คอนโด SCOPE PROMSRI มีการออกแบบอย่างพิถีพิถันทีเดียวนะคะ โดยส่วนตัวเรารู้สึกว่าเหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของการพักผ่อน มี Lifestlye ที่ไม่ซ้ำใคร แต่ก็ยังดูสบายๆ ตามปรัชญาการออกแบบสไตล์ฝรั่งเศส โดยมี Highlights ของโครงการ ดังนี้

  • โครงการตั้งอยู่ในซอยพร้อมศรี เดินทางเชื่อมพร้อมพงษ์ (สุขุมวิท 39) – ซอยกลาง (สุขุมวิท 49) – ซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ได้สะดวก
  • ขายแบบ Fully Furnished Package จากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก ‘Ligne Roset ‘ โดยเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นผลิตและผ่านการควบคุมคุณภาพจากโรงงานที่ฝรั่งเศส และเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดังของเยอรมันนีเป็นหลักทั้ง Liebherr และ Miele
  • การออกแบบพิถีพิถัน คำนึงถึงคุณภาพการอยู่อาศัย เช่น การออกแบบหน้าต่างและม่านที่ช่วยกันสายตาจากภายนอก ลดเสียง ความร้อนและแสงที่ส่องผ่านเข้ามาได้ และที่ชอบที่สุดคือมีตู้ Built-in เยอะมาก ทำให้เก็บของได้เยอะ ใช้พื้นที่ใช้สอยได้คุ้มค่า

ข้อมูลโครงการ

16 March 2021

  • SCOPE PROMSRI (สโคป พร้อมศรี)
  • บริษัท สโคป จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ซอยสุขุมวิท 49 แยก 11 เขต วัฒนา
  • ที่ดินประมาณ 1 – 0 – 89 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 146 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 65 คัน คิดเป็น 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2564
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2565
  • 1 Bedroom 28-34.99 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 – 3.15 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท (1 Bedroom) / หรือตร.ม.ละ 225,000 บาท
  • ช่วงราคาทั้งโครงการ 6.3 – 8.8 ล้านบาท
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 220,000 – 248,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร  : 02-028-9788

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.736972, 100.576068
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ SCOPE PROMSRI ค่ะ

โครงการ SCOPE PROMSRI ตั้งอยู่ภายในซอยพร้อมศรี ซึ่งเป็นทางหลักเส้นหนึ่งในการเดินทางเชื่อมระหว่างซอยพร้อมพงษ์ (สุขุมวิท 39) ซอยกลาง (สุขุมวิท49) และ ซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) เข้าด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 ซอยนี้จัดเป็นซอยที่มีความฮอตฮิต เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งที่อุดมสมบูรณ์ค่ะ

ในแง่ของถนนหนทางเเละการเดินทางโดยทั่วไปของทำเลนี้ จะสามารถเดินทางได้แทบทุกระบบการเดินทางเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ อย่างรถไฟฟ้า รถเมล์ รถกะป้อ หรือแม้กระทั่งเรือด่วนก็ยังมีให้บริการด้วยนะคะ

เราขอเริ่มต้นเล่าจากถนนหนทางกันก่อนเลยดีกว่า ตัวซอยสุขุมวิท 39, 49และ 55 เนี่ย จะเป็นซอยที่ตัดระหว่างถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิทกับถนนเพชรบุรี เป็นถนนสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ ที่จะอยู่ฝากเดียวกันกับย่านอโศก ทองหล่อ เอกมัยนั่นเอง ความน่าสนใจของสุขุมวิทฝั่งเลขคี่นี้คือ จะมีเส้นทางลัดเลาะต่างๆมากมาย ที่ทำให้เราไม่ต้องออกไปใช้ถนนใหญ่เลย ก็ยังสามารถเดินทางผ่านเส้นทางเล็กๆเหล่านี้ตั้งแต่อโศกไปยังเอกมัยเลยก็ได้ ถือว่าเป็นเส้นทางตัวเลือกที่เราสามารถเลือกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดบนถนนในช่วงเวลาเร่งด่วนเลยก็ได้

สำหรับซอยพร้อมศรีที่เป็นถนนหน้าโครงการเนี่ย ก็จะมีกฎพิเศษที่ต้องทราบไว้ก็คือ ช่วง 6-9 โมงเช้า รถที่วิ่งจากสุขุมวิทจะถูกบังคับให้ตรงไปไม่อนุญาตให้เลี้ยวขวาเข้าซอยพร้อมศรีนะคะ

ส่วนการเดินทางโดยรถไฟฟ้านั้น จะมีสถานีที่ใกล้โครงการ SCOPE PROMSRI ที่สุดคือ รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ซึ่งเป็นเส้นสีเขียว มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.3 km. สามารถเดินทางไปยังสำโรง หมอชิต สนามกีฬาเเห่งชาติ หรือจะเป็นสาทร วงเวียนใหญ่ก็จะต้องมาเปลี่ยนขบวนที่สยามค่ะ

แต่ถ้าใครเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ไม่ได้เลียบเส้นรถไฟฟ้า ตัวเลือกอื่นๆก็เช่นการเรียกใช้บริการผ่าน Application ก็ได้ น่าจะใช้เวลาเรียกไม่นานด้วย เพราะทำเลนี้อยู่ในใจกลางเมืองจริงๆ หรือถ้าจะโบกเรียกก็ไม่ยากเลยค่ะ มีรถผ่านเข้า-ออกหน้าโครงการตลอดเวลาแทบจะ 24 ชม.ได้เลย

มาดูในแง่ความอุดมสมบูรณ์กันบ้าง โครงการนี้ตั้งอยู่ในย่านที่เรียกว่ามีไลฟ์สไตล์โดดเด่น และเต็มไปด้วยชาวต่างชาติโดยเฉพาะ Expat หรือคนต่างชาติที่มาทำงานในไทยอาศัยกันอยู่หนาแน่น ดังนั้นจึงไม่ต้องเเปลกใจไปเลยว่าทำไมแถวนี้จะมีคนที่หลายหลายเชื้อชาติอยู่ และมีการค้าขายที่อำนวยความสะดวกให้กับคนกลุ่มนี้มากเช่นกันค่ะ

อย่างในย่านพร้อมพงษ์จริงๆเลยก็เป็นย่านที่มีชาวญี่ปุ่นมาอาศัยกันเป็นส่วนมาก ดังนั้นบรรยากาศภายในซอยเรื่อยไปจนถึงทองหล่อก็จะมีที่พักประเภท Apartment or service apartment ให้เช่าระยะยาวอยู่เยอะมาก และก็มีร้านรวงต่างๆตามตรอกซอกซอยที่ขายอาหารอย่างอาหารญี่ปุ่น อาหารไทย Fine dining หรือแม้กระทั่งคาเฟ่เเทรกตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยกันเยอะเลย นอกจากนี้ยังมีคอมมูนิตี้มอลล์อยู่รอบๆ อีกมากมาย อย่างตรงข้ามโครงการเลยก็มี The Racquet Club ที่หลายคนรู้จักจากการเป็นที่ซ้อมปีนผาจำลอง ซึ่งภายในโครงการก็จะมีร้านอาหาร คาเฟ่ต่างๆ ที่เปิดให้บริการด้วย

ส่วนแหล่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับโครงการเราหลักๆก็คงจะหนีไม่พ้น Em District ที่แค่ก้าวออกมาจากรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ก็จะเจอกับห้างใหญ่ถึง 2 ห้าง EmQuatier กับ Emporium ที่เเม้ว่าจะดูหรูหราแต่ก็ไม่น่าจะเกินกว่าฐานะของคนที่อาศัยอยู่แถวนี้ใช้จ่ายกันนะคะ และที่น่าสนใจคือเป็นอีกสถานีนึงที่มีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ ซึ่งจากตัวโครงการเอง ใครที่รักสุขภาพก็สามารถเดินวอร์มร่างกายมายังสวนเบญจสิรินี้เพื่อวิ่งออกกำลังกายได้ เป็นสวนที่สะอาด ปลอดภัย และผู้คนที่มาใช้บริการดูเป็นมิตรมากค่ะ ในส่วนของการบริการทางด้านสุขภาพ ย่านนี้ถือว่ามีตัวเลือกทั้งโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงอย่างโรงพยาบาลสมิติเวช และมีสถานที่ออกกำลังกายเช่นสตูดิโอต่างๆ กับ Fitness Center เปิดให้บริการหนาแน่นที่สุดในกรุงเทพเลยก็ว่าได้ ดังนั้นภาพรวมของทางด้านความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการนี้จัดว่าดีเลยนะคะ

เส้นทางการเดินทาง

เส้นทางเดินทางวันนี้เราจะเริ่มจากบนถนนสุขุมวิท แล้วลัดเลาะเข้าซอยสุขุมวิท 49 มาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายที่ซอยสุขุมวิท 49/11 หรือที่เรียกกันว่าซอยพร้อมศรีนั่นเอง มีระยะทางจากปากซอยประมาณ 1.3 km. ไปดูกันเลยค่ะ

Image 1/14
เริ่มเดินทางจากปากซอยสุขุมวิท 49 เราจะค่อยๆ ลัดเลาะเข้าไปด้านในซอยกันนะ

เริ่มเดินทางจากปากซอยสุขุมวิท 49 เราจะค่อยๆ ลัดเลาะเข้าไปด้านในซอยกันนะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริบทโดยรอบโครงการทั้ง 4 ด้านสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 1-2 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่า ซอยพร้อมศรี และฝั่งตรงข้ามเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ The Racquet Club
  • ทิศตะวันออก ติดกับ สถานทูตอิหร่าน
  • ทิศตะวันตก ติดกับ โรงแรมสูง 8 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • The Racquet Club ~ 50 m.
  • UFM Fuji Super ~ 170 m.
  • RQ49 MALL ~ 200 m.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 400 m.
  • Piman 49 ~ 650 m.
  • The 49 Terrace ~ 650 m.
  • Japan Fresh Wholesale Market ~ 700 m.
  • J Avenue ~ 1 km.
  • EmQuartier ~ 1 km.
  • THE COMMONS ~ 1.1 km.
  • The Emporium ~ 1.4 km.
  • Rain Hill ~ 1.5 km.
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ~ 2.4 km.

รายละเอียดโครงการ

ถ้าจำกันได้เมื่อ 2-3 ปีก่อนบริษัท สโคป จำกัด ได้สร้างความฮือฮาในวงการอสังหาฯ เอาไว้จากการเปิดตัวโครงการ SCOPE Langsuan คอนโดที่ตั้งอยู่บนที่ดิน Freehold ที่มีราคาซื้อขายกันแพงที่สุดในประเทศไทยในตอนนั้น ซึ่งได้สร้างภาพจำของความเป็น Luxury Condominium เอาไว้ทั้งจากทำเล การออกแบบและความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุจากดีไซน์เนอร์ระดับโลก

และไม่นานนี้เองทางบริษัท สโคป ก็ได้เปิดตัวคอนโดในแบรนด์ SCOPE แห่งที่ 2 ขึ้น บนทำเลพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ในชื่อ SCOPE Promsri ซึ่งแน่นอนว่ายังคง Signature ของการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยทุกโครงการของสโคปจะมีการร่วมมือกับบริษัท หรือแบรนด์ดังระดับโลก ซึ่งงานตกแต่งภายในของ SCOPE Promsri ในครั้งนี้ก็ได้แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Ligne Roset ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 160 ปีเข้ามาออกแบบให้

การร่วมมือสร้างสรรค์กันกับ Ligne Roset นั้นไม่ใช่เพียงการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์จากแคตตาล็อก แต่คือการร่วมกันเลือกสรรขนาด วัสดุ และสีพิเศษ ที่ทำให้โครงการไม่เหมือนใคร แต่ก็ยังออกแบบดูสบายๆ ตามปรัชญาการใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศส ซึ่งหากใครมี Lifestyle ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายแต่ยังคงต้องการสไตล์เป็นของตัวเอง ก็คงชอบการออกแบบของแบรนด์นี้ได้ไม่ยาก

โครงการ SCOPE Promsri (สโคป พร้อมศรี) เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1 ไร่กว่าๆ จอดรถที่ชั้นใต้ดินทั้งหมด จึงน่าจะถูกใจคนที่ไม่ชอบใช้ Auto Parking นะคะ แต่ก็ทำให้อัตราส่วนที่จอดรถไม่เยอะนัก ประมาณ 45% เท่านั้น

สำหรับ Facilities หลักๆ ของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 1 และชั้น 2 ส่วนห้องพักอาศัยจะมีให้เลือกทุกชั้นตั้งแต่ชั้น 1 – 8 เลยค่ะ ซึ่งห้องพักในชั้น 1 นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าชั้นอื่น และมีฝ้าเพดานที่สูงถึง 3.15 m. ในขณะที่ฝ้าเพดานของห้องพักชั้นอื่นๆ จะสูง 2.5 m. ค่ะ

เนื่องจากตำแหน่งของที่ดินอยู่ติดสถานทูตอิหร่าน ทำให้การออกแบบอาคารในด้านที่ติดกับสถานทูตนั้นเป็นผนังทึบซะส่วนใหญ่ ซึ่งทางโครงการยังคงให้ความสำคัญกับช่องแสงอยู่นะคะ จึงออกแบบให้หน้าต่างร่นเข้ามาด้านในอาคาร เพื่อให้ทางเดินส่วนกลางยังได้แสงธรรมชาติอยู่นั่นเอง

ข้างอาคารอีกฝั่งหนึ่งอยู่ติดกับโรงแรมสูง 8 ชั้น ทางโครงการจึงวางแปลนอาคารให้ฝั่งนี้ไม่มีห้องพักเลยนะคะ ทำเป็นผนังทึบทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีห้องพักที่โดนบล็อกวิวด้วยอาคารข้างเคียง

..เจ้าผนังทึบที่โครงการออกแบบไว้จะมีดีเทลของช่องระบายอากาศซ่อนไว้ด้วยนะคะ เพื่อให้ทางเดินภายในอาคารนั้นมีช่องให้ลมพัดเข้าออกได้ตลอด ช่วยลดความร้อนภายในอาคารได้

ส่วนด้านหลังอาคารนั้นอยู่ติดกับบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น เป็นโซนพักอาศัยที่สามารถมองวิวออกไปบริบทข้างนอกได้ไกลกว่าโซนอื่นๆ สักหน่อย และมีห้องให้เลือกหลายแบบทั้งห้องพัก Type Garden ในชั้นล่างที่มีฝ้าเพดานสูงพิเศษถึง 3.15 m. และห้องพัก Type ปกติที่ฝ้าเพดานสูง 2.5 m.

อาคารออกแบบไว้เป็นตัว U โอบล้อม Court ต้นไม้ตรงกลางเอาไว้ ซึ่งแปลนลักษณะนี้ หลายคนมักกังวลในเรื่องของระยะห่างระหว่างอาคาร ที่อาจเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างจากสายตาของห้องพักฝั่งตรงข้าม ทางโครงการจึงสร้างวิวสวยๆ มาช่วยทำคะแนนให้กับห้องพักที่หันเข้าหา Court ตรงกลาง มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Cenote Court เป็น Green Feature ที่ออกแบบไว้น่าสนใจทีเดียวค่ะ

Cenote Court ได้รับแรงบันดาลใจมากจากสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของ Mexico ที่รู้จักกันในนาม Cenotes

ขอบคุณรูปประกอบจาก www.pinterest.com

ซึ่ง Cenotes เป็นแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีน้ำใสแจ๋วสีมรกตอยู่ในถ้ำ ที่ข้างบนเปิดโล่งเป็นรูจนเห็นท้องฟ้า ถูกโอบล้อมด้วยพรรณไม้ในป่าลึก มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่แสดงถึงความเก่าแก่และความอุดมสมบูรณ์ จนดึงดูดนักว่ายน้ำและนักดำน้ำทั่วโลกให้มาที่ถ้ำแห่งนี้นะคะ

ซึ่งการออกแบบ Green Features แต่ละส่วนภายใน Cenote Court นั้น เราว่าเค้าพิถีพิถันให้เกิดบรรยากาศที่ดูธรรมชาติที่สุด ส่วนที่เรารู้สึกชอบและไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักคือ เทคนิคการยกต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูงที่ตรงกลาง Court จนเกิดแสงเงาที่เป็นธรรมชาติให้กับพื้นที่ด้านล่าง และเจ้า Cenote Court ยังเป็นวิวที่ร่มรื่นให้กับห้องพักที่หันหน้าเข้าหา Court ตรงกลางด้วยค่ะ

มาดูรายละเอียดโครงการทีละชั้นกันนะ เริ่มจาก Masterplan จะมีทางเข้าออกเพียงทางเดียวจากซอยพร้อมศรี สำหรับรถยนต์เข้ามาปุ๊บก็ขับลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดินเลยค่ะ ไม่ได้มีทางวนรถรอบอาคารที่ชั้น 1 ทำให้โครงการสามารถจัดตกแต่งสวนรอบอาคารได้ทั้งหมด ช่วยให้บรรยากาศของโครงการดูร่มรื่นดี

เข้ามาในอาคารส่วนแรกจะเป็น Facilities Zone ซึ่งมี Concierge ดูแลอยู่เป็นลำดับแรก บริเวณนี้จะทำเป็นฝ้าเพดานสูง ช่วยให้โครงการดูหรูหราขึ้น ส่วนบริเวณ Lobby ที่ใช้นั่งเล่นรับแขกจริงๆ จะถัดเข้ามาด้านในตรงหน้าลิฟต์ เป็นมุมที่เปิดให้เห็น Cenote Court ตรงกลาง นอกจากนี้ก็จะมีโซน Terrace เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor ให้ใช้นั่งเล่นกันอีกมุมหนึ่ง และมี Club Cafe’ เอาใจลูกบ้านที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งทานอาหารไปชมวิว Cenote Court ไปค่ะ

ในส่วนของสระว่ายน้ำมีขนาด 10 x 7.1 m. (เฉพาะส่วนที่เป็น Lap Pool ขนาด 10 x 2.5 m. ) ตั้งอยู่กลาง Cenote Court นั่นเอง จึงได้ร่มเงาจากต้นไม้ที่ถูกออกแบบให้ปกคลุมบริเวณ Court นี้ เป็นดีไซน์ที่ดูแปลกตาจากโครงการอื่นทีเดียวนะ และมี Private Onsen เป็นอีก Facilities หนึ่งในชั้นนี้ด้วยค่ะ

ถัดเข้าไปด้านในสุดจะเป็น Residential Zone ที่จะต้องผ่านประตูเข้าไปอีกชั้นหนึ่งเพื่อยังคงรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านในชั้นนี้ โดยห้องพักในโซนนี้จะพิเศษขึ้นมาหน่อย ตรงที่มีฝ้าเพดานที่สูงถึง 3.15 m. ซึ่งมีแค่ 6 ยูนิตในโครงการนี้เท่านั้น โครงการนี้มี Lift ให้ใช้ 2 ตัว และมี Service Lift แยกไว้ต่างหากอีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 73 :  1 ก็ถือว่าแบ่งกันใช้ได้ไม่น่ามีปัญหาค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศของ Lobby ด้านในอาคาร มีความเก๋อยู่ที่ฝ้าเพดานเหนือชุดโซฟา ที่ทำออกมาเป็น Reflection Pond ให้บรรยากาศของผืนน้ำที่สะท้อนไปมา เหมือนว่าธรรมชาติได้แทรกซึมเข้ามาในอาคารด้วยนั่นเอง

แรงบันดาลใจจาก Mexico’s Cenotes ทำให้การตกแต่งภายในโครงการนี้ดู ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ร่มรื่น แถมยังมีการเจาะช่องแสงให้ความรู้สึกคล้ายถ้ำอีกด้วยค่ะ

นอกจากมุมนั่งเล่นภายในอาคารแล้ว มุมแบบ Semi-Outdoor ก็มีให้นั่งพักผ่อนได้เหมือนกัน ซึ่งสามารถชมวิวของ Cenote Court ได้พอดี

โครงการมี Facilities ยอดฮิตในย่านพร้อมพงษ์อย่างเจ้า Private Onsen ซึ่งมี Gimmick เป็นช่องแสงธรรมกลมๆ ด้านบน และผนังกระจกที่เปิดรับวิวต้นไม้ด้านนอกค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 เป็นห้องพักอาศัยเกือบทั้งชั้น จะมีแค่ห้อง Fitness และ Yoga ที่ถูกยกขึ้นมาไว้ชั้น 2 ซึ่งเค้าวางไว้ที่ด้านหน้าอาคาร ใกล้กับซอยพร้อมศรี ทำให้ไม่ต้องมีห้องพักอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าอาคารเลยค่ะ

ในส่วนของโซนห้องพักชั้นนี้มีทั้งหมด 16 ยูนิต ซึ่งถูกขยับเข้ามาด้านในเพื่อให้ได้ความสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย การเข้าโซนอยู่อาศัยก็จะต้องผ่านประตูเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับลูกบ้านไม่ต่างจากห้องพักบนชั้นอื่นๆ

สำหรับตำแหน่งของห้องพักบนชั้นนี้เราชอบห้องที่หันหน้าเข้า Cenote Court ทั้งห้องทิศใต้, ทิศตะวันออก และทิศเหนือบางส่วน (ตามกรอบสีแดง) เพราะจะได้วิวที่ดูร่มรื่นมาด้วย และที่นี่เค้าเก็บรายละเอียดของขอบอาคารบริเวณชั้น 2 เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งเพื่อช่วยป้องกันสายตาจากลูกบ้านท่านอื่นที่มองขึ้นมาจากข้างล่างด้วย ทำให้ห้องที่หันหน้าเข้า Court ของโครงการนี้ได้วิวที่ดีค่ะ

ทางเดินบนชั้นพักอาศัยของโครงการนี้จะมีทั้งส่วนที่เป็น Single Corridor และ Double Corridor ด้วยเหตุผลของทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดกับสถานทูตและโรงแรมสูง ทำให้โครงการไม่ได้เจาะช่องแสงให้ทางเดินเยอะนัก แต่ก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการระบายอากาศ จึงทำช่องระบายอากาศที่ผนังอาคารทางทิศตะวันตกเพิ่ม เพื่อให้มีลมพัดผ่านในอาคารได้ ไม่เก็บความร้อนไว้ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 ผังจะคล้ายกับที่ชั้น 2 เลยค่ะ แต่ชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตเยอะขึ้นเป็น 19 ยูนิต โดย 1 ในยูนิตนั้นเป็นห้องใหญ่ที่ทางโครงการแจ้งว่าปิดการขายเรียบร้อยแล้วนะคะ

ห้องพักในชั้นนี้เรามองว่าตำแหน่งที่น่าสนใจยังคงเป็นกลุ่มห้องพักที่หันเข้าหา Cenote Court เพราะยังคงได้วิวสวนสวยๆ และยังได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมามากกว่าห้องพักบนชั้น 2 ซึ่งมีให้เลือกทั้งห้องทิศเหนือ ใต้และตะวันออกเลยค่ะ

สำหรับชั้น 4 – 8 จะเป็น Typical Floor Plan ที่เหมือนกันทั้ง 4 ชั้นเลย มีจำนวนห้องในแต่ละชั้น 21 ยูนิต ซึ่งชั้นที่สูงขึ้นมาหน่อยแบบนี้ก็จะมีห้องหลายตำแหน่งที่น่าสนใจ แต่ก็มีข้อดี/เสียต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล

โดยห้องที่หันหน้าเข้าภายในอาคารหากอยู่บนชั้นสูง จนเกินยอดต้นไม้ไปมากนักก็จะไม่ได้บรรยากาศที่ร่มรื่นจาก Cenote Court แล้วนะคะ ดูจากแบบแล้วเราคาดว่าไม่เกินชั้น 4 น่าจะได้วิวโอเคอยู่ ส่วนห้องบนชั้น 5 – 8 เราชอบห้องทิศเหนือที่หันออกไปทางด้านหลังโครงการมากกว่า เพราะจะได้วิวที่โล่งกว่า มองออกไปได้ไกลมากกว่า ไม่มีอาคารสูงบังค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนหย่อมที่ชั้น 1
  • Cenote Court : สระว่ายน้ำขนาด 10 x 7.1 m. (เฉพาะส่วนที่เป็น Lap Pool ขนาด 10 x 2.5 m.
  • Fitness
  • Yoga
  • Lobby
  • Private Onsen
  • Club Cafe’
  • 2 Shops
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 73 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 65 คันคิดเป็น 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card

แบบบ้าน

แบบห้อง

ห้องพักอาศัยของที่นี่ทำออกมาเป็น 1 Bedroom ทั้งหมดเลยนะคะ มีให้เลือก 3 ขนาดตั้งแต่ 28 – 34.99 ตร.ม. ซึ่งเค้าจัด Layout ไว้คล้ายๆ กัน ต่างกันที่ความกว้าง ความลึกของห้องนิดหน่อย ยกเว้นห้อง Type C ที่จะได้อ่างอาบน้ำและมีพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารเพิ่มขึ้นมาด้วย โครงการขายแบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ของครบแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย จะเป็นอย่างไรไปชมกันต่อเลยค่ะ

ห้องตัวอย่างของโครงการนี้จะมี Type B ให้ชมเพียงห้องเดียว ลักษณะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่เหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับ Living Area และ Bedroom เป็นหลัก เพราะเค้าวางตำแหน่งไว้ให้ติดกับหน้าต่าง จึงได้วิวและแสงธรรมชาติจากภายนอกอย่างเต็มที่ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง

แต่ก็ต้องแลกมากับพื้นที่ครัวและห้องน้ำที่ต้องไปอยู่ด้านในอาคารแทน ประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำจึงลดลง เพราะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ เหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ใช้พื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอนเป็นหลัก อย่างไรก็ตามแบบห้องจะเหมาะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่นะคะ

สำหรับห้องของที่โครงการขายแบบ Fully Furnished จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in และเฟอร์ฯ ลอยตัวตามลิสต์นี้ ซึ่งถ้าอยากเห็นว่าเฟอร์ฯ ที่ให้หน้าตาเป็นอย่างไร ตามเราไปชมกันในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ประตูหน้าห้องได้บานไม้สูงประมาณ 2.4 ม. ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ แต่ยังไม่ได้ระบุรุ่นนะคะ

เข้ามาจะเจอกับครัวเป็นโซนแรก ถัดเข้าไปด้านในจึงเป็น Living Area ซึ่งเค้าออกแบบให้มีประตูกั้นปิดระหว่างห้องไว้ด้วย ทำให้กลิ่นควันในห้องครัวไม่เข้าไปรบกวนพื้นที่อยู่อาศัยด้านใน

เราชอบการออกแบบพื้นที่หน้าห้องของโครงการนี้นะคะ เพราะเค้า Built-in ตู้เก็บของไว้เยอะมาก ทั้งตู้เก็บรองเท้า ของใช้ประจำวัน ของตั้งโชว์ และทุกอย่างจะดูเรียบร้อยอยู่หลังบานตู้สีขาวที่ออกแบบมาให้ดูสะอาดตา ห้องจริงก็จะได้แบบนี้พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยค่ะ

ภายในตู้ Built-in ฝั่งซ้ายจะแบ่งเป็นชั้นเก็บของย่อยๆ เก็บของได้หลายขนาด อย่างอุปกรณ์ทำความสะอาด ไม้กวาด ไม้ถูพื้นก็มีช่องให้เก็บได้ ทำให้ห้องดูเรียบร้อย

มีชั้นสำหรับวางของใช้ประจำวันเช่น กุญแจรถ, Mask ก็วางไว้หน้าห้องได้เลย หรือหากเลือกแจกัน ถาดวางของสวยๆ ก็เป็นมุมแต่งบ้านไปได้อีกด้วย

ตัวตู้มีความพิถีพิถันในการออกแบบเก็บรายละเอียด อย่างเช่นมือจับก็จะเป็นดีไซน์ที่ซ่อนไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของตู้เลย ทำให้ดูเนี้ยบค่ะ

มาถึงฝั่งของครัวกันบ้าง โครงการ Built-in ตู้เย็นมาให้ในตู้ดูเรียบร้อยดีเลยนะคะ ยี่ห้อ Liebherr ประเทศเยอรมันนี แบรนด์นี้เค้ามีชื่อเสียงมาจากตู้แช่ไวน์ที่ต้องรักษาอุณหภูมิไว้ให้คงที่เพื่อรสชาดไวน์ที่กลมกล่อม และยังมีดีไซน์ที่ดูสวยงาม ทันสมัยด้วยค่ะ

ส่วน Counter ครัวได้เป็นตัวครัวตัว I (ไอ) พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ 1 ห้องนอน โดยเจ้าเคาน์เตอร์ครัวที่ให้มาก็จะมีตู้เก็บของด้านล่าง ทั้งตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft Close ทั้งหมด และมีถังขยะซ่อนมาให้ในตู้ด้วยค่ะ

เจ้าไมโครเวฟของ Miele (มีร์เล่อร์) ก็ติดตั้งให้มาพร้อมเคาน์เตอร์ครัวเลยนะคะ ยี่ห้อนี้เป็นแบรนด์ชื่อดังของเยอรมันนีอีกเช่นกัน ซึ่งหากใครอยู่ในวงการอาหารก็คงรู้ว่ายี่ห้อนี้เค้าขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทานมากๆ เลยค่ะ

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร

Top Counter และ Backsplash ได้วัสดุเป็นหินสังเคราะห์ เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานของ Blanco มีขนาดพอใส่จานใส่แก้วได้ 2-3 ใบ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา ส่วนก๊อกน้ำได้เป็นก๊อกหัวผสม จึงปรับเลือกใช้น้ำเย็น/น้ำร้อน ได้ตามใจชอบ

เตาไฟฟ้าของ Miele รุ่น Duo Zone มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Miele เช่นเดียวกัน ตัวนี้เค้าเลือกใช้เป็นระบบหมุนเวียนนะคะ เพราะภายในห้องครัวมีระบบดูดอากาศที่ติดตั้งไว้ให้ต่างหากอยู่แล้วค่ะ

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ ส่วนที่อยากให้สังเกตคือช่องระบายอากาศด้านบน เป็นระบบที่เดินท่อออกไปด้านนอก จึงช่วยระบายกลิ่น ควัน และอากาศให้กับครัวเวลาที่ปิดประตูได้ดีค่ะ

หากสังเกตกันให้ดีเราจะเห็นระบบดับเพลิงแบบ Sprinkler ถูกติดตั้งไว้ให้ด้วยนะคะ ซึ่งตามปกติแล้วอาคาร Low Rise 8 ชั้นแบบนี้ไม่ได้มีข้อบังคับ ซึ่งทางโครงการ SCOPE Promsri ก็ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยจึงติดตั้งเพิ่มให้ด้วยค่ะ

ห้องครัวของที่นี่สามารถปิดประตูกั้นให้เป็นครัวปิดได้ ช่วยลดกลิ่นควันจากการทำอาหาร ซึ่งเค้าเลือกตัวบานเป็นกระจกลูกฟูก ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่พักผ่อนด้านใน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องครัวดูทึบแต่อย่างใด

พื้นห้องครัวที่ได้เป็นพื้นหินอ่อนธรรมชาติ มีความสวยและราคาแพง แต่ก็ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เนื่องจากพื้นชนิดนี้เกิดคราบง่าย โดยเฉพาะพวกกรด เช่น น้ำส้มสายชู ส่วนประตูห้องครัวเป็นแบบบานพับ 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้าง และหากสังเกตดีๆ เค้าทำเป็นรางแขวนไว้ด้านบนทั้งหมด ทำให้พื้นด้านล่างไม่มีรางกั้นเลยนะคะ เพื่อให้เดินได้สะดวกไม่ต้องกลัวสะดุดเลยค่ะ

ดีเทลของประตูคือมีการเซาะร่องที่มือจับเอาไว้ให้ จึงดูเรียบร้อยเป็นดีไซน์ขาวๆ เรียบๆ เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ส่วนอื่นๆ ในห้อง

ถัดมาด้านในเป็นพื้นที่กว้างๆ ที่รวม Living Area & Bedroom เข้าไว้ด้วย แตกต่างจากแปลนห้องคอนโดส่วนใหญ่ที่มักจะแบ่งพื้นที่เป็นห้องเล็กๆ ทำให้ห้องดูไม่อึดอัดค่ะ

Living Area จะได้เฟอร์นิเจอร์ครบทั้งส่วนที่เป็น Built-in และลอยตัว ตามแบบในห้องตัวอย่าง พื้นบริเวณนี้ได้เป็น Engineering Wood และผนังจะติด Wallpaper มาให้ทั้งหมด

ฝ้าเพดานได้สีขาวเรียบๆ ส่วนไฟในห้องจะได้เป็นดาวน์ไลท์ และแอร์ของที่นี่จะเป็นระบบ Concealed Type จึงดูเรียบร้อยสวยงาม แต่การ Maintenance ก็ต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญนะคะ

ชุดโซฟาที่ได้คือรุ่น ‘Prado’ ของแบรนด์ Ligne Roset ซึ่งออกแบบโดย Christian Werner ขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งจุดเด่นของเจ้าโซฟาชิ้นนี้ก็คือพนักพิงที่สามารถปรับได้ และทางโครงการแจ้งว่าลูกค้าสามารถเลือกสีได้มากกว่า 1 สีค่ะ

ส่วนโต๊ะกลางนั้นเป็นรุ่นพิเศษที่ทางแบรนด์ Ligne Roset ผลิตให้ทางโครงการ SCOPE PROMSRI เป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นที่เดียวในโลก ชื่อว่า ‘Promsri Table by Ligne Roset’ ค่ะ

ฟังก์ชันของโซฟาตัวนี้ คือเจ้าพนักพิงที่เราสามารถปรับหมุนได้ หากอยากจะนั่งดูทีวีหรือนั่งชมวิวข้างนอกก็ตอบโจทย์การนั่งเล่นได้หมดเลยนะคะ

โซฟาอยู่ในตำแหน่งที่ชมวิวได้พอดี ซึ่งเค้าออกแบบหน้าต่างมาให้รับกัน เป็นหน้าต่างบานใหญ่แบบ Full Frame

ความเก๋ของหน้าต่างที่นี่คือ เค้าทำให้เป็นบานเลื่อนเปิดได้ และติดตั้งราวกระจกกันตกไว้ด้วย เราจึงสามารถเปิดระบายอากาศและมายืนรับลมที่ตรงนี้แทนระเบียงได้ สำหรับหน้าต่างของโครงการนี้มีดีเทลที่ทางโครงการออกแบบไว้เป็นพิเศษถึง 3 ส่วน ดังนี้

เริ่มจากบานกระจกของโครงการนี้ใช้เป็น Laminated Reflective Glass ช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคารและลดการมองเห็นจากภายนอกเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยภายใน ส่วนชั้นที่ 2 จะติด Embedded Acoustic Film ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ 30% และภายในอาคารก็ติดม่านมาให้ด้วยเป็น Motoriesd Blackout Blinds ที่ช่วยตัดแสงได้ดีเลยค่ะ

ม่านของโครงการควบคุมผ่านรีโมทนะคะ เราลองปิดลงมาให้ชมกัน จะเห็นว่าตัดแสงภายนอกได้ดีทีเดียว

แต่ละห้องจะได้ชั้นวางทีวีที่ Built-in ทั้งเซตแบบนี้พร้อมทีวีขนาด 75″ ยี่ห้อ Samsung หรือเทียบเท่า ซึ่งความพิถีพิถันในการออกแบบตู้คือ หากมองภายนอกดูคลีนๆ สะอาดตา แต่เค้าซ่อนตู้เก็บของไว้เยอะเลยนะคะ

เจ้าโต๊ะเครื่องแป้งก็ถูก Built-in ไว้เป็นส่วนหนึ่งของชั้นวางทีวีเลย ซึ่งจะได้มาทั้งกระจกทรงโค้งและเก้าอี้สตูลทรงเก๋ๆ ตัวนี้ด้วยค่ะ

ด้านหลังกระจกเป็นตู้เก็บของ ภายในแบ่งเป็นชั้นๆ ให้เก็บเครื่องสำอางค์ ของใช้ต่างๆ ได้เยอะ ซึ่งการซ่อนตู้เก็บของไว้แบบนี้ก็ลงตัวกับห้องคอนโดที่ไม่ได้มีพื้นที่เก็บของมากนัก

อีกฝั่งหนึ่งของชั้นวางทีวีก็เป็นตู้เก็บของเช่นกัน

ชั้นวางทีวีที่ Built-in มาให้เป็นตู้ยาวเกือบเต็มผนังจึงมีลิ้นชักสำหรับเก็บของได้เยอะ และมีพื้นที่ให้วางของโชว์ได้ด้วย

ห้องนี้จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยในห้องเป็นหลัก พื้นที่ระเบียงจึงไม่ได้กว้างมากนัก โดยประตูเข้าออกระเบียงจะทำเป็นบานทึบไว้อยู่ข้างหน้าต่างค่ะ

ระเบียงของโครงการนี้ตั้งใจเตรียมพื้นที่ไว้ให้แค่พอสำหรับวางเครื่องซักผ้า, ราวตากผ้า และการติดตั้ง Condensing Unit เท่านั้น เมื่อไม่ได้เตรียมฟังก์ชันมาให้สำหรับยืนชมวิวแล้ว ทางโครงการจึงติดตั้งฉากบังสายตามาให้ด้วย เพื่อภาพลักษณ์ที่สวยงามของอาคารและยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานด้วยค่ะ

สำหรับพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเพื่อให้ทำความสะอาดและดูแลรักษาได้ง่าย ตัวระเบียงจะถูกลดระดับลงไปจากพื้นห้องเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำจากระเบียงไหลเข้าตัวห้อง

โครงการแถมเครื่องซักผ้ามาให้ด้วยนะคะเป็นของ LG รุ่น 2 in 1 Washer/Dryer ขนาด 7 kg. ที่นิยมใช้ในคอนโดส่วนใหญ่เพราะสามารถซักแห้งได้ด้วย

พื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่วางเตียงนอน ตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลกัน

ในส่วนของห้องนอนจัด Furniture มาให้ ได้แก่ เตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมหัวเตียงที่ Built-in มาให้แบบในห้องตัวอย่าง พร้อมที่นอนจากแบรนด์ Simmons ที่นิยมใช้กันในโรงแรม 6 ดาว + ชุดเครื่องนอนผ้าฝ้ายทอพิเศษ 400 เส้นด้วยค่ะ การตกแต่งให้บรรยากาศที่ดู Homey เพราะเค้าเลือกใช้สีโทนอบอุ่น ส่วนฝั่งขวาก็ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้

โครงการเก็บดีเทลของหัวเตียงมาให้อย่างพิถีพิถันเลยนะคะ มีโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือไว้ทั้ง 2 ฝั่ง และสวิตซ์ไฟก็ติดอยู่ที่หัวเตียง พร้อมที่ชาร์ตไฟแบบหัว USB ด้วยค่ะ

โต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีดีไซน์ที่ดูเรียบแต่เก๋ไก๋ มีลิ้นชักให้เก็บของได้อีกนิดหน่อย

ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ เป็นตู้บานเปิดปิด ภายในมีราวแขวนผ้า ลิ้นชักเก็บของและติดไฟไว้ให้เรียบร้อย

ปิดท้ายด้วยห้องน้ำซึ่งจะแบ่งพื้นที่ไว้อย่างเป็นสัดส่วน ผนังและพื้นโดยรอบเป็นหินอ่อนทั้งหมด และยังBuilt-in เฟอร์ฯ และสุขภัณฑ์ต่างๆ ไว้แบบในห้องตัวอย่าง ซึ่งห้องน้ำที่นี่ก็จะมีตู้เก็บของได้เยอะไม่แพ้ที่ห้องนั่งเล่นเลยนะ

ตู้เก็บของตู้แรกจะอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำเลยค่ะ ภายในแบ่งเป็นชั้นเก็บของย่อยๆ และส่วนที่เราชอบคือเค้าเว้นช่องด้านล่างไว้ให้ใส่ตะกร้าผ้าด้วย ทำให้ของใช้ในห้องมีที่วางอย่างเป็นสัดส่วนดี

ในส่วนของอ่างล้างหน้าจะได้ตามห้องตัวอย่างทั้งตัวอ่างด้านล่าง และตู้ลอยด้านบนพร้อมไฟที่ฝังในตัวตู้มาให้ด้วย

อ่างล้างหน้าของ Kohler มีขนาดมาตรฐาน ซึ่งด้านข้างอ่างมีพื้นที่ให้วางของใช้ได้อีกนะคะ ก๊อกที่ติดตั้งมาให้เป็นหัวผสม สามารถเลือกเปิดน้ำร้อน/เย็น ได้

โถสุขภัณฑ์ของ Kohler เป็นแบบ Washlet คือได้ฝารองนั่งและที่ฉีดชำระแบบอัตโนมัติ ซึ่งรุ่นนี้เป็นแบบ Wall Hung จึงไม่มีฐานติดกับพื้น ทำให้เราสามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

ต่อไปมาดูพื้นที่ส่วนเปียกกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง

ภายในติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อยทั้งแบบมือจับและแบบ Rain Shower

หน้าตาของฝักบัวและก๊อกฝักบัวชนิดผสมของ Kohler นะคะ มีขนาดจับได้ถนัดมือดี

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.9 x 0.8 cm. ใช้งานได้สะดวกพอสมควร

หน้าตาของปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ได้ของ Panasonic ซึ่งปลั๊กไฟของที่นี่จะมีช่อง USB ให้ด้วย เพื่อให้เข้ากับการใช้งานในยุคปัจจุบันค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

16 March 2021

  • 1 Bedroom / ชั้น 5 / ขนาด 28 ตร.ม. / ราคา 6.3 ล้านบาท หรือ 225,000 บาทต่อตร.ม.

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished Package with appliances
  • Hob & Hood ของยี่ห้อ Miele
  • Kohler Washlet
  • Miele Combi Oven Microwave
  • Miele Duo-Zone Induction Hobs
  • Miele Kitchen Hood
  • Liebheer Built-in Fridge
  • Stiebel Eltron Water Heater
  • 75″ Television
  • Two-in-One Washer/Dryer
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • พื้นหินอ่อนธรรมชาติและ Engineering Wood
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 – 3.15 เมตร
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 140 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ SCOPE PROMSRI ตั้งอยู่ในซอยพร้อมศรี ซึ่งเป็นทางหลักเส้นหนึ่งในการเดินทางเชื่อมระหว่างซอยพร้อมพงษ์ (สุขุมวิท 39) ซอยกลาง (สุขุมวิท49) และ ซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) เข้าด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 ซอยนี้จัดเป็นซอยที่มีความฮอตฮิต เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล และโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง เรียกได้ว่าครบครัน ซึ่งมีหลายๆ แห่งที่อยู่ในระยะเดินถึงโดยไม่จำเป็นต้องออกมาที่ห้างใหญ่บนถนนหลักให้รถติด

การเดินทางโดยใช้รถ : การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวในทำเลนี้ไม่ยากเลย จากซอยพร้อมศรีสามารถเชื่อมไปได้ทั้งอโศก สุขุมวิทและทองหล่อ ได้ง่าย แต่จะมีกฎพิเศษที่ควรทราบไว้ เช่น ช่วงเวลาตอนเช้าที่ห้ามเลี้ยวขวาจากซอยสุขุมวิท 39 เข้าซอยพร้อมศรี เป็นต้น แต่ช่องจอดรถของโครงการมีจำนวนน้อยไปหน่อย คิดเป็น 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) หากดูโครงการในย่านนี้ส่วนใหญ่ก็จะให้ที่จอดรถมา 50% – 100% เลยค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถือว่าค่อนข้างสะดวกเพราะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ไม่ไกล และซอยพร้อมศรีหน้าโครงการก็เป็นทางลัดที่มี Taxi ขับผ่านกันอย่างคึกคัก หรือหากต้องการใช้ BTS ใกล้สุดก็ออกมาที่ปากซอยสุขุมวิท 39 ก็ถึงสถานีพร้อมพงษ์ในระยะประมาณ 1.3 km.

การออกแบบโครงการ : ออกแบบในสไตล์ที่ดูเรียบ ให้อารมณ์แบบ Timeless แต่ในขณะเดียวกันเค้าก็เก็บรายละเอียดต่างๆ ไว้เยอะมากนะ จากตำแหน่งที่ตั้งโครงการที่อยู่ติดกับสถานทูต ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องของช่องเปิดรอบอาคาร แต่เค้าก็มีการออกแบบช่องระบายอากาศภายในอาคารเพิ่มเติม และมีการออกแบบห้องพักอาศัยที่แยกจากฟังก์ชันส่วนกลางอย่างเป็นสัดส่วน เรื่องทิศทางการวางผังห้องเค้าออกแบบให้หลบจากตึกสูงใกล้เคียงได้ดีนะ ทำให้โครงการมีเฉพาะห้องที่หันไปทางทิศเหนือ ใต้ และตะวันออก ซึ่งทั้ง 3 ทิศก็เป็นทิศยอดนิยมในการอยู่อาศัยทั้งสิ้น โดยห้องพักส่วนใหญ่จะหันเข้าหาวิวภายในโครงการที่เป็น Cenote Court เป็นหลัก ซึ่งก็เหมาะกับคอนโด Low Rise ใจกลางเมืองแบบนี้ อีกทั้งยังเป็นโครงการ Pet Friendly เลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย 

การออกแบบห้องพักอาศัย : ออกแบบมาให้เป็นห้องขนาดกะทัดรัด 28-34.99 ตร.ม. แต่ยังคงมีฟังก์ชันหลักครบ เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเป็นหลักโดยเฉพาะส่วนของ Living Area และ Bedroom ที่รวมไว้ด้วยกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ห้องครัวเป็นครัวปิดที่ไม่ได้มีหน้าต่าง แต่เค้าก็ออกแบบให้มีระบบระบายอากาศ ที่เราชอบที่สุดคือการใช้พื้นที่ตามแนวทางเดินต่างๆให้เป็นประโยชน์ สังเกตได้ว่าในห้องจะมีตู้ Built-in เยอะมาก ทำให้เก็บของได้เยอะ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปต่อตารางเมตร ส่วนการออกแบบตกแต่งภายในได้เฟอร์นิเจอร์ของแบรนด์ ‘Ligne Roset’ ของเยอรมันนี ดูหรูหรามีสไตล์ แต่ก็อบอุ่นด้วยสีสไตล์ Earth tone มากๆ

วัสดุ : ภายในห้องส่วนที่เป็นมาตรฐานถือว่าให้มาค่อนข้างไปทางดี ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยกกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย นอกจากนั้นยังมีวัสดุพิเศษที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆทั่วไปเช่น พื้นห้องส่วนครัวและในห้องน้ำเป็นหินอ่อนธรรมชาติ, หน้าต่างห้องที่ออกแบบให้ช่วยกันเสียง เพิ่มความเป็นส่วนตัวและม่านอัตโนมัติที่ติดตั้งมาให้

เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวของ Miele แบรนด์เยอรมันนี, โซฟา ‘Prado’ ของ Ligne Roset ออกแบบโดย Christian Werner, โต๊ะออกแบบพิเศษเฉพาะโครงการนี้ชื่อว่า ‘Promsri Table by Ligne Roset’, ที่นอนจากแบรนด์ระดับโลก Simmons ที่ใช้ในโรงแรม 6 ดาวทั่วโลกและชุดเครื่องนอนผ้าฝ้ายทอพิเศษ 400 เส้น

พอดูภาพรวมทั้งการออกแบบและวัสดุที่ให้แล้วนั้น เรารู้สึกว่าเหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของการพักผ่อน และยังคงต้องการโครงการที่บ่งบอก Lifestlye ที่ไม่ซ้ำใครแต่ก็ยังดูสบายๆ เรียบแต่หรูนะคะ

สาธารณูปโภค : Facilites ของโครงการ SCOPE Promsri มีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของ Mexico ที่รู้จักกันในนาม Cenotes ให้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติในทุกอณูของพื้นที่ส่วนกลาง ได้ฟังก์ชันมาครบตามมาตรฐานของย่านนี้ ได้แก่สระว่ายน้ำ, Fitness, Yoga Room, Private Onsen แต่น่าเสียดายอยู่นิดนึงที่ให้อัตราส่วนที่จอดรถมาเพียง 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) และคิดค่าส่วนกลางราคาสูงไปหน่อยที่ 140 บาท/ตร.ม. สุดท้ายคืออัตราส่วนลิฟต์ รวมทั้งโครงการ 73 : 1 ถือว่าแบ่งกาใช้งานกันสบายๆ นะคะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 220,000 – 248,000 บาท/ตร.ม., 16 March 2021

  • ทำเล 7.75/10 – ในซอยพร้อมศรี เชื่อมต่อพร้อมพงษ์-ทองหล่อได้สะดวก ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกลัดเลาะในย่านได้ โดยไม่จำเป็นต้องออกถนนใหญ่
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ห่าง BTS พร้อมพงษ์ 1.3 km. มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์และ Taxi ขับผ่านตลอด
  • วัสดุ 8/10 – สมราคา ได้ครบทั้งเฟอร์ฯ Built-in, ลอยตัว ของแบรนด์ Ligne Roset ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ใช้ยี่ห้อดัง เช่น Miele, Liebherr
  • แบบ 7.75/10 – โครงการยูนิตไม่เยอะ ได้ความเป็นส่วนตัว ห้องพักออกแบบพิถีพิถัน เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องและให้ตู้เก็บของมาเยอะมาก
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – บรรยากาศร่มรื่น ได้แรงบันดาลใจจาก Cenotes, Mexico ส่วนฟังก์ชันครบตามมาตรฐาน

  • LUXURY CLASS
  • 7.75 / 10.00

BOTTOM LINE

SCOPE PROMSRI เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดที่เดินทางไปย่านพร้อมพงษ์ – ทองหล่อได้สะดวก ชอบโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะนัก ชื่นชอบโครงการที่ให้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ ตามหาห้องขนาดกะทัดรัดแต่ยังมีฟังก์ชันครบ และออกแบบได้เป็นสัดส่วน เน้นพื้นที่ใช้สอยในห้องเป็นหลัก ต้องการห้องแบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ชอบโครงการที่มีการออกแบบไม่ซ้ำใคร ใช้ของดี มีสไตล์ด้วยแบรนด์เฟอร์ระดับโลกอย่าง Ligne Roset มีงบประมาณระดับ 6.3 – 8.8 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 44,000 – 62,000 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc