด้วยลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยาน ที่สามารถใช้งานพร้อมๆกันได้ 5 คนเลย

และอย่างที่รู้กันว่าช่องแสงนี้ จะไม่ได้มีวิวอะไรให้มองเป็นพิเศษ นอกจากอาคาร A ฝั่งตรงข้าม ดังนั้นลู่วิ่งของทางโครงการจึงมีหน้าจอ Digital ให้เราสามารถดูหนังฟังเพลงเพลินๆ ในระหว่างออกกำลังกายได้ครับ

ถัดขึ้นมาบนชั้น 3 จะเป็นโซน Weight Training สำหรับคนที่อยากเพิ่มกล้ามเนื้อ และชั้น 4 จะเป็น Yoga Zone ที่เราสามารถมาเล่นโยคะหรือออกกำลังกายอื่นๆได้ครับ

โดยชั้นส่วนกลางในแต่ละชั้น จะมีประตูที่กั้นแยกกันระหว่างโถงลิฟต์ กับโถงทางเดินหน้าห้องพักอาศัยแบบนี้เอาไว้ด้วยครับ

ซึ่งจะเข้า-ออกด้วย Key Card Access สำหรับลูกบ้านที่พักอยู่ในชั้นนั้นๆเท่านั้นจึงจะผ่านเข้าไปได้ เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการอยู่อาศัยนั่นเอง

แปลนชั้น 5 – 6 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor โดยจะมีเพื่อนบ้านสูงสุดอยู่ที่ 24 ยูนิต/ชั้น/อาคาร ซึ่งห้องทางทิศเหนือส่วนใหญ่จะเป็นห้องไซส์ใหญ่อย่าง 1 Bedroom 27.5 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus 35.5 ตร.ม. ที่จะสามารถก้มมองเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้น 1 ได้ด้วย

ส่วนห้องที่อยู่ทางทิศใต้ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นห้องไซส์เล็ก 1 Bedroom 24 – 27.5 ตร.ม. ซึ่งจะมีราคาจับต้องได้ง่ายมากขึ้น เหมาะกับคนที่อาจมีงบประมาณจำกัด แต่ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ ผมก็แนะนำให้เป็นห้องที่อยู่ในกรอบสีแดงเลยครับ เพราะจะเป็นห้องที่ไม่มีผนังติดกับเพื่อนบ้านเลยนั่นเอง

แปลนชั้น 7 – 8 จะเป็นอีกโซนหนึ่งที่มี Facilities ให้ใช้งานด้วยครับ โดยจะเป็น Private Theater Room ที่จะมีแยกให้ใช้งานอยู่ทั้ง 2 อาคารเลย

ภายในห้อง Private Theater Room จะมีลักษณะของพื้นที่นั่งเป็นอัฒจรรย์แบบขั้นบันได ที่เราสามารถใช้นั่งดูหนัง ซีรีย์ หรือดูฟุตบอลร่วมกันกับเพื่อนๆหลายๆคนได้ โดยการใช้งานจะต้องมีการ Booking จองเอาไว้ก่อนเท่านั้นนะครับ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน

สุดท้ายที่อยากพามาให้ชมกันก็คือ Pocket Garden ตรงระเบียงสีส้มๆของโครงการ จะเป็นพื้นที่บริเวณบันไดหนีไฟครับ ซึ่งจะช่วยทำให้ Facade มีความสวยงามโดดเด่น และดูสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1 (อาคาร A + B)

  • Lobby
  • Smart Locker
  • Laundry
  • Mail Room

Outdoor Facilities

  • EV Charger
  • Garden Walkway
  • Patio Garden
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร (Lap Pool 3.5 × 15 เมตร)

Facilities อาคาร A

  • Juristic Room (ชั้น 2)
  • Co-Working Space (ชั้น 2 – 3)
  • Meeting Zone (ชั้น 4)
  • Private Theater Room (ชั้น 7)

Facilities อาคาร B

  • Fitness Room (ชั้น 2 – 3)
  • Yoga Room (ชั้น 4)
  • Private Theater Room (ชั้น 7)

ระบบรักษาความปลอดภัย

  • การเข้า-ออกโครง Keycard Access Control + CCTV + Face Scan
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 82 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 82 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 82 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 40 % (รวมจอดซ้อนคัน)

 

แบบห้อง

Highlights :

  • หน้าหน้ากว้าง บรรยากาศภายในสว่างโปร่งโล่ง เพราะกั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ แต่ก็มีความเป็นสัดส่วนดีทีเดียว
  • ได้ครัวปิดทุกแบบ ทำให้สามารถทำอาหารได้จริงจัง และยังเปิดระบายอากาศผ่านทางระเบียงได้ด้วย
  • ขายแบบ Fully Furnished ได้สุขภัณฑ์แบบ Adaptive Function ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย

สำหรับห้องพัก blue Sukhumvit 89 จะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ 3 ขนาด โดยส่วนใหญ่จะเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom สำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน และยังมีห้อง 1 Bedroom Plus เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่อาจมีการอยู่เป็นครอบครัว 3 คน หรือต้องการห้องอเนกประสงค์อีกห้องไว้ใช้สอยอื่นๆได้นั่นเองครับ ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 27.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 35.5 ตร.ม.

Adaptive Function Furniture :

แต่ความน่าสนใจของห้องพักจริงๆก็คือ ลักษณะการขายแบบ Fully Furnished ที่ไม่ใช่แค่ให้เฟอร์นิเจอร์ทั้งลอยตัวและบิ้วท์อินมาครบทั้งห้องเท่านั้น แต่ยังเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบ Adaptive Function ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานในตัวเองได้ (หรือที่รู้จักกันดีคือ Multi-Function) จึงช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย และเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดีเลยทีเดียว ได้แก่

  • โซฟา ที่มีช่องเก็บของซ่อนอยู่ใต้เบาะที่นั่ง
  • โต๊ะอเนกประสงค์หน้าทีวี ที่ปรับการใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
  • เก้าอี้สตูล ที่ใช้นั่งทานข้าวก็ดี มีช่องให้เก็บของข้างใต้ รวมถึงยังใช้เป็นโต๊ะวางของก็ได้
  • โต๊ะอเนกประสงค์หลังพนักพิงโซฟาที่สามารถพับเก็บได้ตามต้องการ
  • ที่เก็บของใต้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต
  • อ่างล้างจานแบบมีฝาครอบปิด ช่วยเพิ่มพื้นที่ทำอาหารบนเคาน์เตอร์ได้ดี

ห้องแรกที่พามาชมจะเป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ มีจุดเด่นคือ การกั้นฟังก์ชันห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ตรงกลาง ซึ่งช่วยทำให้มีความเป็นสัดส่วนและสว่างโปร่งโล่งในเวลาเดียวกัน

เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Living Area ที่ในเวลาปกติเราจะสามารถเปิดประตูกระจก เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่กับห้องนอนให้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้นได้

ส่วนฟังก์ชันใช้งานอื่นๆอย่าง ห้องน้ำและครัวจะอยู่แยกออกไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงที่สามารถเปิดระบายอากาศได้โดยตรง จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ชอบบรรยากาศโปร่งโล่งกว้างขวาง และอาจเป็นคนที่ชอบทำอาหารด้วยก็ได้ครับ

และนี่ก็คือรายการเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้ของห้องนี้ ถือว่าให้มาครบพร้อมใช้งาน สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย (ขนาดและจำนวนเฟอร์นิเจอร์ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแบบห้อง สอบถามรายละเอียดอีกครั้ง)

ประตูทางเข้าจะเป็นไม้บานทึบพร้อมช่องตาแมว และติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐาน เข้า-ออกด้วยรหัสผ่าน บัตรคีย์การ์ด และลายนิ้วมือ

จุดที่ต้องสังเกตคือ พื้นในห้องจะอยู่ระดับเดียวกับโถงทางเดินด้านนอก และจะมีเพียงขอบบัวเล็กๆกั้นเอาไว้ ซึ่งเวลาที่แม่บ้านทำความสะอาดอยู่ด้านนอก ก็อาจมีเศษฝุ่นหลุดเข้ามาได้ง่าย แนะนำให้ติดเป็นที่กันฝุ่นตรงประตูเพิ่มก็จะช่วยได้ครับ

เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Living Area ที่จะได้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างด้านใน จึงมีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งดีทีเดียว (ได้ฝ้าเพดานสูง 2.5 m. และปูพื้นไม้ลามิเนตเป็นมาตรฐาน)

ระยะดูทีวีกว้าง 2.65 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้สบายๆ รวมถึงยังมีพื้นที่เหลือให้เราวางโต๊ะกลางเพิ่มเติม เพื่อจะได้ใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งทำงาน หรือวางของหน้าทีวีได้ครับ

บริเวณด้านข้างประตูจะ Built-in ตู้เก็บรองเท้ามาให้แบบนี้ ทำให้เราสามารถเก็บเข้าตู้ได้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ต้องวางเกะกะหน้าทีวี แถมยังมีกระจกเงาให้ส่องความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ด้วยครับ

โซฟาที่ให้มาจะเป็นแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งจะยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้พอจะวางโต๊ะทานอาหาร หรือโต๊ะอเนกประสงค์เพิ่มอีกสักตัวได้พอดีๆ หรือถ้าใครที่ชอบนอนดูทีวีก็ยังมีขนาดกว้างมากพอให้เปลี่ยนเป็นโซฟารูปตัว L ได้ด้วยนะครับ

ติดกันจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ กรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำ และกระจกนิภัยที่ช่วยให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาถึงหน้าห้องได้

โดยเราสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลาที่มีแขกมาหาได้ ด้วยการติดม่านเอาไว้เลื่อนปิดไม่ให้เห็นภายในห้องนอนได้นะครับ

ภายในห้องนอนมีขนาดใช้งานพอดีๆ จุดเด่นคือช่องแสงที่มีขนาดใหญ่เกือบเต็มผนังแบบนี้เลย

โดยหน้าต่างนี้จะมีบานกระทุ้งที่สามารถเปิดระบายอากาศได้แบบนี้ และเนื่องจากที่เป็นบานค่อนข้างใหญ่ จึงออกแบบให้จำกัดระยะการเปิดให้ไม่กว้างมาก เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานครับ

ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตจะมีดีไซน์ที่สามารถเปิดช่องเก็บของด้านล่างได้ด้วย จึงทำให้เราต้องวางเตียงชิดไปทางหน้าต่างสักหน่อย

เพื่อให้มีระยะเปิดลิ้นชักด้านข้าง และสามารถขึ้น-ลงเตียงได้สะดวก ส่วนคนที่นอนอยู่ด้านในก็สามารถลงทางปลายเตียงได้ครับ ซึ่งจะมีระยะให้ยืนแต่งตัวได้ด้วย

ปลายเตียงจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้พร้อมใช้งาน และยังมีผนังด้านข้างเหลือให้ติดทีวีแขวนผนัง หรือจะทำเป็นโต๊ะแต่งหน้าแบบติดผนังเพิ่มก็ได้ครับ

สำหรับห้องครัวจะอยู่แยกออกไปอีกด้านหนึ่ง โดยมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นแยกเอาไว้เป็นสัดส่วน ซึ่งจะช่วยกันกลิ่นจากการประกอบอาหารไม่ให้เข้ามารบกวนด้านใน อีกทั้งยังช่วยให้ไม่ต้องเปลืองแอร์ได้อีกด้วย

พื้นที่ในครัวกว้าง 2.2 x 1.65 m. โดยจะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงยังกว้างมากพอที่จะวางโต๊ะตัวเล็กๆเพิ่มเติมได้อีกด้วยครับ

แต่จุดเด่นของฟังก์ชันนี้จริงๆก็คือ ตำแหน่งที่อยู่ติดกับระเบียงแบบนี้ ซึ่งเราสามารถเปิดประตูเพื่อระบายอากาศได้โดยตรง จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจัง

เคาน์เตอร์ครัวจะ Built-in มาให้เหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นเมลามีน ที่อาจต้องระวังเรื่องความชื้นและความร้อนกันสักนิดนึง

ได้ Hob&Hood ของ Hafele แต่จะไม่ได้มี Backsplash ตรงผนังมาให้นะ รวมถึงยังได้อ่างล้างจานที่มีฝาครอบปิด  ซึ่งจะช่วยทำให้เรามีพื้นที่ประกอบอาหารได้กว้างมากขึ้นครับ

สำหรับระเบียงภายนอกจะมีขนาด 1.65 x 1 m. สามารถออกไปใช้งานได้พอดีๆ โดยระเบียงของโครงการนี้จะมีระแนงสูงที่ช่วยพรางสายตาแบบนี้ให้ทุกห้องเลยครับ

และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า ลักษณะของราวระเบียงจะเป็นทรงโค้งเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตาม Concept ของโครงการ ที่บริเวณ Facade ด้านข้างอาคารจะเป็นทรงคลื่นน้ำที่เห็นในตอนแรกนั่นเอง

ปล. ส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นมา จะไม่ได้ถูกคิดเป็นพื้นที่ใช้สอยของห้องนะครับ แต่สามารถใช้สอยได้ตามปกติ ซึ่งขนาดจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละตำแหน่งของห้องนั้นๆครับ

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งการที่อยู่ตรงกับประตูระเบียงแบบนี้ ทำให้เราสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกัน เพื่อระบายอากาศหรือความชื้นออกสู่ภายนอกได้โดยตรงอีกด้วย

ภายในห้องน้ำจะได้ฟังก์ชันครบตามที่เห็นเลยครับ โดยสุขภัณฑ์จะเป็นของ Hafele และมีขนาดกว้าง 1.45 x 1.35 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

จุดที่ชอบก็คือ เค้าจะมีพื้นที่ให้เก็บของเยอะดีครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้ Built-in ที่อยู่ใต้อ่างล้างหน้า และยังมีพื้นที่ให้วางของตรงผนัง Low Wall ที่ค่อนข้างกว้างดีอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งจะเป็น Shower Box ที่กันด้วยกระจกบานเลื่อนนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้เลยครับ ทำให้เวลาอาบน้ำก็จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาที่ส่วนแห้งได้

ภายในกว้าง 0.9 x 1 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีการเจาะช่องที่ผนังเพื่อให้วางอุปกรณ์อาบน้ำเพิ่มเติมได้นะครับ

รวมถึงยังมี Hand Shower แบบปรับระดับความสูง + Junction ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น และบนฝ้าเพดานยังมีพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วย

แบบห้องนี้จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ซึ่งจะมีแบ่งออกเป็น 2 แบบย่อยด้วยกันครับ โดยห้องตัวอย่างที่จะพามาดูจะเป็น Type B ที่ผนังด้านหลังทีวีจะมีเสากลางห้องเพิ่มขึ้นมา ทำให้ประตูห้องน้ำจะต้องเข้าผ่านทางห้องครัวแทน ข้อดีคือเราสามารถเปิดระบายอากาศผ่านระเบียงได้สะดวกเลย เพียงแต่เวลาจะเข้าห้องน้ำอาจต้องเดินผ่านหลายฟังก์ชันอยู่สักหน่อยครับ

จุดเด่นของห้องนี้คือ เป็นห้องหน้ากว้างที่มี Living Area ขนาดใหญ่ จนเราสามารถแบ่งพื้นที่ด้านหลังโซฟาให้กลายเป็นโต๊ะทานอาหาร หรือพื้นที่อเนกประสงค์เพื่อใช้งานได้สบายๆ รวมถึงพื้นที่ในห้องนอนเองก็ยังมีที่ว่างริมหน้าต่างเหลือ ให้เราวางโต๊ะอเนกประสงค์เพิ่มเติมได้ด้วยครับ ทำให้ห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศห้องหน้ากว้าง และมีพื้นที่ยืดหยุ่นให้ปรับใช้สอยได้ตาม Lifestyle ของเราได้นั่นเอง

และนี่จะเป็นรายการเฟอร์นิเจอร์ที่ได้นะครับ โดยสิ่งที่เพิ่มเติมมาจากห้องไซส์เล็กก่อนหน้านี้ก็คือ โซฟาที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น และมีฟังก์ชันโต๊ะทานอาหารติดอยู่ด้านหลังพนักพิงด้วย รวมถึงเก้าอี้ก็จะมีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตัว เพื่อรองรับครอบครัวที่อาจมีขนาดใหญ่มากขึ้นนั่นเอง

เมื่อเข้ามาภายในก็จะเจอกับจุดเด่นของห้องนี้คือ Living Area ที่มีขนาดใหญ่และกว้างมากๆ ซึ่งจะได้แสงสว่างจากทั้งหน้าต่างภายในห้องนอนและห้องครัว จึงทำให้มีบรรยากาศที่โปร่งโล่งดีทีเดียว

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ บริเวณด้านหลังโซฟาจะมีฟังก์ชันที่สามารถพับกางออกมาเป็นโต๊ะ เพื่อใช้สอยบริเวณด้านหลังได้แบบนี้ครับ

โดยเราสามารถใช้เป็นโต๊ะทานอาหาร หรือโต๊ะนั่งทำงานอเนกประสงค์ก็ได้ ซึ่งจากตำแหน่งนี้เราสามารถมองดูทีวีไปพร้อมๆกันได้ด้วยนะครับ

แต่ถ้าในเวลาที่ไม่ได้ใช้โต๊ะด้านหลังโซฟา เราก็ยังสามารถเลื่อนถอยมาจนชิดผนัง เพื่อเพิ่มระยะดูทีวีให้กว้างมากขึ้นเป็น 3.5 m. และสามารถใช้จอทีวีขนาดใหญ่มากขึ้นเป็น 50 – 60 นิ้วขึ้นไปได้เลยนะ

สำหรับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งนอกจากจะได้ความเป็นสัดส่วนแล้ว ยังช่วยทำให้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่ง และเชื่อมต่อพื้นที่กับ Living Area ทำให้ดูกว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย

ภายในห้องนอนขนาดที่กว้างขวางมากขึ้น จึงทำให้มีพื้นที่รอบเตียงให้ใช้งานเหลือเฟือ

แต่ที่น่าสนใจจริงๆก็คือ เราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่แบบกระจกเข้ามุม Bay Window ที่ช่วยเพิ่มมุมมองให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น

รวมถึงยังมีพื้นที่ริมหน้าต่างเหลือพอให้เราได้วางโต๊ะ เพื่อทำเป็นมุมนั่งทำงานสำหรับคนที่ Work From Home หรืออ่านหนังสือได้ด้วยครับ

มาถึงจุดที่มีความแตกต่างกันระหว่างห้อง Type A กับ B คือ บริเวณผนังด้านหลังทีวีของ Type B จะมีเสาโครงสร้างอาคารเพิ่มขึ้นมา ซึ่งจะส่งผลให้ตำแหน่งของประตูห้องครัวกับห้องน้ำแตกต่างกันออกไป

  • Type A : จะเป็นรูปแบบห้องมาตรฐานที่จะไม่มีเสากลางห้อง และประตูห้องน้ำจะเข้าจากทาง Living Area ได้โดยตรง ทำให้เวลาลุกเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนจะมีความสะดวกมากกว่า และประตูครัวจะได้เป็นกระจกบานเลื่อน จึงทำให้บรรยากาศภายในห้องมีความสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นครับ
  • Type B : จะเป็นตำแหน่งเพียงไม่กี่ห้องที่จะอยู่ตรงกับเสาโครงสร้างพอดี ซึ่งเราสามารถ Built-in ผนังให้เรียบเพื่อซ่อนเสาได้ตามปกติ หรือจะทำเป็นช่องชั้นวางของเพิ่มเติมก็ได้ แต่จุดที่ต่างจาก Type A คือ ประตูห้องน้ำจะย้ายไปเข้าจากทางในครัว เพื่อให้เรามีระยะติดตั้งทีวีกว้างมากขึ้น

และประตูห้องครัวก็จะเปลี่ยนเป็นแบบบานทึบ (มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้เป็นกระจกบานเลื่อนได้ เพราะติดประตูห้องน้ำที่ย้ายตำแหน่งมา) เลยอาจส่งผลให้ความโปร่งโล่งของห้อง Living Area ลดลงเล็กน้อย และการใช้งานห้องน้ำก็จะต้องผ่านหลายฟังก์ชันสักหน่อย

แต่ข้อดีคือ ประตูบานทึบจะช่วยกันกลิ่น/ควันได้ดีมากขึ้น รวมถึงเรายังสามารถระบายอากาศจากห้องน้ำสู่ภายนอกผ่านทางระเบียงได้ดีมากขึ้นอีกด้วยครับ

ภายในห้องครัวมีขนาด 1.65 x 1.55 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ โดยเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคให้ทำความสะอาดง่าย และได้เคาน์เตอร์ครัว Built-in ที่เหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยครับ

ส่วนระเบียงภายนอกจะมีขนาด 1 x 1.75 m. พร้อมกับแขวน Condensing Unit เอาไว้ด้านบน จึงทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ด้านล่างได้อย่างเต็มที่

สุดท้ายคือห้องน้ำที่มีขนาดและฟังก์ชันเหมือนห้องตัวอย่างแรก ได้สุขภัณฑ์จาก Hafele ครบครัน พร้อมทั้งติดตั้ง Shower Box ที่ภายในกว้าง 1 x 0.9 m. ให้งานได้พอดีๆ

เป็นแบบห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ จุดเด่นคือ ‘ห้องอเนกประสงค์’ ที่อยู่ติดกับระเบียง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลายตาม Lifestyle ของผู้พักอาศัย

เช่น เราอาจทำเป็นห้องทำงานอดิเรก หรือปรับเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งก็ได้ จึงทำให้เป็นห้องที่เหมาะสำหรับครอบครัวเริ่มต้นที่อาจมีลูกเล็กๆ หรือคนที่อาจมีพี่น้อง/ญาติมาพักด้วยนั่นเอง

นอกจากนี้ยังคงได้ ‘ครัวปิด’ จึงทำให้สามารถทำอาหารได้จริงจังระดับหนึ่ง เพียงแต่อาจต้องพึ่งเป็นพัดลมดูดอากาศเยอะสักหน่อย เพราะไม่ได้อยู่ติดกับระเบียงเหมือนห้องอื่นๆครับ

และนี่ก็คือรายการเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้ของห้องนี้ หลักๆแล้วเราจะได้โซฟาที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมา ทำให้สามารถนอนดูทีวีได้สบายๆ รวมถึงยังมีโต๊ะทานอาหารเพิ่มเติมมาให้ด้วย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

blue Sukhumvit 89 ราคา ณ วันที่ 5 มกราคม 2567

  • 1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 27.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 35.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปเมลามีน
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
  • ค่าจองและทำสัญญา 5,000 บาท*
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตั้งอยู่ในย่านอ่อนนุชที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง หาของกินง่าย ปากซอยมีร้านตามสั่งและเซเว่นให้อุดหนุน รวมถึงยังมีรถไฟฟ้าให้ใช้เข้าเมืองได้สะดวกอีกด้วย เหมาะกับพนักงานออฟฟิศหรือนักศึกษา ที่เน้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก อีกทั้งยังอยู่ภายในซอยที่มีความเงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากกว่าซอยอื่นๆด้วยครับ

หากพูดถึงโปรดักส์คอนโดที่อยู่ในย่านอ่อนนุช-บางจาก แน่นอนว่ามีความคึกคักและเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ด้วยความที่มีโครงการเกิดใหม่ทุกปีด้วยเหมือนกัน จึงทำให้ยังมีโปรดักส์คงค้างและมีตัวเลือกของผู้บริโภคเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นคอนโด High Rise ติดถนนใหญ่ และคอนโด Low Rise ที่อยู่ภายในซอย

ดังนั้นความน่าสนใจของโครงการ blue Sukhumvit 89 ก็คือ ‘ราคา’ ที่ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ ในทำเลที่เข้าซอยไปไม่ลึก และยังสามารถเดินไปใช้รถไฟฟ้าได้อยู่แบบนี้ แน่นอนว่าเป็นราคาที่จับต้องง่ายกว่า High Rise ที่ติดถนนใหญ่ แต่ถ้าเทียบกับ Low Rise ภายในซอยย่านนี้ ก็ดูจะมีความคุ้มค่าในระดับหนึ่งอยู่เหมือนกัน รวมถึงอาจต้องพิจารณาจากดีไซน์และฟังก์ชันของโครงการนั้นๆร่วมด้วย ว่าเราชอบหรือจะถูกจริตกับที่ไหนมากกว่ากันนะครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : เราสามารถใช้ถนนสุขุมวิทเพื่อเข้าเมืองได้ง่าย รวมถึงยังมีทางด่วนให้ใช้งานได้สะดวกอยู่ไม่ไกลด้วยครับ แต่เนื่องจากตัวโครงการอยู่ทางฝั่งถนนขาออก จึงอาจต้องมีการกลับรถกันสักหน่อย (โชคดีที่อยู่ไม่ไกลจากปากซอย) และเป็นที่ทราบกันดีว่าทำเลนี้จะมีการจราจรที่หนาแน่นในช่วง Prime Time มากๆ ดังนั้นสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงอาจต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเยอะสักหน่อยนะครับ (มีที่จอดรถประมาณ 40% แบบรวมซ้อนคัน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ)

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : มีความสะดวกในการเดินทาง เพราะใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 สถานีคือ BTS อ่อนนุช และ BTS บางจาก โดยอยู่ห่างประมาณ 500 – 600 m. ซึ่งเป็นระยะที่พอจะเดินถึงได้ หรือใครจะใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ก็จะมีให้บริการทั้งตรงปากซอยตอนขาไป และใต้สถานีตอนขากลับด้วยครับ จึงเหมาะกับคนที่เน้นใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง เพื่อเข้าเมืองไปทำงานได้สะดวก และไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดในตอนเช้า-เย็นเลย

การออกแบบโครงการ : แบ่งเป็น 2 อาคาร ความหนาแน่นในการอยู่อาศัยจึงมีไม่เยอะ โดดเด่นที่การจัดวาง Facilities ที่กระจายอยู่ทั่วทั้ง 2 อาคาร เป็นการลดความหนาแน่นในการใช้งานได้ดี และยังสามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้ถึง 4 ชั้นอีกด้วย ซึ่งจะแบ่งโซน Activities ได้อย่างชัดเจนไม่รบกวนกัน ส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัวของชั้นพักอาศัยก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะจะมีประตูกั้นแยกโซนออกจากส่วนกลางกันอย่างชัดเจน

ในด้านของตำแหน่งห้องพักอาศัยจะแบ่งเป็นแต่ 2 ด้านหลักๆ โดยห้องทางทิศเหนือจะเน้นเป็นห้องไซส์ใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวสวน+สระว่ายน้ำสวยๆได้ ส่วนห้องทางทิศใต้จะเน้นเป็นห้องไซส์เล็กที่มีราคาจับต้องได้ง่ายกว่า ซึ่งผมแนะนำเป็นห้องชั้น 4 ขึ้นไป เพราะจะได้วิวที่ค่อนข้างเปิดโล่งครับ ใครชอบห้องแบบไหนก็สามารถเลือกได้ตาม Lifestyle ของตัวเองได้เลย

การออกแบบห้องพักอาศัย : มีให้เลือก 3 แบบ 3 ขนาด เป็นห้องหน้ากว้างที่มีบรรยากาศกว้างขวางโปร่งโล่งดี โดยเค้าจะกั้นฟังก์ชันห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ตรงกลาง ทำให้มีความเป็นสัดส่วน แต่ก็มีพื้นที่เชื่อมต่อถึงกันได้ดี อีกทั้งยังได้ครัวปิดที่มักจะอยู่ติดกับระเบียง จึงสามารถเปิดระบายอากาศและทำครัวได้เต็มที่ครับ

ภาพรวมของโครงการนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน โดยถ้าใครที่อยากมีพื้นที่ห้องยืดหยุ่น ให้สามารถปรับเป็นมุมอเนกประสงค์ได้มากขึ้น ก็แนะนำเป็นห้อง 27.5 ตร.ม. แต่ถ้าใครอยากได้ห้องเล็กที่เป็นสัดส่วนไปเลย ก็สามารถเลือกเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ได้ครับ เพราะสามารถทำเป็นห้องนอนเล็กเพิ่มอีกห้องหนึ่งได้เลยทีเดียว

วัสดุ : ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการ โดยจะขายแบบ Fully Furnished ที่ออกแบบเป็นพิเศษ Adaptive Function ซึ่งนอกจากจะสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายแล้ว ยังช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยของห้อง ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและเก็บของได้มากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งเกรดวัสดุก็จะมีทั้งของดีและของทั่วไปปนๆกันนะครับ โดยเฉพาะประตูกระจกและหน้าต่างผมว่าเค้าให้มาดีเลยนะ เพราะมีขนาดใหญ่และเป็นกระจกนิรภัยอีกด้วย รวมถึงฟังก์ชันครัวก็จัดเต็มมากๆ แต่อาจยังได้เป็นพื้นห้องเป็นลามิเนตและ Top ครัวเมลามีน ที่ส่วนตัวผมว่าถ้าอัพเกรดขึ้นกว่านี้หน่อยจะดีมากเลย

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ซึ่งจะแบ่งเป็นโซนกันได้อย่างชัดเจน โดยอาคาร A จะเน้นเป็นพื้นที่นั่งทำงานอย่าง Co-Working Space และ Meeting Zone ส่วนอาคาร B จะเน้นเป็นโซนออกกำลังกายอย่าง Fitness / Yoga Zone และ Swimming Pool อีกจุดหนึ่งที่น่าใช้งานไม่แพ้กันก็คือ Private Theater Room ที่อยู่บนชั้น 7 ของทั้ง 2 อาคาร ที่เราสามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งดูหนัง หรือดูซีรีย์ร่วมกับเพื่อนๆหลายคนได้เลย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 105,000 บาท/ตร.ม., 5 มกราคม 2567

  • ทำเล 7.5/10 – โซนอ่อนนุช มีความอุดมสมบูรณ์สูง เดินทางง่าย
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – อยู่บนเส้นสุขุมวิท เข้าเมืองง่าย มีทางด่วนใกล้ๆ
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – เดินไป BTS อ่อนนุช และ BTS บางจากได้ ปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้
  • วัสดุ 7.75/10 – Fully Furnished แบบ Adaptive Function ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้
  • แบบ 8/10 – ห้องหน้ากว้าง ได้ครัวปิด บรรยากาศสว่างโปร่งโล่ง
  • สาธารณูปโภค 8/10 – กระจายฟังก์ชันทั่วทั้ง 2 อาคาร ต่อเนื่อง 4 ชั้น สวยงามน่าใช้งาน

  • UPPER CLASS
  • 7.7125 / 10.00

blue Sukhumvit 89 เหมาะกับใคร

โครงการ blue Sukhumvit 89 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านอ่อนนุช ในระยะที่ยังสามารถเดินไปใช้งานรถไฟฟ้าเพื่อเข้าเมืองได้ โดยเป็นห้องหน้ากว้างขนาดสำหรับ 1 – 2 คน ที่ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบแบบ Adaptive Function ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ และมีส่วนกลางให้ใช้งานครบแบบต่อเนื่องกันถึง 4 ชั้นเลยทีเดียว มีงบประมาณระดับ 2.49 – 3.89 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 17,000 – 27,000 บาท/ เดือน