…วันนี้พามารีวิวคอนโดแบรนด์ใหม่จากอนันดา กับโครงการ Culture Thonglor คอนโดในย่านทองหล่อ-เอกมัย ทำเลใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินถึงสบายๆ และเป็นครั้งแรกที่ได้มีการจับมือร่วมกับ 2 แบรนด์ดังอย่าง The Ascott Limited และ Scratch First ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยในการบริหารจัดการโครงการ และออกแบบด้วยแนวคิด Social Community Sustainable Living เน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ และผสานการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน โดยรายละเอียดของโครงการจะมีจุดเด่นหรือ Highlights ที่น่าสนใจดังนี้

  • มีราคาที่จับต้องได้ไม่ยากในย่านทองหล่อ-เอกมัย
  • ทำเลอุดมสมบูรณ์ ใกล้รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ในระยะเดินถึงสบายๆเพียง 250 m.
  • มีบริการ Concierge Service และการดูแลจาก The Ascott Limited รวมถึงได้รับการออกแบบและส่งเสริมกิจกรรมต่างๆภายในโครงการจาก Scratch First
  • เน้นห้อง Hybrid หรือห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษของโครงการได้ที่นี่ > https://anan.ly/3Uz5xhG

ข้อมูลโครงการ

Culture Thonglor (คัลเจอร์ ทองหล่อ) ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2565

 ชื่อโครงการ  Culture Thonglor (คัลเจอร์ ทองหล่อ)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนน สุขุมวิท เขต วัฒนา
 ที่ดิน  1-3-56.3 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 36 ชั้น
 จำนวนยูนิต  493 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   21 ยูนิต
 ที่จอดรถ  Automatic Parking 194 คัน และ Conventional 6 คัน หรือคิดเป็น 40%
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2569
 ประเภทห้องพัก
  • Studio ขนาด 26 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ขนาด 51 ตร.ม.
  • Studio Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด 26 ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 36 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด n/a ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด n/a ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  ห้องแบบ Simplex สูง 2.6 m. และห้องแบบ Loft สูง 4.3 m.
 ราคาเริ่มต้น  4.09 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 170,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ https://www.ananda.co.th/th/condominium/culture-thonglor
 Call Center 02-316-2222

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ตั้งอยู่ในย่านทองหล่อ-เอกมัย ทำเลอุดมสมบูรณ์
  • ใกล้ถนนสุขุมวิทและรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ในระยะเดินได้สบายๆเพียง 250 m.
  • ราคามีความน่าสนใจ จับต้องได้ไม่ยาก หากเทียบกับเพื่อนบ้านในย่านเดียวกัน

พิกัด Google Maps : 13.723587, 100.581596
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

โครงการ Culture Thonglor ตั้งอยู่ในย่านทองหล่อ-เอกมัย ที่เรียกได้ว่ามีความคึกคักแบบ All Day All Night เต็มไปด้วยร้านค้าระดับ Hi End และคอมมูนิตี้ต่างๆ มีโรงพยาบาลเอกชน โรงเรียนนานาชาติ โรงแรมระดับ 5 ดาว และสถานบันเทิงมากมาย

รวมถึงมี Demand ความต้องการอยู่อาศัยของชาวต่างชาติ ที่อยากจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่นี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น สังเกตได้จากมีร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆหลายร้าน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในแต่ละปี ย่านทองหล่อจะมีราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury เกิดขึ้นมากมาย

ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะมีราคาต่อตารางเมตรอยู่ที่ 200,000 บาทขึ้นไปใช่มั้ยครับ แต่สำหรับโครงการ Culture Thonglor จะมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 170,000 บาท นั่นจึงทำให้มีความน่าสนใจในเรื่องของ “ราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก” เหมาะสำหรับคนที่อยากขยับเข้ามาอยู่คอนโดในย่านทองหล่อ-เอกมัยแบบนี้นั่นเอง

โดยตัวโครงการจะตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 59 (อยู่ระหว่างซอยทองหล่อ และซอยเอกมัยพอดี) ซึ่งเป็นซอยตันเล็กๆที่มีความเงียบสงบ และเต็มไปด้วยโรงแรมแบรนด์ใหญ่ๆระดับ 5 ดาว ไม่ว่าจะเป็น The Ascott / Jasmine / Marriott และ One Sukhumvit 59 อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับถนนสุขุมวิท ที่สามารถเดินมาใช้งานรถไฟฟ้าได้สะดวกอีกด้วยครับ

ระยะห่างจากรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ :

  • ตัวโครงการจะอยู่ห่างจากบันไดทางขึ้น Skywalk ประมาณ 250 m. ซึ่งเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ
  • หากนับระยะทางรวมทั้งหมดไปจนถึงตัวสถานี จะมีระยะทางประมาณ 430 m. ถือว่ายังเป็นระยะที่เดินถึงได้นะครับ อีกทั้งการเดินอยู่บน Skywalk ก็จะมีความปลอดภัยมากกว่าเดินริมถนน และสามารถหลบแดดหลบฝนได้ด้วย

Image 1/4
เริ่มต้นบนสถานี BTS ทองหล่อ ให้เราเดินตามทางออกที่ 3 - 4 แต่ไม่ต้องลงนะครับ ให้เราเดินตรงต่อไปด้านหลังของร้าน Lowson ข้างหน้าได้เลย

เริ่มต้นบนสถานี BTS ทองหล่อ ให้เราเดินตามทางออกที่ 3 - 4 แต่ไม่ต้องลงนะครับ ให้เราเดินตรงต่อไปด้านหลังของร้าน Lowson ข้างหน้าได้เลย

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

Image 1/2
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนฉลองรัช ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 km. สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 และเลียบด่วนรามอินทราได้ครับ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนฉลองรัช ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 km. สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 และเลียบด่วนรามอินทราได้ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการด้วยความที่เป็นคอนโดในเมือง จึงมีเพื่อนบ้านที่เป็นตึกสูงเยอะอยู่สักหน่อยนะครับ แต่ก็ยังพอจะมีวิวเปิดโล่งให้เราได้มองทางฝั่งทิศตะวันตก และทิศตะวันออกอยู่บ้าง นอกจากนี้ผมก็ค่อนข้างชอบบรรยากาศภายในซอยสุขุมวิท 59 ที่เป็นซอยตันแบบนี้ด้วยนะ ซึ่งค่อนข้างมีความเงียบสงบต่างจากซอยข้างเคียงอื่นๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวจนเกินไป ส่วนทิศต่างๆของโครงการก็สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ Shanti Sadan คอนโดสูง 22 ชั้น
  • ทิศใต้ : ติดกับ One Sukhumvit 59 Hotel สูง 32 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ Sylva at Sukhumvit 61 คอนโดสูง 7 ชั้น และได้วิวทางฝั่งซอยเอกมัย-พระโขนง
  • ทิศตะวันตก : หน้าหน้าโครงการ ติดกับ ซอยสุขุมวิท 59 และมองเห็นตึกสูงอย่าง Ascott Thonglor และ The Strand Thonglor อยู่บ้าง แต่ก็พอจะมีช่องว่างให้ได้วิวทางฝั่งซอยทองหล่อครับ

ภาพบรรยากาศด้านหน้าโครงการ ปัจจุบันมีการล้อมรั้วเอาไว้แล้วเรียบร้อย โดยทางด้านซ้ายและขวาก็จะถูกขนาบข้างด้วยตึกสูงตามภาพเลยครับ จะมีก็แต่ทิศตรงกลางทางด้านหลังที่จะมีวิวเปิดโล่ง และมองออกไปทางซอยเอกมัยได้อยู่บ้าง

ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะมีอาคารสูงบล็อควิวเช่นกัน แต่ก็พอจะมีช่องว่างให้ได้วิวที่เปิดโล่งอยู่บ้างครับ

ด้านหน้าโครงการคือถนนซอยสุขุมวิท 59 เป็นซอยตันที่ไม่เปลี่ยวแต่ก็ไม่วุ่นวายมากนัก และด้านขวาของโครงการจะเป็นทางไปปากซอยสุขุมวิท ที่เราเดินมาจาก BTS ก่อนหน้านี้

ส่วนด้านซ้ายของโครงการจะเป็นซอยตัน และปัจจุบันก็มีสำนักงานขายตั้งอยู่ข้างๆแบบนี้

ภาพบรรยากาศด้านหน้าสำนักงานขาย จะเป็นตัวอย่างการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางและการจัดงาน Event จาก Scratch First ที่จะเข้ามาร่วมกับทางโครงการในอนาคตครับ

ส่วนบรรยากาศภายในสำนักงานขาย ก็จะจำลองมาให้ได้อารมณ์คล้ายกับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการของจริงเลยครับ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Major Cineplex เอกมัย ~ 400 m.
  • Big C เอกมัย ~ 1.4 km.
  • Gateway เอกมัย ~ 1.7 km.
  • W-District ~ 1.7 km.
  • Donki Mall เอกมัย ~ 1.8 km.
  • Market Place ทองหล่อ ~ 1.9 km.
  • J Avenue Thonglor ~ 2.2 km.
  • Emporium / Emquartier ~ 3 km.
  • Summer Hill ~ 3.1 km.
  • Habito Mall ~ 3.4 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.สุขุมวิท ~ 900 m.
  • รพ.เทพธารินทร์ ~ 2.1 km.
  • รพ.กล้วยน้ำไท ~ 2.3 km.
  • รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ~ 2.3 km.
  • รพ.คามิลเลียน ~ 2.8 km.

โรงเรียน

  • รร.นานาชาติ St Andrews ~ 1.5 km.
  • รร.พระแม่มารีพระโขนง ~ 1.6 km.
  • ม.กรุงเทพ (กล้วยน้ำไท) ~ 1.7 km.
  • รร.นานาชาติ Wells (Thonglo Campus) ~ 1.7 km.
  • รร.นานาชาติ St Andrews (Srivikorn Campus) ~ 2.1 km.
  • รร.นานาชาติ Bangkok PREP (Primary Campus) ~ 3.6 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • มีการจับมือร่วมกับ 2 แบรนด์ดังอย่าง The Ascott Limited และ Scratch First ที่จะเข้ามาดูแลทั้งในเรื่องการบริหารจัดการโครงการ Concierge Service และการจัดกิจกรรมต่างๆ
  • มีแนวคิดการออกแบบ Social Community Sustainable Living เพื่อให้เกิดการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน ซึ่งจะสะท้อนออกมาในงานดีไซน์และฟังก์ชันส่วนกลางต่างๆ
  • ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่เป็นแบบตอนลึก และเน้นห้อง Hybrid หรือห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft เป็นหลัก
  • มีส่วนกลางหลากหลาย เน้นพื้นที่สีเขียวให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และมีฟังก์ชันใช้งานได้ 24 ชม.

โครงการ Culture Thonglor เป็นคอนโดแบรนด์ใหม่จาก Ananda Development ที่ปัจจุบันมีการเปิดตัวมาแล้ว 2 แห่งคือ

  1. Culture Thonglor
  2. Culture Chula

ซึ่งคำว่า “CULTURE” ทางอนันดาได้ให้คำนิยามว่า เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนในเมือง ที่มีความเชื่อในการมองหาทางเลือกการใช้ชีวิตแนวใหม่ เน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ผสานความยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจ และสะท้อนตัวตนที่โดดเด่นในการอยู่อาศัย

โดยได้มีการจับมือร่วมกับ 2 แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง The Ascott Limited และ Scratch First ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยทำให้การอยู่อาศัยมีความแตกต่างจากคอนโดทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการ และแนวคิดการออกแบบ Social Community Sustainable Living

สำหรับ The Ascott Limited เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงจากการทำ Service Residence และโรงแรมชื่อดังต่างๆมากมาย ซึ่งจะเข้ามาช่วยในการบริการจัดการโครงการ Culture Thonglor เปรียบเสมือนนิติบุคคลของคอนโด ที่ไม่ใช่แค่ดูแลความเรียบร้อย และบำรุงรักษาโครงการให้สวยงามดูดีอยู่เสมอเท่านั้น แต่ยังมีบริการ Concierge Service ที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านคล้ายกับโรงแรม หรือ Service Apartment อีกด้วย เช่น

  • Cleaning
  • Laundry
  • Maintenance Service

หมายเหตุ : บริการเหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ได้รวมอยู่ในค่าส่วนกลางนะครับ

ส่วน Scratch First คือบริษัทผู้ก่อตั้งกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่อย่าง Wonder fruit ที่มีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจรูปแบบวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ทั้งด้านความต้องการในการใช้ชีวิตและด้านความยั่งยืน ยกตัวอย่างผลงานที่ผ่านมา เช่น การจัดงานคอนเสิร์ตที่ใช้วัสดุส่วนใหญ่เป็นของรีไซเคิล มีการแยกขยะ และรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าในงาน เป็นต้น

โดยหน้าที่หลักๆของ Scratch First ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาโครงการ Culture Thonglor คือการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางให้สอดคล้องกับแนวคิด New Tribe of Urban Living เพื่อให้มีความใกล้ชิดธรรมชาติ และสร้างความยั่งยืนในการอยู่อาศัย รวมถึงยังดูแลในเรื่องกิจกรรมต่างๆของโครงการในอนาคต ที่อาจมีการจัดขึ้นทุกๆสัปดาห์ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทั้ง “Live – Work – Play – Learn” ประกอบด้วย

  • Community : เป็นการรวมตัวกันของคน Type เดียวกัน ซึ่งจะมี Event Manager ที่จะคอยจัดกิจกรรมต่างๆให้ลูกบ้านได้ใช้เวลาร่วมกัน โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นก็จะมีทั้งภายในและภายนอกโครงการตามแต่โอกาส
  • Bottle Recycle Machine : เป็นเครื่องที่เราสามารถนำขวดเปล่ามาแลกของรางวัลได้
  • Air Filtration Technology UV Steriliser : มีเครื่องกรองอากาศ PM 2.5 ที่จะติดทั่วส่วนกลางทั้งโครงการ
  • Adjustable Semi-Outdoor Facility : เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ที่จะกระจายอยู่หลายๆจุดของพื้นที่ส่วนกลาง
  • Refreshment Bar : เคาน์เตอร์บาร์ที่ให้ลูกบ้านสามารถมากรอกน้ำดื่มไปใช้ เพื่อเป็นการช่วยลดการใช้ขวดพลาสติก
  • Furniture : เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 50% เป็นของที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล
  • Separate Bin in Unit : ในห้องพักอาศัยจะมีถังขยะ 2  ใบไว้ให้แยกขยะได้ด้วยตัวเอง รวมถึงส่วนกลางก็จะมีถังขยะให้แยกได้ทุกจุดด้วยเช่นกันครับ

โครงการ Culture Thonglor เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-3-56.3 ไร่ และที่ห้องพักอาศัย 493 ยูนิต มีการกระจายพื้นที่ส่วนกลางออกเป็นหลายๆชั้น และใช้โทนสีของอาคารเป็นสีขาวที่สะท้อนความร้อนได้ดี และไม่กักเก็บความร้อน ซึ่งต่างจากคอนโดทั่วไปของอนันดาที่เรามักจะเห็นการใช้สีโทนเข้มแบบเท่ๆนั่นเองครับ

Master Plan ชั้นแรกของโครงการจะมีจุดที่น่าสนใจ 2 จุดใหญ่ๆคือ บริเวณด้านหน้าอาคารจะมีพื้นที่ว่างเรียกว่า Yard Community ไว้สำหรับการจัด Event แบบกลางแจ้งต่างๆของลูกบ้านและทาง Scratch First ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสันทนาการ รวมถึงกิจกรรมตามงานเทศกาลต่างๆด้วย

ส่วนอีกจุดหนึ่งคือ Co-Living Hall ที่ไม่ใช่เพียงแค่เป็นโถงล็อบบี้ธรรมดา แต่ยังมีการดีไซน์พื้นที่ไว้สำหรับทำกิจกรรมของลูกบ้านในอนาคตได้ด้วย จึงเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้นั่นเองครับ และในส่วนของที่จอดรถโครงการนี้จะเป็น Automatic Parking ทั้งหมด 194 คัน และ Conventional 6 คัน หรือคิดเป็น 40%

ภาพจากโมเดลด้านหน้าโครงการ ตัวอาคารจะมีการร่นระยะเข้าไปจากถนนหลัก จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจัดพื้นที่ทำเป็นสวนต้อนรับได้แบบนี้ด้วยครับ ซึ่งไม่ว่าเราจะขับรถหรือเดินเข้า-ออก ก็จะได้ผ่านพื้นที่สีเขียวนี้ตลอดได้นั่นเอง

ภาพบรรยากาศจำลองของสวนที่อยู่ด้านหน้าโครงการ จะเป็นพื้นที่สีเขียวที่นำสายตาเข้าไปสู่ตัวอาคาร ทำให้รู้สึกสดชื่น และยังช่วยปรับอารมณ์จากความวุ่นวายของตัวเมืองด้านนอก ก่อนที่จะเข้ามาสู่ในโครงการที่เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน

ที่จอดรถจะต้องขับรถวนรอบอาคารแบบทวนเข็มนาฬิกา เพื่อมาเข้าลิฟต์จอดรถอัตโนมัติที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวตึกแบบนี้นะครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Living Hall เป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ที่มีบรรยากาศโปร่งโล่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่ส่วนต้อนรับและรับรองแขกแล้ว ยังมีพื้นที่กว้างมากพอที่จะสามารถทำกิจกรรมต่างๆในอนาคต รวมถึงมีทั้งโต๊ะพูล และจอขนาดใหญ่กว่า 100 m. ที่จะแสดงค่า PM 2.5 และความชื้นต่างๆในปัจจุบันได้ตลอดเวลาอีกด้วย

แปลนชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ Co-Working Space ที่เราสามารถเดินขึ้นบันไดมาจาก Co-Living Hall ชั้น 1 หรือจะขึ้นลิฟต์มาก็ได้ ซึ่งเราอาจพาเพื่อนๆหรือแขกมาคุยงานร่วมกันที่ตรงนี้ได้ โดยไม่ต้องพาขึ้นไปบนอาคารชั้นอื่นให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเองครับ

ภาพบรรยากาศจำลอง Co-Working Space บนชั้น 2 ซึ่งจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. เลยครับ โดยจะมีฟังก์ชันที่สามารถรองรับการทำงานได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะที่นั่งทำงานเดี่ยวแบบชิลๆ โต๊ะประชุมกลุ่มขนาดใหญ่ และยังมี Private Room ไว้สำหรับประชุมออนไลน์แบบส่วนตัวได้อีกด้วย

สำหรับที่จอดรถจะกินพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 2 – 10 เลยนะครับ และถัดขึ้นมาที่ชั้น 11 ก็จะเป็น Facilities หลักของโครงการ ก่อนที่จะเป็นชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้นที่ 12 เป็นต้นไป ซึ่งก็ถือว่าเริ่มจะเป็นชั้นที่มีความสูงและสามารถชมวิวได้แล้วล่ะครับ

แปลนชั้น 11 เป็นชั้นส่วนกลางแนว Active Zone ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเป็นหลัก โดยจะมีฟังก์ชันหลักๆคือ สระว่ายน้ำที่แบ่งออกเป็น 2 สระใหญ่ๆ (ขนาด 2.5 x 25 m. และ 5.2 x 17 m.) สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังทั้งคู่เลยครับ โดยด้านข้างก็จะเป็นพื้นที่สวนสีเขียว ทำให้ว่ายน้ำไปก็จะได้บรรยากาศที่สดชื่น รวมถึงยังไปเดิน/นั่งเล่นในสวนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการแบ่งพื้นที่ทำเป็น Onzen ให้แช่น้ำกันแบบชิลๆ แถมยังมี Fitness ขนาดใหญ่ และ Yoga Room ให้ใช้งานด้วย ส่วนถ้าใครที่อาจมานั่งรอแฟน/เพื่อนออกกำลังกาย ก็จะมี Living Area ให้นั่งคอยกันได้เป็นสัดส่วน และห้องน้ำก็จะมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมตู้ล็อคเกอร์ให้ใช้งานกันได้สะดวกอีกด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำและ Onzen ซึ่งจะอยู่ในร่มแบบนี้ ทำให้สามารถมาใช้งานได้ตลอดทั้งวัน รวมถึงยังสามารถมองเห็นพื้นที่สวนสีเขียวที่ปลูกโดยรอบได้อีกด้วย จึงช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีเลย

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Fitness ที่มาใน Theme แบบดุดันเท่ๆหน่อย แต่ที่สำคัญคือจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่อาจเลิกงานดึกมากๆเป็นประจำ หรือชอบที่จะมาใช้งานตอนกลางคืน เพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัว และไม่ชอบเจอคนเยอะๆ

ส่วนภาพนี้จะเป็นบรรยากาศจำลองของ Yoga Room ซึ่งก็จะอยู่ติดกับห้อง Fitness เลยครับ

แปลนชั้น 12 – 19 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบ Simplex โดยลักษณะผังอาคารจะวาง Core Lift ไว้ตรงกลาง และโอบล้อมด้วยห้องพักอาศัยทั้ง 4 ด้านเลยครับ เลยทำให้อาจต้องมีการเปิดไฟส่องสว่างที่โถงทางเดินอยู่ตลอดเวลา และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า ห้องพักอาศัยเกือบทั้งหมดจะเป็นห้องตอนลึก ก็เลยทำให้มีเพื่อนบ้านร่วมชั้นเยอะหน่อยอยู่ที่ 21 ยูนิต

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ ชั้นนี้จะไม่มีโถงลิฟต์นะครับ ดังนั้นทางโครงการจึงได้ออกแบบ Foyer ตรงบริเวณหน้าห้องพักขึ้นมาแทน ซึ่งเวลาที่เราเปิดประตูเข้า-ออกห้องก็จะได้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวจากคนที่มาใช้ลิฟต์มากนัก แต่ก็แลกมากับเราจะต้องแชร์ Foyer กับห้องพักข้างๆแทนครับ (แบบนี้ก็คงต้องผูกสัมพันธไมตรีกับห้องข้างๆกันเข้าไว้ ไม่แน่ก็อาจเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันไปเลยก็ได้) ส่วนตำแหน่งห้องอื่นๆที่น่าสนใจจะมีดังต่อไปนี้

  • กรอบสีแดง : เป็นห้อง Studio ไซส์เล็กสุดของโครงการที่มีราคาจับต้องได้ง่าย อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งทางทิศตะวันออก ซึ่งค่อนข้างได้วิวที่เปิดโล่งทางฝั่งเอกมัยครับ
  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้อง 1 Bedroom ที่อยู่ตรงมุมอาคาร แถมยังได้โถงทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor ซึ่งอยู่ตรงสุดทางเดิน จึงมีความเป็นส่วนตัวมากๆ
  • กรอบสีเขียว : เป็นห้อง 1 Bedroom ที่อยู่ตรงหน้าประตูลิฟต์ขนของพอดี ซึ่งด้านในก็จะมีห้องทิ้งขยะอยู่ด้วย จึงอาจมีคนเดินเข้า-ออกและมีเสียงรบกวนบ่อยอยู่สักหน่อย โดยผมคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นตำแหน่งที่ราคาไม่สูงมากนัก (ถ้าเทียบ Type เดียวกัน)
  • กรอบสีม่วง : เป็นห้อง 2 Bedroom ที่อยู่ตรงมุมอาคาร และมีเพียง 2 ยูนิต/ชั้นเท่านั้น

แปลนชั้น 20 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบ Hybrid หรือห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ซึ่งลักษณะการวางผังห้องก็จะเหมือนกับชั้น Simplex ก่อนหน้านี้เลยครับ ทั้งในเรื่องของตำแหน่งและ Type ห้อง

แปลนชั้น 21 – 32 จะเป็นชั้นแบบ Hybrid เหมือนกันครับ เพียงแต่จะมีจุดที่ต่างจากชั้น 20 เพียงเล็กน้อยคือ บริเวณในกรอบสีแดงจะเป็นพื้นที่ส่วนเว้าเข้าไปของอาคาร เลยทำให้ห้องพัก 3 ห้องนี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเล็กลงนิดหน่อยนั่นเอง

ถัดขึ้นมาเราจะเจอกับ Sky Facilities ที่อยู่บนชั้น 33 -35 ซึ่งจะอยู่รวมกันชั้นพักอาศัยเลยครับ เหมาะที่จะขึ้นมาพักผ่อนและชมวิวมุมสูงของย่านทองหล่อได้สบายๆ

แปลนชั้น 33 ฟังก์ชันหลักๆจะเป็น Sky Lounge ให้ลูกบ้านสามารถขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ มี Relaxation Room และ Live Studio แยกเอาไว้เป็นสัดส่วน รวมถึงมีสวนด้านนอกให้ออกไปเดินรับลมชมวิวกันได้อีกด้วย

และอย่างที่บอกไปว่าชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยรวมอยู่ด้วยครับ โดยจะมีประตูกั้นแยกโซนออกจากพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งจะต้องใช้ Key Card Access ในการเข้า-ออก เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย เหมาะกับคนที่ต้องการห้องพักที่สามารถเดินมาใช้งาน Sky Lounge ในชั้นเดียวกันได้ง่ายๆตลอดเวลา

ภาพบรรยากาศจำลอง Sky Lounge ที่เป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ซึ่งจะมีบันไดวนสามารถเชื่อมต่อไปยังชั้น 34 ได้ด้วยครับ อีกทั้งโดยรอบยังเป็นผนังกระจกทั้งหมด บรรยากาศจึงสว่างโปร่งโล่งดีมากๆ

ภาพบรรยากาศจำลองของ Relaxtion Room ซึ่งมีฟังก์ชันเด็ดๆก็คือ เก้าอี้นวดไฟฟ้า ที่เราสามารถมาใช้งานได้ตลอดเวลา และไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง หรือเสียเวลาออกไปร้านข้างนอกอีกต่อไป ถูกอกถูกใจสายนวดอย่างผู้สูงอายุ หรือแม้แต่หนุ่มสาวออฟฟิศอย่างเราๆ ก็มีอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนานๆได้เหมือนกัน

ภาพบรรยากาศจำลอง Sky Garden ที่อยู่ตรงระเบียงด้านนอก โดยพันธุ์ไม้ต่างๆที่จะมาใช้ในโครงการ ก็จะมีการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีจากทาง Ananda และ Scratch First ซึ่งไม่ใช่แค่สวยงามหรือร่มรื่นเท่านั้น แต่ยังต้องมีส่วนช่วยกรองอากาศและดูดสารพิษได้อีกด้วย (ในส่วนนี้อาจต้องรอดูของจริงในอนาคตอีกที ว่าจะมีต้นอะไรมาปลูกบ้างนะครับ)

แปลนชั้น 34 จะเป็นชั้นส่วนกลางที่ต่อเนื่องมาจากชั้น Sky Lounge ก่อนหน้านี้ ที่จะเดินขึ้นบันไดหรือขึ้นลิฟต์มาโดยตรงก็ได้ โดยจะมีฟังก์ชัน Indoor อย่าง Cinema & Karaoke และ Private Dining & Co-Kitchen Room ให้สามารถขึ้นมาใช้งานกันได้แบบส่วนตัว ซึ่งก็อาจต้องมีการจองล่วงหน้าด้วยนะครับ ดังนั้นชั้นนี้จึงจะไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก ส่วนฟังก์ชัน Out Door จะเป็น Sky Garden & Sky Pod เป็นพื้นที่เล็กๆให้เราสามารถมาชมวิวและถ่ายรูปสวยๆกันได้นั่นเอง

ภาพบรรยากาศจำลองของ Facilities ชั้น 33 – 34 ที่จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงต่อเนื่องกัน รวมถึงเรายังมองเห็น Sky Pod ด้านบน ที่จะเป็นส่วนยื่นออกมานอกอาคารเป็นทรงกลมแบบนี้ด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลอง Private Dining & Co-Kitchen Room ที่เราสามารถพาแฟนมาดินเนอร์เปลี่ยนบรรยากาศ หรืออาจจัดปาร์ตี้ทานอาหารกับเพื่อนๆ และจ้างเชฟมาทำ Workshop แบบส่วนตัวได้อีกด้วย

แปลนชั้น 35 หลักๆจะเป็นชั้นพักอาศัยที่มี Sky Garden ให้ออกไปเดินเล่น ชมวิว และพักผ่อนกันได้ จึงเป็นชั้นที่ค่อนข้างเงียบสงบพอสมควร ส่วนตัวผมแอบเสียดายที่เค้าทำเป็นผนังทึบกั้นระหว่างโถงทางเดินและสวนด้านนอก เพราะหากใช้เป็นผนังกระจก ก็จะทำให้ภายในอาคารมีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่ง แถมยังมองเห็นพื้นที่สีเขียวและวิวด้านนอกได้อีกด้วย

แปลนชั้น 36 ชั้นนี้จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดครับ ซึ่งจะเป็นชั้นที่สูงที่สุดของโครงการ สามารถชมวิวได้ไกล และมีเพื่อนบ้านเพียง 13 ยูนิตเท่านั้น ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว

แปลนชั้น Rooftop จะเป็นพื้นที่สวนสีเขียวทั้งหมดครับ สามารถเดินขึ้นมาได้จากบันไดหลักที่อยู่ติดกับ Core Lift ชั้น 36

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

  • Co-Living Hall (โถงต้อนรับ)
  • Juristic Person Office (นิติบุคคล)
  • Mail Area (โซนตู้จดหมาย)
  • Refeshment Bar (โซนนั่งพักผ่อน)
  • Shop (ร้านค้า)
  • Walk Way (พื้นที่สวนและทางเดิน)
  • Multi Purpose Area (พื้นที่ลานอเนกประสงค์กลางแจ้ง)
  • Automatic Parking Lift (ช่องจอดรถอัตโนมัติ)
  • EV Charger (พื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์)

ชั้น 2

  • Co-Working & Meeting Room 24 hr. (พื้นที่นั่งทำงาน ห้องประชุม และพื้นที่นั่งพักผ่อน)

ชั้น 11

  • Living Area (ที่นั่งพักผ่อน)
  • Fitness 24 hr. (ห้องออกกำลังกาย)
  • Yoga Room (ห้องเล่นโยคะ)
  • Swimming Pool (สระว่ายน้ำ) จำนวน 2 สระ ขนาด 2.5 x 25 m. และ 5.2 x 17 m.
  • Onzen (ออนเซ็น)
  • Laundry (ห้องซักรีด)
  • Garden (พื้นที่สวน)
  • ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมตู้ล็อคเกอร์

ชั้น 33

  • Sky Lounge
  • Relaxation Room / Laxy Zone (ห้องพักผ่อน พร้อมเก้าอี้นวดไฟฟ้า)
  • Live Studio (ห้องทำงานอเนกประสงค์)
  • Sky Garden (พื้นที่สวน)

ชั้น 34

  • Cinema & Karaoke (ห้องดูหนังและคาราโอเกะ)
  • Private Dining & Co-Kitchen Room (ห้องทานอาหารส่วนตัว)
  • Sky Garden & Sky Pod (พื้นที่สวน และจุดชมวิว)

ชั้น 35

  • Sky Garden (พื้นที่สวน)

ชั้นดาดฟ้า (Rooftop)

  • Rooftop Garden (พื้นที่สวนบนดาดฟ้า)

 

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 164 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ Automatic Parking 194 คัน และ Conventional 6 คัน หรือคิดเป็น 40%
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access

แบบห้อง

Highlights :

  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ สามารถเลือกให้เหมาะสมกับ Lifestyle ของแต่ละคนได้ ซึ่งจุดเด่นคือห้อง Hybrid หรือห้องสไตล์ Loft ที่ได้ฝ้าเพดานสูง บรรยากาศโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน
  • มีช่องแสงขนาดใหญ่ ได้หน้าต่างกระจกเข้ามุม Bay Window ที่ทำให้เปิดรับวิวได้กว้างมากขึ้น พร้อมมุมอเนกประสงค์ข้างหน้าต่างทุกแบบห้อง
  • ได้ครัวปิดที่สามารถทำอาหารได้จริงจังทุกห้อง
  • มีรูปแบบการขายทั้ง Fully Furnished ที่เหมาะกับทั้งคนที่ชอบความสะดวกสบาย พร้อมเข้าอยู่ได้เลย และแบบ Fully Fitted ที่เหมาะกับคนที่ชอบแต่งห้องด้วยตัวเอง

แบบห้องของโครงการนี้จะมีให้เลือกทั้งแบบห้องฝ้าเพดานสูงปกติ (Simplex) และห้องฝ้าเพดานสูง (Loft) หรือที่ทางโครงการเรียกว่าห้อง Hybrid ประกอบด้วย

  • Studio ขนาด 26 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ขนาด 51 ตร.ม.
  • Studio Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด 26 ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 36 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด n/a ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด n/a ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม.

นอกจากนี้ทางโครงการยังมีรูปแบบการขายทั้งแบบ Fully Fitted ที่เราจะได้เฉพาะเคาน์เตอร์ครัว+สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบแต่งห้องด้วยตัวเองครับ

และการขายแบบ Fully Furnished คือได้เฟอร์นิเจอร์ครบเหมือนห้องตัวอย่าง ซึ่งรวมถึงพวกหม้อ จาน ชาม ช้อน ส้อม มีด ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง หมอน และเครื่องใช้ไฟฟ้า เรียกได้ว่าพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย

หมายเหตุ : ลองสอบถามกับโครงการอีกครั้ง เพราะแต่ละชั้นพักอาศัยจะมีรูปแบบการขายไม่เหมือนกัน

สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องฝ้าเพดานสูง (Loft) ซึ่งจะมีพื้นที่ใช้สอยได้ 2 ชั้น ให้อารมณ์เหมือนเราได้อยู่บ้าน แถมยังเป็นการแบ่งฟังก์ชันได้ชัดเจน และเป็นสัดส่วนมากขึ้นอีกด้วยครับ โดยด้านหน้าของห้องจะเป็นฟังก์ชันใช้งานอย่าง “ครัว” และ “ห้องน้ำ” จะอยู่บริเวณใต้ชั้นลอยพอดีครับ ซึ่งครัวก็พอจะสามารถทำอาหารจริงจังได้ระดับหนึ่งด้วย

ถัดเข้ามาด้านในถึงจะเป็น Highlight หลักอย่าง Common Area ที่ได้ฝ้าเพดานสูงถึง 4.3 m. พร้อมมุมอเนกประสงค์ริมหน้าต่างกระจกเข้ามุม (Bay Window) ที่จะยิ่งช่วยทำให้ห้องดูสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น ส่วนชั้นลอยด้านบนจะเป็นห้องนอนที่แยกออกไปเป็นส่วนตัว ซึ่งก็ทำให้การมาใช้งานห้องน้ำตอนกลางคืนอาจไม่สะดวกมากนัก จึงเป็นแบบห้องที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ชอบบรรยากาศห้องเหมือนอยู่บ้าน และไม่มีปัญหาในการใช้งานบันไดเดินขึ้น-ลงทุกๆวันครับ

เข้ามาภายในเราจะเจอกับฟังก์ชันครัวก่อน ซึ่งก็ทำหน้าที่เปรียบเสมือน Foyer หน้าห้องไปด้วยในตัว โดยจะมีการปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นมาตรฐานมาให้ เวลาที่เราทำอาหารหรือใส่รองเท้าเข้ามาในห้อง ก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย มีพื้นที่ใช้งานกว้าง 1.1 m. และฝ้าเพดานสูง 2 m.

เคาน์เตอร์ครัวทางโครงการจะ Built-in มาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้เลยครับ มีช่องเก็บของเพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ที่ทนน้ำและความร้อนได้ดี Hob/Hood เป็นของ MEX พร้อมติดตั้ง Backsplash เป็นกระเบื้องที่ผนังมาให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

จุดที่น่าสนใจคือ “ถังขยะ” ที่จะมีมาให้ 2 ช่อง สำหรับไว้แยกขยะในห้องได้ด้วยตัวเอง ติดกันจะเป็นช่องวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ส่วนที่วางไมโครเวฟอาจอยู่สูงไปสักหน่อยสำหรับคนตัวเล็ก และเราจะไม่ได้ไฟตรงซิ้งค์ล้างจานนะครับ

ฝั่งตรงข้ามจะมีการ Built-in ชั้นวางรองเท้ามาให้ครับ สามารถเก็บเข้าตู้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ 5 – 6 คู่ รวมถึงยังมีพื้นที่ให้ใช้วางของด้านบนได้อีกด้วย

ส่วนภายในห้องน้ำเราจะได้สุขภัณฑ์จาก Hafele และ American Standard ครบตามห้องตัวอย่างเลยครับ ซึ่งก็จะมีการแบ่งฟังก์ชันแยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน

เริ่มที่ฟังก์ชันส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 1.45 x 1.45 m. ประกอบด้วย อ่างล้างหน้าที่มีตู้เก็บของด้านล่างได้ แต่ที่น่าสนใจก็คือ โถสุขภัณฑ์ที่เป็นแบบแขวนบนผนัง (เฉพาะห้อง Hybrid) ซึ่งทำให้เราสามารถทำความสะอาดพื้นห้องน้ำใต้โถได้ง่ายมากๆ

อีกด้านหนึ่งจะเป็น Shower Box ซึ่งกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบเลื่อน 3 ตอน ภายในกว้างประมาณ 1.15 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับ Hand Shower และ Rain Shower ให้ได้เลือกใช้งานตามความชอบ (ของจริงจะมี Junction Box ให้ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ด้วยครับ)

ก่อนจะเข้าไปสู่ด้านในห้องจะมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้นเอาไว้ จึงทำให้เราได้เป็นครัวปิด และนอกจากจะช่วยกันกลิ่น/ควัน ไม่ให้เข้าไปรบกวนด้านในห้องแล้ว ยังช่วยกันเสียงจากภายนอก และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับด้านในห้องได้ด้วยนั่นเองครับ

เข้ามาด้านใน Common Area จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume 4.3 m. เชื่อมต่อไปจนถึงห้องนอนที่อยู่บนชั้นลอย จึงทำให้มีบรรยากาศที่โปร่งโล่ง และให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลยครับ

นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้อง SPC ลายไม้สวยงาม ซึ่งมีความทนทานต่อความชื้นได้ดี และมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 3 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ

อีกด้านหนึ่งจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่สูงเกือบจะเต็มผนังเลยครับ จึงทำให้ภายในห้องได้แสงสว่างอย่างเต็มที่ โดยจุดที่ได้มีการพัฒนาปรับปรุงมาจากโครงการรุ่นพี่ก็คือ การทำเป็นช่องกระจกเข้ามุม (Bay Window) ที่บริเวณผนังระเบียงทางด้านซ้ายมือ

นั่นจึงทำให้เราสามารถชมวิวได้ดีและกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ขนาด 1.2 x 1.7 m. ให้สามารถทำเป็นมุมโปรดส่วนตัวได้ด้วย เช่น มุมนั่งทำงานอ่านหนังสือ เป็นต้น

ติดกันจะเป็นประตูระเบียง ซึ่งภายนอกมีขนาดประมาณ 1.4 x 1.1 m. ด้านบนมีความสูงเหมือนกับภายในห้องที่ 4.3 m. จึงสามารถแขวน Condensing Unit ซ่อนเอาไว้อย่างเรียบร้อยได้แบบนี้เลย

และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า กรอบอลูมิเนียม Powder Coat บริเวณภายนอกนี้ทั้งหมดจะเป็นสีขาว (จากเดิมที่ด้านในครัวเป็นสีดำ) เพื่อให้กลมกลืนกับ Facade ด้านนอกอาคารที่เป็นสีขาวด้วยนั่นเองครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีบันไดทางขึ้นชั้นลอย ซึ่งเวลาที่กลับมาจากข้างนอกก็สามารถเดินเลี้ยวขึ้นไปได้เลย โดยที่ไม่ต้องเดินตัดผ่านหน้าทีวีของแฟนที่อาจกำลังดูบอล หรือซีรีย์เกาหลีอยู่ให้เสียอารมณ์นั่นเอง

ตัวบันไดเป็นโครงสร้างเหล็กและปิดผิวด้วยไม้ยางพารา ทำให้เวลาเดินก็อาจรู้สึกโปร่งๆไม่เหมือนบันไดปูน แต่ก็ใช้งานได้ดีและมีราวจับให้ตลอดทาง รวมถึงมีช่องเก็บของเล็กๆข้างใต้ด้วยครับ

บันไดแนวนอนกว้าง 75 cm. และแนวตั้งจะมีดีไซน์เฉียงเล็กน้อย เพื่อให้ได้ขั้นบันไดที่กว้างตามมาตรฐาน สามารถเหยียบได้เต็มฝ่าเท้ามากขึ้น รวมถึงจะมีบันไดขั้นสามเหลี่ยมอยู่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อการประหยัดพื้นที่ใช้สอย จึงต้องใช้ความระมัดระวังตอนเดินขึ้น-ลงหน่อยนะครับ

ด้านบนเป็นห้องนอนที่มีพื้นที่กว้าง 3.1 x 3.3 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆ และมีพื้นที่ใช้สอยรอบเตียงให้เดินได้สะดวก ส่วนฝ้าเพดานก็จะสูง 2 m. สามารถเดินได้เต็มความสูงสบายๆครับ

ขวามือมีพื้นที่ให้สามารถ Built ตู้เสื้อผ้าได้แบบนี้ ขนาดเพียงพอต่อการใช้งาน 1 – 2 คนพอดีๆ

ปลายเตียงจะเป็นราวกันตกเหล็ก ที่สามารถมองลงไปเห็นทั้งวิวภายนอก และ Common Area ด้านล่างได้แบบนี้ หรือหากใครที่อยากประหยัดแอร์ตอนกลางคืน ก็สามารถกั้นห้องด้วยกระจกเพิ่มเองได้นะครับ

สำหรับห้องนี้จะเป็นไซส์เล็กสุดของโครงการ และมีราคาจับต้องได้ง่ายสุด ซึ่งฟังก์ชันจะคล้ายกับห้อง Hybrid ก่อนหน้านี้เลยครับ โดยด้านหน้าจะกั้นทำเป็นครัวปิด และมีห้องน้ำให้ใช้งานเป็นสัดส่วน ด้านในจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ของ Common Area ที่รวมกันระหว่างห้องนอน ห้องนั่งเล่น และพื้นที่อเนกประสงค์ จึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างโปร่งโล่งกว้างขวาง แต่ก็มีข้อจำกัดเล็กๆน้อยๆคือ โซฟาอาจไม่ได้อยู่ตรงกับทีวีพอดีๆนะครับ

จึงทำให้ห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ที่มีนิสัยง่ายๆสบายๆ มักใช้ชีวิตอยู่ในห้องนอนแบบชิลๆ และอาจไม่ใช่คนที่ต้องรับแขกบ่อยหนัก เพราะฟังก์ชันไม่ได้เน้นความเป็นส่วนตัว รวมถึงยังเหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัดด้วยนั่นเองครับ

เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับครัวปิดเหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ จึงสามารถประกอบอาหารได้จริงจัง ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้กว้าง 1.1 m. และฝ้าเพดานสูงขึ้นเป็น 2.6 m.

ขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจะ Built-in มาให้เป็นมาตรฐาน และสำหรับห้องแบบ Simplex เราจะได้ฝ้าเพดานบริเวณครัวสูงขึ้น จึงทำให้เรามีพื้นที่เหนือตู้แขวนด้านบนให้ใช้สอยเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆได้อีกด้วย

รวมถึงห้องนี้จะเป็นห้องตัวอย่างสำหรับการขายแบบ Fully Furnished ที่เราจะได้เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆครบตามที่เห็นเลยนะ อย่างในครัวนี้เราก็จะได้ทั้งตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า จานชาม มีด ช้อนส้อม หม้อกระทะ ตะหลิว และที่แขวนของบนผนังแบบนี้เลยครับ

Image 1/3

ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นตู้รองเท้าและตู้เก็บของ ที่จะ Built-in มาให้เป็นสัดส่วนเหมือนเดิมครับ

ภายในห้องน้ำก็จะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณ์จาก Hafele และ American Standard เหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่สิ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือ เราจะได้โถสุขภัณฑ์แบบตั้งบนพื้นทั่วไป (ไม่ได้เป็นแบบแขวนลอย) และพื้นที่ส่วนแห้งก็จะกว้างขึ้นเป็น 1.7 x 1.65 m.

Shower Box จะกั้นกระจกมาให้เหมือนเดิมครับ และภายในก็จะกว้าง 1.3 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

ถัดเข้ามาภายในจะเจอกับ Common Area ที่รวมทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอนเข้าด้วยกัน จึงทำให้กลายเป็นพื้นที่กว้างขวางมากๆ อีกทั้งยังมีช่องแสงขนาดใหญ่เหมือนห้อง Hybrid ก่อนหน้านี้อีกด้วย บรรยากาศจึงสว่างโปร่งโล่งดีครับ

ทางด้านซ้ายของเตียงนอนจะเป็นพื้นที่วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งอย่างที่บอกในช่วงแปลนแล้วว่าโซฟาจะไม่ได้อยู่ตรงกับทีวีนะครับ ดังนั้นก็อาจต้องดูเยื้องๆเอา หรือไม่ก็ต้องนอนดูทีวีบนเตียงไปเลย

นอกจากนี้เรายังจะได้เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างตามที่เห็นในห้องนี้ทั้งหมดเลยครับ ทั้งโซฟา เตียงนอน ฟูกที่นอน ผ้าห่ม หมอนต่างๆ โต๊ะข้างเตียง โคมไฟ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะกลางหน้าโซฟา แก้วน้ำชา ชั้นวางทีวี และทีวี

Image 1/4

ส่วนทางด้านขวาของเตียงก็จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง กว้างประมาณ 1.9 m. ซึ่งทางโครงการก็จะให้ชุดโต๊ะอเนกประสงค์ให้นั่งทำงาน มาพร้อมกับเก้าอี้ และโคมไฟเล็กๆน่ารักๆด้วยครับ

นอกจากนี้ทางโครงการก็ยังจะติดม่าน และซ่อนรางมาให้เรียบร้อยแบบนี้เลยด้วยนะ

สุดท้ายคือระเบียงภายนอกที่จะมีขนาด 1.25 x 0.75 m. สามารถออกไปใช้งานได้พอดีๆ และมีพื้นที่ให้ติด Condensing Unit ไว้ด้านบนแบบนี้ครับ

เรามาดูห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom กันบ้าง ซึ่งจะเป็นห้องตอนลึกที่กั้นฟังก์ชันแยกออกเป็น 3 ตอนใหญ่ๆคือ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอน โดยใช้ประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อความโปร่งโล่ง สามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกลายพื้นที่ขนาดใหญ่ถึงกันได้ แถมยังทำให้เกิดความเป็นสัดส่วน และแสงสว่างยังคงส่องเข้ามาได้ถึงบริเวณหน้าห้องได้อยู่ หรือถ้าใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของห้องนอน ก็สามารถติดฟิล์มหรือม่านเพิ่มเติมได้อีกด้วย

สำหรับบางคนถ้ามองแค่แปลนแล้วก็อาจคิดว่าห้องนี้แคบมาก แต่จริงๆแล้วผมอยากให้ลองไปเดินชมห้องตัวอย่างด้วยตัวเองดูก่อน จะรู้สึกได้ว่าห้องค่อนข้างกว้างกว่าที่คิด บรรยากาศมีความโปร่งโล่งสบายๆ เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนกำลังดี โดยสามารถชมบรรยากาศได้จากภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/8

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

แบบแปลน

  • แบบห้อง Simplex

Image 1/21

  • ห้องแบบ Hybrid (Loft)

Image 1/20

ราคา

Culture ทองหล่อ ราคา ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2565

  • Studio ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.09 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ขนาด 51 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • Studio Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด 26 ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด n/a ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 2 Bedrooms Hybrid (Loft) ขนาดพื้นที่โฉนด n/a ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished และ Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 – 4.3 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 99 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ Culture Thonglor ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 59 (อยู่ระหว่างซอยเอกมัย และซอยทองหล่อ) แน่นอนว่าเป็นย่านที่คึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ความน่าสนใจจริงๆคือ “ราคา” ซึ่งหากเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน (ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป) คอนโดที่มีทั้งบริการ Concierge Service และเป็นห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินถึงแบบนี้ได้ด้วยแล้ว ถือว่าราคาเฉลี่ย 170,000 บาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นประมาณ 4 – 6 ล้านแบบนี้ นับว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ไม่ยากครับ เหมาะกับคนที่อยากขยับเข้ามาอยู่คอนโดในเมืองย่านทองหล่อ ในราคาที่พอจะเอื้อมถึงได้

การเดินทางโดยใช้รถ : ตัวโครงการจะอยู่ใกล้ฝั่งถนนสุขุมวิท ที่เป็นถนนเส้นหลักสามารถไปขึ้นทางด่วนได้ไม่ยาก โดยจะมีทางด่วนหลักๆ 2 สายคือ ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนเฉลิมมหานคร ที่สามารถใช้เพื่อเข้าเมืองได้ในระยะทางประมาณ 3 km. รวมถึงที่จอดรถของโครงการก็จะเป็น Automatic Parking 194 คัน และ Conventional 6 คัน หรือคิดเป็น 40% ถือว่ากลางๆไม่เยอะมากนัก เพราะทำเลนี้ยังมีตัวเลือกในการเดินทางด้วยรถสาธารณะได้สะดวกอยู่ครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถือว่าสะดวกมากครับ โดยโครงการจะอยู่ใกล้กับบันไดทางขึ้น Skywalk ที่สามารถเดินไปยังรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ แค่เพียง 250 m. เท่านั้น และถ้ารวมระยะทางเดินไปจนถึงตัวสถานีเลย ก็จะมีระยะประมาณ 430 m. ถือเป็นระยะที่ยังเดินได้และมีความปลอดภัยกว่าการเดินบนถนนด้านล่างนะ อีกทั้งเรายังสามารถเรียกรถสาธารณะตรงปากซอยได้ง่ายอีกด้วยครับ

การออกแบบโครงการ : ผังอาคารจะวาง Core Lift เอาไว้ตรงกลาง และโอบล้อมด้วยห้องพักอาศัยทั้ง 4 ด้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้นเป็นห้องตอนลึก จึงทำให้มีเพื่อนบ้านร่วมชั้นมากหน่อยคือ 21 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟต์ค่อนข้างหนาแน่นอยู่ที่ 164 : 1 และยังมีการพยายามวางตำแหน่งห้องเน้นไปทางทิศตะวันตก-ทิศตะวันออก เพื่อที่จะได้วิวที่เปิดโล่งมากที่สุด ซึ่งมากกว่าครึ่งก็จะเป็นห้องแบบ Hybrid ที่ได้ฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft และถึงแม้ว่าเค้าจะมีการออกแบบให้มี Foyer หน้าห้องพักอาศัย เพื่อทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการเข้า-ออก แต่ก็อาจต้องใช้งานร่วมกับห้องข้างๆด้วยนะครับ

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะเลยครับ โดยหลักๆจะแบ่งออกเป็นห้อง Simplex และห้องแบบ Hybrid ที่ได้ฝ้าเพดานสูง 4.3 m. ซึ่งแปลนห้องแต่ละแบบก็จะมีลักษณะที่คล้ายๆกันคือ เราจะได้ครัวปิดและห้องน้ำทางด้านหน้า สามารถทำอาหารได้จริงจังระดับหนึ่ง ส่วนพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนก็จะอยู่ด้านใน แต่ถ้าเป็นห้อง Hybrid หรือห้อง Loft ก็จะแยกห้องนอนขึ้นไปอยู่บนชั้นลอย จึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แถมยังได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่างให้ใช้งานได้จริงจัง สามารถทำเป็นมุมนั่งทำงานหรือมุมพักผ่อนเก๋ๆตาม Lifestyle ส่วนตัวได้เลย รวมถึงยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่แบบกระจกเข้ามุม (Bay Window) ที่ทำให้สามารถชมวิวด้านข้างได้กว้างมากขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงสำหรับคนที่สนใจห้องแบบ Hybrid คือ การขึ้น-ลงบันไดที่อาจไม่ได้สะดวกมากนัก ไม่ว่าจะเป็นตอนใช้งานห้องน้ำในเวลากลางคืน และลักษณะของบันไดที่ค่อนข้างเล็ก จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานอยู่สักหน่อย

วัสดุ : โครงการนี้มีรูปแบบการขายทั้ง Fully Fitted ที่เหมาะกับคนชอบแต่งห้องเอง และแบบ Fully Furnished พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที โดยจากการสอบถามทราบว่าราคาขายสำหรับห้องทั้ง 2 รูปแบบนี้ จะมีส่วนต่างประมาณ 12,000 บาท/ตร.ม. ถ้าเทียบกับห้องไซส์เล็กสุดของทั้ง Simplex และ Hybrid ก็จะมีมูลค่าอยู่ราวๆ 3 – 4 แสนบาท (คิดตามข้อมูลตัวเลขที่ได้รับแจ้งมาเบื้องต้น)

ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าสิ่งของ/เกรดวัสดุที่ได้ ยังมีมูลค่าไม่ค่อยคุ้มกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มสักเท่าไหร่นัก แต่หากใครต้องการความสะดวกสบาย และประหยัดเวลาในการตกแต่งห้องเอง นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้ครับ เพราะเราจะได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงของใช้ต่างๆเหมือนห้องตัวอย่างเลยทีเดียว

สาธารณูปโภค : ความน่าสนใจสำหรับ Culture Thonglor คือการร่วมมือกันระหว่าง The Ascott Limited และ Scratch First ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยบริหารจัดการโครงการ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Concierge Service และการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามแนวคิด Social Community Sustainable Living ที่จะทำให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างยั่งยื่น และมีความสะดวกสบาย โดยเราจะได้เห็นถึงการใส่ใจในรายละเอียดของฟังก์ชัน มีการปลูกฝังให้รักษ์สิ่งแวดล้อม และมีการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลต่างๆในส่วนกลาง ซึ่งสร้างความแตกต่างจากโครงการทั่วไป และถูกใจคนที่รักโลกรักธรรมชาติอย่างแน่นอนครับ

นอกจากนี้ยังมี Facilities ให้ใช้งานหลากหลายครบครันอีกด้วย ที่โดดเด่นก็คือ Co-Living Hall ที่ไม่ใช่แค่เป็น Lobby ไว้ต้อนรับเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆได้อีกด้วย อีกทั้งยังมี Co-Working Space และ Fitness ที่เปิดตลอด 24 ชม. ซึ่งเราสามารถมาใช้งานตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ และยังมี Sky Facilities ให้ขึ้นไปใช้งานชมวิวสวยๆได้ รวมถึงเราจะเห็นว่ามีการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวอยู่ในทุกชั้นของส่วนกลางด้วยครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 170,000 บาท/ตร.ม., 5 ตุลาคม 2565

  • ทำเล 8.5/10 – อยู่ในย่านทองหล่อ-เอกมัย ใกล้ถนนสุขุมวิท ราคาดีจับต้องได้
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้ทางด่วน 2 สาย แต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อย ส่วนมากเป็น Automatic Parking
  • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ใกล้รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ประมาณ 250 m. และเรียกรถสาธารณะได้ง่าย
  • วัสดุ 7.5/10 – มีรูปแบบการขายทั้ง Fully Fitted และ Fully Furnished ให้มาเป็นมาตรฐาน เหมาะสมกับการใช้งาน
  • แบบ 7.5/10 – ส่วนใหญ่เป็นห้องตอนลึก เน้นห้อง Hybrid ฝ้าเพดานสูง 4.3 m. และมีช่องแสงขนาดใหญ่ ได้ครัวปิดทุกแบบ และมีมุมอเนกประสงค์ริมหน้าต่างน่าใช้งาน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – เน้นความ Sustainable และ Urban Living อีกทั้งยังมี Concierge Service และฟังก์ชันส่วนกลางที่เปิด 24 ชม.

  • HIGH CLASS
  • 8.09 / 10.00

Culture ทองหล่อ เหมาะกับใคร

โครงการ Culture Thonglor เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านทองหล่อ-เอกมัย และใกล้รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ในราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก เป็นโครงการที่เน้นดีไซน์เพื่อความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนกลางเยอะ พร้อมมีบริการ Concierge Service จากแบรนด์ดังอย่าง The Ascott Limited โดยเน้นห้องแบบ Hybrid หรือห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ที่ได้ความโปร่งโล่ง และมีบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มีงบประมาณระดับ 4.09 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 29,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc