รีวิวฉบับที่ 2144 … ผ่านมา 2 ปีพอดิบพอดีจากวันเปิดตัว ตอนนี้โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint สร้างเสร็จพร้อมให้เข้าอยู่เป็นที่เรียบร้อย เป็นคอนโด High Rise ทำเลใกล้ BTS บางนา เพียง 250 m. มาในคอนเซปต์ Future-Nature ชัดเจนมาก เห็นได้จากตัวอาคารและพื้นที่ส่วนกลางมีความ Free Form และเล่นระดับ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในธรรมชาติ ส่วนที่แตกต่างจากเพื่อนๆ เลยคือห้องพักหน้ากว้าง พร้อมเทคโนโลยีเพื่อให้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายขึ้น ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท

โครงการจะเปิด Open House ในวันที่ 30 ต.ค. – 1 พ.ย. 2563 นี้ ใครสนใจเรามีห้องราคาพิเศษให้เลือกกันด้วยนะคะ คลิกดู Fast Deal ได้ที่นี่เลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

26 October 2020

  • Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint (ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสต์พอยท์)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
  • คอนโด High Rise 32 ชั้น 1 อาคาร 2 Tower อาคาร A จำนวน 520 ยูนิต, อาคาร B จำนวน 642 ยูนิต รวม 1,162 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 27 ยูนิตที่อาคาร B
  • ที่จอดรถประมาณ 547 คันคิดเป็น 47% ไม่รวมจอดซ้อนคัน (Hydraulics Auto Park 80 คัน)
  • ที่ดินประมาณ 7-3-24.5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ปลายปี 2562
  • สร้างเสร็จพร้อมอยู่ : ธ.ค. 2563
  • Studio 26 ตร.ม. จำนวน 451 ยูนิต
  • 1 Bedroom 36 ตร.ม.จำนวน 498 ยูนิต
  • 2 Bedrooms 1 Bath 54 ตร.ม.จำนวน 69 ยูนิต
  • 2 Bedrooms 2 Bath 56 ตร.ม.จำนวน 76 ยูนิต
  • Duplex 50 ตร.ม.จำนวน 68 ยูนิต
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้น 110,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 91,000 – 150,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 023162222

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.713492, 100.600415
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ช่วงเลยสี่แยกบางนา-ตราด มาทางสมุทรปราการเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพอยู่ ทำเลโซนนี้จึงเปรียบเสมือนประตูสู่ภาคตะวันออกของกรุงเทพ ที่มีการเติบโตและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการคมนาคม ตั้งแต่ถนน เส้นทางด่วนตลอดจนเส้นทางรถไฟฟ้า เรียกว่ามีครบทั้งหมด เพื่อทำให้การค้าและการขนส่งสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปโซนอุตสาหกรรมสำคัญต่างๆ โดยรอบได้สะดวก

ที่ตั้งของโครงการอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย และออกต่างจังหวัดไปทางสมุทรปราการ ชลบุรีได้สะดวก และยังมีซอยหลักอย่างลาซาลและแบริ่งที่สามารถใช้วิ่งทะลุไปออกถนนศรีนครินทร์ เพื่อไปทางพัฒนาการ-บางกะปิ และถนนบางนา-ตราดได้ หรือจะใช้ถนนปู่เจ้าสมิงพรายเพื่อเชื่อมต่อข้ามสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมไปฝั่งพระราม 3 ก็ได้

แต่ไม่ว่าจะเข้าเมืองทางฝั่งอุดมสุขหรือออกเมืองไปทางถนนสำโรง-ปู่เจ้าฯ รถก็ค่อนข้างติดขัดทั้ง 2 ทางเลยนะคะ อย่างไรก็ตามโครงการนี้มีตัวช่วยเป็น BTS สายสีเขียว ที่เป็นสายหลักเชียวล่ะ สามารถวิ่งเข้าสู่สยามได้โดยตรงไม่ต้องเปลี่ยนขบวน และในอนาคตจะมีสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่สถานีสำโรงซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 2 สถานีอีกด้วย

และตัวช่วยอีกอย่างนึงคือเจ้าทางด่วนที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก ถ้าต้องการใช้ทางด่วนเพื่อเข้าเมือง ใกล้สุดจะมีทางพิเศษเฉลิมมหานครด่านบางนา ..จากโครงการจะต้องกลับรถเพื่อย้อนกลับมาขึ้นทางด่วนที่บริเวณสี่แยกบางนา มีระยะทางรวมประมาณ 1.7 km. เท่านั้นค่ะ

สำหรับขากลับก็ง่ายๆ ให้ใช้ทางออก 17B ตามป้ายบอกทางไปสมุทรปราการ เพื่อขึ้นสะพานเกือกม้าข้ามสี่แยกบางนามาลงตรงข้างๆ ศูนย์ประชุมไบเทค มีระยะทางรวมประมาณ 1.6 km. ซึ่งถือว่าสะดวกมากๆ ไม่ต้องไปติดไฟแดงที่สี่แยกบางนาเลยด้วย

แต่สำหรับจุดกลับรถนั้น ถ้ามาจากทางสมุทรปราการจะต้องมากลับรถแถวๆ หน้าสนามกีฬาภูติอนันต์เพื่อมายังโครงการ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 140 m. ซึ่งเป็นระยะห่างที่พอจะสามารถชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าโครงการได้ทัน

แต่สำหรับขาออกจากโครงการเพื่อกลับรถไปกรุงเทพนั้นจะมีจุดกลับรถจุดแรกที่อยู่ห่างออกไปเพียง 65 m. ซึ่งเป็นระยะที่กระชั้นชิดไปหน่อย ค่อนข้างอันตราย ถ้าเข้าจุดกลับรถไม่ทัน ต้องเลยไปกลับรถที่จุดที่ 2 บริเวณก่อนถึงตลาดสำโรง ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.2 km. ไกลหน่อยแต่จะปลอดภัยกว่าค่ะ

เนื่องจากบริเวณโดยรอบโครงการเป็นพื้นที่ราชการและทหารซะส่วนใหญ่ ทำให้ในระยะเดินรอบๆ ไม่ค่อยคึกคักมากนัก แต่ก็แลกมากับข้อดีคือจะไม่ค่อยมีอาคารสูงมาบังวิวในระยะใกล้ ได้วิวค่อนข้างเปิดโล่ง และแวดล้อมไปด้วยโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่ง

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้จะไปอยู่ตรงบริเวณตลาดสำโรงที่เป็นแหล่งรวมสินค้าขายส่งราคาถูก ตลาดสด และโรงพยาบาล หรือถ้าอยากเดินห้างใหญ่ๆ ก็มีอยู่บนถนนบางนา-ตราด แถวๆ Central บางนา และ Big C ดูจะคึกคักที่สุด มีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ อาคารสำนักงาน และโรงพยาบาล ครบครัน

เส้นทางการเดินทาง

การเดินทางในวันนี้เราจะนั่ง BTS มาโครงการ ลงที่สถานีบางนาเลือกทางออก 3 แล้วเดินมาในระยะสบายๆ ประมาณ 250 m. ก็ถึงแล้วค่ะ ตามลูกศรมาได้เลยนะ

Image 1/11
เริ่มต้นการเดินทางที่ BTS สถานีบางนาค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางที่ BTS สถานีบางนาค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

เรามาดูสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการกันต่อเลย โครงการตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท โดยรอบส่วนใหญ่เป็นชุมชนแนวราบ จะมีก็แค่ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate ที่เป็นอาคารสูงเพียงอาคารเดียวเท่านั้น สามารถสรุปได้ตามนี้

ทิศเหนือ ติดกับ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate เป็นคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น
ทิศใต้ ติดกับ Center Point และซอยลาซาล-แบริ่ง มองเห็นวิวเปิดโล่งทางฝั่งสมุทรปราการ
ทิศตะวันออก ติดกับ ชุมชนซอยลาซาล มองเห็น City View ไกลๆทางฝั่งศรีนครินทร์และบางนา
ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนสุขุมวิท เป็นทางเข้าหลักของโครงการ ฝั่งตรงข้ามไม่มีตึกสูงบัง และสามารถมองเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่สีเขียวบางกระเจ้า และ City View ไกลๆได้

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สนามกีฬาภูติอนันต์ กองทัพเรือ ~ 120 m.
  • รพ.มนารมย์ ~ 140 m.
  • ร.ร.นานาชาติ St.Andrews ~ 650 m.
  • รร.อรรถวิทย์ ~ 1.7 km.
  • ร.ร.นานาชาติ Berkeley ~ 1.9 km.
  • วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก ~ 2.2 km.
  • รพ.สำโรงการแพทย์ ~ 2.8 km.
  • ร.ร.นานาชาติบางกอกพัฒนา ~ 2.9 km.
  • ร.ร.นานาชาติ Anglo Singapore ~ 2.9 km.
  • ร.ร.ไทยซิกข์นานาชาติ ~ 3 km.
  • รร. ลาซาล ~ 4 km.
  • ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา ~ 4 km.
  • Central Plaza บางนา ~ 4.1 km.
  • Big C บางนา ~ 4.3 km.
  • รพ.ไทยนครินทร์ ~ 4.7 km.
  • SB Design Square บางนา ~ 5.1 km.
  • รพ.ศิครินทร์ ~ 5.6 km.
  • Chic Republic ~ 5.8 km.
  • Index Living Mall บางนา ~ 6 km.
  • Foodland ~ 6.2 km.
  • Jas Urban ~ 6.4 km.
  • Makro ศรีนครินทร์ ~ 7 km.
  • HomePro ศรีนครินทร์ ~ 7.3 km.
  • Mega Bangna ~ 10.6 km.
  • Tesco Lotus ศรีนครินทร์ ~ 9.4 km.

รายละเอียดโครงการ

Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint อีกหนึ่งคอนโด High Rise ของอนันดา ใครเป็นแฟนคลับของ Developer เจ้านี้ก็คงไม่แปลกใจเลยหากจะเห็นอาคารทรงโค้งๆ ที่ออกแบบมาให้เห็นคอนเซปต์ชัดเจน อย่างโครงการนี้มาในแนวคิด Nature-Future อาคารจึงมีลักษณะสะท้อนลายเส้นที่เป็นธรรมชาติคล้ายกับภูเขาริมทะเล โค้งมน มีการเล่นระดับ เจ้าเส้นโค้งและการลื่นไหลของพื้นที่พวกนี้แหละที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

พูดถึงหน้าตาอาคารก็ดูทันสมัยเหมือนๆกับโครงการรุ่นพี่ต่างๆในเครืออนันดานี่แหละ และก็ยังสอดแทรก Green Elements เข้าไปในอาคารด้วยนะ

มาดูภาพรวมของอาคารให้เข้าใจกันก่อน ว่าชั้นไหนมีอะไรบ้าง Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น 1 อาคาร โดยแบ่งออกเป็น 2 Tower ตัวฐานอาคารที่เป็น Podium จึงใหญ่หน่อยและลูกบ้าน 2 ตึกจะเดินเชื่อมกันได้เฉพาะส่วนที่เป็น Podium นะคะ

ข้อดีของการแบ่งตึกออกจากกันเป็น 2 ตึกไปเลยก็ทำให้ จำนวนยูนิตของแต่ละชั้นพักอาศัยลดลง ได้ความเป็นส่วนตัวขึ้น แต่ข้อจำกัดของโครงการที่มีหลายตึกก็คือเรื่องวิวที่อาจบังกันเอง แต่เรื่องนี้เราไม่ห่วงแล้วนะ เพราะโครงการสร้างเสร็จแล้ว ชอบห้องไหนเราก็ขอไปดูวิวจริงได้เลย

ห้องพักอาศัยที่อาคาร A มีจำนวน 520 ยูนิต ส่วนอาคาร B มี 642 ยูนิต รวมเป็น 1,162 ยูนิต พร้อมร้านค้าอีก 3 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดเกือบ 8 ไร่ ตั้งแต่ชั้น 1 – 4 จะเป็น Lobby และชั้นจอดรถ 547 คัน คิดเป็น 47% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ส่วน Main Facilities จะอยู่ที่ชั้น 5 เชื่อมต่อพื้นที่ทั้ง 2 Tower ทำให้ได้พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 32 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคารที่มี Panoramic Lounge ให้นั่งชมวิวได้อีกจุดนึงค่ะ

ดูจาก Master Plan ของโครงการจะเห็นว่าแปลงที่ดินเป็นแปลงหน้ากว้าง ติดถนนสุขุมวิทถึง 90 m. มีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียวจึงทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย แต่ตัวป้อมยามจะไม่ได้อยู่ด้านหน้าติดถนนใหญ่นะคะ จะขยับเข้าไปด้านในเล็กน้อย ถึงแม้ว่าที่ดินจะอยู่ติดถนนใหญ่แต่โครงการดันตัวอาคารเข้าไปไว้ด้านใน และวางพื้นที่สวนประมาณ 1 ไร่ไว้ด้านหน้าแทน ทำให้ได้ความสงบ เหมาะกับการพักผ่อนมากขึ้น

จากผังเส้นสีส้มจะเป็นเส้นทางสำหรับ Visitors ที่จะเข้ามาติดต่อ มาร้านค้า หรือเป็นแท็กซี่เข้ามาส่งผู้โดยสารก็จะสามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องแลกบัตรกับรปภ. ให้ยุ่งยาก พอแยกเส้นทางเดินรถไว้เป็นสัดส่วนแบบนี้ก็ช่วยกันไม่ให้สามารถเข้าไปรบกวนพื้นที่ส่วนพักอาศัยได้

ส่วนเส้นสีแดงนั้นเป็นเส้นทางเดินรถของลูกบ้าน หลังจากผ่านป้อมยามมาแล้วก็จะสามารถวนอ้อมตึกไปจอดรถทางด้านหลังได้ ซึ่งมีทั้งที่จอดรถรอบอาคาร, ที่จอดรถแบบ Hydraulics Auto Park จำนวน 80 คัน และที่จอดรถในอาคาร

สำหรับทางเข้าอาคารนั้นจะมีประตูหลักที่เชื่อมกับ Lobby ทั้ง 2 Tower และยังมีบันไดเล็กๆที่สามารถเดินขึ้นไปชั้น Main Facilities บนชั้น 5 ได้ทันที ซึ่งส่วนกลางของที่นี่ถือเป็น Highlight ของโครงการเลยทีเดียว

จากถนนสุขุมวิทจะมีฟุตบาทให้เดินเข้ามาในโครงการได้สะดวก เส้นทางเดินรถเป็นแบบไป-กลับ สวนกันได้สบายๆ ฝั่งซ้ายเป็นทางเข้าที่จอดรถในส่วนของลูกบ้าน และเส้นทางที่ตรงเข้าไปจะเป็นของ Visitors, Lineman ต่างๆ ที่มาหาติดต่อ ก็จะมีที่จอดรถหน้าอาคารรองรับไว้อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ต้องผ่านป้อมยาม

สำหรับลูกบ้านผ่านเข้าออกด้วยระบบ RFID เป็น Easy Pass แบบเดียวกับที่ใช้ตอนขึ้นทางด่วนนะคะ

ผ่านป้อมยามเข้ามาจะมีพื้นที่จอดรถรอบอาคารให้เลือกจอดกันได้เป็นโซนแรก เป็นที่จอดแบบ Outdoor ถ้าใครไม่อยากขึ้นไปจอดบนอาคารโซนนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ

บางส่วนของที่จอดรถรอบอาคารจะเป็นที่จอดแบบ Hydraulics ซึ่งทางโครงการเลือกมาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่จอดรถให้โครงการ แต่ๆลูกบ้านที่จอดด้านล่างต้องฝากกุญแจไว้กับทางนิติฯ นะ ในทางปฎิบัติหากลูกบ้านไม่โอเคกับการฝากกุญแจ ก็ต้องรอดูว่านิติฯจะมีวิธีจัดการอย่างไรกับที่จอดรถระบบนี้ต่อไปนะคะ

แถมโครงการยังติดตั้ง EV Charger มาให้ 1 ช่อง รองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มมีการใช้งานในไทยกันแล้ว

สำหรับที่จอดรถบนอาคารมีทางขึ้นอยู่ด้านหลังตึก ช่องทางเดินรถมีขนาดใหญ่รถสวนกันได้สบายๆ

บรรยากาศบนอาคารจอดรถดูโปร่งดี ได้แสงธรรมชาติและลมพัดเข้ามา ถ้าไม่เปิดไฟในอาคารก็ยังสว่างอยู่นะ แบบนี้ก็ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าของพื้นที่ส่วนกลางได้ด้วย

ช่องจอดรถมีความกว้างได้มาตรฐาน และมีกันชนด้านหลังไว้ให้เรียบร้อย

จากที่จอดรถเราสามารถขึ้นลิฟต์เพื่อไปชั้นพักอาศัยได้เลยโดยไม่ต้องผ่าน Lobby ซึ่งลิฟต์ของโครงการจะเป็นแบบใช้ Keycard อยู่แล้ว จึงมีแค่ลูกบ้านที่เข้าส่วนห้องพักอาศัยได้นะคะ

ต่อไปจะพามาชมทางเข้าอาคารทางฝั่งหน้าตึกกันบ้าง ทางเข้าแรกที่อยู่ใกล้ป้อม รปภ. ที่สุดก็คือบันไดสีขาวทางฝั่งซ้ายนี่เลย ทางเข้านี้ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเดินขึ้นไปได้นะคะ จะต้องใช้ Keycard ผ่านเข้าไป จึงไม่ต้องกลัวว่าคนภายนอกจะผ่านเข้าไปส่วนกลางของโครงการได้นะ คนภายนอกจะเดินเข้ามาได้ถึงบริเวณโซนร้านค้า แต่จะไม่สามารถเข้าอาคารได้ค่ะ

เรามองว่าบันไดทางขึ้นอาคารตรงนี้ดูเก๋ สะดุดตาดีนะ นอกจากหน้าตาที่น่าสนใจแล้ว ฟังก์ชันของบันไดตรงนี้ก็ประโยชน์ เพราะเป็นทางเข้าที่เชื่อมไปยัง Facilities ส่วนกลางบนชั้น 5 ได้เลย อย่างเวลาเรานัดแขกมาคุยงานก็พาขึ้นบันไดนี้ก็ถึง Social Club ได้สะดวกเลย

บรรยากาศภายในบันไดจะได้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามา แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่มีหลังคาบังแดดบังฝนได้

สุดทางบันไดสีขาวจะเป็นทางเดินเชื่อมเข้ากับตัวอาคาร แต่ทางเดินช่วงนี้จะเป็น Outdoor ให้เปลี่ยนบรรยากาศกันนะ แต่หากวันไหนฝนตกก็เลือกใช้ทางเดินภายในอาคารแทนได้

เดินขึ้นบันไดมาอีกนิด จะได้บรรยากาศของ Cave Garden Walk หรือ Stack Garden เป็นสวนเล่นระดับเชื่อมต่อพื้นที่ชั้น 1 บริเวณหน้าโครงการกับส่วนกลางบนชั้น 5 ช่วยปรับอารมณ์และยังได้ออกกำลังกายเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อสุขภาพจะได้ฟิตๆ กันค่ะ

ถ้าไม่เข้าอาคารทางบันไดสีขาว ก็จะมีอีกประตูหนึ่งด้านในที่เป็นทางเข้า Lobby หลัก แต่ต้องเดินผ่านโซนร้านค้าเข้าไปก่อน ซึ่งบริเวณหน้าโครงการจะมีพื้นที่ให้จอดรถได้อีกจุดหนึ่งและมีพื้นที่สวนให้มานั่งเล่นพักผ่อนได้ด้วยนะ

บรรยากาศภายในสวนดูเขียวชอุ่มดีทีเดียว เพราะสวนส่วนกลางบริเวณนี้มีพื้นที่รวมประมาณ 1 ไร่ จึงดูกว้างขวาง

ภายในสวนมีทั้งต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มช่วยสร้างบรรยากาศ มีการเล่นระดับ และออกแบบไว้ให้เป็นเส้นโค้ง ดู Free-Form ตามคอนเซปต์ ให้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย แต่เสียดายนิดนึงที่น่าจะมีเส้นทางเดินในสวนมาให้อีกสักนิด จะได้เข้าไปเดินเล่นได้สะดวกนะคะ

บริเวณหน้าทางเข้าอาคารจะมี Drop-Off ให้วนรับ-ส่งได้

หน้าทางเข้าหลักของอาคารออกแบบไว้สวยอีกเช่นกัน มีการเล่นเส้นสายเฉียงๆ ให้อาคารดูมีการเคลื่อนไหว

ผ่านเข้ามาด้านในอาคารจะเจอกับเคาน์เตอร์ต้อนรับก่อนเลย ส่วน Lobby ของโครงการนี้จะแบ่งออกเป็นของอาคาร A, B เลย ซึ่งทั้ง 2 โซนจะต้องใช้ Keycard ในการผ่านเข้าไป ถ้าลูกบ้านนัดเพื่อนมาหาก็ต้องรอให้ลูกบ้านลงมารับจึงจะเข้า Lobby ได้ เราว่าระบบการจัดการพื้นที่แบบนี้ดูปลอดภัยดี

และในช่วง New Normal แบบนี้ทางโครงการก็ติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิมาให้กับทางโครงการด้วยค่ะ

เข้ามาดู Lobby อาคาร A ยังคงคอนเซปต์ที่ดูหรูหราตามสไตล์ของแบรนด์ IDEO MOBI เลย มีการใช้กระเบื้องลวดลายหินอ่อนเข้ามาตกแต่งอีกเช่นเคย ทำให้ได้บรรยากาศที่ดูทันสมัย

ภายในจัดชุดโซฟานั่งเล่นไว้หลายชุดเลยนะคะ หากเปิดม่านขึ้นมาก็จะสามารถมองออกไปเห็นสวนบริเวณหน้าโครงการพอดีเลย

ด้านในสุดของ Lobby จะมีประตูทางเข้า Lift Lobby อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ Keycard สแกนผ่านเข้าไป ส่วนใครที่จอดรถด้านหลังอาคารก็สามารถเข้าอาคารจากทางประตูหลังทางขวามือได้เลย

ถัดมาที่ Lobby อาคาร B ก็จะมีการตกแต่งและขนาดพื้นที่พอๆ กับอาคาร A เมื่อสักครู่เลย ดูหรูหราดี

แต่ส่วนที่แตกต่างไปคือมี Meeting Room ขนาดประมาณ 10 ที่นั่ง ให้มาจองใช้งานกันได้ ภายในมีจอทีวีติดตั้งไว้เรียบร้อย และยังเป็นตำแหน่งที่ได้วิวสวนด้วยค่ะ

ห้องนิติบุคคลก็อยู่ที่อาคาร B ด้วยเช่นกัน ส่วนตัวแล้วเราชอบให้ห้องนิติฯอยู่ที่ชั้น 1 มากเลย เพราะเข้าถึงได้ง่าย ติดต่อได้สะดวกดี

ด้านในสุดของอาคาร B จะเป็นตำแหน่งของ Lift Lobby ที่ต้องใช้ Keycard ผ่านเข้าไปนะ และทั้ง 2 อาคารก็จะมีห้องน้ำไว้รับรองด้วยเช่นกัน

โครงการนี้เค้าจัด Lift Lobby และ Mailbox ให้รวมอยู่ในพื้นที่เดียวกันเลย เวลาผ่านเข้าออกก็แวะหยิบจดหมายได้สะดวก และทำให้พื้นที่บริเวณนี้ดูกว้างขวางด้วย

แต่ละอาคารมีลิฟต์ทั้งหมด 4 ตัว เมื่อเทียบกับจำนวนลูกบ้านแล้ว อัตราส่วนลิฟต์ตึก A จะประมาณ 130 : 1 ส่วนที่ตึก B มีอัตราส่วนประมาณ 160 : 1 เป็นอัตราส่วนที่สูงพอสมควรเลยนะคะ ถ้าเวลาช่วงเร่งด่วนก็เผื่อเวลารอลิฟต์ไว้สักนิดค่ะ

ภายในลิฟต์ตกแต่งด้วยกระจกและกระเบื้องลายหินอ่อนโทนเงินๆ ดูทันสมัย เป็นลิฟต์แบบล็อกชั้น ปุ่มกดลิฟต์จะมี 2 ตำแหน่ง เพื่อให้คนที่นั่งวีลแชร์ก็ใช้งานได้สะดวก

ผังต่อมาคือชั้น 5 เป็น Main Facilities หลักของโครงการและมีชั้นพักอาศัยรวมอยู่ด้วย สามารถขึ้นลิฟต์มาได้หรือจะเดินขึ้นมาจากบันไดสีขาวหน้าโครงการที่พาไปชมกันมาแล้วก็ได้ ส่วนกลางในชั้นนี้ประกอบด้วยสระว่ายน้ำที่มีทั้งสระเด็กและ Jacuzzi มีมุมเก๋ๆ อย่าง Hidden Cave ที่วางตำแหน่งไว้อยู่ใต้สระว่ายน้ำเพิ่มลูกเล่นเลียนแบบความเป็นธรรมชาติได้ดี ส่วนกลางที่เป็นแบบ Indoor จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งของ Tower A เป็น Social Club และ Tower B เป็น Fitness

ซึ่งพื้นที่ของชั้นนี้จะเชื่อมต่อกัน ทำให้ลูกบ้านสามารถเข้าใช้งานส่วนกลางทั้งหมดได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำและ Laundry ไว้ให้ทั้ง 2 ฝั่งเพื่อความเป็นส่วนตัวและสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของโซนพักอาศัยในชั้นนี้จะไม่มีประตูกระจกกั้นแยกออกจากโถงลิฟต์นะ จากผังในวงสีส้มนั้นจะเป็นทางเข้า-ออกจากโถงลิฟต์มายัง Facilities ด้านนอกเฉยๆ ซึ่งอาจทำให้คนที่พักอาศัยในชั้นนี้จะไม่ได้ความเป็นส่วนตัวเท่าชั้นอื่นๆ แต่ถ้าดูจากเส้นทางเดินในอาคารแล้ว ลูกบ้านชั้นอื่นที่มาใช้งานส่วนกลางนั้นไม่จำเป็นต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยในชั้นนี้เลย นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องมีประตูก็ได้ แต่เราก็เชียร์ให้มีอยู่ดี ><

Lift Lobby จะอยู่ในช่วงกลางตรงข้อต่อแกน Y ของอาคารพอดี แยกออกเป็น 2 Tower อาคารละ 4 ตัว มี Service Lift อาคารละ 1 ตัว และมีบันไดหนีไฟอีกอาคารละ 3 จุดซึ่งแยกออกตามแต่ละปีกอาคารที่เป็นรูปทรง Y-Shape

ส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้ Tower A จะมีจำนวนทั้งหมด 13 ยูนิต และ Tower B จะมีจำนวนทั้งหมด 17 ยูนิต ซึ่งห้องพักอาศัยในชั้นนี้ก็เข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย หรือใครที่อยากได้ห้องพักแบบ Pool Access ก็มีให้เลือกเฉพาะชั้นนี้ด้วยเช่นกัน

พื้นที่สระว่ายน้ำตรงกลางค่อนข้างใหญ่ มีความยาวกว่า 60 m. ดูร่มรื่น สวยงาม และน่าใช้งานมากทีเดียว รายล้อมด้วย Facilities อื่นๆ ที่เราสามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ แต่ทางเดินเชื่อมตึกจะเป็นแบบ Outdoor นะคะ หากวันไหนฝนตกก็สามารถเดินเชื่อมกันที่ชั้น 1 แทนได้

ตอนนี้เราออกมาจาก Lift Lobby อาคาร B ..ส่วนแรกที่เจอเลยคือพื้นที่อาบน้ำก่อนลงสระ และอีกฝั่งนึงเป็น Laundry ให้มาแวะซักผ้ากันได้ ซึ่งตึก A ก็จะจัดฟังก์ชันแบบนี้ไว้อีกชุดนึงที่บริเวณทางออก Lift Lobby เช่นกัน เพื่อกระจายการใช้งานไม่ให้หนาแน่นเกินไป

โครงการนี้เค้าเน้นงานดีไซน์จริงๆเลยนะคะ บริเวณที่อาบน้ำก็ออกแบบมาให้เป็นทรงโค้ง ให้ความรู้สึกที่เหมือนอยู่ในธรรมชาติ

ถัดมาที่ส่วนของ Fitness มีตำแหน่งที่อยู่ติดกับห้องน้ำ พอเราเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของเสร็จก็เดินมาออกกำลังกายได้สะดวก

ห้องน้ำตกแต่งไว้ดูหรูหราด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนอีกเช่นเคย ภายในมี Lockers ไว้ให้เก็บกระเป๋า ของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้

มีฟังก์ชันครบทั้งห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ

Highlight อย่างหนึ่งของส่วนกลางโครงการนี้ก็คือ Fitness นี่แหละ เรามองว่าเค้าทำออกมาได้มีขนาดใหญ่ และฟังก์ชันเยอะ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น บรรยากาศดูโปร่งด้วยผนังกระจกทั้ง 3 ด้าน เปิดรับวิวโดยรอบได้  180 องศาเลยทีเดียว

ภายในติดตั้งเครื่องออกกำลังกายเอาไว้ประมาณ 15 เครื่อง และจัดวางให้หันหน้าออกไปทางผนังกระจกเพื่อชมวิวได้สะดวก

เครื่องออกกำลังกายของยี่ห้อ Life Fitness เป็นแบรนด์ที่คอนโดระดับบนเลือกใช้กัน

ภายในมีโซนหญ้าเทียมพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบต่างๆ ให้เลือกใช้งานกันได้อีกมุมหนึ่ง

เราชอบที่เค้าออกแบบพื้นที่ให้เราสามารถปรับใช้กับการออกกำลังกายได้หลายหลาย แถมชมวิวไปได้ด้วย

และยังมีห้องโยคะไว้เป็นสัดส่วนชัดเจนเลย แต่ก็ต้องดูว่านิติฯจะจัดการอย่างไรต่อไป จะมีการจ้างครูมาสอนเป็นประจำมั้ย แต่จากที่พาไปชมมาเรามองว่าฟิตเนสที่นี่ครบถ้วนและน่าใช้งาน ตอบโจทย์คนที่ชอบออกกำลังกายได้ดีทีเดียว

มาดูส่วนที่เป็น Highlight ของโครงการอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือสระว่ายน้ำนั่นเอง หน้าตาของสระเป็นทรง Free-Form เข้าคอนเซปต์ ซึ่งเค้าจัดบรรยากาศรอบๆ ไว้เป็นต้นไม้พุ่มและไม้ใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนว่ายอยู่บนภูเขาเลย

สระว่ายน้ำของโครงการนี้มีความยาว 60 m. เลยนะ แต่จะไม่ได้ตรงยาวให้เรา Stroke กันได้เป็นกิจจะลักษณะขนาดนั้น เพราะเค้าออกแบบขอบสระไว้เป็น Step ด้วยนะคะ ต้องระวังกันนิดนึง หรือใครไม่ชอบออกกำลังกายหนักๆ ก็มานั่งแช่น้ำ ชมวิว ได้สะดวกเลย

ภายในสระมีมุมเก๋ๆ อย่าง Island ที่อยู่ตรงกลางด้วยนะ เป็นอีกมุมให้นั่งพักในสระได้

สำหรับเจ้า Jacuzzi ต้องว่ายน้ำเข้าไปใช้งานเท่านั้น เพราะเค้าจะหลบเข้ามาอยู่ด้านในหน่อย ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ

ห้องพักบางส่วนบนชั้นนี้จะเป็นห้องแบบ Pool Access ให้เดินลงสระได้สะดวก ถือว่าเป็นห้องที่ได้ Value เพิ่มมากขึ้นแหละ แต่ส่วนตัวเราชอบชั้นที่เหนือสระขึ้นไปอีกสัก 2-3 ชั้น เพื่อให้พ้นระยะสายตาจากลูกบ้านท่านอื่นๆ ที่มาว่ายน้ำมากกว่า

ภาพนี้เป็นวิวจากห้อง Pool Access ที่เราเก็บมาฝากกัน เสียดายวันที่ไปถ่ายฝนตกทั้งวันเลยค่ะ ถ้าได้แดดออกสักหน่อยวิวคงสวยกว่านี้แน่ๆ

ตัวสระเป็นระบบ Overflow (น้ำล้น) ทำให้เราสามารถว่ายมาเกาะขอบสระชมวิวได้สะดวก และยังมีเสียงน้ำที่ไหลล้นออกมาตลอดเวลา ฟีลลิ่งเหมือนไปเที่ยวน้ำตก ช่วยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้นด้วย

ติดกับสระว่ายน้ำจะมีทางเดินลงมาที่ Hidden Cave เป็นการออกแบบที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ เพราะพื้นที่นั่งเล่นส่วนนี้จะอยู่ด้านล่างสระว่ายน้ำอีก Step นึงค่ะ

ที่เค้าเรียกว่า Cave ก็เพราะมาซ่อนตัวอยู่ใต้สระว่ายน้ำและมีหลังคาที่ใช้กันฝนได้ เป็นอีกมุมนั่งเล่นที่ให้ความเป็นส่วนตัว

ที่นั่งใน Cave มีพื้นที่กว้างขวาง นั่งได้สัก 5-6 คนแบบสบายๆ

บรรยากาศตลอดทางเดินเชื่อม 2 อาคารก็จะเป็นทางเดินขึ้นลงไปเรื่อยๆ ใครที่เป็นสไตล์ Active หน่อยก็คงชอบ แต่ข้อจำกัดหนึ่งของทางเดินเชื่อมตึกบนชั้นนี้คือเป็นทาง Outdoor ถ้าวันไหนฝนตกก็ใช้งานไม่สะดวกนัก ถ้าไม่อยากโดนฝนจะลงไปใช้ทางเชื่อมที่ชั้น 1 แทนก็ได้ค่ะ

เนื่องจากบรรยากาศของส่วนกลางทำออกมาได้อารมณ์ของภูเขา และธรรมชาติมากๆ มีการเล่นระดับค่อนข้างเยอะ ทำให้สวนไม่บังวิวสระ แต่ถ้าลูกบ้านเป็นผู้สูงอายุต้องระวังกันสักนิดนะคะ

สระว่ายน้ำของเด็กจะอยู่ทางฝั่งอาคาร A

มีที่นั่งสำหรับผู้ปกครองอยู่ด้านข้าง เพื่อให้ดูแลเด็กๆ ได้สะดวก

ปิดท้าย Facilities ชั้นนี้ด้วย Social Club วางตำแหน่งไว้อยู่หลังซุ้มโค้ง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับการพบปะเพื่อนๆ หรือนั่งทำงานได้สงบขึ้น

Social Club เป็นพื้นที่ 2 ชั้นซึ่งจัดเป็นโต๊ะทำงานนั่งประชุม มุมอ่านหนังสือส่วนตัว หรือโซฟาไว้พบปะพูดคุยกันของลูกบ้านได้

จากชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Social Club ถ้าดูฟังก์ชันก็เทียบได้กับ Co-Working Space ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ให้เลือกใช้งานได้หลากหลายค่ะ

แต่ละชุดโซฟาจะมีปลั๊กไฟไว้รองรับการใช้งานด้วย

จากที่พาชมไปในตอนแรกว่ามีบันไดขึ้นจากทางหน้าโครงการได้ จากบันไดนั้นก็จะมาเจอกับ Social Club เป็นส่วนแรก ซึ่งเราคิดว่าตอบโจทย์กับการนัดคุยงาน หรือใครที่มองหาคอนโดที่มีส่วนกลางให้นั่งทำงาน นัดประชุมได้สะดวก โครงการนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ

ต่อไปมาดูชั้นพักอาศัยกันบ้าง โดยชั้นพักอาศัยแบบเต็มชั้นจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 ไปจนถึงชั้น 31  ซึ่งพอขึ้นไปบนชั้นสูงๆ จำนวนห้องพักจะลดลงเรื่อยๆ แบบขั้นบันไดตามรูปทรงของอาคารที่ได้เห็นจากภายนอก

โถงลิฟต์จะอยู่ในช่วงกลางตรงข้อต่อแกน Y ของแต่ละอาคารพอดี จากแปลนจะเห็นลูกศรฟ้าๆ ตามทางเดินนั่นคือช่องลมที่เปิดรับแสงและลมเข้ามาในอาคาร ทำให้ทางเดินสว่างและโปร่งขึ้น ช่วยประหยัดค่าไฟส่วนกลางได้บ้าง นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัว ทำให้ห้องพักหลายห้องไม่ติดกันได้อีกด้วย

ลักษณะการวางห้องของทั้ง 2 Tower เหมือนกันคือ จะวางห้อง 2 Bedroom ไว้ตรงมุมอาคารตรงทิศตะวันตกที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำและบางกระเจ้าได้ดีที่สุด ส่วนห้อง 1 Bedroom ส่วนมากจะหันไปทางทิศเหนือที่มีบางห้องตรงกับ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate สูง 30 ชั้น

ส่วนทิศใต้จะได้วิวเปิดโล่งทางฝั่งสมุทรปราการ รวมถึงมีห้องที่หันหน้าเข้ามาด้านในของโครงการที่ชั้นไม่สูงมากจะสามารถมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำได้ สุดท้ายคือห้อง Studio จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่แดดช่วงบ่ายจะไม่ร้อนมากนัก แล้วยังได้วิวเปิดโล่งทางด้านหลังที่มองไปทางซอยลาซาลที่ไม่สามารถขึ้นตึกสูงมาบังวิวได้ และไกลออกไปก็ยังมองเห็น City View ทางศรีนครินทร์และบางนาได้อีกด้วย

โถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัยจะอยู่บริเวณแกนกลางตัว Y จึงเป็นทาง 3 แยก ถามว่าใช้งานยากมั้ยเราว่าช่วงแรกๆ ก็คงมีเลี้ยวถูกเลี้ยวผิดกันบ้าง แต่อยู่ไปเรื่อยๆ ก็น่าจะชิน หากมีป้ายบอกทางติดไว้อีกนิดก็ใช้งานได้สะดวกขึ้นเลย

บรรยากาศทางเดินบนชั้นพักอาศัย ก็จะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างที่ปลายทางเดินแต่ละฝั่ง เวลาอยู่อาศัยจริงก็จะสามารถปิดไฟบางดวงไปได้

นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างตามแนวทางเดินที่มาช่วยระบายอากาศด้วยนะคะ การออกแบบทางเดินให้มีหน้าต่างแบบนี้เราจะไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่ เพราะเป็นการลดพื้นที่ขายของห้องพักอาศัยลง ส่วนนี้จึงเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งในการออกแบบของที่นี่

ขึ้นมาที่ชั้น 32 เป็นชั้นพักอาศัยที่มีเพื่อนบ้านน้อยจึงได้ความเป็นส่วนตัว แต่ก็เป็นชั้นที่มี Facilities ตั้งอยู่อีกห้องหนึ่ง นั่นก็คือ Panoramic Lounge ที่อยู่บนอาคาร A

เป็นอีกหนึ่ง Highlight ของโครงการที่ทำให้ลูกบ้านที่อาจไม่ได้ซื้อห้องชั้นสูงๆ ก็สามารถขึ้นมาชมวิวสวยๆ ที่ชั้นนี้ได้ เป็นการเพิ่ม Value ให้กับโครงการอย่างมาก โดยออกแบบให้ Panoramic Lounge เป็นห้องกระจกที่มีส่วนยื่นออกมาด้านนอกอาคาร ช่วยเพิ่มมุมมองโดยรอบได้เกือบ 360 องศา

จากลิฟต์บนชั้น 32 จะต้องขึ้นบันไดไปอีกเล็กน้อยจึงจะถึง Panoramic Lounge ส่วนโซนห้องพักอาศัยจะมีประตูกั้นไว้เป็นสัดส่วน ทำให้ห้องพักบนชั้นนี้ยังได้ความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวอยู่ค่ะ

Panoramic Lounge เปิดมุมมองกว้าง 180 องศา สามารถชมวิวได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ดีไซน์แบบ Cantiliver ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนยอดผากลางอากาศ

ภายในจัดเป็นที่นั่งให้ชมวิวจากผนังกระจกที่อยู่โดยรอบ

ชุดโซฟาที่เป็น Highlight ก็คือตรงมุมกระจกโค้งนี่แหละค่ะ เปิดมุมให้มองวิวได้กว้างๆ ไปทางฝั่งสมุทรปราการจึงไม่ค่อยเห็นตึกสูงขึ้นมาสักเท่าไหร่ ถ้าหมอกไม่ลงนี่ได้วิวบางกระเจ้าเลยค่ะ

บางมุมก็จะได้วิวในเมืองฝั่งที่มองเข้าไปทางบางนา

มาดูเรื่องวิวกันสักนิด การวางผังอาคารเป็น Y-Shape แบบ 2 อาคาร เพื่อให้สามารถมองเห็นวิวได้กว้างมากขึ้น จะไม่มีห้องมุมโดนบล็อกวิวหนักๆ แบบอาคารตัว T เป็นการขยายมุมและเปิดมุมมองด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการบังวิวกันเองระหว่างปีกอาคารในแต่ละส่วน

อย่างไรก็ตามโครงการนี้อยู่ติดกับคอนโดรุ่นพี่อย่าง Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate จึงจะมีฝั่งทิศเหนือที่โดนบล็อกวิวไปบางส่วนเหมือนกัน หลบเลี่ยงได้ประมาณ 30% โดยที่อีก 70% ถ้ามองตรงออกมาจากระเบียงห้องก็ยังคงต้องมองเห็นชั้นพักอาศัยของอีกโครงการอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดที่ใกล้จนเกินไปนัก และยังสามารถมองออกไปทางด้านข้างเพื่อรับมุมมองระยะไกลได้นิดหน่อย

ซึ่งนอกจากทิศเหนือแล้ว ทิศอื่นๆจะได้วิวที่เปิดโล่งไม่มีตึกสูงมาบดบัง แล้วยังมีทิศตะวันตกซึ่งถือเป็น Highlight ของโครงการ ที่ชั้นสูงๆ จะสามารถมองเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้าได้อีกด้วย วันนี้เราเก็บวิวตามทิศต่างๆ มาฝากกันจะได้เห็นภาพมากขึ้นนะคะ

วิวจากห้องพักบนชั้น 6 ทางทิศตะวันตก ได้วิวสระแบบเต็มที่และมองผ่านตึกออกไปเห็นราง BTS ก็จะเห็นเจ้ารถไฟฟ้าวิ่งผ่านไปมาตลอด แต่ตำแหน่งนี้เป็นห้องด้านในโครงการไม่ได้ยินเสียงรบกวนนะคะ

ยังคงเป็นมุมจากห้องทางทิศตะวันตกเหมือนเดิมแต่ขยับขึ้นมาที่ประมาณชั้น 10 จะเห็นห้องพักจากอาคาร B บางส่วนในระยะไกล และมีมุมที่มองวิวออกไปโล่งๆ ได้

ขยับขึ้นมาที่วิวบนชั้น 32 ทางฝั่งตะวันตกอีกเช่นเคย เป็นมุมที่มองออกไปเห็นโค้งน้ำบางกระเจ้า และไม่มีอาคารบังวิวเลย โล่งๆ ทีเดียวค่ะ

มาดูทางฝั่งตะวันออกกันบ้าง เป็นวิวจากประมาณชั้น 6 ที่มองเข้าไปทางซอยลาซาล ส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัยไม่สูงนัก เพราะเป็นซอยย่อยเล็กๆ ที่ขึ้นตึกสูงได้ยาก

ทางฝั่งทิศเหนือจะอยู่ติดกับคอนโดรุ่นพี่ที่สูง 30 ชั้น ซึ่งก็ทำให้ห้องพักทางฝั่งนี้มีราคาที่ลดลงมากว่าห้องพักทางทิศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน และเมื่อโครงการสร้างเสร็จแล้วเราก็สามารถขอดูวิวจริงได้ก่อนตัดสินใจด้วยค่ะ

ทิศใต้เป็นฝั่งที่ได้วิวโล่งๆ มองไปทางฝั่งเทพารักษ์ ปู่เจ้าสมิงพราย แต่ก็เป็นฝั่งที่ติดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งมีศักยภาพในการขึ้นอาคารสูงได้ในอนาคตค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Ground Floor

  • Lobby
  • Mailbox
  • Shop 3 ยูนิต
  • Meeting Room
  • Garden 1 ไร่

  • Level 5
    • Swimming Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 60 m.
    • Jacuzzi
    • Laundry Room
    • Social Club
    • Equipped Gym (Fitness)
    • Common Gardens
    • Hidden Cave

  • Level 32
    • Panoramic Lounge
    • ลิฟต์โดยสาร 8 ตัว/โครงการ
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 145 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 130 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 160 : 1
    • Service Lift 2 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 547 คันคิดเป็น 47% ไม่รวมจอดซ้อนคัน (Hydraulics Auto Park 80 คัน)
    • ระบบ CCTV / Access Card

    แบบห้อง

    สำหรับแบบห้องของโครงการมีให้เลือกถึง 5 แบบ ซึ่งทุกแบบเป็นการดีไซน์แบบห้องหน้ากว้างทั้งหมด ประกอบด้วย

    • Studio ขนาด 26 ตารางเมตร
    • 1 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร
    • 2 Bedrooms 1 Bathroom ขนาด 54 ตารางเมตร
    • 2 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 56 ตารางเมตร
    • Duplex ขนาด 50 ตารางเมตร

    Image 1/5
    Studio ขนาด 25.2 - 26 ตารางเมตร

    Studio ขนาด 25.2 - 26 ตารางเมตร

    โครงการขายห้องแบบ Fully Fitted คือ Built in เฉพาะส่วนครัวและให้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำไว้ให้ วันนี้จะพาไปเจาะลึกห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 แบบคือห้อง 2 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 56 ตารางเมตร และอีกห้องคือ 1 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร ห้องจริงจะสวยถูกใจมั้ยไปชมกันเลยค่ะ

    ห้อง 2 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 56 ตารางเมตร จุดเด่นของห้องนี้เลยคือมีหน้ากว้างถึง 10 m. เหมาะกับคนที่ชอบห้องระเบียงยาว หน้าต่างกว้าง มีช่องแสงแทบทุกห้อง (ยกเว้นห้องน้ำที่ต้องพึ่งงานระบบของอาคาร) เป็นห้องที่เหมาะกับครอบครัวที่อยู่อาศัยด้วยกันประมาณ 2 – 3 คน หรือต้องการ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เพื่อไม่ต้องแย่งกันใช้ มีพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหารขนาดกว้างพอสมควรให้ใช้งานร่วมกันได้ไม่อึดอัด

    เข้ามาภายในจะพบกับพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยส่วนครัวซึ่งได้เป็นครัวเปิด โต๊ะทานอาหาร และห้องนั่งเล่น ซึ่งมีพื้นที่ติดกับระเบียงที่ได้เป็นระเบียงยาว ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามา เปิดมุมมองห้องให้กว้าง สามารถออกไปใช้งานและ Take View ได้ดี มีการแยกพื้นที่เก็บ Condensing unit ไว้หลังผนังทึบและมีประตูปิดเป็นสัดส่วนไม่เกะกะสายตา

    ห้องนอนแยกเป็น 2 ฝั่งออกจากกัน กั้นด้วยผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัว ห้องนอนเล็กทางด้านขวามีขนาดพื้นที่ใช้งานพอดี ได้ช่องหน้าต่างเป็นของตัวเองขนาดใหญ่ แต่ห้องน้ำต้องแชร์กับพื้นที่ส่วนกลางทำให้มีประตูทางเข้า 2 ด้าน

    ส่วนห้อง Master Bedroom มีขนาดพื้นที่ไม่ต่างจากห้องนอนเล็กมากนัก มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่เหมือนกัน แต่จะได้ห้องน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ ซึ่งมีอ่างอาบน้ำและมีหน้าต่างไว้เปิดระบายอากาศและความชื้นได้อีกด้วย

    ประตูที่ได้จะเป็นไม้ HDF บานทึบสีน้ำตาล ติด Digital Door Lock ของ Yale หน้าตาแบบนี้มาให้ สามารถใช้ได้ทั้ง Key Card หรือกดรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู และมีที่จับแบบก้านโยกในตัว สะดวกต่อการใช้งานดี และส่วนที่โครงการติดตั้งมาให้เพิ่มคือ Sensor ประตูจาก Xiaomi ถ้าเราประตูปิดไม่สนิทเกิน 1 นาที เจ้าระบบนี้ก็จะร้องเตือนค่ะ

    เมื่อเข้ามาภายในจะพบกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ ที่รวมไว้ทั้งพื้นที่ครัว, นั่งเล่น และทานอาหาร จึงได้ความโปร่งโล่งไม่อึดอัด พื้นเป็นไม้ลามิเนต ผนังฉาบเรียบทาสีขาว และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.6 m.

    ส่วนที่เราเห็นเค้าเพิ่มเติมขึ้นมาให้จากตอนที่เปิดตัวโครงการก็คือ Xiaomi Smart Sensor แกงค์นี้ มีสมาชิกมาทั้งเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ, กล้องวงจรปิด, เครื่องฟอกอากาศ รวมถึง Google Assistant ด้วย ทำให้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้จากคำสั่งเสียง หรือสั่งจากมือถือก็ได้นะ

    มาพร้อม Gateway ที่เป็นตัวแม่ของแกงค์ หน้าที่ของมันคือเป็นตัวกลางต่อ Wi-Fi ระหว่าง Server ของ Xiaomi แล้วส่งข้อมูลด้วย Bluetooth ไปให้สมาชิกเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวอื่นๆ อีกอย่างที่ทำให้เป็นตัวแม่คือเค้ามีลำโพงในตัว หากเราปิดประตูไม่สนิท ก็จะมีเสียงเตือนออกมาจากลำโพงตัวนี้

    พื้นที่ส่วนแรกบริเวณหน้าห้อง เป็นพื้นที่ด้านหลังประตูที่เราสามารถ Built-in เป็นตู้วางรองเท้าและวางตู้เย็นได้

    พื้นที่ครัวจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตู ซึ่งเราจะได้เคาน์เตอร์ครัว Built-in มาแบบนี้เลยค่ะ

    ตู้ด้านล่างมีช่องวางเครื่องซักผ้า ซึ่งมีการต่อท่องานระบบต่างๆ ไว้เรียบร้อย ส่วนด้านขวาเป็นตู้บานปิด และลิ้นชักให้เก็บของใช้ในครัวได้

    หน้าบานตู้ปิดผิวด้วยไม้ลามิเนตสีน้ำตาล มือจับมีการปาดมุมใช้งานได้ง่าย

    เคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่ครบทุกฟังก์ชันทั้ง ทำอาหาร เตรียมอาหารและล้างจาน แต่จะกะทัดรัดหน่อย เหมาะกับการทำอาหารที่ไม่ได้มีเครื่องปรุง วัตถุดิบมากนัก

    Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นแกรนิตสีดำ ทนความร้อนและความชื้นได้ดี ส่วน Backsplash กรุกระเบื้องมาให้เรียบร้อย หากใครทำอาหารบ่อยๆ ก็แนะนำให้กรุกระเบื้องผนังด้านข้างเพิ่มอีกนิดนึงจะได้ทำความสะอาดง่ายๆ ค่ะ

    เตาไฟฟ้าของ Teka เช่นเดียวกัน ได้เป็นแบบ 2 หัว มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบปล่อยออกด้านนอก

    อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวของ Teka เราลองใส่ชามลงไปให้เพื่อนๆ ลองกะๆ เทียบขนาดได้ แต่ส่วนที่เรารู้สึกได้คือหลุมเค้ามีความลึกดีนะ

    ส่วนตู้ด้านบนแบ่งเป็นช่องสำหรับใส่ของย่อยๆ มีชั้นวางไมโครเวฟอยู่ทางด้านบนซึ่งอาจพอดีสำหรับคนตัวสูง แต่อาจใช้งานลำบากหน่อยสำหรับหญิงสาวตัวเล็ก >.<

    ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้

    ส่วนที่ติดกับระเบียงเป็นพื้นที่นั่งเล่น วางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้ลงตัวอยู่ ซึ่งโครงการจัดให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ของจริงเราจะได้เป็นห้องโล่งๆนะคะ

    พื้นที่บริเวณนี้กว้างพอสมควร มีระยะดูทีวีประมาณ 2.4 m. จะติดทีวีขนาดใหญ่แบบ 60 นิ้วก็ยังได้ แต่ไม่แนะนำให้วางโต๊ะกลางขนาดใหญ่ เพราะเป็นทางเดินผ่านเข้าออกระเบียง และยังจะทำให้ห้องดูแคบด้วยนะคะ

    พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดกับประตูระเบียงขนาดใหญ่ ที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายใน และช่วยให้ Take View ได้ดีมากขึ้น

    ระเบียงห้องมีขนาดประมาณ 3.5 x 0.9 m. เป็นระเบียงที่มีความยาว รับแสง เปิดวิวได้มุมกว้าง แต่พื้นที่อาจจะแคบหน่อย เวลาเลือกราวตากผ้าก็ต้องดูที่มีขนาดไม่กว้างนัก

    พื้นที่ระเบียงที่ได้จะเคลียร์ๆ โล่งๆ เลย เพราะโครงการเค้ากันพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ไว้ต่างหาก ทำผนังบังสายตาไว้เรียบร้อย

    ส่วนที่น่าสังเกตคือขนาดวงกบประตูมีความแข็งแรง เหมาะกับโครงการชานเมืองสูงๆ ที่มีลมปะทะแรงๆ ส่วนพื้นระเบียงจะถูกลดระดับลงมจากพื้นห้องเล็กน้อย เพื่อให้ใช้เป็นพื้นที่ซักล้างได้สะดวก และยังช่วยกันน้ำฝนไหลเข้าตัวห้องด้วย

    ต่อไปมาดูห้องน้ำกันบ้างจะอยู่ติดกับห้องนอนเล็กเลย

    ห้องน้ำมีประตู 2 ทาง เข้าได้จากทาง Common Area และห้องนอนเล็ก จึงสะดวกต่อการใช้งาน

    ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนด้วย Shower Box มีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ครบ

    อ่างล้างหน้าเป็นของ American Standard มีขอบอ่างสามารถวางของเล็กๆน้อยๆได้

    ด้านล่างอ่างล้างหน้าเป็นตู้บานเปิดให้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้ ช่วยให้ห้องเป็นระเบียบมากขึ้น

    โถสุขภัณฑ์ของ American Standard เช่นกัน พร้อมติดตั้งสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระสแตนเลสมาให้พร้อมใช้งาน

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.6 x 0.9 m. พอให้ยืนหมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก

    ฝักบัวได้ของ American Standard จับได้ถนัดมือ มาพร้อมที่วางสบู่ ส่วนพื้นห้องมีขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยช่วยกันไม่ให้น้ำไหลไปส่วนอื่นๆ

    ห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้อง และยังมีพื้นที่โดยรอบเตียงให้สามารถใช้งานได้

    เห็นเจ้าเครื่องฟอกอากาศ MI ตั้งอยู่ในห้องด้วย ตัวนี้โครงการแถมให้เลยนะคะ

    ข้างเตียงมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ช่วยดึงแสงเข้ามา สามารถ Take View ได้ดี และเปิดบานกระทุ้งระบายอากาศได้ ส่วนพื้นที่ปลายเตียงจะเหลือแค่พอให้เดินผ่านได้แบบพอดีตัว ถ้าอยากได้ทีวีปลายเตียงต้องติดแบบแขวนผนังเอานะ

    วิวจากห้องบนชั้น 6 ก็จะเห็นสระว่ายน้ำชัดดีเชียว แต่ห้องโซนนี้พิเศษนิดนึงที่จะมีหลังคาของห้องพักบนชั้น 5 ยื่นออกมาอีกหน่อย ออกไปยืนใช้งานไม่ได้ แต่หากขอนิติฯ ปูหญ้าเทียมบนส่วนนี้ได้ก็จะยิ่งช่วยให้ดูร่มรื่นดีนะ อันนี้เป็นไอเดียเราแหละ แต่ไม่แน่ใจว่านิติฯจะให้รึเปล่า ต้องลองถามดูนะคะ

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า อยู่ติดกับทางเข้าห้องน้ำเลย จึงสามารถใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก

    มาที่ห้องนอนใหญ่กันต่อ ภายในมีพื้นที่ใช้สอยพอๆ กับห้องที่แล้วและแปลนห้องก็จะเหมือนๆ กันเลยนะ

    ด้านข้างเตียงจะมีทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องนี้จะได้ห้องน้ำส่วนตัวด้วย

    ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom จัดฟังก์ชันต่างๆ ไว้ครบและมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และใช้สุขภัณฑ์ วัสดุต่างๆ ของ American Standard

    ส่วนที่แตกต่างก็คือมีอ่างอาบน้ำเพิ่มขึ้นมาให้ ทำให้พื้นที่ภายใน Shower Box กว้างขึ้น ตัวอ่างมีความยาวประมาณ 1.4 m. วางตำแหน่งไว้ติดกระจกให้เปิดระบายอากาศ ระบายความชื้นได้สะดวก

    ห้องตัวอย่างอีกห้องคือแบบ 1 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร เป็นอีกหนึ่งห้องฮอตฮิตในโครงการ ด้วยหน้าห้องที่กว้างถึง 7.6 m. ทำให้สามารถ Take View ได้เต็มที่ทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน

    เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ Common area ที่ประกอบไปด้วยพื้นที่ครัวทางด้านหน้า ได้เป็นครัวเปิด ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่ติดกับช่องหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาได้ถึงหน้าห้อง ซึ่งห้องนี้จะระเบียงเล็กๆ ซ่อนอยู่ ปิดด้วยประตูทึบข้างๆ ชั้นวางทีวี ไม่ใช่ระเบียงชมวิวแต่เป็นระเบียงใช้งานไว้เก็บ Condensing unit โดยเฉพาะ

    ส่วนห้องนอนจะอยู่ทางด้านขวาของห้อง กั้นด้วยประตูทึบได้ความเป็นส่วนตัว มีฟังก์ชันที่มาช่วย Add Value ขึ้นมาคือ เพิ่ม Walk-in Closet และได้ Bathtub ขนาดใหญ่ พร้อมผนังกระจกแบบ Sexy Bath ส่วนพื้นที่รอบเตียงมีความกว้างเหลือให้ใช้งานได้พอดีตัว ห้องนี้จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน ชอบห้องหน้ากว้าง ฟังก์ชันครบ ได้ความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว

    ห้อง Type นี้ทีมงานเคยพาไปชมอย่างละเอียดแล้วเมื่อสมัยเปิดโครงการใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้เค้าเอามาตกแต่งใหม่ให้ดูในตึกจริงก็เลยอยากเก็บบรรยากาศภาพรวมมาฝากกัน เผื่อเป็นไอเดียในการตกแต่งนะคะ

    เมื่อเข้ามาภายในจะพบกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยพื้นที่ครัวและห้องนั่งเล่นจึงได้ความโปร่งโล่งไม่อึดอัด

    พื้นที่ฝั่งซ้ายของประตูจะจัดฟังก์ชันเป็นโต๊ะทานอาหารตามแบบในห้องตัวอย่างก็ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นตู้วางรองเท้าและวางตู้เย็น แล้วย้ายโต๊ะทานอาหารมาไว้ฝั่งเดียวกับครัวก็ได้เหมือนกันนะคะ

    โครงการจะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวชุดนี้ไว้ให้เรียบร้อย สเปคของวัสดุจะเหมือนห้องแรกเลยค่ะ

    พื้นที่ด้านในห้องเป็นห้องนั่งเล่น มีระยะดูทีวีประมาณ 1.9 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 46 นิ้วได้ จากตำแหน่งของโซฟาที่อยู่ติดหน้าต่างทำให้เราสามารถนั่งดูทีวีไปและชมวิวภายนอกไปพร้อมๆ กันได้

    ส่วนประตูบานทึบด้านข้างชั้นวางทีวีสามารถเปิดออกไประเบียงได้ เป็นระเบียงใช้งานไว้แขวน Condensing Unit โดยเฉพาะ มีระแนงปิดเพื่อความเรียบร้อยเมื่อมองมาจากภายนอก จึงสามารถไว้เก็บของที่อาจไม่ค่อยเรียบร้อยเช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดชิ้นใหญ่ๆ หรือแขวนตากชุดชั้นในก็ไม่น่าเกลียดนะ

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของห้องนอน ได้ประตูบานทึบทำให้มีความเป็นส่วนตัว

    เข้ามาภายในห้องนอนจะไม่ได้เจอเตียงทันทีแบบห้องปกติทั่วไป แต่จะเป็นโถงทางเดินเล็กๆ ที่มี Walk in closet อยู่ทางด้านซ้าย และมีห้องน้ำอยู่ทางด้านขวา สุดท้ายถึงจะเป็นเตียงนอนที่อยู่ด้านในสุด

    ในส่วน Walk-in closet เป็นฟังก์ชันพิเศษที่เพิ่มเข้ามาสำหรับห้องType นี้ ซึ่งของจริงเราจะได้เป็นห้องเปล่าต้อง Built เพิ่ม ซึ่งเราอาจไม่ต้อง Built เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มทั้ง 2 ด้านก็ได้ อาจแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งหรือด้านใดด้านหนึ่งเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้

    มีขนาดประมาณ 2.15 x 1.45 m. แล้วถ้า Built ตู้ทั้ง 2 ด้านไปแล้วจะมีพื้นที่ตรงกลางเหลือประมาณ 85 cm. ก็ยังสามารถใช้งานได้สะดวก

    ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันต่างๆ ไว้ครบและมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และใช้สุขภัณฑ์ของ American Standard เหมือนห้องอื่นๆ

    ฟังก์ชันพิเศษอีกอย่างหนึ่งของห้องนี้ก็คือเจ้าอ่างอาบน้ำ ที่โครงการติดตั้งมาให้ด้วย

    วางตำแหน่งไว้ติดกระจกเป็นลักษณะแบบ Sexy Bath มองออกไปเห็นห้องนอนและวิวด้านนอกได้เลย

    เจ้ากระจกแบบ Sexy Bath นี่เราสามารถติดตั้งม่านไฟฟ้าเพิ่มเองได้นะคะ วันไหนอยากจะมิดชิดหน่อยก็กดปิดม่านได้ เราว่าใช้งานง่ายกว่ามู่ลี่แบบเดิมๆ

    ด้านในสุดเป็นพื้นที่วางเตียงนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้อง แล้วยังพอจะมีพื้นที่โดยรอบเหลือให้สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้

    ทางด้านขวาของเตียงมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่เหมือนกับห้องนั่งเล่น ช่วยดึงแสงเข้ามา สามารถ Take View ได้ดี และเปิดบานกระทุ้งระบายอากาศได้

    ใครอยากติดทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นแบบแขวนผนังนะคะ ส่วนด้านขวามีพื้นที่เป็นช่องเว้าเข้าไปให้จัดเป็นมุมอเนกประสงค์ วางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือ Built-in เป็นตู้เก็บของได้อีกด้วยค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    26 October 2020

    • Studio 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท หรือ 99,615 บาท/ตร.ม.
    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • Home Automatic
    • จอง 9,900 บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ค่าธรรมเนียมการโอน ผู้ซื้อและผู้ขายชำระคนละครึ่ง
    • ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี
    • โปรโมชัน! ในวันที่ 30 ต.ค. – 1 พ.ย. 2563 นี้ พบกับงาน Open House เดินชมตึกจริง! ห้องจริง! พร้อมโปรโมชัน #oneprice สตูดิโอห้องใหญ่ขนาด 29 ตรม. ราคาเดียว! 2.69 ล้านบาท จองวันนี้ รับคืนสูงสุด 300,000 บาท

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล – โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทตอนปลาย ใกล้กับสี่แยกบางนา ทำเลโซนนี้เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคตะวันออกของกรุงเทพ ที่มีการเติบโตและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการคมนาคม เนื่องจากบริเวณโดยรอบโครงการเป็นพื้นที่ราชการและทหารซะส่วนใหญ่ ทำให้ในระยะเดินรอบๆ ไม่ค่อยคึกคักมากนัก แต่ก็แลกมากับข้อดีคือจะไม่ค่อยมีอาคารสูงมาบังวิวในระยะใกล้ ได้วิวค่อนข้างเปิดโล่ง และแวดล้อมไปด้วยโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่ง

    ส่วนความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้จะไปอยู่ตรงบริเวณตลาดสำโรงที่เป็นแหล่งรวมสินค้าขายส่งราคาถูก ตลาดสด และโรงพยาบาล หรือถ้าอยากเดินห้างดีๆใหญ่ๆ ก็มีอยู่บนถนนบางนา-ตราด แถวๆ Central บางนา และ Big C ดูจะคึกคักที่สุด

    การเดินทางโดยใช้รถ – ถือว่าสะดวก และมีซอยลัดให้ใช้อย่างซอยลาซาลและซอยแบริ่งเพื่อไปออกถนนศรีนครินทร์หรือถนนบางนา-ตราดได้ สำหรับคนที่ต้องการใช้ทางด่วนเพื่อเข้าเมืองไปทางกรุงเทพมีทางพิเศษเฉลิมมหานครตรงสี่แยกบางนา ซึ่งต้องไปกลับรถเล็กน้อยแล้วอยู่ห่างออกไปจากโครงการแค่ 1.7 km. เท่านั้น

    ประเด็นอยู่ตรงที่จอดรถประมาณ 547 คันคิดเป็น 47% ไม่รวมจอดซ้อนคัน โดยโครงการเลือกใช้ระบบ Hydraulics Auto Park จำนวน 80 คัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าถูกใจลูกบ้านเวลาใช้งานจริงหรือเปล่า เพราะรถที่จอดช่องด้านล่างต้องฝากกุญแจไว้ให้เจ้าหน้าที่คอยถอยเข้าถอยออกให้แทน ก็จะทำให้สัดส่วนที่จอดรถลดลง

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ถือว่าสะดวกมาก โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ และยังอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา 250 m. ซึ่งเป็นยะระที่สามารถเดินถึงได้สบายๆ

    การออกแบบโครงการ – ถือว่าออกแบบมาได้ดี จะเห็นแนวความคิด Future-Nature ชัดเจน ตัวอาคารที่มีลักษณะโค้งมน สะท้อนลายเส้นที่เป็นธรรมชาติคล้ายกับภูเขาริมทะเลแถบทางภาคใต้ทำให้โดดเด่นมีเอกลักษณ์ วางผังอาคารเป็น Y-Shape แบบ 2 อาคาร เพื่อให้สามารถมองเห็นวิวได้กว้างมากขึ้น ขยายมุมอับและเปิดมุมมองด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการบังวิวกันเองระหว่างปีกอาคารในแต่ละส่วน

    วางโถงลิฟต์ไว้ตรงกลางของแกน Y เพื่อสะดวกต่อการใช้งานของทุกฝั่งอาคาร แต่เราแอบมึนกับทาง 3 แยกของโถงลิฟต์นิดนึง ถ้าติดป้ายบอกเลขห้องเพิ่มอีกหน่อยก็จะโอเคเลยค่ะ และทางเดินมีช่องลมที่เปิดให้ได้รับแสงและลมธรรมชาติเข้ามาภายใน ช่วยในเรื่องทางเดินสว่างและการระบายอากาศให้รู้สึกสบาย ช่วยลูกบ้านประหยัดค่าไฟส่วนกลาง และยังช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัว ทำให้ห้องพักหลายห้องไม่ติดกันได้อีกด้วย

    ส่วนการออกแบบห้องพักทำออกมาได้แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในละแวกนี้ จุดเด่นอยู่ที่ห้องหน้ากว้าง ทำให้ได้แสงธรรมชาติและ Take View ได้ดี สามารถจัดสรรฟังก์ชันภายในได้ลงตัวมากขึ้น มีห้องให้เลือกหลากหลาย รวมถึงห้องแบบ Duplex ด้วย

    วัสดุ – ให้มาเหมาะสมกับราคา และส่วนที่ทางโครงการ Upgrade ขึ้นมาก็คือให้แกงค์ Xiaomi Smart Sensor ที่มีทั้ง Gateway, เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ, เครื่องฟอกอากาศ, กล้องวงจรปิด, Google Assistant และ Smart Sensor ที่ประตู หน้าต่างด้วยค่ะ

    สาธารณูปโภค – จัดมาให้ครบครัน ค่อนข้างเยอะตามจำนวนยูนิต และจัดบรรยากาศมาน่าใช้งานมาก ตามคอนเซปต์เลย โดยได้สวนหน้าโครงการมีขนาดเกือบ 1 ไร่ ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้โครงการ มี Cave Garden Walk ที่เป็นบันไดสวนเล่นระดับเดินขึ้นมาจากชั้น 5 ที่ทำมาค่อนข้างได้บรรยากาศแบบถ้ำลอดดี ซึ่งเรามองว่าบันไดนี้มีประโยชน์กับคนที่ต้องการใช้ Social Club เป็นพื้นที่รับแขก นัดคุยกับลูกค้า ก็ขึ้นมาใช้งานได้สะดวกเลย

    ส่วน Facilities บนชั้น 5 ก็จัดเต็ม สระว่ายน้ำยาว 60 m. มีสระเด็กและ Jacuzzi โดยรอบสระจัดเป็นสวนต้นไม้ดูร่มรื่น แต่ก็ลดระดับเป็น Step ไม่ให้บังวิวสระว่ายน้ำ แถมด้วย Hidden Cave ที่วางตำแหน่งไว้ใต้สระ ดูแปลกตา น่าสนใจดี

    พื้นที่ส่วนกลางแบบ Indoor จะแยกออกเป็น 2 ฝั่งคือ Social club ที่ต้องใช้ความสงบไว้อาคาร A ส่วน Fitness ที่มีความ Active ไว้ที่อาคาร B จุดเด่นอีกฟังก์ชันคือ Panoramic Lounge บนชั้น 32 ออกแบบเป็น Cantiliver ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนยอดผากลางอากาศ สามารถชมวิวได้ 180 องศา ก็เหมาะสมกับพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 55 บาท/ตร.ม.

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม., 26 October 2020

    • ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ ไม่ไกลจากห้าง มีวิวเปิดโล่งมองเห็นแม่น้ำได้
    • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 -ใกล้ทางด่วน มีจุดกลับรถให้เลือกใช้ ใกล้ซอยลัด สัดส่วนที่จอด 47% รวม Hydraulics Auto Park แล้ว
    • ไม่ใช้รถ 8/10 -ห่างรถไฟฟ้า 250 m. หน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ เรียกรถสาธารณะง่าย
    • วัสดุ 7.75/10 -ให้มาดีเหมาะสมกับราคา ขายแบบ Fully Fitted และได้ Xiaomi Smart Sensor เพิ่มขึ้นมาด้วย
    • แบบ 8.5/10 – ห้องหน้ากว้าง มีแบบให้เลือกเยอะ ฟังก์ชันลงตัว ผังอาคารดี
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีขนาดใหญ่ ออกแบบสวยงามน่าใช้ตรงตามแนวคิดโครงการ

    • UPPER CLASS
    • 7.95 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าฝั่งสุขุมวิทตอนปลาย-สมุทรปราการ ชอบโครงการที่ใช้รถก็สะดวกหรือวันไหนไม่ใช้รถก็ได้ ชอบงานศิลปะ คอนเซปต์ชัดเจน ให้ความสำคัญกับส่วนกลางที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ ชอบห้องหน้ากว้าง มีเงินก้อนสำหรับตกแต่งเพิ่มเติม มีงบประมาณระดับ 2.69 – 7 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,000 – 49,000 บาท/เดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Websitewww.thinkofliving.com
    Twitterwww.twitter.com/thinkofliving
    YouTubewww.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagramwww.instagram.com/thinkofliving
    FacebookThinkofLiving