รีวิวฉบับที่ 2429 กับคอนโด Low Rise เปิดใหม่ Origin Play Sri Udom Station คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในย่านอุดมสุข ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่ามีคอนโดแบบ Pet Friendly เพิ่มขึ้นในหลายๆทำเลจาก Origin เลยนะคะ เรียกได้ว่าเอาใจคนรักสัตว์ไปเต็มๆ โดยโครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 103 มีทั้งหมดด้วยกัน 4 อาคาร ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 1.89 ล้านบาท* รายละเอียดที่น่าสนใจจะมีอะไรอีกบ้าง ไปรับชมกันได้เลยค่ะ

  • ทำเล : โครงการตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 103 เป็นถนนที่อยู่ตรงกลาง สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ได้ บริเวณต้นซอยฝั่งถนนสุขุมวิทจะค่อนข้างคึกคัก มีทั้งตลาด ห้างขนาดเล็กและ Community Mall หลายแห่งให้เลือกจับจ่ายใช้สอยค่ะ
  • เดินทางง่าย : นอกจากจะใช้รถส่วนตัวแล้ว การใช้รถสาธารณะก็ถือว่าสะดวกค่ะ มีรถ 2 แถวสีแดง วินมอเตอร์ไซต์และรถแท็กซี่วิ่งให้บริการตลอดซอย อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า คือสายสีเขียว สถานีอุดมสุข และสายสีเหลืองสถานีศรีอุดม โดยโครงการได้จัดให้มี Shuttle Bus ไว้คอยอำนวยความสะดวกให้ค่ะ
  • เลี้ยงสัตว์ได้ : นับเป็นจุดเด่นที่สำคัญของโครงการเลยทีเดียว นอกจากจะอนุญาตให้สามารถเลี้ยงสัตว์ภายในห้องพักได้แล้ว ยังมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางไว้สำหรับรองรับกิจวัตรของน้องหมา น้องแมวได้อีกด้วย โดยโครงการจะแยกอาคารที่มีฟังก์ชันเป็น Pet Friendly ออกมา เพื่อไม่ให้รบกวนผู้พักอาศัยท่านอื่นๆที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์นะคะ

ข้อมูลโครงการ

Origin Play Sri Udom Station ( ออริจิ้น เพลย์ ศรีอุดม สเตชั่น) ณ วันที่ 24 กันยายน 2565

 ชื่อโครงการ Origin Play Sri Udom Station ( ออริจิ้น เพลย์ ศรีอุดม สเตชั่น)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนสุขุมวิท 103 ( อุดมสุข ) เขตบางนา
 ที่ดิน  6-0-85 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร , ร้านค้า 2 ยูนิต
 จำนวนยูนิต  917 ยูนิต  875 ยูนิต (update 16/8/2023)
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   24 ยูนิต 33 ยูนิต (update 16/8/2023)
 ที่จอดรถ  377 คัน คิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน แบ่งเป็น Parking Lift จอดได้ 28 คัน
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2567
 ประเภทห้องพัก
  • Type B1 ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 23.35 – 25.50 ตร.ม.
  • Type B2 ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26.40 – 30.50 ตร.ม.
  • Type B3 ห้อง 1 Bedroom Smart Closet พื้นที่ใช้สอยภายใน 25.35 – 29.25 ตร.ม.
  • Type BP1 ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34.55 – 34.90 ตร.ม.
  • Type BP2 ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 33.05 – 33.55 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.40 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.89 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 84,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  84,000 – 86,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  อยู่ระหว่างการประเมิน
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center  02 300 0000

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.677731, 100.639346
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ Origin Play Sri Udom Station ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท 103 ระหว่างซอย 58 และ 64 สามารถเข้า – ออกได้ 2 ทาง เพราะเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ทั้งยังสามารถใช้ถนนในซอยบางนาตราด 21 ซอยอุดมสุข 42 เป็นทางลัดไปยังถนนบางนาตราดได้ ส่วนถนนศรีนครินทร์สามารถไปถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และถนนสุขุมวิท 77 ( อ่อนนุช ) ไปโซนรามคำแหง ลาดกระบังได้ค่ะ

นอกจากจะเดินทางด้วยรถได้สะดวกสบายแล้ว ที่ตั้งโครงการยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีเขียว สถานีอุดมสุข และสายสีเหลือง สถานีศรีอุดม โดยสถานีแรกจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนสถานีศรีอุดมจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร ถ้าใครอยากออกกำลังกาย ก็สามารถเดินไปได้ค่ะ หรือใครเป็นสายประหยัดพลังงาน ทางโครงการก็มี Shuttle Bus รับ – ส่งให้นะคะ โดยจะไปที่สถานีอุดมสุข สถานีศรีอุดม และเซ็นทรัล บางนาได้อีกด้วย

สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้ บอกได้เลยว่าหายห่วงค่ะ เพราะมีทั้งตลาด ห้างขนาดเล็กและใหญ่ มี Community และร้านค้าให้เลือกจับจ่ายได้หลากหลาย อย่างสถานที่ใกล้โครงการที่สุด สามารถเดินมาหาอะไรทานได้ก็คือ อุดมสุข มาร์เก็ต เซนเตอร์ ข้างในมีร้านอาหารให้เลือกเยอะแยะทีเดียวค่ะ

หรือจะเดินถัดมาอีกหน่อยก็มีร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น และฝั่งตรงข้ามก็มีโลตัส โก เฟรชอีกด้วย และช่วงต้นซอยฝั่งใกล้กับ BTS อุดมสุข ก็มี Community Mall อย่าง One Udomsuk และตลาดสดอุดมสุข ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตร จะขับรถส่วนตัวมาเองก็ได้ หรือเลือกใช้รถสาธารณะ ก็มีวินมอเตอร์ไซต์ และรถ 2 แถวสีแดงไว้คอยให้บริการค่ะ

ถัดออกมาที่ถนนบางนา – ตราดและถนนศรีนครินทร์ จัดว่าเป็นเส้นที่คึกคักของย่านเลยนะคะ เพราะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง อย่างห้างเซ็นทรัล บางนา ขับต่อมาก็จะเจอกับ Mega และ IKEA ซึ่งก็ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของย่านเลยทีเดียว ส่วนเส้นศรีนครินทร์ก็ไม่แพ้กัน มีห้างสรรพสินค้าอย่างพาราไดซ์ พาร์ค , ซีคอน แสควร์ และตลาดนัดกลางคืน อย่างตลาดรถไฟศรีนครินทร์อยู่ด้วย หรือหากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมากินลม ชมวิว หรือวิ่งออกกำลังกาย ก็มีสวนหลวง ร.9 ให้ไปพักผ่อน สูดอากาศกันได้ค่ะ

สำหรับทำเลในโครงการ Origin Play Sri Udom Station จะเห็นได้ว่าเป็นซอยที่อยู่กึ่งกลางระหว่างถนน 2 สาย แล้วยังมีซอยที่สามารถลัดไปยังเส้นทางอื่นๆได้อีกหลากหลาย ทั้งเชื่อมต่อไปบางนา – ตราด หรือทะลุออกซอยสุขุมวิท 101/1 ก็สามารถตัดเข้าสู่เส้นอ่อนนุชได้ ทั้งนี้สำหรับการเข้า – ออกโครงการ จะแบ่งเป็น 4 เส้นทางหลักๆ ดังนี้ค่ะ

  • เส้นทางที่ 1 ลงจากทางด่วนเฉลิมมหานคร เบี่ยงซ้าย ขับตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่ถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาเพื่อสู่ถนนสุขุมวิท 103 ( อุดมสุข ) ขับตรงต่อมาเพื่อกลับรถ ประมาณ700 เมตร ทางเข้าโครงการจะอยู่ซ้ายมือค่ะ
  • เส้นทางที่ 2 มุ่งหน้าจากอโศก ใช้ถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิท 103 ( อุดมสุข ) สำหรับ Sale Gallery จะอยู่บริเวณหน้าซอยอุดมสุข 39 ห่างจากที่ตั้งโครงการประมาณ 2 กิโลเมตร ตัวโครงการจะอยู่ระหว่างซอย 58 และ 64 เมื่อกลับรถแล้ว ทางเข้าจะอยู่ซ้ายมือ
  • เส้นทางที่ 3 มาจากโซนรามคำแหง , ลาดกระบัง ใช้ถนนศรีนครินทร์เพื่อเข้าสู่โครงการ ขับตรงมาไม่ต้องลงอุโมงค์จนเจอแยกอุดมสุข เลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิท 103 ( อุดมสุข ) ขับต่อมาประมาณ  700 เมตร ทางเข้าโครงการจะอยู่ซ้ายมือค่ะ
  • เส้นทางที่ 4 จากถนนบางนา – ตราด ขับตรงตามป้ายเทพารักษ์ เห็นวัดศรีเอี่ยมให้เลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ ขับต่อมาตามเส้นทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิท 103 ( อุดมสุข ) จากแยก 700 เมตร จะถึงทางเข้าโครงการ

โดยเส้นทางที่เราเลือกใช้ในวันนี้ จะเป็นเส้นทางที่ 1 จากทางด่วนเฉลิมมหานครค่ะ ระหว่างทางจะเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันเลย

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/8
ลงจากทางด่วนบางนา ขับตรงต่อมามุ่งหน้าสมุทรปราการ

ลงจากทางด่วนบางนา ขับตรงต่อมามุ่งหน้าสมุทรปราการ

สำนักงานขายหรือ Sale Gallery จะอยู่บริเวณหน้าซอยอุดมสุข 38 ติดกับถนนสุขุมวิท 103 เลยค่ะ จุดสังเกตง่ายๆจะมีน้องหมาตัวใหญ่ยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้า สำหรับใครที่ขับรถมาก็มีที่จอดรถรองรับอยู่ด้านหลังนะคะ

การตกแต่งของอาคารเน้นใช้โทนสีส้มและเทา เหมือนกับตัวโครงการ ภายในเป็นฝ้าเพดานสูง มีผนังกระจกโดยรอบ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งและทันสมัยค่ะ

เมื่อเข้ามาภายในก็จะเจอกับโมเดลจำลองขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ข้างๆมีพื้นที่สำหรับนั่งพักรอขณะชมรายละเอียดโครงการได้ โดยภายใน Sale Gallery นี้จะมีห้องตัวอย่างให้ชม 4 รูปแบบด้วยกันค่ะ หน้าตาจะเป็นยังไง และจุดเด่นที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้าง ติดตามต่อที่ด้านล่างนะคะ

Image 1/3
ขับออกมาจาก Sale Gallery เราจะลองไปดูรอบๆตัวโครงการกันนะคะ

ขับออกมาจาก Sale Gallery เราจะลองไปดูรอบๆตัวโครงการกันนะคะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ จะมีอาคารค่อนข้างหลากหลายทั้งตึกแถว โรงงาน ที่พักอาศัยแนวราบและร้านค้าชุมชนต่างๆ แต่ก็ไม่มีอาคารสูงมาบดบังวิวมากนะคะ นอกจากทางฝั่งทิศตะวันตกของที่ดิน ที่จะมีอาคารสำนักงานสูง 3 และ 5 ชั้น แต่ก็มีระยะถนนภายในโครงการกั้น ทำให้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวมาก

  • ทิศเหนือ ติดกับทางเข้าโครงการ ถนนสุขุมวิท 103 ( อุดมสุข )
  • ทิศใต้ ติดกับที่พักอาศัยแนวราบ สูง 1 – 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันตก ติดกับอาคารสำนักงานสูง 3 ชั้นและ 5 ชั้น

Image 1/9
หน้าโครงการมีการล้อมรั้วเตรียมการก่อสร้างไว้แล้ว

หน้าโครงการมีการล้อมรั้วเตรียมการก่อสร้างไว้แล้ว

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • อุดมสุข มาร์เก็ต เซนเตอร์ ~ 150 เมตร
  • ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล บางนา ~ 1.9 กิโลเมตร
  • Little Walk Bangna ~ 2.4 กิโลเมตร
  • ซีคอนแสวร์ ศรีนครินทร์ ~ 2.9 กิโลเมตร
  • พาราไดซ์ พาร์ค ~ 2.9 กิโลเมตร
  • True Digital Park ~ 4.3 กิโลเมตร
  • Summer La Salle ~ 5.5 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลสัตว์ ทองหล่อ ศรีนครินทร์ ~ 1.1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสัตว์ อุดมสุข เว็ท แคร์ ~ 1.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสัตว์ เดอะเวท ~ 1.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 2.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสัตว์ มหาสิน ~ 2.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ ~ 2.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 5.0 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวัทธนเชษฏฐ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ~ 5.1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลบางนา 1 ~ 5.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ~ 9.2 กิโลเมตร

โรงเรียน

  • โรงเรียนนานาชาติ เบิร์คลีย์ ~ 3.3 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยดุสิตธานี ~ 3.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ ราฟเฟิลส์อเมริกัน ~ 4.8 กิโลเมตร
  • Montessori Academy Bangkok ~ 5.4 กิโลเมตร
  • Wells International Kindergarten ~ 6.7 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ ไทย – สิงคโปร์ ~ 6.8 กิโลเมตร

การเดินทาง

  • รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอุดมสุข ~ 3 กม.
  • รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีอุดม ~ 650 ม.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ Origin Play Sri Udom Station เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร ( A – D ) จำนวนห้องพักอาศัย 917 ยูนิต 875 ยูนิต (update 16/8/2023) และร้านค้าจำนวน 2 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ อยู่ติดกับถนนใหญ่ซึ่งก็คือถนนสุขุมวิท 103 ค่ะ จัดว่าเป็นย่านที่มีความคึกคักพอสมควรเลย โดยจุดเด่นของโครงการนี้ก็คือ เป็นคอนโดแห่งแรกและแห่งเดียวในย่านอุดมสุขตอนนี้ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งก็ถือว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มักนิยมอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมากกว่าบ้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอาคารจะสามารถพาน้องหมาน้องแมวเข้ามาได้นะคะ เพราะโครงการนี้ได้แยกอาคารพักอาศัยสำหรับคนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์เอาไว้ด้วย

แนวความคิดในการออกแบบโครงการจะเน้นไปที่การรองรับความหลากหลายของผู้ใช้งาน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก LEGO ซึ่งนอกจากจะเป็นของเล่นที่ให้ความสนุกสนานและความเพลิดเพลินแล้ว ยังสามารถใส่ไอเดียลงไปได้อีกหลากหลาย เหมือนกับโครงการ The Origin Play Sri Udom Station ที่อยากให้เป็นพื้นที่พักผ่อนที่มีทั้งความสนุกและความมีชีวิตชีวา จึงเกิดการผสมผสานฟังก์ชันต่างๆเพื่อให้เกิดเป็นพื้นที่ใช้งานใหม่ๆ การจัดโซนนิ่งของโครงการจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ อาคาร A – Passive Area อาคาร B – D Active Area ซึ่งในการออกแบบจะมุ่งเน้นให้เป็นพื้นที่แบบ P(L)ACE  FOR  LIFE

โดยใช้คำว่า PAUSE แทนอาคาร A ที่อยู่ด้านหน้าติดกับทางเข้าโครงการ รองรับกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เน้นไปที่การเป็นพื้นที่พักผ่อน ถัดเข้ามาจะเป็นอาคาร B หรือส่วน PLAY เป็นพื้นที่ Multipurpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย โดย Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อาคารนี้ค่ะ ต่อมาเป็นส่วน PITCH และ POP ของอาคาร C และ D ซึ่งตอนนี้จัดเป็นโซน Pet Friendly ทั้ง 2 อาคารแล้ว โดยฟังก์ชัน PITCH อาคาร C จะมีส่วนออกกำลังกายแบบ Outdoor ที่บนชั้นดาดฟ้า เหมาะสำหรับสายรักสุขภาพ และสำหรับสายรักสัตว์ บนชั้นดาดฟ้าของอาคาร D ก็จะมีพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นได้ และยังมีจุดพักผ่อนอย่าง Community Outdoor Lounge ไว้อำนวยความสะดวกให้เจ้าของอีกด้วย

รายละเอียดส่วนอื่นๆของโครงการ เราจะมาเริ่มทำความรู้จักกันจาก Master Plan ก่อนนะคะ โดยทางเข้า – ออกของโครงการจะมีเพียงจุดเดียวด้านหน้าที่ติดกับถนนสุขุมวิท 103 ค่ะ จำนวนที่จอดรถอยู่ที่ 40% รวมจอดซ้อนคัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบจอดใต้อาคาร มีการใช้  Parking Lift 4 ชั้น ที่สามารถจอดได้ 28 คันด้วย และในโครงการก็ยังมี EV Charger ไว้รองรับถึง 6 จุด จอดได้ 7 Slots บริเวณข้างสระว่ายน้ำค่ะ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง อาคาร A – D จะมี Lobby ใช้งานแยกส่วนตัว ส่วน Facilities หลักๆที่สามารถทำกิจกรรมได้ จะอยู่ที่ชั้น 1 – 2 ของอาคาร B เช่น Co – Working Space , Fitness , สระว่ายน้ำ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้จัดว่าอยู่ตรงกลางของโครงการ ลูกบ้านสามารถเดินมาใช้งานได้อย่างสะดวกค่ะ

ในส่วนทางเข้าหลักของโครงการจากถนนสุขุมวิท 103 ด้านหน้าจะประกอบด้วย Lobby & Reception , Co – Sharing Sapce ของอาคาร A และร้านค้า 2 ยูนิตค่ะ ซึ่งตอนนี้จะยังไม่ทราบว่าเป็นร้านอะไรนะคะ ต้องรอการตัดสินใจจากฝ่ายนิติบุคคลในอนาคตก่อนค่ะ แต่ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกบ้านได้อย่างแน่นอน

ถัดเข้ามาด้านในอาคาร A ก็จะเจอกับส่วน Lobby & Reception ซึ่งจะตกแต่งด้วยโทนสีหลักของโครงการอย่างสีเทา ส้ม และน้ำเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับการออกแบบภายนอกของอาคาร ด้านข้างเป็นผนังกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวสวนที่ติดกับถนนด้านหน้าได้และด้วยความสูงของฝ้าที่สูงถึง 5 เมตร จึงทำให้บรรยากาศภายในสว่างและปลอดโปร่งค่ะ

ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร A จะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ค่ะ ประกอบด้วย Lobby & Reception และ Co – Sharing Space ที่ลูกบ้านจะสามารถมานั่งพักผ่อนหรือทำงานร่วมกันได้ ในส่วนของ Lift Hall และ Mail Boxes ของโครงการจะมีแยกในแต่ละอาคารเช่นเดียวกับ Lobby สำหรับการเข้า – ออกส่วนพักอาศัยจะใช้ระบบ Key card access ที่จะสามารถเข้าได้แค่ชั้นของตัวเองและพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านค่ะ

ผังพื้นชั้น 2 อาคาร B

พื้นที่ส่วนกลางของอาคาร B จะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 และ 2 โดยที่ชั้น 1 จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำเป็นแบบระบบเกลือขนาด 20.00×5.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร และด้วยตำแหน่งที่มีอาคาร C และ D อยู่ล้อมรอบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวจากภายนอก ทั้งยังมีแนวต้นไม้ช่วยบังสายตาจากที่จอดรถรอบๆด้วยค่ะ ถัดมาที่ชั้น 2 จะมีบันไดเดินเชื่อมขึ้นมาจากสระว่ายน้ำและส่วนที่จอดรถ และมีลิฟต์สำหรับคนพิการคอยให้บริการด้วยค่ะ โดยที่ชั้นนี้จะเป็น Facilities หลักของโครงการ ประกอบด้วย Fitness , Meeting Room , Private Theater Room ( รองรับได้ 6 ที่นั่ง) Game Room , Co – Working Sapce และ Vending Machine Area ซึ่งใน 2 ส่วนนี้ จะเปิด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ เหมาะสำหรับคนที่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานหรือหามุมผ่อนคลาย สบายๆ ไว้ทำกิจกรรมสนุกๆได้หลากหลายทีเดียวค่ะ

 

Image 1/6
ภาพจำลองบรรยากาศ Co - Working Space มีผนังกระจกด้านหน้า ทำให้สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้

ภาพจำลองบรรยากาศ Co - Working Space มีผนังกระจกด้านหน้า ทำให้สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้

โมเดลจำลองแสดงตำแหน่งของสระว่ายน้ำหน้าอาคาร B

แนะนำพื้นที่พักผ่อนและทำกิจกรรมของเหล่านุด (มนุษย์) กันไปบ้างแล้ว ถัดมาก็จะเป็นส่วนของสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรากันบ้างนะคะ อย่างที่ทราบกันว่า อาคารที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ จะเป็นอาคาร C และ D ซึ่ง C เป็นตึกที่เพิ่งเปิดภายหลัง เพราะกระแสตอบรับที่ดีมาก ในตอนนี้พื้นที่ส่วน Pet Area ในอาคาร จึงจะของพูดถึงที่อาคาร D ก่อน โดยห้องพักผ่อนที่สามารถพาน้องมาเจอเพื่อนๆได้ จะอยู่ที่ชั้น 2 หน้าโถงลิฟต์อาคาร D เลยค่ะ ซึ่งก็จะแยกห้องสำหรับน้องหมา และน้องแมวเอาไว้ให้แล้วนะคะ

Rooftop เป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ของโครงการเลยทีเดียว เพราะเป็นพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง 4 อาคารด้วย Jogging Track เอาใจสายรักสุขภาพที่อยากออกกำลังกายแบบ Outdoor และเป็นส่วนที่สัตว์เลี้ยงของเรา สามารถขึ้นมาวิ่งเล่น สูดอากาศได้ แต่ก็ใช้งานได้เฉพาะส่วนของอาคาร C และ D เท่านั้นนะคะ และจะมีจุดที่คอยอำนวยความสะดวกเวลาที่ทำความสะอาดเวลาที่น้องๆทำธุระให้ด้วย

ผังพื้นชั้นพักอาศัย

สำหรับชั้นพักอาศัย จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 – 8 ในการวางอาคารจะวางขนานกับแนวทิศเหนือ – ใต้ จึงทำให้จะมีฝั่งที่หันหน้าเข้าหาทิศตะวันตก อาจจะร้อนมากกว่าเล็กน้อยค่ะ ซึ่งจากผังจะเห็นได้ว่า อาคารมีทั้งหมด 4 ตึกด้วยกัน โดยแต่ละชั้นก็จะมีรูปแบบห้องให้เลือกครบตั้งแต่ Type B1 ห้อง 1 Bedroom Studio ไปจนถึง Type BP1 – 2 ห้อง 1 Bedroom Plus เลยค่ะ

อาคาร A – สำหรับอาคารแรกที่อยู่ด้านหน้า เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินไกล เข้า – ออกได้สะดวก และยังมีร้านค้าที่ด้านล่าง ในส่วนของชั้นพักอาศัยจะมีห้อง 1 Bedroom Plus อยู่ที่มุมอาคารทั้งฝั่งทิศเหนือ (กรอบสีแดง : Type BP2) ติดถนนสุขุมวิท 103 และฝั่งที่หันหน้าทางทิศตะวันออก ( กรอบสีเหลือง : Type BP1) ค่ะ ในกรอบสีแดงจะเห็นว่าห้องอยู่ใกล้กับลิฟต์และบันไดมากกว่า ทั้งยังอยู่ติดถนน อาจจะทำให้มีเสียงรบกวนอยู่บ้าง ถ้าใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวหน่อยก็จะแนะนำให้เลือกห้องในกรอบสีเหลืองมากกว่าค่ะ   

อาคาร B – เหมาะกับคนที่อยากลงมาใช้ Facilities ง่ายๆ เพราะพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 2 ลงลิฟต์มาก็เจอเลยค่ะ ส่วนห้องพักจะวางตำแหน่งคละกันตั้งแต่ B1 – B3 ซึ่งจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom สำหรับใครที่อยากได้วิวสระว่ายน้ำ ก็จะแนะนำเป็นห้องในกรอบสีน้ำเงินเลยค่ะ โดยรูปแบบก็จะมีให้เลือกเป็น Type B2 ห้อง 1 Bedroom Smart Kitchen และ B3 ห้อง 1 Bedroom Smart Closet ส่วนใครที่อยากได้เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่ตึกนี้จะมีแค่ 2 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้นนะคะ โดยจะเป็นห้องมุมทั้งคู่ และเป็น Type BP1 (กรอบสีเหลือง) ค่ะ

อาคาร C – เป็นอาคารที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ สำหรับตึกนี้จะได้วิวส่วนกลางมากกว่าเพราะรูปทรงของอาคารที่เป็นตัว L ล้อมรอบสระว่ายน้ำเอาไว้ โดยรูปแบบห้องจะมีให้เลือกตั้งแต่ B1 , B2 , B3 จนถึง BP 1 ซึ่งก็เป็นห้องมุมอีกเช่นกันค่ะ หรือใครอยากได้วิวแบบเปิดโล่งมากกว่าก็จะแนะนำเป็นห้องที่หันหน้าทางทิศใต้และทิศตะวันออก นอกจากจะไม่ร้อนแล้วยังจะได้ลมธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งข้อดีของตึกนี้อีกอย่างนึงเลยก็คือ มีลิฟต์อยู่ตรงกลางอาคาร ไม่ว่าห้องพักจะอยู่ซ้ายหรือขวา ก็สามารถเดินใช้งานได้อย่างสบาย

อาคาร D – อาคารสุดท้ายของโครงการที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้เช่นกัน สำหรับอาคารนี้จะมีห้อง 1 Bedroom Plus เพียงยูนิตเดียวต่อชั้นเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ก็ต้องบอกว่าถูกจองไปหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นห้องมุมที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกแล้ว ก็ยังสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้อีกด้วย แต่ห้อง Type อื่นๆ ก็ยังมีให้เลือกอยู่นะคะ โดยฝั่งที่มองเห็นสระว่ายน้ำและสวนด้านล่างก็จะมี Type B2 ห้อง 1 Bedroom Plus แบบ Smart Kitchen และ B3 ห้อง 1 Bedroom Plus แบบ Smart Closet ค่ะ หรือหากใครชอบห้อง Type B1 แบบ 1 Bedroom Studio ก็จะเป็นฝั่งที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ได้วิวเปิดโล่งนะคะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น G

  • Lobby
  • Meeting Area
  • Co – Working Space
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 25.00×4.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร พร้อมโซนจากุชชี่

ชั้น 2 ( Building B )

  • Co – Working Space
  • Game Room
  • Board Game Room
  • Vending Machine Area
  • Meeting Room
  • Private Theater Room
  • Strecting Area
  • Yoga
  • Cardio Area
  • Fitness

ชั้น 2 ( Building D )

  • Play Room ( Cat Area )

Rooftop ( Building A )

  • Chilling Room
  • Observation Deck

Rooftop ( Building B )

  • Amphitheater
  • Multi – Purpose Area
  • Sky theater
  • Game Area

Rooftop ( Building C )

  • Dog Yard

Rooftop ( Building D )

  • Dog Yard
  • Walking Track
  • Jogging Track
  • Community Lounge
  • Hidden Lawn
  • View Amphitheater
  • Welcome Lounge

 

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 114 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 115 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B  116 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 115 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 111 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 377 คันคิดเป็น 41% รวมจอดซ้อนคัน
  • EV Charger 6 Slots
  • Shuttle bus รับ – ส่ง ไปสถานีรถไฟฟ้า และเซ็นทรัล บางนา
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV
  • ระบบ Bluetooth เข้า – ออกโครงการ
  • ระบบ Access Control ด้วย Key Card

แบบห้อง

รูปแบบของห้องพักในโครงการ Origin Play Sri Udom Station จะมีลักษณะการขายเป็นแบบ Fully Fitted โดยมีให้เลือกด้วยกันถึง 5 รูปแบบ ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • Type B1 ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 23.35 – 25.50 ตร.ม.
  • Type B2 ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26.40 – 30.50 ตร.ม.
  • Type B3 ห้อง 1 Bedroom Smart Closet พื้นที่ใช้สอยภายใน 25.35 – 29.25 ตร.ม.
  • Type BP1 ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34.55 – 34.90 ตร.ม.
  • Type BP2 ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 33.05 – 33.55 ตร.ม.

ห้องรูปแบบแรกที่เราจะพามาชมกันก็คือ Type B2 ห้อง 1 Bedroom ค่ะ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.40 – 30.50 ตร.ม. ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการถึง 400 ยูนิตเลยทีเดียว ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้ใครหลายๆคนตัดสินใจเลือกรูปแบบนี้ก็เพราะมีฟังก์ชันครัวปิด ติดกับระเบียงนั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนชอบทำอาหารหรือชอบทานอาหารก็หมดกังวลเรื่องกลิ่นรบกวนภายในห้องไปได้เลย ฟังก์ชันอื่นๆก็จัดมาได้เป็นสัดส่วนลงตัวทีเดียวค่ะ ส่วนนั่งเล่นกับส่วนรับประทานอาหารใช้พื้นที่ร่วมกัน ถัดมาเป็นห้องนอนที่มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้น ภายในมีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้เปิดระบายอากาศ ได้ทั้งแสงและลมธรรมชาติ จึงทำให้บรรยากาศค่อนข้างปลอดโปร่งค่ะ

ห้องตัวอย่าง พื้นที่ใช้สอย 28 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนนั่งเล่น ความสูงจากพื้นถึงฝ้าจะอยู่ที่ 2.40 เมตร วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้อง SPC ความหนา 4 มม. ทนความชื้นและป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี เหมาะเป็นพื้นที่ให้น้องหมาน้องแมวได้วิ่งเล่นนะคะ

ถัดเข้ามาเป็นส่วนห้องนอน กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน เพิ่มพื้นที่การเปิดใช้งานได้มากขึ้น ทำให้สะดวกเวลาขนของชิ้นใหญ่ๆและทำให้ห้องดูกว้างขึ้นค่ะ

ระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวี 2.55 เมตร ติดตั้งทีวีขนาด 42″ กำลังดีเลยค่ะ ด้านหน้าถ้าวางโต๊ะขนาดเล็กไว้ตรงกลาง ก็ยังเหลือทางเดินไว้ใช้งานได้แบบสบายๆเลย

รูปแบบการขายของห้องเป็น Fully Fitted อย่างแรกที่เราจะเห็นเมื่อเข้ามาก็คือ ตู้วางรองเท้าแบบ Built – in จากโครงการ ด้านล่างจะมีชั้นวางไว้ให้ใส่หลายช่อง ช่วยเพิ่มความเรียบร้อยให้กับห้องได้ค่ะ

ถัดมาเป็นชั้นวางทีวี มีบานเปิดและช่องใส่ของมาให้ วัสดุทุกชิ้นที่เป็น Built – in จะเคลือบเมลามีนนะคะ โดยคุณสมบัติจะทนความร้อน ความชื้นและรอยขีดข่วนได้ดี  ส่วนอีกอย่างที่เราจะได้แถมมากับห้องด้วยก็คือ Digital Door Lock ที่หน้าประตูค่ะ

ส่วนนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารจะใช้พื้นที่ร่วมกัน โดยผนังและฝ้าเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาวธรรมนะคะ มีไฟดาวน์ไลท์ติดตั้งมาให้ 2 จุด พร้อม Smoke Detector ค่ะ

ห้องนอน วางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ตรงกลางได้ โดยจะมีตู้เสื้อผ้าเป็นพื้นที่แต่งตัวอยู่ภายในค่ะ

กระจกเป็นบาน Fix มีหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งมาให้ 1 จุด เวลาที่อากาศดีๆก็สามารถเปิดเอาไว้รับลมตอนพักผ่อนได้แทนการเปิดแอร์นะคะ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าโครงการจะแถมแอร์ขนาด 9,000 BTU มาให้ถึง 2 เครื่องด้วย โดยจะอยู่ในส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ

ตู้เสื้อผ้าแบบ Built – in จากทางโครงการเคลือบผิวด้วยเมลามีน มีช่องเก็บของด้านบนและด้านล่าง มีราวแขวนผ้าและลิ้นชักติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานค่ะ

พื้นที่ข้างเตียงฝั่งส่วนแต่งตัวกว้าง 1.35 เมตร สามารถเปิด –  ปิดและใช้งานได้อย่างสะดวก หรือใครจะนำสัตว์เลี้ยงเข้ามานอนด้วย ก็ยังเหลือพื้นที่ให้นอนกลิ้งได้อีกค่ะ

ส่วนปลายเตียงกว้าง 0.67 เมตร และส่วนด้านข้างฝั่งที่ติดกับหน้าต่างกว้าง 0.61 เมตร จะซื้อตู้หรือโต๊ะมาวาง ก็เพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีกค่ะ

ฝ้าเพดานห้องนอนเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ 2 จุด และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยอย่าง Smoke Detector มาให้พร้อมใช้งาน

ถัดมาเป็นโถงกลางที่เชื่อมระหว่างห้องครัวและห้องน้ำ จะ Built – in เพิ่มหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบสำเร็จรูปมาตกแต่งเพิ่มเติม ก็ทำได้ตามใจชอบเลยค่ะ

ห้องครัวแบบปิด จะมีเคาน์เตอร์ Built – in แบบยาวเต็มแนวผนัง ด้านข้างจะมีประตูบานเลื่อน เปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้

พื้นที่ใช้งานด้านหน้ากว้าง 0.75 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน มีคุณสมบัติทนทานและทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ

เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ติดตั้งเตาไฟฟ้า 2 หัวมาให้พร้อมที่ดูดควัน อ่างล้างจานและก็อกน้ำ ของยี่ห้อ Hafele ค่ะ

ด้านบนเป็นชั้นวางของ ประตูแบบบานเปิด ติดตั้ง Soft Close มาให้ ป้องกันการกระแทก ด้านล่างมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้อ่างล้างจาน ข้างๆเป็นลิ้นชักติดตั้งมากับอุปกรณ์ครบชุดพร้อมใช้งาน แต่ตู้ด้านบนช่องตู้เย็นจะไม่ได้ Built – In มาให้นะคะ โดยช่องนี้จะมีความกว้าง 0.75 เมตร สูง 1.60 เมตรค่ะ

ระเบียงขนาด 0.90×1.30 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โดยโครงการจะติดตั้งท่อมาให้พร้อมใช้งาน ส่วนด้านบนติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวน มีไฟติดผนังคอยให้แสงสว่าง

ฝ้าเพดานห้องครัวเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 จุด พร้อม Smoke Detector เช่นเดียวกันค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนห้องน้ำ จะได้กระเบื้องและสุขภัณฑ์แบบครบชุดเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ แต่จะไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำและไฟตกแต่งมาให้นะคะ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบแขวนผนัง ติดตั้งมาพร้อมก็อกน้ำยี่ห้อ Cotto เช่นเดียวกับสุขภัณฑ์ชนิดอื่นๆ สายฉีดชำระจะอยู่ด้านหลัง เป็นระยะที่พอเอื้อมหยิบใช้งานได้ ที่ใส่กระดาษทิชชู่อยู่ด้านข้าง เวลาใช้งานอาจต้องระวังเรื่องน้ำที่กระเด็นมาโดนได้ค่ะ

มีปลั๊กและสายเสียบ USB มาให้ ใช้งานได้อย่างสะดวกทีเดียวค่ะ

ตัวอย่างการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำ ในรูปจะเป็นแบบบานสวิงนะคะ แต่ถ้าใครไม่อยากเปลืองพื้นที่มาก ก็จะแนะนำเป็นแบบบานเลื่อนค่ะ

ส่วนอาบน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower ของยี่ห้อ Cotto ผนังด้านข้างมีช่องสำหรับใส่อุปกรณ์อาบน้ำได้ หากใครอยากติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ทางโครงการก็ได้ทำ Junction Box เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ส่วนอาบน้ำขนาด 0.85×0.95 เมตร มีการทำขอบพื้นขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำที่อาจไหลออกสู่ภายนอกได้ค่ะ

ส่วนพื้นที่ด้านหน้าโถสุขภัณฑ์ถือว่ากว้างขวางใช้งานได้อย่างสะดวกทีเดียวค่ะ สามารถเปิดประตูเข้า – ออกได้แบบไม่ติดขัด

กระจกที่ได้จะเป็นแบบเต็มบานนะคะ ซึ่งข้อดีก็คือช่วยทำให้ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้นค่ะ

ฝ้าเพดานห้องน้ำเป็นฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 จุด และพัดลมดูดอากาศค่ะ

ปลั๊กและสวิตช์ไฟของห้องพักอาศัยใช้ยี่ห้อ Bticino ค่ะ

ถัดมาเป็น Type BP1 ห้อง 1 Bedroom Plus เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ โดยขนาดจะมีตั้งแต่ 34.55 – 34.90 ตร.ม.ซึ่งความน่าสนใจของฟังก์ชัน ไม่ได้มีเฉพาะแค่ห้องอเนกประสงค์ที่เพิ่มเข้ามานะคะ แต่ในรูปแบบนี้จะได้พื้นที่ครัวปิด และห้องนั่งเล่นที่ติดกับระเบียงด้วย บรรยากาศภายในห้องจึงยิ่งปลอดโปร่ง ส่วนห้องนอนอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ประตูที่ใช้กั้นห้องเป็นแบบบานทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว และการใช้งานที่เป็นสัดส่วนค่ะ

เมื่อเข้ามาในห้องก็จะเจอพื้นที่นั่งเล่นเป็นอันดับแรก ส่วนด้านซ้ายจะเป็นครัวแบบปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก สุดทางเดินจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ห้องนอนและห้องน้ำที่เปิดใช้งานได้จากโถงทางเดินค่ะ

ส่วนนั่งเล่นติดกับระเบียง มีประตูกั้นเป็นบานเลื่อนกระจก 3 ตอน สามารถเปิดระบายอากาศ รับแสงและลมธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้ห้องดูสว่างและปลอดโปร่ง เหมาะกับการเป็นพื้นที่พักผ่อนที่เรามักใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดค่ะ

ระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีกว้าง 2.90 เมตร พื้นที่ด้านข้างสามารถซื้อเก้าอี้ตัวเล็กๆมาวางเข้าชุดกับโซฟาได้ ก็จะทำให้มีมุมพักผ่อนเพิ่มขึ้นอีกค่ะ

ระเบียงที่ได้ค่อนข้างกว้าง มีพื้นที่ขนาด 0.80×2.95 เมตร เมื่อวางเครื่องซักผ้าแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ว่างอยู่ จึงสามารถจัดเป็นพื้นที่สวนเล็กๆหรือเป็นมุมผ่อนคลายได้ตามไลฟ์สไตล์เลย

มุมมองจากภายในห้อง จะเห็นประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง ส่วนนั่งเล่นอยู่ทางซ้ายและห้องครัวที่มีบานเลื่อนกระจกกั้น 3 ตอนอยู่ด้านขวา

ในรูปแบบห้องนี้ก็ยังได้ตู้วางรองเท้าแบบ Built – In จากทางโครงการนะคะ ยกเว้นห้อง B1 แบบ 1 Bedroom ที่มีลักษณะเป็น Studio จะได้ชั้นวางทีวีอย่างเดียวค่ะ

ชั้นวางทีวีแบบ Built – In จากทางโครงการ เคลือบผิวด้วยเมลามีน มีช่องใส่ของและส่วนที่เป็นบานเปิดอยู่ด้านข้าง ใช้งานง่ายค่ะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 จุด พร้อมอุปกรณ์ Smoke Detector ส่วนไฟตกแต่งอื่นๆสามารถติดตั้งเพิ่มเองได้ภายหลังค่ะ

ห้องครัวมีลักษณะเป็นแบบปิด กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ทำให้ยังได้แสงสว่างที่ผ่านเข้ามาจากประตูฝั่งห้องนั่งเล่นไปด้วยค่ะ เคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบ Built – In ยาวเต็มแนวผนัง ส่วนฝั่งที่อยู่เหนือช่องใส่ตู้เย็นจะไม่ได้นะคะ

ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ติดตั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวและเครื่องดูดควันยี่ห้อ Hafele มาให้ ด้านบนเป็นตู้เก็บของแบบบานเปิด พร้อมระบบ Soft Close ส่วนด้านล่างจะเป็นลิ้นชักและตู้เก็บของใต้อ่างล้างจานเหมือนในห้องรูปแบบอื่นๆค่ะ

ฝ้าเพดานเป็นฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 จุดพร้อม Smoke Detector พื้นที่ใช้งานด้านหน้าหักส่วนตู้เย็นออกไปเหลือประมาณ 0.90×1.00 เมตรค่ะ

ขยับเข้ามาที่ส่วนพักผ่อนด้านใน จะประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์และ 1 ห้องน้ำค่ะ

เริ่มกันที่ห้องนอน จะมีตู้เสื้อผ้าเป็นส่วนแต่งตัวอยู่ภายใน ตรงกลางสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ แล้วยังเหลือพื้นที่ไว้วางชั้นหรือตู้เล็กๆที่ด้านข้าง

มีหน้าต่างบาน Fix กระจกขนาดใหญ่ พร้อมติดตั้งบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด จะเปิดรับลมเพื่อระบายอากาศ หรือนอนชมวิวเวลาพักผ่อน ก็ได้บรรยากาศปลอดโปร่ง ผ่อนคลายค่ะ

ตู้เสื้อผ้าแบบ Built – In สูงถึงฝ้า ประตูบานเปิดคู่ เคลื่อบผิวด้วยเมลามีน ทนความชื้นและรอยขีดข่วนได้ ภายในมีชั้นวางด้านบน ราวแขวนและลิ้นชักด้านล่าง

ระยะใช้งานด้านหน้าประมาณ 1.00 เมตร จะเปิด – ปิดประตู หมุนตัวลองเสื้อผ้า ก็สามารถทำได้สบายๆเลยค่ะ

ระยะปลายเตียงถึงผนังกว้าง 0.80 เมตร ถ้าใครอยากซื้อเป็นชั้นวางขนาดเล็กเพื่อวางทีวีหรือเพิ่มพื้นที่เก็บของก็สามารถทำได้นะคะ ส่วนพื้นที่ข้างเตียงกว้าง 0.55 เมตร เดินเข้า – ออกใช้งานได้อย่างสะดวกค่ะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาน์ไลท์มาให้ 4 ชุด บริเวณด้านข้าง ทำให้ไม่รบกวนเวลาสายตาเวลาพักผ่อน และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คืออุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย Smoke Detector ค่ะ

ส่วนห้องอเนกประสงค์จะอยู่ติดกับห้องนอน ในห้องตัวอย่างสามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ พร้อมตู้และชั้นวางของ หากอยากได้ฟังก์ชันเป็นห้องทำงาน ก็สามารถทำได้ หรือใครรู้สึกว่าตู้เสื้อผ้าเพียงตู้เดียวไม่เพียงพอ ก็สามารถทุบผนังห้องนอน ต่อเติมเป็นส่วนห้องแต่งตัวได้ค่ะ เพราะผนังของห้องเป็นอิฐมวลเบา แต่ทั้งนี้ก็ต้องสอบถามกับทางโครงการก่อน เพื่อความถูกต้องและปลอดภัยนะคะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 จุด พร้อม Smoke Detector

ต่อมาเป็นส่วนห้องน้ำ จะแยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้อย่างชัดเจน ทำให้ใช้งานและทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ

สุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบครบชุดของยี่ห้อ Cotto เหมือนกับรูปแบบห้องอื่นๆเลย และมีปลั๊กพร้อมช่องเสียบ USB มาให้ด้วยเช่นเดียวกัน

ส่วนอาบน้ำ จะมีช่องใส่ของอยู่ด้านข้างบนผนัง ทำให้สะดวกไม่ต้องหาชั้นมาติดตั้งภายหลัง ส่วนฝักบัวได้เป็นแบบ Hand Shower ยี่ห้อง Cotto ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกว้าง ขนาด 0.80 x 1.20 เมตร มีการทำขอบพื้นขึ้นมาเพื่อแยกการใช้งานของส่วนเปียกและส่วนแห้ง

ด้านหน้าโถสุขภัณฑ์ก็ได้พื้นที่กว้าง เดินเข้า – ออก ใช้งานได้อย่างสะดวก

กระจกในห้องน้ำได้แบบเต็มบาน ทำให้ห้องน้ำดูกว้าง ไม่อึดอัดค่ะ

ฝ้าเพดานห้องน้ำฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 จุด พร้อมพัดลมดูดอากาศค่ะ

Type B1 หรือห้อง 1 Bedroom Studio เป็นห้องไซส์เริ่มต้นของโครงการ ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 23.35 – 25.50 ตร.ม. เหมาะสำหรับพักอาศัยอยู่คนเดียว หรือไม่เกิน 2 คนกำลังดีค่ะ โดยรูปแบบห้องนี้ จะได้ส่วนครัวแบบปิดและห้องน้ำอยู่ที่ด้านหน้า และส่วนห้องนอนอยู่ด้านใน แบ่งส่วน Service และพักผ่อนไว้อย่างชัดเจน ด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้เมื่อเปิดประตูเข้ามา คนภายนอกจะยังไม่สามารถมองเห็นภายในห้องได้ จึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ

Image 1/9
เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวแบบ Built - In แนวยาว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำค่ะ

เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวแบบ Built - In แนวยาว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำค่ะ

Type B3 หรือห้อง  1 Bedroom Smart Closet เป็นห้องที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้พื้นที่แต่งตัวแบบเป็นสัดส่วนค่ะ โดยห้องรูปแบบนี้จะมีลักษณะเป็นตอนลึก ด้านหน้าจะได้ส่วนครัวปิด กั้นด้วยบานเลื่อนกระจก 3 ตอน และส่วนนั่งเล่นกับห้องนอนจะใช้พื้นที่ร่วมกันค่ะ ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ ส่วนแต่งตัวที่แยกออกมาชัดเจน และสามารถเดินเชื่อมใช้งานกับห้องน้ำและระเบียงด้านนอกได้ เมื่ออาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย หากซักผ้าหรือตากผ้า ก็ไม่ต้องเดินไกล ได้ทั้งความสะดวกและเป็นส่วนตัวเลยค่ะ

Image 1/10
ส่วนครัวแบบปิดที่ด้านหน้า กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน

ส่วนครัวแบบปิดที่ด้านหน้า กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน

รูปแบบห้องสุดท้ายของโครงการก็คือ Type BP2 ห้อง 1 Bedroom Plus โดยห้องนี้จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า Type BP1 อยู่เล็กน้อย และมีลักษณะแปลนที่เป็นแบบตอนลึก ไม่ใช่หน้ากว้างแบบห้อง Type BP1 ค่ะ แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือห้องครัวที่ได้จะเป็นแบบปิด และส่วนห้องนั่งเล่นจะมีหน้าต่าง ให้เปิดระบายอากาศและรับแสงจากธรรมชาติได้โดยตรง ซึ่งในห้องนี้ส่วนของห้องอเนกประสงค์อยู่ติดกับระเบียง และส่วนด้านหน้าที่เป็นประตูจะติดกับห้องนั่งเล่น มีลักษณะเป็นบานเลื่อนกระจก 3 ตอน จึงทำให้ภายในห้องได้แสงสว่างมากขึ้น ถัดมาที่ห้องนอน จะยังคงเป็นประตูบานทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวเวลามีคนเข้า -ออกในห้อง ส่วนห้องน้ำเปิดเข้าได้จากภายนอกและภายในห้องนอน ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวก เวลาอาบน้ำเสร็จ ก็ไม่ต้องเดินอ้อมออกมาข้างนอกค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

Origin Play Sri Udom Station ราคา ณ วันที่ 24 กันยายน 2565

  • Type B1 ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 23.35 – 25.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.xx ล้านบาท*
  • Type B2 ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 26.40 – 30.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.xx ล้านบาท*
  • Type B3 ห้อง 1 Bedroom Smart Closet พื้นที่ใช้สอยภายใน 25.35 – 29.25 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.xx ล้านบาท*
  • Type BP1 ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34.55 – 34.90 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.xx ล้านบาท*
  • Type BP2 ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 33.05 – 33.55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.xx ล้านบาท*
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ของยี่ห้อ Cotto
  • มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ เซ็นทรัล บางนา / BTS อุดมสุข / ศรีอุดม
  • จอง 10,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 53 บาท/ตร.ม./เดือน ( อาคาร A , B )
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน ( อาคาร C , D เลี้ยงสัตว์ได้ )
  • ค่าประกันแรกเข้า 5,000 บาท (สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง)
  • ห้อง 23-28 ตร.ม. สามารถเลี้ยงสัตว์ได้แค่ 1 ตัว ส่วนห้องที่ขนาด 33-34 ตร.ม. สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ 2 ตัว
  • สามารถเลี้ยงน้องหมาและแมว ขนาดเล็กสูงไม่เกิน 15 นิ้ว และมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 10 กิโลกรัม
  • ห้ามเลี้ยงสัตว์ปีกและสัตว์เลื่อยคลานทุกประเภท

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการ Origin Play Sri Udom Station ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 103 เป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ โดยในซอยก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเส้นอื่นได้อีก เช่น ถนนบางนาตราด ถนนสุขุมวิท 101/1 ทำให้เหมาะกับคนที่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลักค่ะ ในเรื่องความอุดสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณต้นซอยฝั่งที่ติดกับ BTS อุดมสุข ที่จะมีทั้งตลาดสดขนาดใหญ่และ Community Mall แต่รอบโครงการก็ยังมีร้านค้าและร้านอาหารให้พอเลือกจับจ่ายอยู่นะคะ หรือใครอยากจะไปห้างสรรพสินค้า ก็สามารถใช้ทางลัดเชื่อมไปยังเซ็นทรัล บางนาที่อยู่ติดกับถนนบางนา – ตราดด้านหลังได้อีกด้วย

การเดินทางโดยใช้รถ :

ถือว่าเหมาะสมและสะดวกสบายสำหรับย่านนี้ทีเดียวค่ะ แต่ในช่วงเช้าและเย็นอาจจะมีการจราจรติดขัดอยู่บ้างนะคะ แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกใช้ทางลัดไปออกยังถนนเส้นอื่นๆได้ค่ะ โดยโครงการมีพื้นที่จอดรถไว้รองรับประมาณ 40% จัดว่าไม่มากหรือน้อยจนเกินไป แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ มี EV Charger เอาไว้รองรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าไว้ถึง 6 Slots เลยทีเดียว

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

สามารถเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าได้ถึง 2 สาย ทั้งสายสีเขียว สถานีอุดมสุข และสายสีเหลือง สถานีศรีอุดม โดยจะอยู่ใกล้กับสถานีศรีอุดมมากกว่า ระยะจากหน้าโครงการประมาณ 650 เมตร แต่ในการเดินทางก็ยังต้องพึ่งพารถสาธารณะเพื่อไปยังสถานีอยู่นะคะ ทางโครงการจึงได้มี Shuttle Bus เอาไว้เป็นอีกทางเลือกในการช่วยรับ –  ส่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านค่ะ

วัสดุ :

วัสดุภายในโครงการเป็นไปตามมาตรฐานของราคา โดยรูปแบบการขายจะเป็นแบบ Fully Fitted ได้เคาน์เตอร์ครัว และเฟอร์นิเจอร์ Built – in อื่นๆ เคลือบผิวด้วยเมลามีน ป้องกันความชื้นและรอยขีดข่วนได้ดี เหมาะสำหรับคอนโดที่เลี้ยงสัตว์ค่ะ ส่วนพื้นจะปูด้วยกระเบื้อง SPC ในส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอน ห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน ทนทานและทำความสะอาดง่าย สุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบครบชุด แต่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นและฉากกั้นอาบน้ำมาให้

การออกแบบ :

การออกแบบเนื่องจากเป็นอาคารที่มีฟังก์ชันเลี้ยงสัตว์ได้ จึงได้แยกอาคารสำหรับผู้อาศัยทั่วไป และผู้อาศัยที่เลี้ยงสัตว์ออกจากกัน ก็ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้ทั้ง 2 ฝ่ายและลดปัญหาที่จะตามมาในอนาคตได้ค่ะ ในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางจัดมาให้อยู่ในอาคารเดียว ก็คืออาคาร B ข้อดีของคนที่อยู่อาคารนี้ก็คือสามารถลงมาใช้ Facilities ได้ง่าย แต่ก็อาจมีเรื่องจำนวนคนที่พลุกพล่านได้เช่นกัน

แต่โครงการก็ได้แยกพื้นที่ส่วนกลางและส่วนพักอาศัยไว้ค่อนข้างดี รวมถึงจุดที่ต้องแสกนบัตรเพื่อความปลอดภัยก่อนขึ้นอาคารด้วย ส่วนพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ก็ถือว่าจัดมาให้พอประมาณ โดยจะมีโซน Pet Area อยู่ในอาคาร C และ D รวมถึงพื้นที่ดาดฟ้า ที่สามารถพาน้องๆขึ้นไปวิ่ง สูดอากาศภายนอกได้

ในส่วนของห้องพักอาศัย จะเห็นได้ว่าเป็นรูปแบบที่ Origin นำมาใช้ในหลายๆโครงการนะคะ โดยฟังก์ชันในแต่ละ Type ก็ถือว่าแตกต่างและเหมาะสมกับผู้ใช้งานที่มีความชอบและสไตล์คนละแบบได้อย่างชัดเจน อย่างรูปแบบห้องเด่นๆก็คือ Smart Kitchen และ Smart Closet เหมาะสำหรับคนชอบทำอาหาร หรืออยากได้พื้นที่แต่งตัวที่เป็นสัดส่วนและมีความเป็นส่วนตัวค่ะ ห้อง 1 Bedroom Plus ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะมีห้องอเนกประสงค์อยู่ภายใน จะทำเป็นห้องนอนหรือปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานก็ได้ ถือว่าเอาใจคนรุ่นใหม่ที่เน้นการทำงานแบบ WFH

สาธารณูปโภค :

สำหรับ Facilities ของโครงการก็ถือว่าจัดมาให้หลากหลายน่าใช้งาน เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน และอยากได้พื้นที่ไว้ทำกิจกรรมหรือผ่อนคลาย แบบไม่ต้องเดินทางออกไปไหนไกลๆด้วยค่ะ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางหลักจะอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร B ด้วยตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางโครงการ ทำให้ลูกบ้านเดินมาใช้งานได้ง่าย ครบครันทั้ง Co – Working Space , Vending Machine Area , Meeting Room ,  Game Room , Private Theater Room และ Fitness ค่ะ ส่วน Facilities สำหรับสัตว์เลี้ยงก็มี Pet Area บน Rooftop ที่สามารถให้เจ้าของพาน้องๆมาวิ่งเล่น ปลดปล่อยพลังงานได้


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 84,000 บาท/ตร.ม., 24 กันยายน 2565

  • ทำเล 7.5/10 – อยู่ติดถนนสุขุมวิท 103 เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและศรีนครินทร์
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สามารถใช้ทางลัดเชื่อมถนนได้หลายสาย ใกล้ทางด่วน
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มี Shuttle Bus คอยรับ –  ส่งระหว่างสถานีรถไฟฟ้า 2 สาย
  • วัสดุ 7.5/10 – ได้แบบ Fully Fitted วัสดุตามมาตรฐานราคา
  • แบบ 7.5/10 – ฟังก์ชันเป็นสัดส่วนลงตัว ใช้งานได้ทั้งผู้อาศัยทั่วไปและผู้ที่เลี้ยงสัตว์
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – จัดมาเหมาะสมตามมาตรฐาน เมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียงกัน

  • MAIN CLASS
  • 7.54 / 10.00

Origin Play Sri Udom Station เหมาะกับใคร

โครงการ Origin Play Sri Udom Station เหมาะกับคนที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดมิเนียม และบุคคลทั่วไปที่ทำงานในย่านอุดมสุข – ลาดกระบัง ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลัก ต้องการทำเลที่สามารถเดินทางเข้า – ออกเมืองได้อย่างสะดวก มีงบประมาณระดับ 1.89 – 4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 11,673.96 – 24,706.79 บาท/เดือนค่ะ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc