รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.339 – รีวิวคอนโด The Star Hill เชียงใหม่

14 กันยายน 2017

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1424 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาขึ้นเหนือไปชมโครงการในจังหวัดเชียงใหม่กับ The Star Hill Condo คอนโดตากอากาศ ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองชลประทาน เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังหาคอนโดในเชียงใหม่ไว้เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 บนทำเลที่หลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมืองออกมาสักหน่อย แต่ยังอยู่ในระยะที่เข้าสู่ตัวเมืองและสนามบินเชียงใหม่ได้ง่าย การออกแบบห้องพักเน้นช่องเปิดกว้างๆให้เห็นวิวโดยรอบ มาพร้อม Facility ส่วนกลางแบบจัดเต็ม ซึ่งจะใช้แชร์กับลูกบ้านเพียง 199 ยูนิตเท่านั้น เราไปชมกันค่ะ

Fact @ 8 September 2017

  • The Star Hill Condo (เดอะสตาร์ฮิลล์ คอนโด)
  • Starbuilder ในเครือสนามกอล์ฟ The Stardome
  • MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 199 ยูนิต ร้านค้า 4 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด n/a ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 140 คันคิดเป็น 70%
  • ที่ดินประมาณ 4-0-68 ไร่
  • โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่
  • Studio 32 – 34 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 48 – 60 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 70 – 123 ตร.ม.
  • Duplex 222 – 245 ตร.ม. (เพิ่มที่จอดรถในโฉนดอีก 22 ตร.ม.)
  • Penthouse 244 – 245 ตร.ม. (เพิ่มที่จอดรถในโฉนดอีก 22 ตร.ม.)
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 -5 เมตร
  • ราคา 2.4 – 27 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 81,375 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 80,000 – 112,612 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 053-020-080, 053-020-085, 094-829-5999, 090-324-8998

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 18.773677, 98.951222

แผนที่จากทางโครงการ The Star Hill Condo เป็นคอนโดพักตากอากาศบนถนนเลียบคลองชลประทาน ซึ่งมีตำแหน่งที่ตั้งที่ต่างจากคอนโดพักตากอากาศส่วนใหญ่ของเชียงใหม่ที่มักจะตั้งอยู่ในตัวเมือง ใกล้เซ็นทรัลเฟสติวัล จึงเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังหาคอนโดแต่อยากห่างความวุ่นวายในตัวเมืองออกมาสักหน่อย แต่ไม่ไกลมาก อยู่ในระยะที่ยังสามารถเข้าสู่ตัวเมืองและสนามบินเชียงใหม่ได้ง่าย

ซึ่งจะว่ากันไปแล้ว โครงการนี้เป็นอาคารที่ขออนุญาติก่อสร้างอาคารสูง 8 ชั้นได้ทันก่อนจะออกผังเมืองฉบับปี 2555 ออกมา (อ้างอิงจากผังเมืองเชียงใหม่ 2555) จะเห็นว่าที่ตั้งของโครงการอยู่ในเขตสีเหลือง เป็นที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ซึ่งทำให้พื้นที่รอบๆ หลังจากนี้ไม่สามารถขึ้นอาคารสูงถึง 8 ชั้นได้แล้วค่ะ ความพลุกพล่านของการอยู่อาศัยเลยไม่หนาแน่น เป็นบ้านพักอาศัยหรือพื้นที่โล่งเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญคือเป็นการการันตีว่าจะไม่มีอาคารใหม่ขึ้นมาบังวิวโครงการในอนาคตอย่างแน่นอน

เชียงใหม่ เป็นเมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประเพณีอันสวยงาม ซึ่งในปัจจุบันมีการผสมผสานวัฒนธรรมความเป็นเมืองเก่าอย่างโบราณสถาน ความเป็นชุมชนเมืองท้องถิ่นมาคลุกเคล้ากับวัฒนธรรมสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทำให้เมืองเชียงใหม่นั้นมีสเน่ห์ และเป็นอีกจุดหมายอันดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ใครๆ ก็อยากเดินทางมาสัมผัสกัน  ตัวผังเมืองแสดงให้เห็นถึงความเจริญที่เริ่มจากในกำแพงเมืองซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง จากนั้นก็มีถนนตัดออกไปรอบๆ ทิศแบบใยแมงมุมเสมือนการขยายความเจริญออกสู่ด้านนอก ถัดออกไปจะเจอกับถนนวงแหวนรอบที่ 1 หรือถนน ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง เป็นถนนวงแหวนรอบในสุดใช้เป็นถนนอ้อมเมืองเชียงใหม่ และเป็นเส้นหลักของภาคเหนือซึ่งมาช่วยให้การเดินทางรอบเมืองหรือเชื่อมต่อไปยังจังหวัดอื่นๆสะดวกสบายมากขึ้น เพราะคนจะใช้ถนนเส้นนี้เป็นเส้นหลักวิ่งรอบเมืองก่อนที่จะเข้าตัวเมืองในทิศต่างๆ ค่ะ ส่วนวงแหวนรอบนอกหรือเส้นถนนเลียบคลองชลประทานจะวิ่งล้อมนอกถนนซุปเปอร์ไฮเวย์อีกที

โดยที่ตั้งของโครงการนั้นจะอยู่บน ถนนเลียบคลองชลประทาน ช่วงใกล้ๆ กับวัดร่ำเปิง ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างจังหวัดข้างเคียงและใช้เดินทางเข้าเมืองได้ง่าย จากโครงการถ้าขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะเข้าสู่แหล่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนนิมมานเหมินทร์ หรือในระยะเพียง 4 กิโลกว่าๆ ก็จะเข้าถึงถนนบุญเรืองฤทธิ์ เป็นถนนที่วิ่งรอบตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสำคัญๆ หลายแห่งของเชียงใหม่

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนถนนวงแหวนรอบนอก จึงสามารถใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้สบาย ส่วน การเดินทางแบบไม่ใช่รถนั้นก็ไม่ได้ลำบากนะคะ เพราะมีรถแดง และรถสองแถววิ่งผ่านหน้าโครงการอยู่ตลอด แต่ถ้าเป็นช่วงกลางคืนจะเดินทางยากหน่อย ก็อาศัยเรียกรถ Uber แทนก็ได้ค่ะ เพราะย่านนี้ไม่ได้คึกคักตลอดเวลาเหมือนอย่างคอนโดในตัวเมืองนะคะ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการในระยะที่เดินได้ไม่มีนะคะ จากโครงการจะต้องต่อรถหรือขับรถไปสักหน่อย แต่ก็พอเห็นร้านอาหารรายทางที่ตั้งบนถนนเส้นนี้อยู่บ้าง อย่างวันที่ไปสำรวจก็เจอร้านอร่อยอย่าง ข้าวเกรียบปากหม้อต้มยำ และร้านกาแฟชิคๆ อย่าง เมากาแฟ เป็นต้น

ถ้าซูมออกมาดูในภาพรวมของทำเลจะเห็นว่าความอุดมสมบูรณ์อย่างห้างสรรพสินค้าและ Hypermarket จะเรียงรายกันอยู่บน ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ จะมีห้างฯ อย่าง Maya ที่ภายในมีริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ตก็จะขายของสดที่เป็นแนวคัดเกรดมาแล้ว รวมถึงของนำเข้าต่างๆด้วย ดังนั้นบริเวณนี้เลยมีชาวต่างชาติมาเดินกันเยอะ ถัดมาเป็น Central Festival และยังมีแหล่งช้อปปิ้งอีกหลายแห่งเรียงต่อๆ กันไป ทั้ง Big C Extra, Index Living Mall, และ Makro โรงพยาบาล กรุงเทพ แหล่ง Shopping ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ยังมี Promenada และ Big C อีกสาขาที่อยู่บริเวณจุดตัดกับถนนมหิดลด้วย

dcondo nim_แผนที่ในตัวเมือง

ถ้ามองหาแหล่ง Hang Out เด่นๆ ใกล้กับโครงการคงหนีไม่พ้นบนเส้นนิมมานฯ ที่รวมเหล่าบรรดาร้านอาหารขึ้นชื่อต่างๆ ที่ต้องไม่พลาดหากมาเที่ยวเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่แถบนี้จะรองรับนักท่องเที่ยว แต่ละร้านจึงมักทำรสชาติจะกลางๆ ทานง่าย ไม่ได้ออกไปเป็นแบบเหนือแท้ๆ นะคะ นอกจากนั้นยังมีตลาดวโรรส ตลาดที่คนมักมาซื้อไส้อั่วแคบหมูไปเป็นของฝาก , ถนนคนเดินเชียงใหม่ ,  เชียงใหม่ ไนท์ บาซาร์ และ ถนนคนเดินท่าแพ เป็นต้น

การเดินทางในวันนี้จะเริ่มต้นบริเวณตลาดต้นพยอม บนถนนสุเทพ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่อยู่ใกล้กับโครงการที่สุด มีร้านค้า ร้านอาหาร ให้เลือกช้อปปิ้งกันได้พอสมควร จากตลาดต้นพยอมก็จะเดินทางเข้าสู่โครงการทางถนนเลียบคลองชลประทาน พอเห็นโครงการทางขวามือก็เตรียมกลับรถได้เลย จะมีที่กลับรถอยู่ไม่ไกลจากโครงการ โดยรวมระยะทางประมาณ 4 กม. ค่ะ

บรรยากาศบริเวณตลาดต้นพยอม จะมีร้านขายอาหารอยู่หลายร้าน หลายอย่างให้เลือกทานได้ตั้งแต่เช้าเลย และด้านในซอยจะมีตลาดให้หาซื้อของสดทานกันได้ ไส้อั่วนี่มีอยู่หลายร้านทีเดียว ร้านไหนเด็ดก็มารีวิวกันได้นะคะ เริ่มออกตัวจากบนถนนสุเทพก็ตามป้าย อ. หางดงไปค่ะ

ถึงสี่แยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบคลองชลประทาน ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นทางเข้าตัวเมืองนะคะ

ตรงมาเรื่อยๆ บนถนนเลียบคลองชลฯ บรรยากาศก็จะสงบหน่อย รถไม่ค่อยติด ไม่เหมือนในตัวเมือง ทางซ้ายมีปั๊ม ปตท. เป็นปั๊มที่อยู่ใกล้โครงการเลย เวลาจะขับรถกลับเข้าโครงการก็แวะเติมน้ำมันที่นี่ได้สะดวก

ตรงมาอีกไม่ไกลก็จะเห็นโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือแล้ว อยู่ข้างๆ กันกับโรงแรม B2 Premier นะคะ

พอเห็นโครงการทางขวาแล้ว ก็เตรียมชิดขวาเพื่อกลับรถเลยค่ะ

บริเวณจุดกลับรถที่ใกล้โครงการจะอยู่ตรงกับเทศบาลตำบลสุเทพนะคะ

พอกลับรถแล้วขับมาไม่ไกลก็จะถึงตัวโครงการ The Star Hill Condo แล้วค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ที่ตั้งของโครงการ The Star Hill Condo ตั้งอยู่ติดกับถนนเลียบคลองชลประทาน ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่ราบเชิงเขา ด้านหลังของโครงการทางทิศตะวันตกจะเห็นแนวทิวเขาของดอยสุเทพและดอยคำ วิวของห้องพักในอาคารจะโล่งทุกด้าน ไม่มีอาคารสูงมาบล๊อกวิวโดยมีแต่ละด้านของที่ดินติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันออก – ติดกับถนนเลียบคลองชลประทาน
  • ทิศใต้ – บริเวณด้านหน้าโครงการติดกับโรงแรม B2 Premier สูง 7 ชั้น ด้านในโครงการในส่วนของห้องพักติดกับบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น
  • ทิศตะวันตก –  ติดกับบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น

แปลงที่ดินด้านข้างโครงการทางทิศใต้จะติดกับโรงแรม B2 Premier  7 ชั้น ซึ่งโรงแรมนี้มีหน้ากว้างของที่ดินติดถนนค่อนข้างมากและแปลงที่ดินไม่ลึก ตัวอาคารของโรงแรมจึงเป็นแนวยาวขนานกับถนน ทำให้ความสูงของอาคารนี้ไม่รบกวนวิวของห้องพักส่วนใหญ่ในโครงการที่จัดห้องพักไว้ด้านในค่ะ

ส่วนแปลงที่ดินที่ติดกันทางฝั่งทิศเหนือเป็นพื้นที่โล่ง รอการพัฒนา แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการขึ้นอาคารมาบล๊อกวิว เพราะด้วยกฎหมายผังเมืองที่ออกมาใหม่ ทำให้อาคารที่จะขึ้นใหม่ต่อจากนี้ไม่สามารถขึ้นสูงได้เท่ากับ The Star Hill Condo แล้วค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ~ 3.9 กม.
  • ถนนนิมมานต์เหมินทร์ ~ 4.2 กม.
  • กาดสวนแก้ว ~ 4.7 กม.
  • MAYA Lifestyle Shopping Center ~ 4.8 กม.
  • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ~ 4.8 กม.
  • Stardome Golf Club ~ 7.2 กม.
  • เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ~ 9.1 กม.
  • เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ~ 10.4 กม.
  • พระธาตุดอยคำ ~ 10.7 กม.
  • Central Airport Plaza ~ 11.8 กม.
  • สนามบินเชียงใหม่ ~ 12.5 กม.
  • พระธาตุดอยสุเทพ ~ 16.5 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูภาพรวมของโครงการ The Star Hill Condo กันก่อนนะคะ โครงการนี้เป็นคอนโดพักตากอากาศบนถนนเลียบคลองชลประทาน มีความสูง 8 ชั้น แบ่งออกเป็น 2 โซน ด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่มากนักเพียง 199 ยูนิต พร้อมพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม ทำให้ผู้พักอาศัยน่าจะใช้งานกันได้อย่างสบายๆ

สำหรับโครงการนี้จะมีความพิเศษคือ เป็นโครงการในเครือสนามกอล์ฟ The Stardome ทางโครงการจึงมีบริการรับ-ส่งระหว่างโครงการกับสนามกอล์ฟด้วยค่ะ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ซื้อคอนโดในชั้น 1-3 ยังมีสิทธิเข้า Rental Program กับทางโครงการได้ด้วย เพื่อให้โครงการนำไปปล่อยเช่าให้กับนักกอล์ฟที่มาใช้บริการ ซึ่งจะการันตี Yield อยู่ที่ 5 % ต่อปีค่ะ

Master Plan ของโครงการ The Star Hill Condo ..มาดูในส่วนของพื้นที่รอบอาคารกันก่อน พื้นที่นอกอาคารส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินรถ โดยเป็นทาง One-Way วนรอบอาคาร ถ้าใครเข้ามาส่งลูกบ้านก็จะมี Drop-Off ด้านหน้าให้แวะรับ-ส่งได้สะดวก สำหรับที่จอดรถทางโครงการมีค่อนข้างเยอะ คือมีที่ชั้นใต้ดินและบนชั้น G คิดว่าน่าจะพอเพียงสำหรับโครงการพักตากอากาศ เพราะผู้อยู่อาศัยมักจะไม่ได้อยู่กันเป็นประจำทุกวัน รวมที่จอดรถคิดเป็น 70% ส่วน Lift ของโครงการจะมีทั้งหมด 4 ตัว โซนละ 2 ตัว และ Service Lift อีกโซนละ 2 ตัว มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 50 : 1 ถือว่าแบ่งกันใช้งานกันได้สบายๆ

ส่วนพื้นที่ภายในอาคาร เริ่มจากส่วนที่ติดกับ Drop-Off จะเป็นพื้นที่ต้อนรับประกอบด้วย Reception ซึ่งถ้าลูกบ้านมีแขกมาหาจะสามารถเข้ามานั่งรอบริเวณ Lobby ได้เท่านั้น เพราะพื้นที่พักอาศัยที่ถัดเข้ามาจาก Lobby จะต้องใช้ Bluetooth Access หรือ Finger Scan ถึงจะสามารถผ่านเข้ามาได้ ทำให้พื้นที่ภายในอาคารจะได้รับความปลอดภัยพอสมควรเลยทีเดียว สำหรับชั้น G ของโซน A พื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกจัดเป็นพื้นส่วนกลาง ได้แก่ ห้องสมุด, สนง. นิติฯ, ห้องน้ำ และห้อง Fitness ส่วนโซน B จะเริ่มเป็นห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เลย มีทั้งหมด 17 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องสตูดิโอค่ะ

ทางเข้าโครงการเป็นไม้กระดกเปิดปิดด้วยระบบ Bluetooth Access มี ร.ป.ภ รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและกล้อง CCTV บริเวณป้อมยามทางเข้า – ออกโครงการนะคะ

ด้านข้างป้อมพี่ รปภ. มีจักรยานจอดไว้หลายคัน ลูกบ้านสามารถยืมไปขี่เล่น ขี่ไปซื้อของแถวๆ นี้ได้นะคะ

เข้ามาด้านในโครงการกันแล้ว สองฝั่งทางเดินจะปลูกไม้พุ่มสลับต้นไม้ใหญ่ไว้ตลอดแนวรั้วเลยนะคะ เวลาเข้ามาในโครงการจึงดูร่มรื่นสบายตา

เข้ามาไม่ไกลทางเดินรถจะแยกออกเป็น 2 ทาง คือทางซ้ายจะเป็นทางเข้าจุด Drop-Off เพื่อส่งให้ลูกบ้านเข้าอาคารได้สะดวก หรือถ้าใครขับรถมาเองจะไปที่จอดรถก่อนก็ขับตรงไปอีกนิดเดียว จะมีทางลงที่จอดรถชั้นใต้ดินอยู่ทางซ้าย หรือใครอยู่อาคาร B ก็ขับไปจอดรถด้านหลังโครงการก็ใกล้ดีค่ะ

ทางลงที่จอดรถใต้ดินทำออกมากว้างมากทีเดียว มีทั้งหมด 4 เลน  (ขึ้น 2 เลน ลง 2 เลน) นะคะ

ที่จอดรถชั้นใต้ดินเป็นที่จอดสำหรับรถที่มีความสูงไม่เกิน 2.3 ม. เท่านั้น โดยที่จอดรถรวมทั้งโครงการมีสัดส่วนที่เยอะทีเดียว อยู่ที่ 70% น่าจะพอใช้งานกันแน่นอนนะ

พื้นที่จอดรถที่ทำสีไว้ จะเป็นพื้นที่ที่ออกโฉนดให้กับห้อง Duplex และ ห้อง Penthouse โดยจะให้พื้นที่ห้องละ 22 ตร.ม. ที่สามารถใช้พื้นที่จอดรถ หรือทำเป็นโรงจอดรถส่วนตัวเลยก็ได้นะคะ

ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของโครงการมีอยู่หลายตำแหน่ง เพราะผู้ที่มาพักผ่อนหรือนักท่องเที่ยวที่เชียงใหม่นิยมใช้รถมอเตอร์ไซค์อยู่เหมือนกันนะ จากความคล่องตัวของการขี่มอเตอร์ไซค์ สามารถซอกแซกเส้นทางได้อย่างรวดเร็ว และหาที่จออดรถง่ายกว่ารถยนต์ โดยทางโครงการมีช่องจอดรองรับได้ 33 คันค่ะ

จากชั้นจอดรถจะมีประตูทางเข้าอาคารได้ตั้งแต่ชั้นนี้เลย หรือถ้าใครต้องการขนของก็มี Service Lift ไว้ให้ด้วย ซึ่งทั้งทางเข้าอาคารและ Service Lift จะมีให้ทั้ง 2 โซนเลยนะคะ

ขึ้นมาจากชั้นใต้ดินจะพาไปเดินชมบรรยากาศบริเวณด้านหลังโครงการกันต่อ เดินมาเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นถึงบรรยากาศที่ดูร่มรื่นอยู่ตลอด โดยรอบอาคารจะมีพื้นที่ที่แบ่งช่องไว้เป็นที่จอดรถ ซึ่งจะเป็นที่จอดแบบกลางแจ้งนะคะ

นอกจากที่จอดรถรอบอาคารแบบกลางแจ้งแล้ว ก็จะมีที่จอดรอบอาคารแบบในร่มเช่นกัน ซึ่งจะอยู่ด้านหลังอาคารติดกับโซน B ใครอยู่โซน B จอดแถวนี้ก็เดินสะดวกดีนะ

ทางเข้าอาคารฝั่งโซน B จะมีทางลาดเพื่อให้ขนของได้สะดวก และมีระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Bluetooth Access และ Finger Scan ต้องเป็นผู้อยู่อาศัยเท่านั้นที่จะสามารถเข้าประตูนี้ได้ ส่วนแขกของลูกบ้านต้องเข้าทางด้านหน้าอาคารเท่านั้นค่ะ

เนื่องจากอาคาร B จะเริ่มมีห้องพักตั้งแต่ชั้น G เลย ทำให้แนวต้นไม้รอบโซนนี้จะดูแน่นเป็นพิเศษ เพื่อรักษา Privacy ให้กับห้องพักในชั้นนี้

เงยหน้ามองมุมสูงขึ้นมานิดหนึ่งจะเห็นอาคารแยกเป็น 2 โซนชัดเจน ซึ่งมีพื้นที่ระหว่างอาคารไม่มากเท่าไหร่ มองเห็นกันได้ ทางโครงการจึงออกแบบให้มีต้นไม้อยู่ตรงกลาง เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับห้องพักที่หันระเบียงเข้าหากัน

วนตามทางเดินรถรอบอาคารมาเรื่อยๆ จะมีที่จอดรถข้างอาคารทางฝั่งซ้าย มีช่องจอดรถสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ให้สามารถเข็นรถเข็นเข้าอาคารได้ง่าย จากตรงนี้มองตรงไปก็เป็นทางออกโครงการที่ถนนเลียบคลองชลฯ แล้วค่ะ

พาไปชมรอบอาคารกันแล้ว ก็กลับมาบริเวณ Drop-Off ซึ่งเป็นจุดที่ใช้เพื่อความสะดวกสบายในการรับส่งลูกบ้าน

สำหรับลูกบ้านของโครงการที่ต้องการไปตีกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ The Stardome จะมีบริการรถรับ-ส่งระหว่างสนามกอล์ฟกับคอนโดด้วย

บันไดทางเข้าอาคารมีบางส่วนเป็นทางลาด เพื่อให้สะดวกในการลากกระเป๋าเดินทาง รวมถึงรถ Wheelchair ของคนแก่ คนพิการ ก็สามารถขึ้นได้สะดวก

บรรยากาศด้านในบริเวณ Reception ดูหรูหราด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน และฝ้าเพดานที่สูงเป็นพิเศษแบบ Double Volume

เข้ามาด้านใน Lobby จะมีชุดโซฟาไว้รับรอง บรรยากาศดูโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่ เปิดให้เห็นบรรยากาศด้านนอก

เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยเราจะเริ่มใช้ Bluetooth Access และ Finger Scan ตั้งแต่ประตูตรงนี้ ทำให้ผู้ที่ไม่ใช่ลูกบ้านจะเข้าสู่โซนอื่นไม่ได้ สำหรับแขกของลูกบ้านสามารถใช้ Video Door Phone เพื่อให้ลูกบ้านปลดล็อกประตูให้ได้โดยไม่ต้องเดินลงมารับด้วยนะคะ

เข้ามาด้านในบรรยากาศในอาคารจะได้แสงธรรมชาติมาจากหลังคาโปร่งด้านบน ซึ่งเป็นข้อดีของโครงการที่จะช่วยประหยัดค่าไฟส่วนกลางได้ ห้องแรกที่เจอเลยคือสำนักงานนิติฯ ถัดไปเป็น Lift โซน A ค่ะ

มองขึ้นไปด้านบนจะเห็นช่องแสงบนหลังคาที่ช่วยทำให้ภายในอาคารดูสว่าง แล้วไม่ได้มีแค่ช่องเดียวนะ ในแต่ละโซนจะมีช่องแสง 2 ช่องค่ะ

ถัดจากสำนักงานนิติฯ ไปตามทางเดินจะมีห้องสมุด เป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกส่วนหนึ่งที่โครงการจัดไว้ให้

ห้องสมุดของโครงการเป็นห้อง Indoor มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง สามารถนั่งคุยกับเพื่อนๆ ใช้นั่งทำงานหรือใช้รับแขกได้สบายๆ ไม่ร้อนเพราะเป็นห้องติดแอร์

ภายในจะจัดโซฟาไว้ให้หลายมุม มีโต๊ะเก้าอี้ให้เลือกนั่งหลายแบบ ซึ่งภายในห้องนี้จะมี Wifi ฟรีแบบ Fiber Optic ให้บริการด้วยนะคะ

ถัดไปเป็นสำนักงานขายของโครงการ

ภายในสำนักงานขายจะมีโมเดลภาพรวมของโครงการให้ดู และมีพนักงานขายให้สอบถามรายละเอียดได้ ถ้าใครสนใจอยากชมห้องตัวอย่าง หรืออยากทราบราคาสามารถมาสอบถามได้ที่นี่นะคะ

วนมาด้านข้างสำนักงานนิติฯ อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นตำแหน่งของห้อง Fitness ติดกันเป็นประตูทางเชื่อมออกไปโซน B ค่ะ

ภายในห้อง Fitness ติดตั้งเครื่องออกกำลังกายไว้เยอะมาก ภายใน Fitness ประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกายประมาณ 14 เครื่อง

ฝั่งหนึ่งของห้อง Fitness เป็นผนังกระจก ทำให้เวลาที่ออกกำลังกายจะได้วิวด้านนอกอาคารด้วย

นอกจากเครื่องออกกำลังกายแล้วก็จะมีอุปกรณ์ยกน้ำหนักไว้ให้ด้วย เผื่อใครชอบเล่นกล้ามนะ ^^

ต่อไปก็เอาใจสาวๆ ด้วยลูกบอลโยคะ พร้อมพื้นที่โล่งๆ ให้มาออกกำลังกายกันได้ค่า

ทางเชื่อมระหว่างโซน A กับ โซน B จะตกแต่งด้วยบ่อน้ำ ตรงกลางปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ 2 ต้น ซึ่งบริเวณนี้จะกลายเป็นวิวของห้องพักบางส่วนเช่นกัน

เดินตรงมาอีกนิดหนึ่งจะเป็นประตูทางเข้า-ออก โซน B ซึ่งต้องเป็นลูกบ้านเท่านั้นจึงจะเข้าได้ เพราะต้องใช้ Blutooth Access หรือ Finger Scan อีกทีนะคะ

ชั้น G ภายในโซน B จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น จึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบ ต่างจากที่โซน A จะคึกคักหน่อยแต่ก็มีข้อดีตรงที่อยู่ใกล้ Facilities ส่วนกลางนะคะ

ในส่วนของโถงลิฟต์อาคารจะมีโถงลิฟต์ 2 ลิฟต์ตำแหน่ง แยกไว้โซนละ 2 ตัว อยู่ตรงกลางของแต่ละโซน ซึ่งการจัดตำแหน่งไว้ตรงกลางมีข้อดีที่ทำให้ห้องพักโดยรอบมีระยะห่างจากโถงลิฟท์ไม่มาก บริเวณหน้าลิฟท์จะมีป้ายบอกชั้นติดไว้เรียบร้อย

ภายในลิฟต์สว่างพอสมควรทีเดียว เพราะผนังด้านในตัวลิฟต์เป็นกระจกใส สามารถมองเห็นบรรยากาศภายในอาคารได้ วัสดุภายในลิฟต์เป็นสแตนเลสกรุกระจก ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในลิฟท์ดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด ลิฟต์เป็นแบบไม่ล็อกชั้นสามารถเข้าออกได้หมด ก็ถือเป็นเรื่องปกติของคอนโด Low Rise ส่วนใหญ่นะคะ

ขึ้นมาชั้น 2 เป็นชั้นที่มี Facilities หลักของโครงการ ได้แก่ สระว่ายน้ำและห้องน้ำส่วนกลางที่มีห้อง Steam อยู่ด้านใน ส่วนจำนวนห้องพักต่อชั้นเพิ่มขึ้นเป็น 34 ยูนิต เน้นจัดห้องแบบสตูโอไว้บนชั้นนี้เช่นกัน เพื่อให้สามารถปรับเป็นห้องเช่าแบบโรงแรมได้ง่าย ผังอาคารจัดไว้ดีพอสมควร คือเมื่อออกจากโถงลิฟท์มาจะมีทางเดินเข้าสระว่ายน้ำโดยผ่านห้องพักไม่มากนัก เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยแต่ห้องบนชั้นนี้ก็มีข้อดีที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้มาว่ายน้ำ พักผ่อน ได้สะดวกด้วย

สำหรับเรื่องวิว ห้องพักในชั้นนี้ก็ไม่ได้มีอาคารสูงบล๊อกวิวโดยรอบนะคะ แต่ก็ยังไม่ได้วิวภูเขาในมุมกว้างๆ

มาชมพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 2 กันต่อ

ออกจากลิฟท์มาจะเป็นทางเดินส่วนกลางมีลักษณะเป็นทางเดินวงกลมล้อมรอบคอร์ทตรงกลาง การออกแบบนี้มีข้อดีที่บริเวณทางเดินจะได้ความสว่างจากแสงธรรมชาติที่ส่องลงมาโดยไม่ต้องเปิดไฟเลยทีเดียว แต่ก็มีจุดอ่อนตรงที่เวลาผู้อยู่อาศัยจะเดินไปไหนมาไหนก็เห็นกันหมดทั้งอาคารเลย แล้วเสียงเวลาคุยกันก็ดังไปทั่วๆ เช่นกัน^^

จากหน้าลิฟต์จะพาเดินมาทางซ้าย จะมีห้องน้ำจะแยกห้องชายหญิงเอาไว้ ห้องแรกคือห้องน้ำผู้ชาย ห้องถัดไปคือห้องน้ำผู้หญิงค่ะ

ภายในห้องน้ำจะมีห้อง Steam ขนาดใหญ่ทีเดียว นั่งได้ประมาณ 6 – 8 คน และมีตู้ล็อกเกอร์ไว้ให้มีขนาดพอจะใส่เสื้อผ้า อุปกรณ์เล็กๆน้อยๆได้ค่ะ

นอกจากนั้นก็จะมีอ่างล้างมือพร้อมกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องดูกว้างน่าใช้งาน

อีกฝั่งหนึ่งเป็นโซนของห้องสุขาและห้องอาบน้ำ

ภายในห้องสุขามีขนาดพอใช้งานได้ และมีห้องอาบน้ำเอาไว้สำหรับล้างตัวเวลาว่ายน้ำเสร็จ ผนังด้านหลังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกกันลื่นค่ะ

ออกมาจากห้องน้ำจะพาเดินต่อไปตามทางเดิน เพื่อพาไปชมสระว่ายน้ำ

ทางเข้าสระว่ายน้ำจะอยู่บริเวณทางเชื่อมโซน A และโซน B โดยจะอยู่ทางซ้ายมือ

เข้ามาด้านในโซนแรกเลยคือบริเวณที่ล้างตัวก่อนลงสระ ทำให้ใช้งานสะดวกเข้ามาปุ๊บก็ล้างตัวก่อนเลย

พื้นที่ของสระว่ายน้ำส่วนแรกคือสระเล็กๆ ที่ติดกับน้ำตก บริเวณนี้คือพื้นที่ของสระเด็กมีขนาด 4 x 4 ม. ลึก 45 ซม. มีพื้นที่ด้านข้างให้ผู้ปกครองนั่งดูแลเด็กได้ง่าย

ถัดมาเป็นส่วนของ Jacuzzi ใครที่ไม่ได้อยากว่ายน่ำหนักๆ ก็สามารถมานั่งชมวิวพร้อมนวดตัวด้วย Jacuzzi ก็ชิวไปอีกแบบค่ะ

พื้นที่สระว่ายน้ำหลักจะเป็นสระแบบ Infinite-Edge Pool มีขนาดกว้างยาวประมาณ 7 x 30 ม. จึงสามารถว่ายน้ำทางยาวได้เต็มที่ ใช้ว่ายออกกำลังกายได้เลย ความพิเศษของสระนี้อยู่ที่การเลือกใช้ระะบบบำบัดแบบไอออนไนซ์ คือฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยไอออนทองแดง โดยไออนทองแดงจะไปรวมกับออกซิเจนที่ละลายในน้ำที่ผลิตจากอิเล็กทรอนิกส์ออกซิเดชั่นของแผ่นไทเทเนียม แล้วส่งประจุบวกไปจับกับเยื่อหุ้มเซลล์ของแบคทีเรียที่เป็นประจุลบ ทำให้แบคทีเรียตาย ข้อดีของระบบนี้คือจะมีเพียงออกซิเจนเท่านั้นที่สัมผัสกับผู้ว่ายน้ำ จึงไม่ทำอันตรายต่อผิวหนัง นอกจากนี้ทางโครงการใช้น้ำแร่ในสระ จึงดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ

ต่อไปที่ชั้น 3-4 จะเริ่มเป็นพื้นที่ของห้องพักอาศัยทั้งชั้น โดยมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 31 ยูนิต ในชั้นนี้ก็จะเริ่มมีห้องขนาดใหญ่มากขึ้น เพราะห้องพักในชั้นนี้มีมูลค่ามากขึ้นจากความสูงที่เริ่มพ้นจากบ้าน 2 ชั้นโดยรอบ ทำให้ในห้องพักมองเห็นวิวกว้างๆ แล้ว

ต่อไปเป็นเรื่องของวิว วิวของห้องพักส่วนใหญ่ในชั้น 4-8 ค่อนข้างเปิดโล่งทั้งหมดทุกทิศทาง ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเป็นวิวไหน ถ้าเป็นทิศเหนือก็จะได้วิวโล่งๆ เห็นแนวถนนเลียบคลองชลฯ ที่วิ่งเข้าไปทางตัวเมือง ถ้าทิศใต้จะเป็นวิวของเทือกเขาไกลๆ เพราะหันไปทางพระธาตุดอยคำ ส่วนทางทิศตะวันออกจะหันออกถนนเลียบคลองชลฯ ก็จะเป็นวิวบ้านเรือนและสนามบิน ส่วนตัวชอบวิวทางทิศตะวันตกที่สุด เพราะหันหน้าเข้าเทือกเขาแบบเต็มๆ แต่ก็ต้องแลกมากับแสงแดดที่ร้อนสุดด้วยเช่นกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 5-6 แปลนโดยรวมจะเหมือนกับชั้น 3-4 เลย แต่จะมีการแบ่งห้องให้เป็นห้องขนาดใหญ่มากขึ้น ส่วนเรื่องวิวก็จะคล้ายๆกับชั้น 3-4 เช่นกันค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 7 แปลนโดยรวมจะเหมือนกับชั้น 5-6 เช่นกัน แต่ในชั้นนี้จะมีห้อง Duplex ด้วย ส่วนเรื่องวิวก็จะคล้ายๆกับชั้น 5-6 นะคะ

ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของโครงการ แปลนโดยรวมจะคล้ายกับชั้น 7 แต่ชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางอีกตำแหน่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ Sky Lounge ให้ลูกบ้านขึ้นมาชมวิว นั่งเล่น จัดปาร์ตี้ได้ ส่วนเรื่องวิวเรียกได้ว่าเปิดโล่งทุกด้าน ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบแลเวว่าจะอยากได้วิวแบบไหน

มาชมพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 8 กันต่อเลย

พื้นที่บริเวณ Sky Lounge ถูกจัดไว้หลายแบบมีทั้งพื้นที่แบบ Outdoor และแบบ Indoor

ในส่วนของพื้นที่ Outdoor จะจัดชุดโต๊ะนั่งเล่นไว้เยอะเหมือนกัน ช่วงหน้าหนาวคงน่ามานั่งรับลมเย็นๆ แต่ช่วงหน้าร้อนก็เข้าไปเปิดแอร์นั่งในห้องแบบ Indoor จะดีกว่า

จากพื้นที่ Outdoor ก็มีมุมที่ได้วิวเทือกเขาสวยๆ ดูแล้วผ่อนคลายดีค่ะ

ติดกันเป็น Sky Lounge ที่เป็นแบบ Indoor บรรยากาศภายในจะจัดชุดโซฟาไว้เยอะทีเดียว สามารถนั่งคุยกับเพื่อนๆ หรือใช้รับแขกได้สบายๆ ไม่ร้อนเพราะเป็นห้องติดแอร์ค่ะ

ส่วนที่เป็น Highlight ของห้องนี้คือส่วนที่ถูกออกแบบไว้เป็นหลังคาใส เวลานั่งชมวิวบริเวณนี้จึงได้วิวที่กว้างขึ้นอีก เห็นทั้งเทือกเขาและท้องฟ้าด้านบนด้วย

ติดกันเป็น Facility ส่วนกลางอีกห้องหนึ่งที่ลูกบ้านสามารถขึ้นมาใช้นั่งทานอาหารและชมวิวไปด้วยได้ หรือถ้าอยากจัด Private Party ก็สามารถจองได้อีกเช่นกัน

อุปกรณ์ในห้องนี้ก็จะมีให้ครบทั้งตู้เย็น และเคาน์เตอร์ครัว

ด้านในมีห้องน้ำแยกชายหญิงไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

พาขึ้นมาชมวิวด้านบนของโครงการกันเป็นวิวจากบนชั้น 8 ทางฝั่งทิศใต้ ก็เป็นวิวโล่งๆ ของบ้านพักอาศัยสลับกับพื้นที่สีเขียว ได้วิวแนวเขาที่อยู่ไกลๆ ฝั่งนี้จะหันไปทางพระธาตุดอยคำค่ะ จากภาพจะเห็นตามที่บอกว่าโรงแรม B2 จะไม่ได้บล๊อกวิวห้องพักอาศัยนะคะ เพราะตัวโรงแรมอยู่ด้านหน้าติดถนน ส่วนห้องพักของโครงการ The Star Hill จะถูกจัดไว้ด้านในเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

มาดูวิวทางทิศตะวันตกกันบ้าง ฝั่งนี้จะเห็นเทือกเขาชัดเจนที่สุด เพราะอยู่ใกล้สุด เป็นวิวของเนินเขาและแนวเขาที่อยู่ไกลๆ ตอนเช้าๆ จะเห็นหมอกจากภูเขาได้เลยนะคะ

ส่วนวิวทางทิศเหนือจะโล่งต่อเนื่องมาจากทิศตะวันตกเลยค่ะ ใครชอบห้องทางวิวไหนก็เลือกกันได้เลย ส่วนตัวชอบวิวทิศตะวันตกมากที่สุดแต่ก็ต้องแลกมากับความร้อนจากแสงแดดที่มากสุดเช่นกัน

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบไอออนไนซ์ ขนาด 7 x 30 เมตร ลึก 1.2 -1.8 ม. สระเด็กขนาด 4 x 4 ลึก 0.45 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 14 เครื่อง
  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 50 :  1
  • Service Lift 2 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 140 คันคิดเป็น 70%
  • ระบบ CCTV / Bluetooth Access, Finger Scan


Product Walkthrough

ห้องตัวอย่างของโครงการจะพาไปดู 2 แบบนะคะ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม. (Superior) และแบบห้อง Duplex ขนาด 222 ตร.ม. ซึ่งทางโครงการจะขายแบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยกเว้นแค่ของตกแต่ง เรียกได้ว่าแค่หิ้วกระเป๋ามาก็พร้อมอยู่ได้แล้วค่ะ

ห้องแรกคือห้อง Type 1 Bedroom พื้นที่ห้องขนาด 60 ตร.ม. จัดว่าเป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะแบบที่จะจัดเป็น 2 Bedroom ก็ได้แต่ทางโครงการจัดมาเป็นห้อง 1 Bedroom ทำให้พื้นที่ในแต่ละส่วนค่อนข้างโล่ง วางเฟอร์นิเจอร์ได้สบายๆ และครบทุกฟังก์ชัน เน้นพื้นที่ Living ที่กว้างและเชื่อมต่อกันทั้งส่วนครัว พื้นที่ทานอาหารและบริเวณที่นั่งเล่น ทำให้เกิดบรรยากาศโล่งๆ เชื่อมติดกัน การออกแบบห้องให้ห้องนอนและส่วน Living อยู่ติดกับหน้าต่างทำให้ได้แสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาช่วยให้ห้องดูโปร่ง และเลือกใช้หน้าต่าง ประตู บานใหญ่จึงเห็นวิวภายนอกได้กว้าง จุดอ่อนของห้องแบบนี้จะอยู่ที่ส่วน Pantry ครัวและห้องน้ำ ที่มีตำแหน่งอยู่ด้านในอาคาร ทำให้ต้องพึ่งพาอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ

เริ่มจากประตูหน้าห้องเป็นบานไม้ลามิเนต และ มีระบบ Digital Doorlock ของ Schlage ซึ่งรุ่นนี้มีข้อดีตรงที่สามารถตั้งรหัสเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคนและเลือกเวลาได้ ว่าถ้ารหัสนี้จะเข้าได้เฉพาะเวลานี้ๆ เท่านั้น เช่น อยากให้รหัสของแม่บ้านเข้าได้หลัง 8 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น ก็สามารถตั้งค่าได้ เป็นต้น

เข้ามาภายในห้องจะได้บรรยากาศโปร่งโล่ง เพราะเข้ามาก็เห็นวิวภายนอกได้เลยจากประตูกระจกบานใหญ่ ห้องนี้สูงประมาณ 2.5 ม. ซึ่งห้องจริงก็จะได้ฝ้าหลุม และพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม. ตามแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ

มองกลับมาที่หน้าประตูห้อง ด้านหลังประตูจะมี Door Stop ติดไว้ให้ เพื่อกันไม่ให้ประตูห้องกระแทกกับตู้รองเท้า

ส่วนของตู้เก็บรองเท้า ทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้เป็นตู้ไม้ลามิเนตปิดผิวด้วย High-Gross ภายในตู้แบ่งเป็นชั้นวางรองเท้าไว้ วางได้หลายคู่ทีเดียว ด้านบนของตู้จะติดตั้ง Breaker ไฟของห้องพักไว้นะคะ

มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งของประตูเป็นส่วนของ Pantry ครัว กับพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดก็จะให้มาแบบนี้เลยนะคะ

Pantry ครัวที่ได้เป็นเคาน์เตอร์ครัว Built-in มีขนาด 2.3 x 0.9 ม. วัสดุเป็นโครงไม้ลามิเนตปิดผิวด้วย High-Gross ตัว Top เป็นหินสังเคราะห์มีตู้ลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนส้อม จานชาม ด้านล่างมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ และมีตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ ซึ่งบานพับทั้งหมดจะเป็นแบบ Soft close จึงใช้งานง่ายดีค่ะ

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ได้มาแบบ 3 ช่อง มีครบทั้งพื้นที่เตรียมอาหาร ปรุงอาหาร และซิงค์ล้างจาน โดยรวมมีพื้นที่พอให้วางเครื่องปรุง ส่วนผสม สำหรับปรุงอาหารได้

เตาไฟฟ้าได้แบบ 2 หัวของ Electrolux มาพร้อมกับเครื่องดูดอากาศของยี่ห้อเดียวกัน เป็นระบบที่ต่อท่อออกไปด้านนอกห้อง จึงมีประสิทธิภาพในการดูดควัน กลิ่น ได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนนะคะ

ซิงค์ล้างจาน 1 หลุมที่ให้มา มีขนาดและความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา มาพร้อมตะแกรงสำหรับคว่ำจานให้ด้วย

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ บานพับเป็นแบบ Soft close ทั้งหมดเช่นเดียวกับตู้ด้านล่าง ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของตู้ละ 2 ช่องค่ะ

ถัดมาเป็นโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง จะวางแบบชิดผนังหรือไม่ชิดก็ได้ เพราะมีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ

จากมุมที่โต๊ะทานอาหารก็จะอยู่ในบริเวณเดียวกับโซนนั่งเล่น จึงสามารถนั่งทานอาหารไป ดูทีวีไป คุยกับสมาชิกในบ้านที่อาจจะนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาไปด้วยได้ พื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่หลักสำหรับการพักผ่อน

ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 4 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นมีระยะประมาณ 3.5 เมตร สามารถติดทีวีที่ใหญ่กว่า 60 นิ้วก็ได้หรือจะใช้ขนาดตามเดิมที่โครงการติดตั้งมาให้แล้วก็สะดวกสบายดีค่ะ

หน้าตาของโซฟาที่ให้มาพร้อมห้องมีทั้งโซฟาผ้า และโซฟาหนัง ก็จะวางกันเต็มพื้นที่พอดี

ตู้ลอยด้านล่างทีวีจะ Built-in ให้เป็นเซตเดียวกับโต๊ะเขียนหนังสือเลย เป็นตู้ลิ้นชัก ทำให้มีที่เก็บของและวางของเพิ่มขึ้น

ส่วนของโต๊ะเขียนหนังสือก็มีพื้นที่ให้ใช้งานได้พอสมควร ไม่ใหญ่ไใ่เล็กเกินไปและมีตู้ลิ้นชักด้านล่างให้เก็บของด้วย

อีกส่วนที่คิดว่าทางโครงการออกแบบมาได้เหมาะกับการเป็นคอนโดพักตากอากาศคือ ขนาดของประตูทางออกไประเบียง ที่ให้มาเป็นประตูกระจกบานใหญ่ทำให้เห็นวิวภูเขา ต้นไม้ภายนอก ดูแล้วสบายตาดีค่ะ สำหรับใครที่กังวลเรื่องความร้อนจากแสงแดดภายนอก จะบอกว่าตัวประตูจะไม่ได้รับแดดโดยตรง เพราะมีชายคาในส่วนของพื้นที่ระเบียงช่วยบังแดดไว้ก่อนแล้ว ส่วนตัวกระจกก็เป็นกระจกตัดแสง จึงช่วยลดความร้อนและแสงแดดที่จะผ่านเข้ามาในห้องได้รับหนึ่งเลยค่ะ

รางประตูจะถูกยกมาไว้บนขอบปูนอีกทีหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำฝน หรือน้ำบริเวณระเบียงไหลเข้ามาในพื้นที่พักอาศัยได้

พื้นที่ระเบียงของห้องนี้มีความน่าใช้งาน ด้วยขนาดกว้างถึง 1 x 4.2 ม. ราวกันตกเลือกใช้เป็นกระจกอีกเช่นกัน เราจึงสามารถมองวิวได้อย่างต่อเนื่องไม่มีผนังกันตกหรือราวกันตกมาบังสายตา

ทางโครงการเก็บรายละเอียดของทางระบายน้ำมาดีทีเดียว เซาะร่องไว้ค่อนข้างลึกทำให้น้ำไหลได้สะดวก

กลับเข้ามาในห้องพักอาศัยจะพาไปดูพื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ซึ่งจะแบ่งเป็นพื้นที่ของนอนและห้องน้ำค่ะ

พื้นห้องนอนจะแตกต่างจากห้องนั่งเล่นนะคะ โดยพื้นห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนตหนา 12 มล. พื้นระหว่างทั้ง 2 ห้องถูกจบด้วยตัวจบไม้เรียบร้อยดีนะคะ

ด้านในห้องนอนมีขนาดกว้างพอสมควรและถูกจัดวางFurniture ต่างๆ ไว้ได้ครบ ได้แก่ เตียง 6 ฟุต ซึ่งพอวางเตียงแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ

หน้าต่างของห้องนอนติดตั้งมาให้แบบ Bay Window เป็นบานเดียวเต็มผนัง จึงเป็นเห็นวิวภายนอกได้กว้างเป็นพิเศษ

ส่วนพื้นที่ปลายเตียงมีชั้นวางทีวีที่ Built-in ไว้เรียบร้อยพร้อมตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อน 2 บาน ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบก็จะให้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ

ต่อไปมาดูห้องน้ำกันบ้าง เป็นแบบ Sexy Bath โดยจะจัดอ่างอาบน้ำไว้ติดกับกระจก เป็นการเปิดมุมมองให้เวลานอนแช่อ่างแล้วไม่รู้สึกอึดอัด ได้วิวภายนอก แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวในห้องน้ำก็ติดม่านเพิ่มเอานะคะ ^^

ห้องน้ำจะมีประตูที่สามารถเปิดเข้า – ออกได้ 2 ทางคือจะเข้าจากทางห้องนอนก็ได้ หรือจะเข้าจากทางห้องนั่งเล่นก็ได้

ระหว่างพื้นห้องน้ำจะมีการก่อธรณีประตูสูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆ

ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยและขอบธรณี ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องทั้งหมด แต่พื้นภายในห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องเซรามิก เพื่อช่วยกันลื่นภายใน้ห้องน้ำค่ะ

โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบชิ้นเดียวยี่ห้อ Kohler หรือเทียบเท่า เป็น Set มากับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระยี่ห้อเดียวกันค่ะ โดยรอบโถสุขภัณฑ์มีการเว้นพื้นที่ไว้พอสมควรเพื่อให้สะดวกในการหยิบทิชชู่และสายฉีดชำระ

อ่างล้างหน้าของ Kohler อีกเช่นกัน มีขนาดกว้างทีเดียวและมีความลึกของตัวอ่างพอสมควรจึงใช้งานำด้สะดวก ส่วนด้านล่างอ่างล้างมือเป็นตู้ลิ้นชักไว้เก็บของ พอจะเก็บของใช้ได้นิดหน่อย และอย่าลืมเผื่อพื้นที่ไว้สำหรับซ่อมท่อน้ำหากมีการชำรุดด้วยนะคะ

ก๊อกน้ำแบบแยกน้ำเย็นน้ำร้อนจาก Kohler ดีไซน์ดูสวยดีค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นตำแหน่งของอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวพร้อมฝักบัวและก๊อกน้ำได้ของ Kohler อีกเช่นกัน โดยอ่างอาบน้ำมีขนาด 1.5 x 0.6 ม. ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็พอนั่งแช่น้ำได้ ส่วนที่ชอบคือตำแหน่งของอ่างที่สามารถมองวิวด้านนอกได้ด้วย

นอกจากนี้ก็จะมีส่วนของห้องอาบน้ำที่ทางโครงการแยกไว้เป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดมีมือจับฉากกั้นแนวนอนที่สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้

โครงการมีการเก็บรายละเอียดตามรอบต่อได้เรียบร้อยดี เช่น มีการติดขอบยางที่ประตูกั้นอาบน้ำเพื่อไม่ให้ขอบประตูชนกับผนังค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 0.8 x 1.25 เมตร เป็นระยะที่สามารถใช้งานได้จริง ไม่กว้างและแคบจนเกินไป

แต่น่าเสียดายอยู่นิดนึงที่พื้นลดระดับน้อยไปหน่อย จึงช่วยกันน้ำออกจากห้องได้ไม่มากนักนะคะ

ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดตั้งฝักบัวและอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อย มีให้ทั้งฝักบัวอาบน้ำและ Rain Shower เลย ด้านข้างมีพื้นที่เว้าเข้าให้เล็กน้อย ถ้าเราจะทำชั้นวางสบู่ แชมพู เพิ่มก็ติดตั้งไว้ตรงส่วนนี้ก็จะเหมาะสมดีค่ะ

หน้าตาของฝักบัว Kohler มีขนาดจับได้ถนัดมือดี มาพร้อมก๊อกเปิดปิดแบบแยกน้ำร้อนน้ำเย็นไว้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องไปติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มแล้วค่ะ

ต่อไปมาดูห้องแบบ Duplex ขนาด 222 ตร.ม. ของโครงการกันต่อ เป็นห้องใหญ่ที่แบ่งออกเป็น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ใหญ่โตเหมือนอยู่บ้านเลยทีเดียว ทั้งโครงการจะมีห้อง Duplex เพียง 5 ห้องเท่านั้น ซึ่งจะได้ที่จอดรถรวมอยู่ในโฉนดอีก 22 ตร.ม. ด้วยค่ะ

เราจะเริ่มจากชั้นที่ 1 ของตัวห้องกันก่อน ชั้นนี้จะเน้นพื้นที่ส่วนกลางเป็นหลักโดยจะจัดพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร และ Pantry ครัว ให้อยู่ในโซนเดียวกัน มีขนาดของพื้นที่ใช้สอยใหญ่ ใช้งานได้สะดวกหรือจะใช้จัดปาร์ตี้เล็กๆ แบบ 8-10 คนก็ได้สบายๆ พื้นที่ตรงนี้มีจุดเด่นตรงบริเวณนั่งเล่นทานอาหารที่ได้ฝ้าเพดาน 5 ม. เป็นแบบ Double Volume ทำให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถมองเห็นจากชั้น 2 ได้ด้วย ให้ความรู้สึกที่มีปฎิสัมพันธ์กันของสมาชิกในบ้านที่สามารถมองเห็นกิจกรรมบริเวณส่วนกลางได้ตลอด ส่วนชั้น 2 จะแบ่งพื้นที่หลักๆ เป็นห้องนอน 2 ห้อง แต่ละห้องได้พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ใช้งานได้สบายๆ

การออกแบบห้องให้ห้องนอนและส่วน Living อยู่ติดกับหน้าต่างทำให้ได้แสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาช่วยให้ห้องดูโปร่ง และเลือกใช้หน้าต่าง ประตู บานใหญ่จึงเห็นวิวภายนอกได้กว้าง จุดอ่อนของห้องแบบนี้จะอยู่ที่ส่วน Pantry ครัวและห้องน้ำ ที่มีตำแหน่งอยู่ด้านในอาคาร ทำให้ต้องพึ่งพาอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ

เปิดเข้ามาภายในห้องจะได้บรรยากาศที่ดูโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่เปิดเห็นวิวภายนอก อย่างห้องนี้เป็นห้องทางทิศตะวันออกหันออกทางดอยสุเทพ จึงได้วิวเขาที่สวยงามแบบนี้ พื้นที่ในส่วนกลางของห้องจะเป็นพื้นที่โล่งเชื่อมต่อกันทั้งโซนนั่งเล่น ทานอาหารและส่วนของ Pantry ครัว จึงใช้งานได้ดีสำหรับเป็นห้องพักตากอากาศ เพราะมีพื้นที่ Living ขนาดใหญ่ให้พักผ่อนร่วมกันในครอบครัว สมาชิกในบ้านจะมานั่งเล่นดูทีวี ทานข้าว ทำอาหารกันในบริเวณนี้ เวลานั่งทานอาหารก็สามารถมองเห็นและพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่นั่งดูทีวี หรือยืนทำอาหารอยู่ในครัวได้

ประตูเป็นบานไม้ลามิเนตพร้อม Digital Door Lock เช่นเดียวกับประตูในห้องแรก และมี Video Door Phone ของ Bticino ที่เชื่อมต่อกับประตูทางเข้าอาคาร เผื่อมีเพื่อนมาหาก็สามารถปลดล๊อกประตูบริเวณ Lobby ได้จาก Video Door Phone บนห้องพักได้เลย

พื้นที่ส่วนแรกที่ถัดเข้ามาจากประตูเป็นส่วนของ Pantry ครัว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ติดกับหน้าต่างหรือระเบียง แต่ก็ได้แสงภายนอกผ่านทางพื้นที่นั่งเล่นเข้ามาเต็มๆ สเปคของวัสดุต่างๆ จะคล้ายกับห้องแบบแรกแต่พื้นที่ใช้สอยของครัวในห้องนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ได้เคาน์เตอร์ที่กว้างขึ้นและได้เคาน์เตอร์แบบ Island เพิ่มขึ้นมาด้วย ส่วนหน้าบานตู้จะเพิ่มความหรูด้วยลวดลายของ High-Gross ที่ปิดผิวเคาน์เตอร์ค่ะ

ส่วนที่ต่างจากห้องแรกคือเตาไฟฟ้าของห้อง Type นี้ได้เพิ่มมาเป็น 4 หัว ส่วนซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำจาก Kohler ได้มาเป็น 2 ช่อง ทำให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น รองรับจำนวนสมาชิกในบ้านที่เพิ่มขึ้น

 

เคาน์เตอร์ Island ที่ให้เพิ่มมาจะมีฟังก์ชันเป็นลิ้นชักเก็บของ 3 ชั้น และตู้เปิดปิดสำหรับใส่ของใช้ต่างๆ ในครัว ซึ่งตัวเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นกันจึงสะดวกในการใช้งานค่ะ

ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่น ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างอีกเช่นกัน รวมถึงวัสดุตกแต่งผนังก็จะได้ตามในห้องตัวอย่างพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย เรียกว่าครบถ้วน ซื้อแล้วพร้อมพักตากอากาศได้เลย

ในโซนนั่งเล่นทางโครงการจะติดตั้งทีวีขนาด 55 นิ้วมาให้ ซึ่งจริงๆ แล้วระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 3 เมตร สามารถวางทีวีที่ขนาดใหญ่ขึ้นได้ถึง 60 นิ้ว ก็ยังอยู่ในระยะที่เหมาะสมค่ะ

ส่วนชุดโซฟาที่ได้ จะเป็นชุดโซฟาผ้าขนาด 5 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ถ้าบ้านไหนมีสมาชิกเยอะกว่านี้ก็สามารถหาซื้อสตูลตัวเล็กๆ มาวางเพิ่มได้

ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ในตำแหน่งที่ติดกับผนังกระจก ทำให้ได้วิวภายนอกแบบเต็มที่ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นกระจกบานใหญ่บานเดียว แต่ก็ได้กระจกใหญ่เต็มผนัง สูงตั้งแต่พื้นจรดฝ้าเลยนะคะ

แอร์ภายในพื้นที่นั่งเล่นจะได้มาเป็นแอร์แบบฝังฝ้าตามในห้องตัวอย่างเลย

จากพื้นที่ Living มองไปยังพื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งของห้อง จะเป็นตำแหน่งของโต๊ะทานอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับบันไดขึ้นชั้นบน และจะมีทางเดินเข้าไปด้านในที่เชื่อมสู่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องในชั้นนี้ และห้องน้ำส่วนกลางค่ะ

โต๊ะทานอาหารที่ทางโครงการจัดไว้ให้มีขนาด 6 ที่นั่ง ซึ่งก็จะได้โต๊ะและเก้สอี้ตามแบบที่เห็นเลย ด้วยตำแหน่งของโต๊ะที่อยู่ติดกับผนังกระจกบานใหญ่เวลานั่งทานอาหารก็สามารถนั่งชมวิวภายนอกได้

พื้นที่โดยรอบโต๊ะทานอาหาร มีพื้นที่เหลือให้ดึงเก้าอี้ออกมาใช้งานได้อย่างสบายๆ

ติดกับโต๊ะทานอาหารจะเป็นระเบียงของชั้นนี้ ซึ่งให้มาขนาดใหญ่ดีทีเดียว ติดอยู่อย่างหนึ่งว่าระเบียงก็เป็นที่วางของ Condensing Unit เช่นกัน ทำให้พื้นที่ระเบียงนั้นค่อนข้างร้อนลมที่ระบายออกมา

ประตูระเบียงเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดเส้นสักกะหลาดมาไว้เพื่อกันเสียงของ Condensing Unit เข้ามาในห้องพัก ทำให้พื้นที่ Living ได้ความเงียบเหมาะกับการพักผ่อน

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 2.8 x 1.3 ม. เป็นพื้นที่ไห้มายืนรับลม ชมวิว และสามารถวางราวตากผ้าหรือตั้งต้นไม้กระถางได้

กลับเข้ามาภายในห้องจะพาไปชมห้องต่างๆ ตามโถงทางเดินนะคะ เริ่มจากฝั่งขวาเป็นห้องน้ำส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันระหว่างแขกและผู้อยู่อาศัยในห้องนอน 1 ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็นตำแหน่งของห้องนอน 1 และสุดทางเดินคือห้องนอน 2 ค่ะ ดูจากตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคาร ทำให้ต้องอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ แต่ก็ทำให้ห้องนอนได้อยู่ฝั่งที่เห็นวิวภายนอกทั้งหมดค่ะ

ภายในห้องน้ำส่วนกลางแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะได้มาแบบครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรก

พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำจะมีขนาดไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีครบทุกฟังก์ชันทั้งส่วนแห้งและพื้นที่อาบน้ำ

 

ต่อไปมาดู Bedroom 1 กันต่อ ภายในห้องนอนนี้จะได้เตียงขนาด 6 ฟุต พร้อมหัวเตียงเหมือนกับห้องตัวอย่างเลย ส่วนช่องแสงในห้องจะได้กระจกบานใหญ่รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้อย่างเพียงพอและด้วยขนาดบานที่ใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย

พื้นที่ปลายเตียง Built-in ชั้นวางทีวีพร้อมตู้โชว์ไว้ให้ ซึ่งทางโครงการก็จะติดทีวีไว้ให้เรียบร้อยนะคะ

พื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับประตูห้อง ทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้เรียบร้อย เป็นตู้บานเปิด 3 บานพร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง

มาดูที่ห้องนอน 2 กันต่อ ห้องนี้เป็นห้องนอนใหญ่ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างมาก ภายในจัดฟังก์ชันมาได้ครบทั้งห้องน้ำในตัว และแบ่งพื้นที่ Walk-in Closet ไว้อย่างเป็นสัดส่วน

เข้ามาจากประตูห้องจะมีทางแยกไปฝั่งซ้ายเป็นทางเข้าส่วนของ Wlak-in Closet และเป็นทางเดินไปเข้าห้องน้ำ ในส่วนนี้จะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาเต็มพื้นที่แบบในรูปเลย พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งด้านในด้วยค่ะ

สำหรับห้องน้ำได้เป็นแบบ Sexy Bath อีกเช่นกัน ภายในจัดฟังก์ชันไว้ครบถ้วนเหมือนห้องน้ำของแบบแรกเลย คือ มีอ่างอาบน้ำด้วย แต่ห้องนี้จะได้ตำแหน่งที่ดีกว่าคือมีหน้าต่างอยู่ในห้องเลย จึงสามารถเปิดระบายอากาศได้ด้วย

พื้นที่ใช้สอยก็กว้างพอสมควร อาบน้ำพร้อมกัน 2 คนก็ยังสบายๆ เลยนะ อิอิ

ส่วนที่เป็น Highlight ของห้องนี้คือตำแหน่งของอ่างอาบน้ำที่ติดกับกระจก 2 ฝั่ง จะอยู่ติดกับกระจก Sexy Bath เลย สามารถดูวิวได้ 2 ทาง คือผ่านทางหน้าต่างในห้องน้ำเลย หรือมองผ่านห้องนอนออกไปก็ได้

อ่างอาบน้ำได้ของ Kohler ขนาดพอๆ กับอ่างในห้องแบบแรก มาพร้อมฝักบัวและก๊อกน้ำของยี่ห้อเดียวกัน

ต่อไปมาดูส่วนของเตียงนอนบ้าง จะได้เป็นเตียงนอนขนาด 6 ฟุตพร้อมหัวเตียงและ Wall Decoration เหมือนในห้องตัวอย่าง

ด้านในเป็นหน้าต่างบานใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้ ถือเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์คอนโดตากอากาศจริงๆ

สำหรับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ในห้องนี้ที่ได้นอกจากเตียงนอนและโต๊ะหัวเตียง ก็จะมีชั้นวางทีวี ตู้โชว์ และทีวีที่ติดตั้งมาให้เรียบร้อยอีกเช่นกัน

สังเกตุผนังของห้องน้ำถูกออกแบบมาให้เป็นผนังกระจกเฉพาะส่วนของอ่างอาบน้ำ เพื่อให้เป็นวิวที่สวยงามจากห้องนอนด้วยเช่นกัน จึงไม่ได้ทำผนังกระจกทั้งผืนนะคะ

ต่อไปจะพาขึ้นไปชมชั้น 2 ของห้องกันต่อ บันไดทางขึ้นก็จะอยู่บริเวณกลางห้องใกล้กับประตูทางเข้า มีลักษณะเป็นบันไดโปร่งๆ โชว์โครงสร้าง ให้ความรู้สึกที่โปร่งๆ สบายๆ ไม่ทำให้ห้องดูทึบตัน

วัสดุบันไดเป็นไม้ยางพาราประสาน มือจับเป็นแสตนเลส ส่วนระยะและขนาดต่างๆ ให้มาตามมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวกดี

บริเวณบันไดไม่ได้ติดไฟไว้ แต่ก็ค่อนข้างสว่างพอสมควรเพราะได้แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ห้องนอนแรกที่อยู่ติดกับบันไดเลยคือห้องนอน 3

ภายในห้องมีขนาดกว้างขวางมากทีเดียว ขนาดที่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต 2 เตียงได้สบายๆ

ผนังฝั่งที่ติดประตูจะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า Built-in ที่ทางโครงการจะให้มาแบบนี้เลย

พื้นที่ปลายเตียงถูกออกแบบให้มีช่องเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอก เป็นบาน Fix 3 บานและบานกระทุ้ง 1 บาน จากมุมนี้ถ้ามองลงไปด้านล่างจะตรงกับตำแหน่งของพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหารพอดี

ออกมาจากห้องนอน 3 มาดูพื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งบนชั้น 2 หลักๆ จะเป็นพื้นที่ของห้อง Master Bedroom และทางเดินส่วนกลาง

ทางเดินส่วนกลางมีความกว้างมากพอสมควรทีเดียว จึงมีพื้นที่พอสำหรับทำตู้โชว์ด้านข้าง

ถ้ามองผ่านผนังกระจกฝั่งซ้ายลงมา จะเห็นบริเวณห้องนั่งเล่น ทานอาหาร ที่ชั้นล่างได้

ด้านในสุดแนวทางเดินเป็นตำแหน่งของระเบียงบนชั้นนี้ แต่ระเบียงบนชั้นนี้ไม่กว้างนัก พอตั้ง Condensing Unit ตามภาพ ก็จะเป่าลมร้อนออกมาบริเวณระเบียง ทำให้พื้นที่ระเบียงนี้จะร้อนตลอดเวลา จึงไม่เหมาะกับการใช้งานเท่าไหร่ ถ้าจะชมวิวคิดว่ามองผ่านจากห้องนั่ง ห้องนอน จะเหมาะกว่านะคะ

จากระเบียงมองกลับมาที่ทางเดินอีกฝั่งหนึ่ง เป็นทางเดินเข้าห้อง Master Bedroom และห้องน้ำส่วนกลางบนชั้นนี้ ส่วนปลายสุดทางเดินฝั่งนี้จะเป็นประตูทางเข้า-ออกห้องบนชั้น 8 ค่ะ

ห้องนอนสุดท้ายเป็น Master Bedroom ห้องนี้มีความพิเศษที่ได้ผนังกระจก 2 ด้าน ทำให้ห้องดูโล่งมาก มองไปทางไหนก็ได้วิว พื้นที่ใช้สอยภายในห้องจัดมาได้ลงตัว โดยเฉาพส่วนของเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ที่เชื่อมต่อกัน แต่สำหรับคนที่ชอบดูทีวีอาจจะต้องหามาติดเพิ่มเองนะคะ เพราะห้องนี้เน้นชมวิวจริงๆ

วิวด้านข้างเตียง เจอวิวแบบนี้คงนอนไม่อยากลุกเลย นอกจากหน้าต่างบาน Fix แล้ว ก็จะมีบานกระทุ้งด้วยเพื่อไว้เปิดระบายอากาศนะคะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนเป็นตู้เสื้อผ้าที่ถูก Bulit-in เต็มผนังไว้เรียบร้อย และทางเดินเล็กๆ เพื่อเข้าไปในส่วนของโต๊ะเครื่องแป้ง และเป็นทางเข้าห้องน้ำด้วยค่ะ

สำหรับห้องน้ำได้มาเป็นแบบ Sexy Bath ด้วยเช่นกัน ความพิเศษห้องน้ำใน Master Bedroom คือพื้นที่ส่วนเปียกในห้องนี้จะใส่อ่างอาบน้ำเข้าไปด้วย ทำให้สามารถห้องน้ำเป็นสัดส่วนมากขึ้นอีกค่ะ

 

พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำจะแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ด้วยธรณีกั้น ทำให้น้ำจากพื้นที่อาบน้ำไม่ไหลมายังพื้นที่ส่วนแห้ง

วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มาจะได้สเปคเดียวกับห้องน้ำอื่นๆ ก่อนหน้านี้ แต่ส่วนที่ต่างคือ โถสุขภัณฑ์ของห้องนี้ที่จะได้ฝาชักโครกแบบอัตโนมัติ คือแค่เดินเข้ามาใกล้ๆ โถสุขภัณฑ์ก็จะเปิดขึ้นเองค่ะ

ส่วนตำแหน่งของอ่างอาบน้ำจะอยู่ภายในพื้นที่ส่วนเปียก ซึ่งจะได้วิวโล่งๆ ทั้งวิวภายนอกอาคารและวิวภายในห้องนอน

อ่างอาบน้ำของ Kohler ได้รุ่นที่ดูหรูหราขึ้นมาอีกหน่อย พร้อมวัสดุอุปกรณ์ทั้งฝักบัวและก๊อกน้ำของ Kohler อีกเช่นกัน

 

ห้องสุดท้ายของ Type Duplex เป็นห้องน้ำส่วนกลาง ซึ่งจะมีพื้นที่ใช้สอยที่พอดีๆ ไม่ได้กว้างนักแต่ก็ไม่ได้แคบไป ภายในจัดฟังก์ชันครบเหมือนกับห้องน้ำส่วนกลางที่ชั้นล่าง

ภายในมีวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนด้วยสเปคเหมือนกันกับห้องน้ำส่วนกลางที่ชั้นล่าง

หน้าตาของปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ได้ โดยสวิตซ์ไฟได้ตามาตรฐานโครงการค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 8 September 2017

  • Studio 32 – 34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.7 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 48 – 60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 70 – 123 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
  • Duplex 222 – 245 ตร.ม. (เพิ่มที่จอดรถในโฉนดอีก 22 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท
  • Penthouse 244 – 245 ตร.ม. (เพิ่มที่จอดรถในโฉนดอีก 22 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 – 5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปสนามกอล์ฟ Stardome (สำหรับลูกค้าของสนามกอล์ฟ The Stardome ที่มาพักที่นี่)
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 100,000 – 200,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – สำหรับทำเลของคอนโดพักตากอากาศ The Star Hill Condo ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองชลประทาน เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังหาคอนโดไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 อยากหลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมืองออกมาสักหน่อย มีความสงบ ไม่พลุกพล่าน แต่ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก อยู่ในระยะที่ยังสามารถเข้าสู่ตัวเมืองและสนามบินเชียงใหม่ได้สะดวก จากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะเข้าสู่แหล่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนนิมมานเหมินทร์ หรือในระยะเพียง 4 กิโลกว่าๆ ก็จะเข้าถึงถนนวิ่งรอบตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสำคัญๆ หลายแห่งของเชียงใหม่

การเดินทางโดยใช้รถ – ค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนถนนวงแหวนรอบนอก จึงสามารถใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางไปยังที่ต่างๆได้สบาย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ไม่ได้ลำบากนะคะ เพราะมีรถแดง และรถสองแถววิ่งผ่านหน้าโครงการอยู่ตลอด แต่ถ้าเป็นช่วงกลางคืนจะเดินทางยากหน่อย ก็อาศัยเรียกรถ Uber แทนก็ได้ค่ะ เพราะย่านนี้ไม่ได้คึกคักตลอดเวลาเหมือนอย่างคอนโดในตัวเมืองนะคะ

การออกแบบ – โครงการนี้ที่เห็นได้ชัดเลยคือการเน้นใช้ช่องแสงทั้งในพื้นที่ส่วนกลาง และในห้องพักอาศัย ทำให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้ พื้นที่ใช้สอยจึงสว่าง ดูโปร่งและทำให้เห็นวิวภายนอกได้มาก ตัวอาคารมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะในห้อง Duplex ที่มีการใช้ผนังกระจกแบบเต็มผนังในทุกๆ ห้อง เพื่อเน้นรับวิวให้ได้กว้างที่สุด การจัดพื้นที่และการออกแบบวางผังห้องพักเป็นการออกแบบที่เน้นเป็นคอนโดตากอากาศ คือเราจะรู้สึกถึงอารมณ์รีสอร์ทหน่อยๆ เช่นเข้าไปในห้องแล้วห้องน้ำเป็นแบบ Sexy Bath มีอ่างอาบน้ำ มีระเบียงที่ค่อนข้างกว้าง ที่ชอบคือมีการคิดเผื่อเพื่อให้เราในหลายๆ จุด เช่น มีพื้นที่ส่วนกลางด้านบนอย่างห้อง Sky Lounge ทำให้ลูกบ้านที่อยู่ห้องในชั้นล่าง ได้มีพื้นที่สำหรับขึ้นมาชมวิวได้เช่นกัน

วัสดุ – ถือว่าให้ตามมาตรฐานค่อนข้างไปทางดี ทั้งพื้นไม้ลามิเนต พื้นห้องน้ำกระเบื้องแกรนิตโต้และเซรามิค สุขภัณฑ์ของ Kohler เฟอร์นิเจอร์ให้แบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งทีวี, ตู้เย็น, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันของ Electrolux คือหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาก็พร้อมอยู่ได้เลย และยังรักษาความปลอดภัยด้วย Digital Door Lock ของ Schlage และ Video Door Phone ของ Bitcino

สาธารณูปโภค – จัดมาให้เต็มที่มากๆ เรียกได้ว่าให้มาเยอะจริงๆ และน่าจะเพียงพอเพราะจำนวนยูนิตของโครงการมีเพียง 199 ห้องเท่านั้น แบ่งกันใช้ได้สบายๆ โดยจะมีครบทั้งห้องLobby, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำระบบไอออนไนซ์, Jacuzzi, Staem, Sky Lounge, ห้องสำหรับจัด Private Party, ห้องสมุดพร้อม Free Wi-Fi แบบ Fiber Optic แต่ละโซนมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการเท่ากับ 50 : 1 อยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากจำนวนยูนิตห้องไม่เยอะมากนัก ค่าส่วนกลางเก็บอยู่ที่ 50บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ค่อนข้างสูงแต่ก็ต้องคำนึงถึงการดูแลรักษาโครงการในระยะยาว

 

Judgement

เนื่องจากเป็นคอนโดพักตากอากาศ การเลือกซื้อจึงขึ้นกับความพึงพอใจเป็นหลัก ความคุ้มค่าทางการเงินเป็นรอง จึงไม่สามารถให้คะแนนเปรียบเทียบความคุ้มค่าได้ค่ะ

BOTTOM LINE

เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการหาซื้อคอนโดตากอากาศไว้เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 แบบหิ้วกระเป๋าเข้ามาแล้วพร้อมอยู่ได้เลย ไม่ต้องตกแต่งหรือซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ชอบทำเลที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองมาก แต่ก็ยังคงเข้าเมืองได้สะดวก โครงการจัด Facility ส่วนกลางมาแบบเต็มๆ ซึ่งใช้แชร์กับลูกบ้านไม่เยอะเพียง 199 ยูนิต มีงบประมาณตั้งแต่ 2.4 – 27 ล้านบาท