รีวิวฉบับที่ 2055 … สำหรับโครงการ dcondo รามคำแหง 40 จาก แสนสิริ คอนโดน้องใหม่ในซอยรามคำแหง 40 ที่เป็นถนน Two way เชื่อมต่อถนนหลัก 2 เส้น และปากซอยก็มีรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีหัวหมาก ห่างจากโครงการประมาณ 650 m. เป็นส่วนตัวเพราะยูนิตไม่มาก ส่วนกลางจัดมาให้เยอะกว่าตระกูล dcondo อื่นๆในละแวก ฟังก์ชันห้องดูกว้างขวาง ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ ในราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท จะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ

ข้อมูลโครงการ

10 March 2020

  • dcondo Ramkhamhaeng 40 (ดีคอนโด รามคำแหง 40)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยรามคำแหง 40ถนน รามคำแหง เขต บางกะปิ
  • ที่ดินประมาณ 3 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 369 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ 132 คัน คิดเป็น 35% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • เริ่มก่อสร้าง :  1 ก.ค. ปี 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 1 ธ.ค. ปี 2564
  • Presale : ประมาณปลายเดือน พ.ค. ปี 2563
  • 1 Bedroom 29.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 38 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 2 ล้านกว่าบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 56,902 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 77,000 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว (อยู่ระหว่างขออนุญาติก่อสร้าง)
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1685

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps ที่ตั้งโครงการ : 13.755843, 100.639431
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

พิกัด Google Maps สำนักงานขาย : 13.758658, 100.639297
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการตั้งอยู่ย่านรามคำแหง ในซอยรามคำแหง 40 ซึ่งเป็นหนึ่งในซอยลัดของย่านนี้ ที่เชื่อมต่อถนนรามคำแหง และถนนหัวหมากได้ครับ อีกทั้งยังเป็นทาง Two way ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น (สำหรับคนใช้รถใช้ถนน) และเหมาะกับคนที่ทำงาน หรือใช้ชีวิตอยู่แถวบางกะปิ รามคำแหง หัวหมาก พระราม 9 และกรุงเทพกรีฑาครับ

ความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้ที่สุดก็คงจะไม่พ้นแถว The Mall บางกะปิ ซึ่งจะมีทางลัดเข้าด้านหลังได้ครับ อยู่ตรงข้ามกับซอยรามคำแหง 46 หรือห่างจากปากซอยรามคำแหง 40 ไปทางขวาอีกประมาณ 280 m. จะมีทั้งที่จอดรถ และสะพานให้ข้ามคลองแสนแสบไปฝั่งตัวห้างได้ครับ

และถ้าใครชอบร้านค้าและตลาดแนว Street หน่อย ฝั่งซ้ายของปากซอยรามคำแหง 40 จะมีโรงพยาบาลรามคำแหงตั้งอยู่ ซึ่งซอยข้างๆโรงพยาบาลจะคึกคักมาก มีทั้งหอพักให้เช่าและร้านขายของกินเพียบ รวมถึงบริเวณโรงเรียนอัสสัมชัญก็ร้านค้าเยอะมากครับ (ถนนหัวหมาก ด้านหลัง ม.รามคำแหง และสนามราชมังคลาฯ) แต่ก็ขอบอกก่อนว่ารถค่อนข้างติดมากเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาเลิกเรียนหรือมีการแข่งขันกีฬา

ส่วนถ้าใครชอบร้านสวยๆชิคๆ ผมแนะนำให้มาโซนพระราม 9 ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งมีร้านอาหารและร้านกาแฟน่านั่งดีๆอยู่ในซอยพระราม 9 ..อย่างร้านที่ผมมานั่งเขียนรีวิวอยู่นี้คือ The Hub Cafe and Eatery ในถนนเสรี 9 ที่ห่างจากโครงการเพียง 10 นาทีเท่านั้น (กรณีรถไม่ติด) และยังมีอีกหลายๆร้านที่น่าสนใจ ไว้มีโอกาสไปทำรีวิวแถวนั้นแล้วผมจะมาบอกอีกนะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะของย่านนี้ ถือว่ามีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลายเลยครับ แต่ด้วยความที่ตัวโครงการอยู่ภายในซอย จึงอาจต้องต่อรถวินมอไซค์ ซึ่งก็โชคดีมากที่วินเค้าตั้งอยู่หน้าโครงการเลยครับ ส่วนปากซอยฝั่งถนนรามคำแหงในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มวิ่งผ่าน โดยสถานีหัวหมากจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 m. (ถ้าขยันเดินหน่อยก็ยังพอได้อยู่ แต่ก็แอบเหนื่อยครับ)

หรือรถไฟฟ้าอีกเส้นหนึ่งคือสายสีเหลือง สถานีแยกศรีกรีฑา ที่วิ่งขึ้นไปทางลาดพร้าว หรือลงไปทางสมุทรปราการได้ครับ (ไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลา Interchange กับสายสีส้มก็ได้นะ) รวมถึงยังมีท่าเรือคลองแสนแสบ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการเดินทางเข้าเมืองที่สะดวกของคนในย่านนี้อีกด้วย

สำหรับการเดินทางในวันนี้ผมเริ่มต้นจาก The Mall บางกะปิ ผ่านแยกบางกะปิและแยกลำสาลี ก็จะมาถึงถนนรามคำแหง ให้เลี้ยวขวามาประมาณ 700 m. ก็จะถึงซอยรามคำแหง 40 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาได้เลยครับ โดย Sale Gallery จะอยู่ถึงก่อนที่ตั้งโครงการทางซ้ายมือ (จากปากซอยประมาณ 350 m.) ส่วนที่ตั้งโครงการจริงๆ จะอยู่เข้าไปในซอยอีกประมาณ 300 m.

Image 1/7
เริ่มต้นที่ The Mall บางกะปิ ให้ตรงมาเรื่อยๆครับ

เริ่มต้นที่ The Mall บางกะปิ ให้ตรงมาเรื่อยๆครับ

และเมื่อจอดรถเสร็จแล้ว รปภ. ก็จะขับรถกอล์ฟมาส่งให้ที่ Sale Gallery ไม่ต้องเดินเองให้เหนื่อยครับ (ขากลับก็เช่นกัน) และอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่จอดหรือไม่ ก็ต้องรอดูอีกที เพราะถ้าเริ่มก่อสร้างไปแล้ว ก็จะจอดใน Site ไม่ได้นั่นเองครับ

สำหรับ Sale Gallery จะตั้งอยู่ติดกับร้านอาหารตามสั่ง (แวะทานข้าวกันได้นะ) และภายในเข้ามาก็จะเจอกับโมเดลเลยครับ ส่วนห้องตัวอย่างก็จะอยู่ด้านในทางซ้ายมือนะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการส่วนมากจะเป็นชุมชนแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยว 1 – 2 ชั้น และบ้านแถว 2 – 3 ชั้นเป็นหลัก และมีอาคารสูงอย่างคอนโดฝักข้าวโพดตั้งอยู่ติดกันเลย สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับคอนโดฝักข้าวโพดสูง 21 ชั้น และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งติดกับบ้านสูง 1 – 2 ชั้นทางด้านหน้า
  • ทิศใต้ : ติดกับชุมชนแนวราบ เป็นบ้านแถวสูง 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : เป็นด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนซอยรามคำแหง 40 ฝั่งตรงข้ามเป็น Apartment สูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับบ้านแถวสูง 3 ชั้น และมองไปทางโครงการเพื่อนบ้านอย่าง Niche Mono รามคำแหง ซึ่งเป็นโซนอาคาร Low Rise สูง 7 ชั้น

เรามาเดินดูรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ ซึ่งนี่เป็นบริเวณด้านหน้าโครงการ ที่มีการล้อมรั้วเตรียมก่อสร้างแล้วเรียบร้อย

ด้านซ้ายติดกับที่ว่างอยู่แปลงหนึ่ง ซึ่งด้านหน้าตรงมุมที่ดินโครงการจะเป็นวินมอไซค์ครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามกับโครงการจะเป็น Apartment สูง 8 ชั้น และจากที่สอบถามคนในพื้นที่มาทำให้ทราบว่า รถที่เห็นจอดอยู่เรียงรายตามข้างทาง ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกบ้านที่เช่าอยู่ที่ Apartment แห่งนี้นี่เอง (เพราะที่จอดเค้าไม่พอ) โดยการจอดจะเปลี่ยนฝั่งสลับวันคู่-วันคี่นะ แต่ก็ยังมีระยะถนนพอให้ขับรถสวนทางกันได้แบบพอดีๆครับ

ส่วนด้านขวาของโครงการจะเป็นคอนโดฝักข้าวโพดสูง 21 ชั้น 3 อาคาร และทางนี้ก็จะไปออกปากซอยฝั่งถนนรามคำแหงนั่นเอง

โดยผมจะพาเดินไปดูกันสักหน่อยนะ ระหว่างทางก็มีทางเท้าให้เดินได้ครับ รวมถึงยังมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอยู่บ้าง 3 – 4 ร้าน ถือว่าหาของกินได้ไม่ยากนัก

ที่ซอยนี้มีร้านค้าอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมีทั้งคอนโด โรงแรม และ Apartment เก่าๆอยู่หลายแห่งเลยนั่นเอง ร้านเหล่านี้จึงเข้ามารองรับคนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ครับ

ส่วนปากซอยทางด้านซ้ายมือ (ฝั่งเดียวกับโครงการ) ก็กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีหัวหมากกันอยู่ รวมถึงมีวินมอไซค์ที่ปากซอยฝั่งนี้อีกด้วย ซึ่งค่าโดยการไปโครงการก็เพียง 10 บาทเท่านั้น

ถ้าเราเลี้ยวขวามาจากปากซอยก็จะเจอกับป้ายรถเมล์ครับ รวมถึงมีสะพานลอยให้เดินข้ามได้สะดวกอีกด้วย (แต่ถ้าสถานีรถไฟใต้ดินสร้างเสร็จ ก็ใช้เดินลอดใต้ถนนได้เช่นกันครับ)

ขึ้นมาดูด้านบนสะพานลอยกันหน่อยครับ ทิศนี้เป็นทางที่มุ่งหน้าไปทาง ม.รามคำแหง ซึ่งปัจจุบันยังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มกันอยู่ เลยทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัดอยู่เหมือนกันครับ

ส่วนทิศนี้เป็นทางที่มุ่งหน้าไปมีนบุรี ด้านซ้ายมือห่างออกไปอีก 280 m. จะเป็นทางที่เชื่อมต่อไปยังหลังห้าง The Mall บางกะปิ อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ (ตรงที่มีตึก The Tree 3 อาคารกำลังก่อสร้างอยู่)

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • รพ.รามคำแหง ~ 950 ม.
  • รามคำแหง ไนท์ มาร์เก็ต (ตลาดนัด กกท.) ~ 2.5 กม.
  • ม.รามคำแหง ~ 2.5 กม.
  • The Mall บางกะปิ ~ 2.8 กม.
  • ตะวันนา ไนท์ บาร์ซาร์ ~ 3 กม.
  • ม.อัสสัมชัญ (วิทยาเขตหัวหมาก) ~ 3.1 กม.
  • รพ.สมิติเวชศรีนครินทร์ ~ 3.2 กม.
  • รร.เทพลีลา ~ 3.3 กม.
  • รร.สาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 3.5 กม
  • Tesco Lotus บางกะปิ ~ 4 กม.
  • รพ.เวชธานี ~ 4 กม.
  • สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ~ 4.3 กม.
  • HomePro รามคำแหง ~ 4.4 กม.
  • รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 4.6 กม.
  • รพ.ลาดพร้าว เจอเนอรัล ~ 4.7 กม.
  • The Paseo Town รามคำแหง ~ 4.8 กม.
  • ม.รัตนบัณฑิต ~ 5.1 กม.
  • The Nine Center พระราม 9 ~ 6.3 กม.
  • The Mall รามคำแหง ~ 6.4 กม.
  • ม.เกษมบัณฑิต ~ 6.8 กม.
  • สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ~ 6.9 กม.
  • Big C รามคำแหง ~ 6.9 กม.
  • รพ.กรุงเทพ ~ 8.1 กม.
  • รพ.ปิยะเวท ~ 10.6 กม.
  • รพ.พระราม 9 ~ 11.7 กม.

รายละเอียดโครงการ

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาผมขอเกริ่นอะไรสักนิดนึง คือ ณ วันที่ผมเข้าไปทำรีวิวนี้เป็นวันก่อนช่วง Presale ของโครงการครับ ซึ่งทางแสนสิริเค้าเปิดขายเพียงชั้น 2 , 3 และชั้น 8 เท่านั้น ส่วนชั้นอื่นๆจะเปิดอีกทีในอนาคต (ลองสอบถามดูอีกทีนะ)

โครงการ dcondo รามคำแหง 40 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 369 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3 ไร่ มีรูปทรงอาคารเป็นรูปตัว L โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ และตกแต่ง Facade ด้วยเส้นตรงลักษณะ Modern สไตล์เรียบง่าย

ทางเข้าโครงการจะมีซุ้มประตูและ รปภ. ตั้งอยู่ ซึ่งของจริงจะมีไม้กั้นกระดกที่ใช้ระบบ Key Card Access ระยะใกล้ โดยจากด้านนอกโครงการนี้เรายังจะมองเข้าไปไม่เห็น พื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในครับ

ส่วนด้านหลังจะมีพื้นที่เหลือ ซึ่งทางโครงการได้จัดออกมาเป็นลานจอดรถกลางแจ้ง และปลูกต้นไม้ทำสวนเพิ่มเติม ซึ่งก็จะทำให้ห้องพักที่หันออกมาด้านนอก มีระยะสายตา(จากอาคารรอบข้าง)มากขึ้นด้วยครับ

เรามาดู Master Plan กันต่อครับ สำหรับทางเดินรถจะเป็นแบบ Two way ถนนกว้าง 6 m. สามารถขับรถสวนทางกันได้พอดี และจอดรถได้ประมาณ 35% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งพื้นที่โครงการไม่ได้เป็นทรงเรียบๆ แต่จะมีพื้นที่ยื่นออกมาซึ่งเค้าก็ไม่ได้ปล่อยให้สูญเปล่า แต่จะทำเป็นสวนและที่จอดรถเพิ่มเติมให้ลูกบ้านได้ใช้ประโยชน์กัน

ส่วน Lobby จะแยกอาคารกัน และพื้นที่ส่วนกลางจะถูกจัดอยู่กลางแจ้งตรงกลาง ทำให้แต่ละอาคารสามารถมาใช้งานได้สะดวก รวมถึงห้องที่หันมาด้านใน ก็ยังสามารถชมวิวสวยๆสระได้อีกด้วย จะมี Facilities แบบ Indoor ที่ต่างกันอย่างละ 1 ฟังก์ชันคือ อาคาร A จะเป็น Fitness ส่วนอาคาร B จะเป็น Co-Working Space ครับ ถ้าใครที่ชอบใช้งานฟังก์ชันไหนบ่อยๆ ก็สามารถเลือกอยู่อาคารนั้นเพื่อความสะดวกได้ครับ

และ Facilities ตรงกลางจะประกอบด้วย Swimming Pool , Jacuzzi และมีพื้นที่ให้นั่งเล่นพักผ่อนตามริมสระได้ บรรยากาศที่จัดมาในโมเดลก็มีการปลูกต้นไม้ประดับเอาไว้ ดูสวยงามดีครับ

สิ่งที่แตกต่างจากโครงการ dcondo อื่นของแสนสิริคือ เค้าจะไม่ทำเป็นอาคาร Clubhouse แยกออกมาไว้ตรงกลาง เนื่องจากต้องการให้พื้นที่ด้านในมีความโปร่งโล่งมากที่สุด และใช้งานได้ง่ายนั่นเองครับ

Image 1/6
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณทางเข้าด้านหน้าโครงการ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณทางเข้าด้านหน้าโครงการ

ชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 เป็นต้นไปนะ เพียงแต่จะยังไม่ใช่ Typical Floor Plan เพราะทั้ง 2 อาคาร จะมีห้องพักหายไป 1 ห้อง เนื่องจากชั้นล่างเป็นโถง Lobby แบบฝ้าเพดานสูงนั่นเองครับ โดยชั้นนี้ก็จะเหมาะกับคนที่เน้นชมวิว Facilities ด้านในโครงการแบบใกล้ๆได้นั่นเอง (แลกกับความเป็นส่วนตัวที่น้อยกว่าชั้นสูงกว่านี้หน่อย เวลาคนมองขึ้นมาที่หน้าต่างห้องเรา)

และจากขนาดของตัวตึกจะเห็นว่า อาคาร A จะมีจำนวนห้องพักที่เยอะกว่าครับ (ชั้นละ 31 ยูนิต ยกเว้นชั้น 2 จะมี 30 ยูนิต) และยังอยู่ใกล้กับทางเข้าโครงการที่ทุกคนจะต้องใช้เป็นทางผ่าน จึงเป็นอาคารที่มีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าอาคาร B (ที่มีชั้นละ 22 ยูนิต ยกเว้นชั้น 2 จะมี 21 ยูนิต) แลกกับการที่ต้องอยู่ลึกเข้าไปด้านในมากกว่าครับ

เรามาดูชั้น 3 – 8 ที่เป็น Typical Floor Plan กันบ้างครับ โดยตำแหน่งห้องที่น่าสนใจเริ่มจากบริเวณมุมอาคารรูปตัว L ที่อยู่ด้านนอก จะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่มีชั้นละ 1 ยูนิต เท่านั้น ทั้งโครงการจึงมีเพียง 14 ยูนิต นับว่าน้อยมากๆครับ ใครสนใจห้องใหญ่ต้องรีบจับจองกันให้ไวเลย ส่วนห้องที่เหลือจะเป็น 1 Bedroom ขนาดมาตรฐานของโครงการ ซึ่งมีตำแหน่งที่น่าสนใจดังนี้

  • สีแดง : เป็นตำแหน่งห้องพิเศษราคาเริ่มต้น 1.69 ล้าบาทของโครงการ เนื่องจากอยู่ตรงโถงลิฟต์พอดี จะมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าเพื่อน และที่ชั้น 2 ก็จะยังถูกบล็อควิวจากบ้านแถวด้านนอกอยู่ครับ แต่ถ้าใครที่ไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ ก็ถือเป็นราคาที่น่าสนใจทีเดียว
  • สีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งที่ผมคิดว่าดีที่สุด เหมาะกับคนที่เน้นชมวิวสระว่ายน้ำสวยๆด้านในโครงการ เพราะจะเป็นตำแหน่งที่ได้ระยะสายตาค่อนข้างไกลครับ แลกกับราคาที่สูงกว่าตำแหน่งอื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าอยากมองเห็นวิวโดยไม่ต้องก้มมากนัก ผมแนะนำไม่เกินชั้น 5 กำลังดีครับ
  • สีชมพู : เป็นตำแหน่งภายนอกที่จะได้วิวสวนด้านข้างโครงการ จะค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่าส่วนกลางตรงกลางโครงการ ที่จะมีคนไปใช้งานเยอะกว่านั่นเองครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby แยกอาคาร
  • Garden
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 18 x 3 เมตร (เป็นขนาดที่ความลึก 1.2 m. ที่สามารถว่ายได้จริง)
  • Jacuzzi
  • Fitness
  • Co-Working Space & Co-Kitchen
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 92 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 108  : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 76.5 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 132 คันคิดเป็น 35% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access ระยะใกล้
  • Shuttle Bus ไปกลับรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีหัวหมาก

แบบห้อง

สำหรับแบบห้องของโครงการนี้จะมีหลักๆอยู่แค่ 2 แบบ ขายแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์มาครบเลยครับ ขาดแค่ฟูกที่นอน และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนก็เข้าอยู่ได้แล้ว เหมาะกับคนที่พร้อมเข้าอยู่เลย ไม่อยากเสียเวลาแต่งห้องเอง ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom 29.7 – 30 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 38 – 39 ตร.ม. (เป็นห้องมุม และมีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น)

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.7 ตารางเมตร เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ดูหน้ากว้างและโปร่งโล่งดีมากๆครับ เนื่องจากเค้ากั้นห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เน้นพื้นที่ห้องนั่งเล่นด้านหน้าให้มีขนาดใหญ่ และเหลือพื้นที่ห้องนอนเอาไว้แบบพอดีๆ (แต่ก็ไม่อึดอึดจนเกินไป) นั่นจึงทำให้เวลาเปิดประตูเข้าห้องมาแล้ว หลายๆคนจึงรู้สึกว้าวกับความกว้างนั่นเองครับ

ส่วนทางขวามือเค้าจะดันฟังก์ชันใช้งาน แยกออกไปไว้ฝั่งเดียวกันทั้งหมด โดยผมจะค่อนข้างชอบตรงที่เราได้ครัวปิดอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งสามารถเปิดระบายอากาศเวลาทำอาหารได้ง่าย หรือแม้แต่การระบายกลิ่น และความชื้นในห้องน้ำออกสู่ภายนอกก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะเราสามารถเปิดประตูระเบียงทิ้งไว้ได้ โดยที่ไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนด้านในเลยครับ

ภายในห้องก็ค่อนข้างกว้างและดูโปร่งโล่งดีทีเดียว มีระยะดูทีวีประมาณ 3 m. ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.5 m. และปูพื้นด้วยไม้ลามิเนต

สิ่งที่แปลกตาสำหรับผมคือ เค้าจะใช้เป็นไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า ขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าปกติที่เราเคยเห็นกันทั่วไปครับ ส่วนประตูห้องของจริงจะมี Digital Door Lock ติดตั้งมาให้ด้วยครับ (พอดีที่หน้างานยังไม่มีให้ดูนะ)

ขวามือตรงทางเข้าห้องจะมีชุดตู้ Built in มาให้ครบเซ็ตเลย ทั้งชั้นวางทีวี ตู้เก็บของ และตู้รองเท้า ซึ่งพอเราเข้าห้องมาก็ถอดเก็บได้ทันที

ส่วนอีกด้านจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่แถมมาให้ในแพ็คเกจนะ ได้ครบเลยครับทั้งโซฟา โต๊ะทานอาหาร เก้าอี้ และโต๊ะกลาง

โดยเฉพาะโซฟาเราสามารถเก็บของด้านล่าง หรือจะพับเป็น Sofa Bed ก็ได้เหมือนกัน โดยแลกกับลักษณะของโซฟาที่ต้องเผื่อพื้นที่ด้านหลังมากกว่าปกติ จึงทำให้ระยะดูทีวีที่ควรจะเป็น 3 m. จะเหลือประมาณ 2.6 m. ครับ

และที่โต๊ะทานอาหารก็สามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้ครับ นั่งทำงานอ่านหนังสือไป และดูทีวีไปด้วยแบบนี้เลย

ส่วนของห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่แบบ 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างถึง 2.15 m. ซึ่งตัวกรอบจะมีการอัพเกรดขึ้นมาจาก dcondo ตัวเก่าๆ ที่เคยเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ (สีเงิน) ก็จะเปลี่ยนเป็น Powder Coat สีดำ พร้อมมีตัวล็อคในห้องครับ

และเมื่อเราเปิดออกกว้างก็จะทำให้ห้องทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกัน ดูโปร่งโล่งมากขึ้นโดยไม่มีอะไรมากั้น หรือถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวเวลามีเพื่อนมาหา ก็สามารถติดม่านเพิ่มได้นะ

ส่วนภายในห้องนอนผมจะชอบช่องหน้าต่าง ที่ให้มาค่อนข้างกว้างกว่าปกติ และก็สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆ ซึ่งมีพื้นที่เหลือปลายเตียง 65 cm. ให้พอจะยืนแต่งตัวได้ครับ

โดยห้องนี้เค้าจะวางเตียงชิดไปทางหน้าต่างมากหน่อย ทำให้ด้านซ้ายเหลือพื้นที่ประมาณ 90 cm. (หรือใครจะวางเตียงตรงกลาง ให้ขึ้น-ลงสะดวกทั้ง 2 ฝั่งก็ยังพอได้นะ)

ปลายเตียงจะมีทั้งตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และโต๊ะเครื่องแป้ง Built in มาให้แบบนี้เลยครับ ขนาดกำลังพอดีเหมาะกับการใช้งาน 1 – 2 คน และมีสีสันเข้าชุดกับตู้ด้านนอกสวยดี

ถัดมาตรงกลางห้องจะมีประตูบานเลื่อนที่กั้นส่วนใช้งาน กับส่วนพักผ่อนให้แยกออกจากกันชัดเจนเป็นสัดส่วน ใช้เป็นกระจกฝ้าจะได้ดูเรียบร้อย และใช้งานปลอดภัยไม่ต้องเปิดประตูชนกัน

ประตูติดรางแบบแขวนด้านบน กับมีธรณียกสูงขึ้นมา 10 cm. (ระวังเดินสะดุดกันนะ) และที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ ประตูบานนี้เป็นแบบ Soft Close ที่ปิดแรงๆได้เลย ไม่กลัวกระแทกครับ

ภายในเป็นครัวปิดแยกเป็นสัดส่วน และติดกับระเบียงภายนอก ได้ทั้งแสงธรรมชาติ และเปิดระบายอากาศก็ได้ สามารถทำอาหารได้จริงจังเลยครับ

พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ความกว้างอยู่ที่ 90 cm. สามารถใช้งานได้สบายๆ ส่วนพื้นที่วางตู้เย็นจะกว้าง 70 cm. นะครับ แต่จุดที่ต้องระวังคือ อย่าซื้อตู้เย็นที่สูงเกิน 1.55 m. ขึ้นไป เพราะไม่งั้นจะติดหน้าต่างห้องน้ำด้านบนได้นั่นเอง

ส่วนเคาน์เตอร์ครัวเราจะได้ตามนี้ทุกอย่างเลย Top เป็นเมลามีน ที่ต้องใช้งานระวังหน่อย เพราะเค้าไม่ได้ทนความชื้นหรือความร้อนมากๆได้ดีนัก ไม่มี Hob&Hood มาให้นะครับ แต่จะมีอ่างล้างจาน 1 หลุม ที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว (50 x 50 cm. ลึก 18 cm.)

และอาจต้องเพิ่ม Backsplash ที่ผนังด้านหลังครับ เวลาเลอะจะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆ และซ้ายมือมีจะพื้นที่เหลือให้ทำชั้นวางของเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่จะเปิดได้กว้าง 75 cm. และภายนอกก็มีพื้นที่ขนาด 1 x 1.4 m. สามารถวางเครื่องซักผ้าและออกไปยืนตากผ้าได้พอดีๆครับ

ส่วนอีกด้านของห้องครัวจะเป็นห้องน้ำนะ ซึ่งถ้าเราต้องการระบายกลิ่นหรือความชื้น ก็สามารถเปิดหน้าต่างกับประตูค้างไว้แบบนี้ ก็จะสามารถระบายออกไปทางระเบียงได้เลย (แนะนำให้ติดตั้งมุ้งลวดเพิ่มครับ จะได้ช่วยกันแมลงได้ดี)

ภายในห้องน้ำจะได้ของทุกอย่างตามนี้ ทั้งสุขภัณฑ์และฉากกั้นอาบน้ำ แยกฟังก์ชันส่วนแห้งและส่วนเปียกออกจากกันชัดเจนครับ

พื้นที่ส่วนแห้งมีขนาด 1.3 x 1.4 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ของ American Standard และห้องนี้จะไม่มีพัดลมดูดอากาศนะครับ จะสามารถระบายอากาศได้จากช่องหน้าต่างด้านบนเท่านั้น

พื้นที่ส่วนเปียกจะกั้นฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แล้วเรียบร้อย เป็นสีดำค่อนข้างดูดีทีเดียว ภายในมี Hand Shower และเจาะช่องวางของที่ผนังมาให้แบบนี้เลยนะ

ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นจะเป็น Promotion เฉพาะในช่วง Presale นี้เท่านั้นครับ ถ้าห้องไหนที่ไม่ได้แถมให้ เค้าก็จะทิ้ง Junction box เอาไว้ให้ติดตั้งได้เองในอนาคตนะ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็มีขนาด 1 x 0.7 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีธรณีก่อขึ้นมา 13 cm. ค่อนข้างสูง ระวังสะดุดกันด้วยครับ

นอกจากนี้ผมยังถ่ายรูปมุมสวยๆมุมอื่นมาฝากกันด้วย คลิกดูได้เลยนะคร้าบ

Image 1/4
ภาพรวมของห้อง

ภาพรวมของห้อง

ส่วนห้องพิเศษอีกแบบหนึ่งก็คือ 1 Bedroom Plus ขนาด 38 ตารางเมตร ซึ่งมีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ฟังก์ชันห้องผมค่อนข้างชอบนะ โดยเค้าจะยังคงเน้น Common area ให้มีขนาดใหญ่ พอเปิดประตูเข้ามาภายในก็จะรู้สึกกว้างมากๆ เพราะห้องอเนกประสงค์ก็กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน และห้องครัวไม่ได้กั้นผนังมาให้ ก็ยิ่งทำให้พื้นที่ดูเชื่อมต่อถึงกันได้ดี

แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารบ่อยๆ ก็สามารถกั้นเพิ่มได้นะครับ (แลกกับพื้นที่ห้องจะดูเล็กลงบ้าง และการใช้งานห้องน้ำก็อาจลำบากมากขึ้น) และที่ผมชอบอีกอย่างคือ ห้องน้ำจะมีช่องหน้าต่างระบายอากาศสู่ภายนอกโดยตรงได้ (เหมือนบ้านแนวราบเลย) ถือว่าดีครับ จะได้ถูกสุขอนามัย ส่วนระเบียงและห้องนอนก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกันนะครับ

โดยรวมแล้วห้อง 1 Bedroom Plus จะเหมาะกับคนที่ชอบห้องใหญ่ๆกว้างๆ หรือต้องการห้องอเนกประสงค์อีกห้องหนึ่ง เผื่อไว้ทำงาน เก็บของ หรือมีลูกก็สามารถอยู่ด้วยกันได้จนโตถึงระดับหนึ่ง เพราะถึงแม้ขนาดห้องจะเคลมเป็นห้องนอนไม่ได้ (พื้นที่ไม่ถึง 8 ตารางเมตรตามกฎหมาย)

แต่ก็กว้างมากพอที่จะวางเตียง 3.5 ฟุตกับตู้เสื้อผ้าเล็กๆได้ครับ (จากที่สอบถามมาคือกว้างประมาณ 2.25 x 2.25 m.) ซึ่งถ้าใครที่มี Lifestyle แบบนี้ก็อาจต้องรีบจับจองกันไวๆหน่อยครับ เพราะมีน้อยมากๆ ส่วนจุดเด่นอื่นๆของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวเราไปสรุปกันในช่วงท้ายดีกว่าครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

ราคา

10 March 2020

  • 1 Bedroom 29.7 ตร.ม. ชั้น 2 อาคาร A ราคา 1.69 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 29.82 ตร.ม. ชั้น 3 อาคาร A ราคา 2.03 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 38.8 ตร.ม. ชั้น 8 อาคาร A ราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปเมลามีน
  • มีรถ Shuttle Bus ไปกลับรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีหัวหมาก
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 20,000 บาท
  • ดาวน์ 5% ผ่อนดาวน์ 19 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
  • Promotion : เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 40 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ซอยของย่านนี้ที่เชื่อมต่อถนนรามคำแหง กับถนนหัวหมากได้แบบ Two way โดยตั้งแต่กลางซอยไปทางฝั่งถนนรามคำแหงจะมีทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารตามสั่ง โรงแรม และ Apartment อยู่ตลอดทาง ถือว่าเดินได้ไม่เปลี่ยว และหาของกินได้ไม่ยากครับ

สำหรับราคาคอนโดในละแวกนี้ โดยเฉพาะที่เพิ่งเปิดใหม่ใน 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนมากจะเป็น High Rise ติดถนนใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้า ทำให้มีราคาอยู่ที่ 75,000 – 90,000 บาท/ตร.ม. และยิ่งใกล้ห้างอย่าง The Mall บางกะปิด้วยแล้ว จะมีราคาสูงถึง 100,000 บาท/ตร.ม. ทำให้มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1 ล้านปลายๆ ถึง 2 ล้านกว่าบาท

ตัดกลับมาที่ dcondo ซึ่งเป็นทำเลในซอยที่เงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัย กับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 – 80,000 บาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นอยู่ที่ 1.69 ล้านบาท ส่วนนี้ผมคิดว่าแสนสิริเค้าทำราคาออกมาได้ดี หยิบจับได้ไม่ยาก แต่ก็ยังได้ขนาดพื้นที่ห้องเทียบเท่ากับเพื่อนบ้านอยู่ครับ

การเดินทางโดยใช้รถ :

ค่อนข้างสะดวกเลยล่ะ เพราะเราเลือกที่จะขับรถออกถนนรามคำแหงที่ต้นซอย หรือถนนหัวหมากที่ท้ายซอยก็ได้ รวมถึงยังมีทางด่วนศรีรัชให้ใช้เข้าเมือง ที่ถนนพระราม 9 และมีถนนกาญจนาภิเษก กับมอเตอร์เวย์ให้ใช้ออกเมืองง่ายๆ ที่ถนนศรีนครินทร์อีกด้วย แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันครับว่าย่านนี้มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นอยู่สักหน่อย โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ยังก่อสร้างรถไฟฟ้ากันอยู่ ซึ่งในอนาคตก็คาดว่าจะดีขึ้น ส่วนที่จอดรถของโครงการก็มีประมาณ 35% แบบไม่รวมซ้อนคันนะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

นับว่ามีให้เลือกหลากหลายเลยทีเดียวครับ แต่ด้วยความที่โครงการเป็นทำเลในซอย ดังนั้นจึงต้องเดินไกลหรือต่อรถวินมอไซค์อีกต่อหนึ่งก่อน และก็โชคดีที่หน้าโครงการมีวินตั้งอยู่ด้วย รวมถึงปากซอยยังมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีหัวหมาก ที่อยู่ห่างออกไป 650 m. ให้ได้ใช้งานกันในอนาคต

หรือจะไปใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองผ่านถนนหัวหมาก ที่สถานีศรีกรีฑา ก็ได้อีกเช่นกัน ซึ่งนอกจากนี้ยังมีป้ายรถเมล์อยู่ปากซอย และมีท่าเรือคลองแสนแสบเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทาง ที่สำคัญคือ ทางโครงการมี Shuttle Bus รับ-ส่งไปยังปากซอยด้วย ผมถือว่าดีครับ

วัสดุ :

ค่อนข้างมาตรฐานสำหรับราคานี้ครับ ดีตรงที่ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่เลย ขาดแค่ฟูกที่นอนและเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้นเท่านั้น แต่ที่ผมชอบและทางแสนสิริเค้าได้อัพเกรดขึ้นมาจาก dcondo ตัวเก่าๆก็คือ ช่องหน้าต่างที่กว้างมากขึ้น และเปลี่ยนกรอบบานเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ กับประตูห้องครัวเป็น Soft Close กันกระแทกได้ดี ส่วนสิ่งที่คิดว่าน่าจะให้ได้ดีกว่านี้คือ Top เคาน์เตอร์ครัวที่เป็นเมลามีน กับเพิ่ม Backsplash อีกสักหน่อยจะดีครับ

การออกแบบโครงการ :

คนที่จะเลือกโครงการนี้ คือจะชอบคอนโด Low Rise ที่เป็นส่วนตัวกว่าคอนโดสูง เพราะมียูนิตไม่มากนัก และไม่เน้นวิวภายนอก แต่ต้องการชมวิวส่วนกลางที่อาคารทั้ง 2 โอบล้อมอยู่แทนครับ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบคือลักษณะที่ดิน ซึ่งมีหน้าแคบติดกับถนนซอย ก่อนจะไปขยายใหญ่ที่ด้านใน ทำให้เมื่อมองจากภายนอกแล้วจะไม่ค่อยเห็นภายใน ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ

รวมถึงพื้นที่ดินที่ยื่นออกมาเค้าก็ไม่ได้ปล่อยให้สูญเปล่า แต่จะจัดเป็นพื้นที่สวนและลานจอดรถกลางแจ้งให้ลูกบ้านได้ใช้ประโยชน์กันด้วย ส่วนอาคาร A จะอยู่ด้านหน้าโครงการ และมียูนิตที่เยอะกว่า จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าอาคาร B ที่อยู่ด้านใน และยังมีราคากับฟังก์ชันส่วนกลางที่ต่างกัน ซึ่งก็ลองเลือกกันดูนะครับ ว่าตัวเองเหมาะกับห้องตำแหน่งไหนมากกว่า

การออกแบบห้องพัก :

แบบห้องของโครงการนี้มีอยู่แค่ 2 แบบ แต่สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus จะมีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ถือว่าเป็น Rare Item ที่น้อยมากๆ ซึ่งคนที่ชอบห้องไซส์ใหญ่ หรืออยากย้ายมาจากโครงการเก่าๆในละแวก อย่างคอนโดฝักข้าวโพดที่มีห้องเริ่มต้นขนาดใหญ่ (ตามแบบฉบับคอนโดสมัยก่อน) ก็อาจต้องรีบจับจองกันให้ไว แลกกับเป็นห้องมีราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกันครับ

แต่ทั้งนี้..ห้องทั้ง 2 แบบจะมีจุดเด่นที่เหมือนกันอยู่คือ เป็นห้องหน้ากว้างที่ค่อนข้างโปร่งโล่งมากๆ เพราะเค้าจะเน้น Common area หรือห้องนั่งเล่นด้านหน้า ให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด เวลาเปิดประตูเข้าห้องมาจึงรู้สึกว้าวกับความกว้างนั้น ส่วนฟังก์ชันอื่นๆทั้งห้องนอน ห้องครัว ระเบียง และห้องน้ำจะมีขนาดพื้นที่ใช้งานพอดีๆ แต่ส่วนที่แปลกกว่าโครงการทั่วไปคือ ห้องน้ำจะมีช่องหน้าต่างที่ให้เปิดระบายอากาศผ่านห้องครัวได้ ซึ่งผมก็แนะนำให้ติดมุ้งลวดที่ประตูระเบียงด้วยจะดีครับ นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเองอีกด้วยนะ

สาธารณูปโภค :

โดยรวมถือว่ามีหลากหลายและน่าใช้งานนะครับ โดยส่วนกลางทั้งหมดจะอยู่ที่ชั้น 1 ทำให้มาใช้งานได้ง่าย มีสระว่ายน้ำกับ Jacuzzi อยู่กลางแจ้ง ที่ทำให้ห้องพักที่หันเข้ามาด้านในก็สามารถชมวิวได้ด้วย ส่วนใต้อาคาร A จะมี Fitness กับอาคาร B จะเป็น Co-Working Space ซึ่งพิเศษกว่า dcondo ที่อื่นตรงที่ เค้าจะเพิ่ม Co-Kitchen เข้าไปด้วยครับ รวมถึงจะไม่ได้ทำเป็นอาคาร Clubhouse แยกออกมาแบบเดิม เพราะต้องการให้พื้นที่ภายในโครงการโปร่งโล่งมากที่สุดนั่นเอง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 70,000 – 80,000 บาท/ตร.ม., 10 March 2020

  • ทำเล 8/10 – อยู่ในซอยรามคำแหง 40 เงียบสงบ หาของกินได้ไม่ยาก
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้า-ออกถนน 2 ฝั่งแบบ Two way ใกล้ทางด่วน จอดรถ 35%
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – หลากหลาย แต่ต้องต่อรถ อนาคตมีรถไฟฟ้าใช้ และมี Shuttle Bus
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานทั่วไป Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่
  • แบบ 7.5/10 – ยูนิตไม่เยอะมาก เน้นห้องหน้ากว้าง โปร่งโล่ง ฟังก์ชันใช้งานง่าย
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – มีครบ หลากหลาย น่าใช้งาน แต่อาจไม่ใหญ่มากนัก

  • MAIN CLASS
  • 7.78 / 10.00

BOTTOM LINE

dcondo รามคำแหง 40 เหมาะกับคนกำลังมองหาคอนโดย่านรามคำแหง-หัวหมาก ทำเลในซอยถนน Two way เข้า-ออกได้ 2 ทาง เดินทางด้วยรถสาธารณะไม่ลำบาก ยูนิตไม่มาก เป็นส่วนตัว มีส่วนกลางหลากหลาย เน้นห้องหน้ากว้างดูโปร่งโล่ง ขายแบบ Fully Furnished ไม่ต้องแต่งเพิ่ม มีงบประมาณระดับ 1.69 – 2.8 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 12,000 – 20,000 บาท/เดือน


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving